“ใกล้ได้เวลาแล้ว ยังเหลือทางทิศอุดรทางหนึ่ง พวกเราสามคน...” ซ่งชิงหลัวหยุดเอ่ยกลางคันอีกครั้ง
เป้าหมายของฉินอู๋ซวงและเซี่ยโหวอู่ชัดเจนมาก
พวกเขาเป็ชนชั้นสูงที่ใหญ่ที่สุดในนคร ไม่ได้้าหาหญ้าิญญาหรือหยูกยาอะไรในสมรภูมินี้ยากเลยแม้แต่น้อย หาก้าสัตว์ิญญาก็ไปหาเอาโลกภายนอกได้ ดังนั้นก็ไม่จำเป็ต้องเข้าไปเสี่ยงอันตรายเปล่าๆ ในป่าทึบนั่น
กลางสนามรบนี้ ทุกครั้งที่ฆ่าทหารอักขระได้ จะได้รางวัลแห่งหุบเขา ได้รับพลังอักขระอันยืนยาวมา การเพิ่มพูนพลังในรูปแบบนี้สามารถนำออกจากสมรภูมิหุบเขาปัดป้องได้
ดังนั้นสำหรับพวกเขาสองคนแล้ว ก่อนจะถูกศิษย์สำนักหงส์ฟ้าสังหาร ต้องชิงลงมือสังหารทหารปีศาจฝ่ายนั้นให้ได้ก่อน ยิ่งได้รางวัลมากเท่าไร ก็ยิ่งจะเพิ่มพูนผลประโยชน์เป็กอบเป็กำ
มาเพื่อชนะการแข่งขัน?
พวกเขาไม่คำนึงถึงข้อนี้เลยั้แ่แรก
และการเดินไปในเส้นทางตัวคนเดียว ก็ย่อมเป็ทางเลือกที่งดงามที่สุดในการเพิ่มจำนวนสังหารทหารปีศาจ
ซ่งชิงหลัวเองก็พูดด้วยใจคิดคำนวณ
“เ้ากับเสี่ยวจวินเดินไปทางถนนทิศอุดรเถอะ อย่างน้อยก็ยังดูแลกันได้” เ่ิูเอ่ยอย่างไร้ลังเล
“ข้าจะอยู่กับพี่ชิงหยู” เด็กหญิงยู่ปากจนแทบจะแขวนขวดน้ำมันไว้ได้
“ฟังคำข้า ข้าจะไปหาพวกเ้าในเร็ววัน” เ่ิูยกมือดีดหน้าผากเด็กหญิงดังเปาะ
“พี่ชิงหยูน่าเบื่อจริงเลย” นางะโหลบไปอีกทาง
ท้ายสุดพี่สาวน้องสาวก็จากไปด้วยกัน
ในกองบัญชาการทั้งหมด มีเ่ิูเหลืออยู่เพียงผู้เดียว
ทันใดนั้น...
“ข้าศึกจะบุกสมรภูมิในอีกหนึ่งชั่วโมง ทำลายพวกมันให้สิ้นซาก!”
สุรเสียงทรงอำนาจกังวานของจักรพรรดิลัวซู่ดังสะท้อนไปทั่วสมรภูมิอีกครา เสียงประหนึ่งลั่นกลองแห่งา ชวนคนให้เืเดือดพล่าน จิตใฝ่าโผคลั่ง
เ่ิูยืนอยู่หน้าประตูกำแพงทิศอุดร เขาเผยยิ้ม
“รางวัลจากการฆ่าทหารปีศาจแล้วอย่างไร ทรัพย์สมบัติที่ยิ่งใหญ่เป็เอกของสมรภูมิ อยู่ที่พงไพรต่างหาก...เช่นนั้นก็ให้ข้า ปกครองสมรภูมินี้ทีเถอะ!”
กายดั่งสายฟ้าแลบพุ่งหายไปจากกองบัญชาการ
...
...
“เริ่มแล้วๆ การแข่งรอบที่สี่ เริ่มขึ้นแล้วล่ะ!”
“หวังว่าจะมีเื่ให้ข้าปรีดานะ”
“อย่าโดนพวกหงส์ฟ้าทำลายเอาเด็ดขาด!”
“ให้ความหวังพวกเราทีเถอะ!”
กลางลานแสดงยุทธ์ บรรดานักเรียนที่ยืนออกันอยู่หน้ากระจกศิลาพูดอย่างกับอธิษฐานเข้าแล้ว
...
...
“อะไรกันนี่? เ่ิูเลือกไปในพงไพรจริงหรือ?”
กลางศาลาขึ้นฟ้า
เหล่าตัวแทนปีสองและปีสามที่ตกรอบเรียบร้อยมองเห็นภาพจากอักขระ เห็นทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมรภูมิแล้วพลันตกตะลึง
สามสมรภูมิที่ผ่านมา ยังไม่มีใครเลือกเอาพงไพรเป็ที่ลงมือของตนมาก่อน
ถึงแม้ภาพอักขระจะแสดงให้เห็นแค่เค้าการกระทำของฝ่ายตนเองเท่านั้น ไม่อาจเห็นว่าฝ่ายหงส์ฟ้ากำลังทำสิ่งใด ทว่าคนเกือบหมดก็คิดว่าเ่ิูบ้าไปแล้ว
“ต้องกลัวแล้วแน่ๆ เขาต้องกลัวแน่ถึงได้เลือกเข้าไปในพงไพรไพศาล หลบซ่อนไม่ให้พวกหงส์ฟ้าหาเจอ ให้มีชีวิตรอดต่อไปอีกสักพัก” มีคนเสนอความคิดขึ้นมาราวมีหลักการ
“เื่แบบนี้ช่างต่ำทรามนัก...” อีกคนเสริม
“ให้คนแบบนี้เข้าสมรภูมิ เป็ความอัปยศอดสูเสียจริงนะ” หานเซี่ยวเฟยว่าด้วยยิ้มเย็น
“ถูกต้อง เทียบกับสู้จนตัวตายแล้ว การกระทำขลาดาเช่นนี้ต่ำช้าที่สุด” เี๋เี่าก็เอ่ยบ้าง
หวังเยี่ยนเหลือมองคนทั้งสองแวบหนึ่ง นางก็ว่าเสียงเรียบ “ข้าให้เ่ิูเข้าสมรภูมิเอง”
ทั้งสองนิ่งอึ้ง สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จากนั้นก็รีบหุบปากในบัดดล
...
...
ยอดไม้เสียดสลับสูงสิบกว่าเมตร ประหนึ่งฉากกำบังสีเขียวที่บดบังแสงอาทิตย์ ดินแดนใต้อาณัติของยอดไม้ทั้งเย็นเยียบและมืดครึ้ม
เ่ิูก้าวเข้าไปในพงไพรทีละก้าวๆ ด้วยความระมัดระวัง
โขดหินน้อยใหญ่ที่ล้อมรอบนั้น พื้นผิวมีตะไคร่น้ำสีเขียวมรกตประหลาดเกาะอยู่เต็ม ดอกไม้พิษสวยสดทุกชนิดประดับประดาบนพืชผลเน่าเฟะ งดงามและอันตรายถึงชีวิต ทำให้สิ่งแวดล้อม ณ ที่แห่งนี้อัศจรรย์พันลึกยิ่งขึ้นไปอีก
หากมองอย่างละเอียดแล้ว จะพบว่าบนอากาศนั้นมีไอหมอกสีเขียวอ่อนพันรอบอยู่ด้วย นั่นคือหมอกพิษ พิษร้ายแรงบาดลึกไปยันกระแสเื ต่อให้เป็ยอดฝีมือขั้นอาณาน้ำพุิญญา หากสูดดมเข้าไปโดยไม่ตั้งใจ ก็อาจเป็อันตรายถึงชีวิต
ในสมรภูมิหุบเขาปัดป้องนี้ สามลู่ทางแห่งหุบเขาคือความปลอดภัย ทว่าพงไพรไพศาลนี้เล่า กลับเต็มไปด้วยอันตรายทุกย่างก้าว คนมากมายคิดว่ามันคือเขตห้ามย่างกรายเข้าไป หากไม่ถูกต้อนจนมุมจริงๆ ก็ไม่มีใครเฉียดกรายเข้าใกล้พงไพรแน่นอน
ตามคำอภิปรายของอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ พงไพรคือเขตที่พวกเขาแนะนำอย่างสูงมิให้เข้าไป
ทว่าในสมุดเล่มเล็กที่เ่ิูได้มานั้น พงไพรกลับเป็สถานที่ซึ่งมีคุณค่าเป็เอกในสมรภูมิปัดป้อง
นี่ก็เป็สาเหตุหนึ่งที่เขาเลือกจะมาที่แห่งนี้
เขาคิดใคร่ครวญดีแล้ว ว่าฉินอู๋ซวงและอีกสามคน อย่างน้อยก็ยืนหยัดบนถนนสามสายนั้นได้สองวัน แล้วก็ในสองวันนี้เ่ิูก็ไม่จำเป็ต้องไปถ่วงพวกเขา ทำสิ่งที่ตนอยากทำจะดีกว่า
ต้องแข่งกับเวลา ยกระดับพลังของตัวเองให้จงได้
หลังจากนั้นค่อยตรึกตรองเื่เผชิญหน้าสู้ศึก
แยกแยะทิศทางรอบด้านอย่างระวังตน บางครั้งก็ะโขึ้นแมกไม้ไปสุดยอดมองชัยภูมิจากเบื้องบน ที่สุดเ่ิูก็เข้ามาถึงในป่าลึก
จอมยุทธ์ที่เข้าสมรภูมิหุบเขาปัดป้องมาแล้วนั้นจะถูกริบความสามารถในการเหาะ เมื่อเป็เช่นนี้ ทั้งสมรภูมิย่อมกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ในเวลาอันสั้นเพียงนี้ น้อยคนนักจักสามารถเดินไปครบทุกตารางนิ้ว
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา เ่ิูก็หาสถานที่ที่ตน้าเจอจนได้
ระหว่างทางเขาเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่จู่โจมเข้ามา ผ่านการต่อสู้มาหลายครั้ง
ดีที่สัตว์อสูรในสมรภูมิระดับนี้ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมาก เ่ิูรับมือได้โดยมิเสียแรง
นี่คือหุบเขาที่ลุ่ม โอบล้อมด้วยูเาทั้งสี่ด้าน มีน้ำตกใสสะอาดตกมาจากส่วนลึก คลอเคล้ากับเสียงเห่าหอนของหมาป่าอสูร
‘หุบเขาหมาป่าอสูร’
“คนมากมายนึกว่ามีแค่ฆ่าทหารปีศาจเท่านั้นถึงจะได้พลังอันยืนยง แต่กลับไม่รู้เลยว่าฆ่าสัตว์อสูรในพงไพร ก็เพิ่มพูนพลังยืนยงได้เช่นกัน และพูดเฉพาะกายภาพ รางวัล ลมปราณ พลังที่แอบซ่อนในสัตว์อสูรแต่ละตัวมันมากกว่าทหารปีศาจอยู่แล้ว!”
เ่ิูตวัดมือหยิบหอกออกมา ประสานหอกไน่เหอเข้าด้วยกัน เขาถือมันไว้ด้วยสองมือ ย่างก้าวเข้าหุบเขาหมาป่าอสูรไปทีละก้าวๆ
เป็หนึ่งในสิบยอดสัตว์อสูรของสมรภูมิหุบเขาปัดป้อง หุบเขาหมาป่าอสูรเป็ที่กบดานของหมาป่าร้อยเล่ห์ ส่วนมากมักเป็หมาสองหัวไม่ก็สามหัว ความสามารถในการต่อสู้พอจะเหนือกว่าผู้แข็งแกร่งขั้นน้ำพุิญญาบางคนได้ พลังของหมาป่าตัวเดียวไม่น่ากลัว ทว่าหากรวมกลุ่มหลายร้อยตัวแล้วล่ะก็ มากพอจะทำให้ผู้แข็งแกร่งมหาศาลหน้าเปลี่ยนสีเลยล่ะ
ทว่าสิ่งที่เ่ิูต้องทำ ณ บัดนี้ กลับเป็การท้าสู้หมาป่าอสูรกลุ่มนี้
สังหารหมาป่าอสูรฝูงนี้ได้เมื่อไร ก็จักได้รับรางวัลเป็พลังจำนวนมาก
อาจทำให้เ่ิูบุกเบิกน้ำพุตาที่สองได้เสร็จสรรพพอดี สร้างความมั่นคงให้กับเขาในอาณานี้
ขอเพียงได้มาซึ่งอาณานี้เท่านั้น เ่ิูก็จะมีความมั่นใจเผชิญหน้ากับเหล่าอัจฉริยะศิษย์หงส์ฟ้าแล้ว
จิตสังหารปะทะเข้ายอดหน้า
ลมพัดยอดหญ้าพลิ้ว
เพียงพริบตาที่เขาเหยียบเข้าอาณาเขต ก็ถูกเหล่าหมาป่าอสูรชั้นล่างที่ตระเวนรอบด้านพบเข้า
เสียงขู่คำรามโเี้ดังมาจากพุ่มหญ้าเบื้องลึก หมาป่าั์ขนาดเท่าลูกวัวพลันโผล่ออกมา ไอแดงฉานอำมหิตคุกคามเข้ามาตามลมจากหลังหญ้าป่า ยามที่พวกมันอ้าปากเห่าหอน กลิ่นคาวเืชวนวิงเวียนลอยเตะจมูก
หมาป่าั์สองตัวนี้สีดำสนิท ขนประดุจเข็มเหล็ก กรงเล็บคมเหยียบย่ำบนโขดหิน ทิ้งรอยแผลลึกๆ ไว้ให้ชมเป็ขวัญตา
พวกมันเงยหน้าเห่าหอน
สุ้มเสียงสะท้อนไปทั่วหุบเขา
เสียงเห่าหอนราวจะตอบรับดังตามเป็พรวนในฉับพลัน ใกล้เข้ามา ราวกับแม่ทัพใหญ่เรียกรวมพลอย่างไรอย่างนั้น
“ต้องสู้ให้จบโดยไว”
เ่ิูคิดในใจ ทั้งกายประหนึ่งฟ้าแลบบุกตะลุยเข้าไป
“โฮกกกก!”
หมาป่าั์สีดำกระโจนเข้ามาในยามเดียวกัน เล็บแหลมกางออกผ่าอากาศธาตุ กลายเป็มีดลมคมกริบมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ยิงกราดเข้าหาอย่างไม่ปรานี
เ่ิูไม่หลบหนี
หอกไน่เหอสั่นะเืกึงๆๆ ปีกหอกบานสะพรั่ง เสียงโลหะกระทบกันดังชิ้งๆ ดาบลมสีเงินอ่อนแตกสลายในบัดดล
พริบตาต่อมา ไอเย็นเยียบของหอกก็ตลบทั่วน่านฟ้า
ไอนั้นเสียบปากอวลคาวเืของหมาป่าตัวแรก แทงไปถึงลำคอและกระชากออกมา ปลายหอกยังคงทำงาน นำศพหมาป่าตัวแรกที่ยังดิ้นพล่านทิ่มเข้าท้องของหมาป่าตัวที่สอง...
“บรู๋ว...”
หลังเสียงโหยหวน หมาป่าั์สองตัวที่แข็งแกร่งกว่าอาณาพิภพขั้นห้า ตายโหงในทันที
เ่ิูยังไม่ทันหายใจดี สายลมแรงก็จู่โจมเขาจากด้านหลัง
เป็หมาป่าั์สีดำอีกตัวรีบเร่งจะฆ่าเขาให้ตายคามือ
และยามนั้นเองที่ดวงตาแดงฉานดั่งเืคู่แล้วคู่เล่า กว้างไกลสุดสายตา กลิ่นคาวเืของหมาป่าอสูรอบอวล จิตสังหารแรงกล้าราวพายุั์โหมพัดต้นหญ้า
โอกาสฆ่าทบทวี
หมาป่าอสูรเป็พวกประหลาดไม่กลัวความตาย หากถูกยั่วยุเมื่อใด พวกมันจะสงบได้ก็ต่อเมื่อตายแล้วเท่านั้น
เ่ิูรู้อยู่แก่ใจว่าการต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดกำลังจะบังเกิด
ก่อนที่เขาจะตวัดหอกได้ รีบเขยิบออกด้านข้างเล็กน้อยในพริบตา กรงเล็บแหลมคมของหมาป่าเฉียดไหล่เขาไปไม่ถึงเส้นผมดี เด็กหนุ่มใช้มือขวาถือหอก มือซ้ายกำหมัดวาดออกไป
ปัง!
หมาป่าอสูรสีดำถูกพลังหมัดน่ากลัวโจมตี
ทันทีที่เ่ิูถอยหลังออกมาก้าวหนึ่ง หมัดซ้ายแบมือ ฟาดร่างศพหมาป่าที่ยังเสียบอยู่กับหอกกระเด็นออกไป
ท่ามกลางเสียงโหยหวนยามลอยออกไป ชนเข้าไปสองตัวที่กำลังโจนเข้ามา กระดูกหักสะบั้น กลิ้งหลุนลงกองกับพื้น ดิ้นทุรนทุราย
จิตสังหาระเิจากทั่วทิศทาง
หมาป่าอสูรสีดำตัวใหญ่ยิ่งกว่าเดิมประหนึ่งสายฟ้าทะมึน ดาหน้าจู่โจมมาทั่วสารทิศ กางกรงเล็บออก มีดวายุเริงระบำโกลาหล พร้อมจะฉีกเ่ิูเป็ชิ้นๆ
“ไปให้พ้น!”
เ่ิูกำหอกไน่เหอไว้ด้วยสองมือ อากาศธาตุรอบด้านปั่นป่วนส่งเสียงครึกโครมไปสี่ทิศ
หมาป่าอสูรดำถูกฤทธิ์หอกปะทะจนลอยละลิ่วออกไป
ผมดำของเ่ิูปลิดปลิวเริงระบำ จิตมารปะทุดั่งเปลวเพลิง หอกั์ยาวสามเมตรกว่ากลายเป็สายฟ้าสีดำในกำมือ ทั้งทำลายย่อยยับ ทั้งทิ่มแทงไร้ปรานี ดั่งัคะนองน้ำ ทุกที่ที่ฤทธานุภาพแผ่ไปถึง หมาป่าั์จักแตกหักและม้วยมลาย