“ขอเชิญอาจารย์อาไปยังสำนักร้อยบุปผาก่อน เหล่าศิษย์จะช่วยชำระล้างฝุ่นให้ท่าน”
ผู้ดูแลฝ่ายในของสำนักร้อยบุปผากล่าวด้วยท่าทางนอบน้อม ขณะที่เหล่ายอดฝีมืออีกสามสำนักที่เหลือต่างก็โค้งคำนับแบบเต็มพิธีการด้วยความเกรงขาม
พวกเขาเคยได้ยินนามของเยี่ยซิงหานมานานแล้ว ทว่าเมื่อเห็นด้วยตาของตนเองจึงได้ทราบว่านางแข็งแกร่งเพียงใด
“ไม่ต้องรีบร้อน ให้หนิงเทียนได้ลองทดสอบอนุสาวรีย์พฤกษาจิตหยั่งลึกก่อนเถิด”
ก่อนหน้านี้ ตี๋เยี่ยนจวินสร้างชื่อเสียงไปทั่วหล้าและได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่จากสำนักทะยานเวหา ซึ่งเยี่ยหลิงหลาน้าให้หนิงเทียนทดสอบฝีมือบ้าง และแน่นอนว่าสำนักร้อยบุปผาก็สนับสนุนอย่างเต็มกำลัง
ผู้ดูแลขยิบตาให้ซิ่งอวี่เจวียน แล้วบอกให้นางอธิบายหนิงเทียนเกี่ยวกับรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับอนุสาวรีย์พฤกษาจิตหยั่งลึก
“สิ่งที่เ้าต้องคำนึงถึงในยามทดสอบพลังกาย ไม่ว่าจะเป็วิธีออกแรงหรือการใช้กำลัง...”
ซิ่งอวี่เจวียนพาหนิงเทียนไปยังอนุสาวรีย์พฤกษาจิตหยั่งลึกกลางจัตุรัส แล้วอธิบายให้เขาฟังอย่างละเอียดถึงวิธีการบรรลุผลที่ดีที่สุด
ตี๋เยี่ยนจวินจากสำนักทะยานเวหาก็เดินตามมาด้วย ตอนนี้เขาเป็บุคคลโด่งดังในเชื้อสายรากพฤกษาแล้ว ทั้งยังมีความแข็งแกร่งทางกายภาพเหนือกว่าผู้คนทั้งหลาย และอาจกล่าวได้ว่าเป็คนแรกใน่หลายปีที่ผ่านมา
แม้ความมืดจะสลายไปจากร่างของเยี่ยหลิงหลานแล้ว ทว่าทุกคนยังคงไม่สามารถมองเห็นรูปร่างหน้าตาของนางได้อย่างชัดเจน พวกเขาเห็นเพียงเงาร่างพร่ามัวเท่านั้น
บริเวณจัตุรัสมีผู้คนเนืองแน่น โดยรอบมีการถกเถียงกันมากมาย นั่นเพราะพวกเขาล้วนรอชมความสามารถของหนิงเทียน
ในฐานะศิษย์สายตรงของเยี่ยหลิงหลาน ผู้คนนับไม่ถ้วนอิจฉาหนิงเทียนยิ่งนัก แต่ก็เป็การสร้างความกดดันที่มองไม่เห็นให้เขาเช่นกัน เพราะหากผลงานของเขาอยู่ในระดับปานกลาง การดำเนินตามการฝึกฝนของอาจารย์จะไม่เป็ความล้มเหลวหรือ?
อนุสาวรีย์สูงประมาณหนึ่งจั้ง บนพื้นผิวมีลวดลายทางจิติญญากระจายอยู่ทั่ว
เมื่อหนิงเทียนเข้าใกล้ อนุสาวรีย์พฤกษาจิตหยั่งลึกก็ััได้ถึงกลิ่นอายของเขา รูปแบบทางจิติญญาก็สว่างขึ้นบนผิวนอกของอนุสาวรีย์
ซิ่งอวี่เจวียนผู้ยืนอยู่เคียงข้างกล่าวเตือน “จงดึงพลังจากเืเนื้อทั้งหมดในร่างของเ้าออกมาแล้วโจมตีให้แรงที่สุด เ้าจะใช้หมัด ขา หรือการกระแทกร่างกายก็ได้”
หนิงเทียนมองอนุสาวรีย์พฤกษาจิตหยั่งลึก เืในอกเดือดพล่านราวกับอยากทำลายมันให้สิ้นซาก
เขาหันไปทางอาจารย์ เสิ่นซินจู๋ ผู้ดูแลสำนักฝ่ายใน ซิ่งอวี่เจวียน ตี๋เยี่ยนจวิน และคนอื่นๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม จากนั้นเยาเยาก็ถอยออก บงกชสีมรกตปรากฏขึ้น ต้นไม้แห้งเหี่ยวเริ่มแกว่งไกว และพลังศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ก็พุ่งออกจากร่าง
ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลัง กล้ามเนื้อตึงเครียด ทุกส่วนของิัปกคลุมไปด้วยเส้นสีทองซึ่งมีพลังอันน่าสะพรึงกลัว
กายาสุวรรณะนิรันดร์เริ่มเคลื่อนไหว เสริมด้วยยุทธศาสตร์ครอง์ เส้นลมปราณทั้งเก้าในร่างสั่นะเื ธาราคำราม แผนที่จิติญญาทั้งสองนำทางและปลดปล่อยพลังอันน่าเกรงขาม ช่วยให้เขากลืนพลังจากภูผาธาราและอำนาจอันน่าทึ่ง
หนิงเทียนสวมชุดขาดวิ่น ผมยาวสลวยทิ้งตัว กายของเขาราวกับทองคำแท่งที่ลุกไหม้ รูขุมขนทั่วร่างเปิดออก แสงทองอร่ามเปล่งประกาย
เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างใ หนิงเทียนเป็เพียงผู้บำเพ็ญในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสอง แล้วจะมีแรงกดดันที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร?
ความดูถูกที่ซ่อนอยู่ในดวงตาของตี๋เยี่ยนจวินหายไปโดยพลัน ก่อนจะแทนที่ด้วยความใและเหลือเชื่อ
กระดูกทั่วร่างของหนิงเทียนปะทุ พลังศักดิ์สิทธิ์พลุ่งพล่าน เขาปลดปล่อยวิชาทะลวงพันชั้น หมัดขวาซึ่งเปี่ยมด้วยพลังพร่างพราวด้วยแสงสีทอง ก่อนจะพุ่งเข้าใส่อนุสาวรีย์พฤกษาจิตหยั่งลึกเสียงดังปัง!
ลมหมัดคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ห้วงอากาศบิดเบี้ยว
หมัดของหนิงเทียนรุนแรงมากจนแผ่นดินปั่นป่วน เสียงกระทบที่ดังกึกก้องราวฟ้าคำรามสั่นะเืโลก พลันอนุสาวรีย์พฤกษาจิตหยั่งลึกทั้งหมดสว่างไสวขึ้นทันที
แผ่นดินคำราม ทั้งเมืองตื่นตะลึง แรงกระแทกที่อธิบายไม่ได้รุนแรงราวกับแม่น้ำไหลเชี่ยว เป็พลังที่แข็งแกร่งจนไม่อาจหยุดยั้ง
เสาแสงพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินแล้วทะยานสู่ท้องฟ้า สั่นะเืทั้งใต้หล้า
อนุสาวรีย์พฤกษาจิตหยั่งลึกสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง กระตุ้นให้เกิดเสียงสะท้อนของอนุสาวรีย์พฤกษาจิตหยั่งลึกแปดสิบเอ็ดแห่งในดินแดนหยวนซิงที่เสริมสร้างจิติญญาต่อกัน อนุสาวรีย์เสี่ยวอู่และอนุสาวรีย์์ก็ล้วนมีปฏิกิริยา โดยมีร่างของหนิงเทียนปรากฏขึ้นกลางอากาศ
“นะ...นี่...เป็ไปไม่ได้!” ตี๋เยี่ยนจวินส่ายหัวอย่างรุนแรงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ซิ่งอวี่เจวียน เสิ่นซินจู๋ และผู้ดูแลฝ่ายในล้วนโห่ร้องอย่างตื่นเต้น สำนักร้อยบุปผาเต็มไปด้วยความสุขจนแทบคลั่งด้วยความดีใจ
ฉินเสี่ยวเยวี่ยที่เห็นสิ่งเหล่านี้ก็นึกเสียดายอย่างสุดซึ้ง และเสียใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
อนุสาวรีย์พฤกษาจิตหยั่งลึกเปล่งประกายเจิดจ้า โดยชุดตัวเลขที่ปรากฏนั้นยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด
หกหมื่นจิน เจ็ดหมื่นจิน แปดหมื่นจิน...
“โอ้์! แซงหน้าอันดับหนึ่งในอดีตและทำลายสถิติของจื๋อซิวไปแล้ว!”
“ความแข็งแกร่งยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด ดูสิ! เก้าหมื่นจินเข้าไปแล้ว!”
ทั้งเมืองไป่หลิงตกตะลึง แม้กระทั่งผู้าุโของสำนักั์พฤกษาก็ยังะโอย่างบ้าคลั่งด้วยสีหน้าใ
“เก้าหมื่นห้าพัน! ไม่สิ ยังเพิ่มขึ้นอีก โอ้์! อีกนิดจะทะลุขีดจำกัดของหยวนซิวแล้ว เขาจะไปถึงหนึ่งแสนจินหรือไม่?”
ทั้งโลกสั่นะเืและทุกฝ่ายต่างตกตะลึง
ยามนี้ ทุกสำนักที่มีอนุสาวรีย์ ไม่ว่าจะเป็อนุสาวรีย์เสี่ยวอู่หรืออนุสาวรีย์์ต่างก็ตื่นตระหนก นั่นเพราะร่างของหนิงเทียนปรากฏบนอนุสาวรีย์อย่างเด่นชัด
เยี่ยหลิงหลานยิ้มอย่างตื่นเต้น เ้าเด็กผู้นี้เปรียบดังสัตว์ประหลาดที่ฟ้าดินไม่อาจยอมรับได้
“หนึ่งแสนจิน!”
ผู้ดูแลฝ่ายในของสำนักร้อยบุปผากรีดร้องเสียงหลง แล้วหลั่งน้ำตาแห่งความยินดี เสิ่นซินจู๋และซิ่งอวี่เจวียนก็ะโชื่อหนิงเทียนอย่างบ้าคลั่ง
ในยามนั้น จวนหยวนถึงขั้นสั่นะเืและวังดาราก็ตกตะลึง
หลังจากผ่านไปหลายปี ในที่สุดจื๋อซิวก็ได้ให้กำเนิดอสูรที่มีความแข็งแกร่งทางกายภาพหนึ่งแสนจินขึ้นมา นี่เป็เื่ที่อันตรายมาก
ทุกคนต่างรู้ดีว่าพวกเขาไม่สามารถปลุกพลังแห่งสายเืได้ จึงถูกบังคับให้เริ่มต้นเส้นทางของจื๋อซิว ซึ่งจะมีสภาพร่างกายและความสามารถพื้นฐานในระดับปานกลาง
ในแง่ของสมรรถภาพทางกายไม่มีทางเทียบกับหยวนซิวได้ ดังนั้น ความแข็งแกร่งจึงมีจำกัด ผู้ที่สามารถทะลุความแข็งแกร่งห้าหมื่นจินยังหาได้ยากยิ่ง
แต่ยามนี้ความแข็งแกร่งทางกายภาพของหนิงเทียนกลับขึ้นมาถึงหนึ่งแสนจิน แล้วจะไม่ให้ผู้คนแปลกใจได้อย่างไร?
หนิงเทียนชกออกไปพร้อมดวงตาที่เปล่งประกาย เขาจ้องอนุสาวรีย์พฤกษาจิตหยั่งลึก ซึ่งมีร่างหลายร่างปรากฏอยู่บนนั้น
ทุกคนล้วนเป็ผู้โดดเด่นด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพถึงห้าหมื่นจิน ทว่ายิ่งขึ้นไปสูงเท่าใด จำนวนคนก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น
เมื่อความแข็งแกร่งของหนิงเทียนมาถึงแสนจิน รอยแตกร้าวก็ปรากฏขึ้นบนอนุสาวรีย์พฤกษาจิตหยั่งลึก
ทันใดนั้น พลังลึกลับก็พุ่งเข้าปกคลุมร่างของเขา พร้อมด้วยเสียงของอาจารย์ที่ดังก้องในห้วงจิต
“พอแล้ว หากเ้าทำลายอนุสาวรีย์พฤกษาจิตหยั่งลึก เ้าจะถูกจดจำโดยจวนหยวน ซึ่งอาจเป็อันตรายต่อเ้า”
หนิงเทียนตกตะลึงและรีบควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์ของตน โดยรักษาระดับพลังไว้ที่หนึ่งแสนจิน
ในยามนั้น ข้อมูลมากมายไหลเข้าสู่จิตใจของหนิงเทียน ซึ่งถูกส่งมาจากอนุสาวรีย์พฤกษาจิตหยั่งลึก
“อวิ๋นชางเหยี่ยผู้มีความแข็งแกร่งทางกายภาพหนึ่งแสนจิน บุคคลอันดับหนึ่งคนแรกในอนุสาวรีย์เสี่ยวอู่”
ข้อมูลนี้สั้นมาก ทั้งยังไม่เปิดเผยต้นกำเนิดของอวิ๋นชางเหยี่ย หนิงเทียนจึงรู้เพียงว่าเขาเป็ผู้บำเพ็ญหยวนซิว
ซิ่งอวี่เจวียนมองหนิงเทียนแล้วกล่าวอย่างตื่นเต้น “เร็วเข้า! รีบสลักชื่อของเ้าลงบนอนุสาวรีย์พฤกษาจิตหยั่งลึก จากนี้ไปนามของเ้าจะโด่งดังไปทั่วใต้หล้า!”
หนิงเทียนได้ยินเช่นนั้น เขาก็เก็บกำปั้นแล้วเริ่มสลักนามไว้บนอนุสาวรีย์พฤกษาจิตหยั่งลึก
ผ่านไปครู่หนึ่ง อนุสาวรีย์พฤกษาจิตหยั่งลึก อนุสาวรีย์เสี่ยวอู่ และอนุสาวรีย์ดารา์ทั้งหมดก็สั่นะเืพร้อมส่งเสียงคำราม ชื่อและรูปลักษณ์ของหนิงเทียนปรากฏขึ้นทันที
หนิงเทียนและอวิ๋นชางเหยี่ยเทียบเสมอกันในอันดับหนึ่ง ทำให้เกิดความรู้สึกพลุ่งพล่าน
นี่เป็เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ดินแดนหยวนซิงตกตะลึง และผู้ที่มีความสุขที่สุดคือสำนักวั่นจื๋ออย่างไม่ต้องสงสัย
ผลกระทบจากเื่นี้ค่อนข้างใหญ่หลวงนัก เนื่องด้วยเป็การบ่งชี้ว่าอสูรจากเชื้อสายจื๋อซิวกำลังจะปรากฏตัวแล้ว
ก่อนหน้านี้ การสังหารผู้ไร้เทียมทานสองคนจากสำนักชื่อหยวนปังของเยี่ยหลิงหลานก็สร้างเสียงฮือฮาไปทั่วแผ่นดิน แต่เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ของหนิงเทียนแล้ว นี่มีความหมายที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
“ขอแสดงความยินดีกับอาจารย์อาที่รับศิษย์ที่ดีมาได้!”
“ขอแสดงความยินดีกับอาจารย์อาที่ปลูกฝังผู้สืบเชื้อสายจื๋อซิวที่ดี เขาคือยอดศิษย์ที่สร้างชื่อไปทั่วทั้งแผ่นดิน!”
ผู้าุโของสำนักเชียนเฉ่า สำนักทะยานเวหา และสำนักั์พฤกษาต่างชื่นชมยินดี ขณะที่เสิ่นซินจู๋และซิ่งอวี่เจวียนก็รีบวิ่งเข้าหาหนิงเทียนเพื่อแบ่งปันความสุขร่วมกับเขา
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทุกคนบนแผ่นดินล้วนทราบกันอย่างถ้วนทั่ว และสร้างความแตกตื่นให้บรรดาชนชั้นปกครองและสาธารณชน
ทิวทัศน์ของสำนักวั่นจื๋อไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้ทั้งสำนัก์และสำนักกายาต่างอิจฉาตาร้อน
สำนักชื่อหยวนปังทั้งโกรธและเป็กังวล เื่ของเยี่ยซิงหานก็สร้างความปวดหัวมากพอแล้ว ยามนี้ยังมีอสูรน้อยปรากฏตัวขึ้นอีก หากเขาเติบใหญ่ สำนักชื่อหยวนปังจะไม่เสียเปรียบไปมากกว่านี้หรือ?
จวนหยวนเองก็ให้ความสนใจกับเื่นี้เช่นกัน การปรากฏตัวของหนิงเทียนทำให้พวกเขาระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น เนื่องจากจวนหยวนมักดูถูกสำนักจื๋อซิวและไม่สนใจผู้บำเพ็ญจื๋อซิวเลย เพราะความแข็งแกร่งของจื๋อซิวอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น แม้จะมีแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามแห่งปรากฏขึ้น แต่ก็สามารถพบผู้แข็งแกร่งได้เพียงไม่กี่คน
ทว่าวันนี้ หนิงเทียนกลับโดดเด่นขึ้นมาจากเชื้อสายรากพฤกษา ทั้งร่างเปี่ยมไปด้วยพลัง ความแข็งแกร่งมากล้น ในภายภาคหน้าเขาอาจเหนือกว่าเยี่ยซิงหานและเป็อันตรายต่อจวนหยวน ดังนั้น จึงต้องจับตาดูเขาตลอดเวลา
...
ณ จักรวรรดิเชียนซาน
กลางจัตุรัสฝ่ายในของสำนักหานเทียนมีอนุสาวรีย์เสี่ยวอู่ตั้งอยู่
ขณะนี้ ศิษย์ฝ่ายในจำนวนมากกำลังรวมตัวกันหน้าอนุสาวรีย์เสี่ยวอู่ โดยมองร่างที่ปรากฏบนอนุสาวรีย์
“ผู้บำเพ็ญจื๋อซิวทั้งยังมาจากเชื้อสายรากพฤกษา เป็ไปได้อย่างไรที่จะมีร่างกายทรงพลังเช่นนี้?”
“ใช่ เป็ความผิดพลาดของอนุสาวรีย์เสี่ยวอู่หรือไม่?”
“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่เชื่อ! หากมีโอกาส ข้าจะท้าสู้กับคนผู้นี้ มาดูกันว่าเขาจะรักษาชื่อเสียงของตนไว้ได้หรือไม่?”
ร่างงดงามร่างหนึ่งจับจ้องอนุสาวรีย์เสี่ยวอู่ด้วยสีหน้าเศร้าหมองท่ามกลางฝูงชน ใบหน้าของนางเผยให้เห็นสีหน้าแห่งความเหลือเชื่อ
นางคือซูอวิ๋น ศิษย์ฝ่ายในของสำนักหานเทียน ผู้มีร่างเหมันต์ซานหยิน ทั้งยังมีความงดงามมากเสน่ห์ นางได้พบกับโชคชะตาแปลกประหลาดทันทีที่มาถึงสำนัก และได้กลายเป็ศิษย์คนสำคัญ
่สองเดือนที่ผ่านมา ระดับพลังยุทธ์ของซูอวิ๋นเพิ่มขึ้นอย่างมาก ความแข็งแกร่งพุ่งสูง ชื่อเสียงไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งยังเป็ที่หมายปองของชายหนุ่มมากหน้าหลายตา
ทว่ายามนี้นางกำลังหงุดหงิด หดหู่ และโกรธเคือง เมื่อได้รู้ว่าคนที่นางเคยดูแคลน ยามนี้กลับครองอันดับหนึ่งในอนุสาวรีย์เสี่ยวอู่
ชายไร้ประโยชน์ผู้นั้นควรจะตายไปนานแล้ว เขาจะมาอยู่บนอนุสาวรีย์เสี่ยวอู่ได้อย่างไร?
ทว่านางจำรูปร่างหน้าตาของหนิงเทียนได้เป็อย่างดี ไม่มีทางที่จะปลอมแปลงได้ แล้วยามนั้นเขารอดไปได้อย่างไร?
เมื่อกลับมาถึงเรือน เสียงที่คุ้นเคยก็ขัดจังหวะภวังค์ของซูอวิ๋น
“เป็อะไรไปอวิ๋นเอ๋อร์? เหตุใดเ้าถึงอารมณ์ไม่ดี?”
“ท่านแม่ ข้าเพิ่งเห็นเงาภาพหนิงเทียนบนอนุสาวรีย์เสี่ยวอู่...”
“อะไรนะ? เป็ไปไม่ได้! เ้าคนไร้ประโยชน์นั่นตายไปนานแล้ว เ้าจำผิดหรือไม่?”
“ไม่ผิดหรอก เป็เขาจริงๆ”
“เ้าปีศาจนั่น! เห็นได้ชัดว่าเขาเป็ขยะไร้ค่า อนุสาวรีย์เสี่ยวอู่ต้องเกิดข้อผิดพลาดแน่ ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะมีพลังขนาดนั้น”
เ้าเยี่ยนเหมยไม่อาจยอมรับ เป็ไปไม่ได้ที่เ้าขยะที่พวกนางสองแม่ลูกดูแคลนจะมีจุดพลิกผันจนดีขึ้นมาได้ เื่นี้ไม่ควรเกิดขึ้น!
ใบหน้าของซูอวิ๋นมืดมนและกล่าวอย่างขมขื่น “ข้าจะหาคำตอบเื่นี้ให้จงได้ หากเป็เขาจริง ข้าจะไม่ยอมให้เขามีโอกาสคุกคามเรา”
“ใช่ หากเป็เขาเราก็ต้องสังหาร อย่าปล่อยให้เขาส่งผลกระทบต่ออนาคตของเ้า”
...
ตำหนักดาวเหนือ เป็หนึ่งในสามแดนศักดิ์สิทธิ์ของซิงซิว มีตำหนักสาขาสามแห่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นตั้งอยู่ทางตอนเหนือของสันเขากูอวิ๋น
เมื่ออนุสาวรีย์ดารา์สั่นะเื ผู้บำเพ็ญซิงซิวหลายคนก็เร่งเข้าไปดูสิ่งที่เกิดขึ้น
“หนิงเทียนสายรากพฤกษา ทั้งยังมีความแข็งแกร่งหนึ่งแสนจิน! เป็ไปได้อย่างไรกัน?”
ศิษย์ซิงซิวหลายคนประหลาดใจ ในประวัติศาสตร์ของจื๋อซิว ไม่เคยมีกรณีเช่นนี้มาก่อน
ร่างสง่างามร่างหนึ่งจ้องอนุสาวรีย์ดารา์ พร้อมมองดูภาพของหนิงเทียนด้วยความตื่นเต้นในดวงตา
ทั้งสองคนแยกกันที่เมืองเสวียนซาน และไม่ได้ยินข่าวคราวของกันและกันอีกเลย
ตอนนี้หนิงเทียนมีชื่อก้องไปทั่วหล้าแล้ว เช่นนี้จะไม่ให้นางตื่นเต้นและมีความสุขได้อย่างไร?
ทว่าเมื่อนึกถึงความแค้นของหนิงเทียน นางก็ได้แต่ลอบถอนใจ ขอเพียงเขายังอยู่ดีมีสุขก็เพียงพอแล้ว
“ศิษย์น้องิเยวี่ย เ้าเป็อะไรหรือไม่?” ชายหนุ่มรูปงามเข้ามาใกล้ และมองหลิ่วิเยวี่ยด้วยสายตาเร่าร้อน
นางแต่งกายด้วยชุดสีขาวดุจหิมะ กล่าวได้ว่ามีความงามล่มเมืองดุจกล้วยไม้หุบเขาแสนเล่อค่า ดีกว่าดอกโบตั๋นและดอกกุหลาบ ทว่านางกลับเ็าและพูดน้อย ทั้งยังมีความเอ้อระเหยฉายบนใบหน้า ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความเศร้าเสียใจ
“ไม่มีอะไรหรอก แค่ความรู้สึกชั่วครู่”
หลิ่วิเยวี่ยคือชื่อของนางในยามนี้ ส่วนชื่อซูิเยวี่ยก็ได้กลายเป็ความทรงจำไปแล้ว
ย้อนกลับไปในวันนั้น นางได้รับความช่วยเหลือจากยอดฝีมือของวังดารา เมื่อตื่นขึ้นมาก็อยู่ที่นี่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังกลับคืนสู่สภาพเดิม และได้กลายเป็ศิษย์ของผู้บำเพ็ญซิงซิว
เนื่องจากแซ่ฝั่งมารดาของนางคือหลิ่ว ิเยวี่ยจึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อเป็ “หลิ่วิเยวี่ย” เพื่อไม่ต้องเกี่ยวข้องกับตระกูลซูอีกต่อไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้