"เ้ามาเพื่อเตือนข้า"
เยว่อันหนิงมองสบตายี่ซูผ่านกระจกตรงหน้า ทั้งสองสบตากันเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะได้ยินคำตอบต่อมา
"ข้ารู้ว่านักฆ่าบุปผาเบญจมาศไม่เคยทิ้งร่องรอยและไม่เคยมีใครเห็นใบหน้าจนสาวมาถึงตัวได้ แต่เ้าลืมไปแล้วหรือว่าเ้าทิ้งดอกจวี๋ฮวาไว้ในที่เกิดเหตุทุกครั้ง ไม่กลัวคนของกองทัพเขี้ยวหมาป่าจะสืบตัวตนเ้าผ่านดอกไม้นั่นหรือไร"
น้ำเสียงยี่ซูจริงจังฟังดูห่วงใยสหายตรงหน้าเป็อย่างมาก ผิดกับคนที่เป็ต้นเหตุให้ผู้อื่นเป็ห่วงที่ค่อย ๆ เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมมุมปากสีสดที่ยกสูง
นางมิได้ยิ้มหวาน ต้องเรียกว่าแสยะยิ้มแบบมีเล่ห์เหลี่ยมถึงจะถูก
"หากจะสืบจากดอกไม้แห้งเหี่ยวนั่น ต่อให้พวกเขาพลิกแผ่นดินหาคงมิเจอ"
ที่เยว่อันหนิงมั่นใจถึงเพียงนี้เพราะดอกจวี๋ฮวา(ดอกเบญจมาศ) ที่นางใช้ทิ้งไว้บนศพแตกต่างจากดอกจวี๋ฮวาที่ขายตามท้องตลาดทั่วไป
นางลงมือปลูกดอกไม้ชนิดนี้ั้แ่อายุเก้าขวบ เพราะวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะต้องแก้แค้นให้สกุลเยว่ในสักวัน และที่นางเลือกใช้ดอกจวี๋ฮวาเพราะเป็ดอกไม้ที่มารดานางโปรดปรานที่สุด อีกทั้งผู้คนต่างบอกว่าดอกจวี๋ฮวาคือดอกไม้แทนสัจจะ ความซื่อสัตย์และความตาย
เยว่อันหนิงจึงคิดจะใช้ดอกไม้นี้คอยย้ำเตือนตนเองอยู่เสมอว่าจะต้องรักษาสัจจะวาจาที่ให้ไว้ นางต้องล้างแค้นให้ผู้คนสกุลเยว่ที่ล่วงลับเมื่อเก้าปีก่อนในสักวัน
ดอกจวี๋ฮวาที่นางบ่มเพาะมาตลอดแปดปีแตกต่างจากชาวบ้านทั่วไปปลูกเพราะนางใช้น้ำที่ผสมหญ้าสีรุ้งรดทุกวัน ทำให้บนดอกจวี๋ฮวาของนางมีกลิ่นของหญ้าสีรุ้งอบอวลอยู่
ว่ากันว่ากลิ่นของหญ้าชนิดนี้เป็พิษจะทำให้คนที่ดอมดมมีอาการคล้ายเมาสุราและเห็นภาพหลอนที่ก่อขึ้นในจิตใจ หากแต่พอมันแห้งเหี่ยว ฤทธิ์ของพิษหญ้าสีรุ้งก็จะหายไปด้วยแต่ยังทิ้งกลิ่นจาง ๆ ที่ไร้พิษเอาไว้อยู่
"ข้ารู้ว่าเ้ารอบคอบ จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แต่คนทั้งเมืองเทียนติ่งต่างขนานนามแม่ทัพน้อยของกองทัพเขี้ยวหมาป่าว่าฉลาดแสนรู้และเยือกเย็น ข้าอยากให้เ้าระวังตัวไว้สักหน่อย"
"เข้าใจแล้ว"
เป็การตอบรับน้ำใจสหายที่สั้นกระชับ หากแต่คนฟังกลับเบาใจหลายส่วนเพราะนี่คือนิสัยของเยว่อันหนิง
วางตัวเรียบง่าย พูดจาน้อย รอบคอบค่อยลงมือ
"หนิงหนิงหนอหนิงหนิง เมื่อไรเ้าจะยิ้มจากใจได้เฉกเช่นสตรีผู้อื่นกัน นี่ก็เก้าปีแล้วที่ข้าเห็นเ้าเติบโตมาเพียงใบหน้าเดียวเช่นนี้ หากปล่อยวางอดีตได้ ข้าคิดว่าเ้าคงมีความสุข"
หึ! อยากกล่อมให้นางปล่อยวางอดีตงั้นหรือ คงยากเสียแล้ว
นางต้องสูญสิ้นครอบครัวเพียงแค่คืนเดียวไปถึงห้าคน แม้มารดาจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ด้วยแคว้นนั้นห่างไกลและมีการป้องกันเข้มงวด เยว่อันหนิงจึงยังไม่อยากเสี่ยงชิงตัวมารดาออกมา นางรอสักวันที่จัดการล้างแค้นคืนความยุติธรรมให้สกุลเยว่เสร็จค่อยไปรับมารดากลับมาอย่างยิ่งใหญ่
หวังว่ามารดาของนางจะฮึดสู้มีชีวิตอยู่ต่อเพื่อนาง
"หากไม่สามารถลากคนชั่วพวกนั้นมาเซ่นไหว้สุสานบรรพชนข้าได้ ชาตินี้อย่าหวังให้ข้าปล่อยวางลืมแค้นลง"
น้ำเสียงเยว่อันหนิงช่างเยือกเย็นไม่ต่างจากแววตาที่มุ่งอาฆาต
ยี่ซูนึกเสียใจที่เผลอหว่านล้อมสหายรักทั้ง ๆ ที่รู้ว่าความแค้นนี้ใหญ่หลวงสำหรับเยว่อันหนิง
"มา ๆ ข้าช่วยเ้าเก็บข้าวของจำเป็ในการลงเขาครั้งนี้ดีกว่า"
ยี่ซูถอนหายใจเล็กน้อย นางไม่เอ่ยแม้คำขอโทษที่ล่วงเกินสหายทางความคิด ก่อนจะปลีกตัวออกไปยังชั้นเก็บเสื้อผ้า จัดการช่วยเยว่อันหนิงเก็บของใช้ส่วนตัวเงียบ ๆ ส่วนสตรีที่ถูกกระตุ้นให้หวนคิดถึงเื่เ็ปวันนั้น ได้แต่จ้องตัวนางอีกคนในกระจกทองเหลือง
รอยยิ้มหรือ?
จะมีไปไยในเมื่อนางไม่เหลือใครให้เผยยิ้มให้อีกแล้ว
=============
: กองทัพเขี้ยวหมาป่า :
"แน่ใจนะว่าไม่ให้ข้าตามไปด้วย"
เสียนต้วนอี้รั้งเยว่อันหนิงที่เตรียมจะลงเขาเอาไว้ด้วยน้ำเสียงเป็ห่วง
"ยิ่งคนมากงานยิ่งล่าช้า"
สมแล้วที่เป็เยว่อันหนิงปฎิเสธน้ำใจเสียนต้วนอี้ด้วยการอ้างถึงผลลัพธ์ของงาน
"ตาเฒ่าฝูฝากมาให้เ้า"
ยี่ซูยื่นขวดยาสีเข้มให้เยว่อันหนิง
"ยาลืมเลือน?"
เพียงแค่เปิดขวดยานั้นดมกลิ่นดูเยว่อันหนิงก็สามารถเดาได้แล้วว่าเป็ยาอะไร
"เผื่อเ้าเจอกับกองทัพของแม่ทัพน้อยผู้นั้น"
ยี่ซูกระซิบกระซาบเบา ๆ เพราะไม่อยากให้เสียนต้วนอี้ได้ยินแล้วใช้เป็ข้ออ้างลงเขาพร้อมกับสหายรักให้พันแข้งพันขาเล่น
"กลับมาข้าจะแวะไปขอบคุณท่านหมอฝู"
ยี่ซูโคลงศีรษะรับพร้อมคลี่ยิ้มบางให้นาง
"ข้าขอตัว"
มือแน่งน้อยยกขึ้นคำนับลาประมุขกู่เหนียงที่มองนางจากเฉลียงที่พักส่วนกลางลานเขา
"หากมีอะไรให้ช่วยเร่งส่งพิราบหรือสายข่าวพวกเรามาได้ทุกเมื่อ"
เยว่อันหนิงส่งสายตาดุกลับให้เสียนต้วนอี้ แต่ละคำที่ออกจากปากเขามีส่วนไหนแปลเป็มงคลบ้าง ถึงแม้นางจะรับรู้ว่าสหายผู้นี้พูดเพราะห่วงใย แต่เขาเงียบปากไว้จะเป็การสื่อว่าห่วงใยนางได้มากกว่าปากพล่อย ๆ เช่นนั้น