ทุกคนแตกตื่นกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้คนต่างใ กรีดร้อง และวิ่งหนีสิ่งแปลกปลอมนั่น เสียงกรีดร้องจากการโดนมือประหลาดนั่นกระชากจับ ยังคงดังต่อเนื่อง
เ้าวั่งซู ฮวาเฟยฟา เหล่าผู้มีเวทย์ ผู้ฝึกตน มือปราบมาร เหล่าปรมาจารย์ เทพ เซียน ต่างเหาะลงบริเวณลานประลอง ทุกคนยังอยู่ในม่านหมอกต่างมองกันไม่เห็น และบ้างก็ปะทะกับมือมากมายที่โจมตีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
“มนต์สลายม่านหมอก” ฮวาเฟยฟายกมือประสานพร้อมร่ายมนตร์ ไล่ กลุ่มควัน แต่กลุ่มควันนั้นกลับไม่จางลง
“ทำไม มนต์ถึงไมได้ผล หรือว่านี่มันคือ “ม่านดักิญญา” ฮวาเฟยฟาเอ่ยขึ้น
“มันคืออะไร ข้าก็เหนว่ามันเป็กลุ่มควันจากแรงะเิ” เ้าวั่งซูเอ่ยถาม พร้อมงัด พัดสีดำทองแฉกออก เตรียมป้องกัน
“ม่านดักิญญา ไม่ใช่เวทย์แต่เป็อาวุธที่มีลักษณะกลวงเบาเหมือนอากาศไอหมอก แต่จริงๆ แล้วมันคือตาข่ายที่ถูกเหวี่ยงออก เพื่อดักจับทุกสิ่งไว้ สิ่งใดหลงเข้ามาจะมองไม่เห็น เพราะจะถูกพรางตาด้วยม่านหมอก และ หลังจากนั้นจะเดินวนไร้ทางออกและกลายเป็อาหารอันโอชะให้เ้าของตาข่ายหมอกนั้น แต่จริงๆ ไอบรรยากาศนี้น่าจะพบได้ที่เดียวที่ภพุ์
“ตามตำราเล่าว่าภพุ์นั้นดูเหือดแห้งคล้ายฤดูน้ำค้างหมอก ทุกที่มีูเาหินเสียดแทงขึ้นทั้งภพ พร้อมไอม่านหมอกดักิญญานี้ลอยกระจายอยู่ทั่วทั้งภพเป็บรรยากาศหลักที่ครอบทั้งภพ และไอหมอกนี้จะดักจับดวงิญญาที่หลงเข้ามา และดูดกิน กลืนร่าง หรือแม้แต่สูบพลังจักรา” ฮวาเฟยฟาเอ่ย รอบๆ บริเวณตอนนี้มีเสียงผู้คนมากมายเดินหลงอยู่ในม่านหมอก โดนจับกระชาก และกรีดร้องยังดังมาอย่างต่อเนื่อง
“งั้นหมายความว่าพวกเราหลงเข้ามาในกับดักสิ แล้วสิ่งนั้นมันคือตัวอะไร ทำไมถึงมีม่านดักิญญาจากภพุ์มากมายมหาศาลขนาดนี้ วิชานี้มันมาจากไหน แล้วพวกเราจะทำอะไรได้บ้าง” เ้าวั่งซูถาม
“ถ้าใช้ไฟของเ้าจะเผาโดนผู้คน สิ่งที่เก็บกักม่านดักิญญานี้ได้คือ คนโทหินสลักของเทพเสี่ยหม่าผู้ครองจักราศีคนโท ข้าเห็น เค้ามาร่วมงานวันนี้” ฮวาเฟยฟาเอ่ย
สักพักมีแสงหนึ่งลอยเด่นกลางฟ้าทะลุม่านหมอก และ เหมือนแสงนั้นกำลังดูดหมอกเข้าไป
“นั่นไง เค้าคงรู้ตัวละ ว่านี่มันคือ ม่านดักิญญา หรือไม่เค้าก็ได้ยินที่เ้าพูดชื่อเค้า” เ้าวั่งซูพูด ขณะทั้งสองเห็นว่าน่าจะเป็เทพเสี่ยหม่าที่กำลังใช้คนโทประจำตัวดูดกลืนม่านหมอกนี้เข้าไป แต่ม่านหมอกหนามากและถูกปล่อยออกมาเรื่อยฟุ้งกระจายครอบคลุมกินพื้นที่ออกไปครอบบริเวณสำนักเก้าจักยุตกราเรื่อยๆ ดูเหมือนจะไม่ง่ายที่จะคืนสู่สภาพปกติ ม่านหมอกหนาตาเริ่มจางหายแค่บริเวณสนามประลอง ผู้คนในบริเวณนั้นเริ่มเห็นกันและกัน ปรากฏภาพน่าสยดสยองในสายตาทุกคน ศพนอนเกลื่อน บ้างก็หัวขาดแขนขาด เืสาดกระเด็น เต็มสนามและออกไปบริเวณที่นั่ง ผู้คนต่างมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าและกรีดร้อง จากเมื่อชั่วยามที่เป็สนามที่โอ่อ่างดงามเต็มไปด้วยรอยยิ้มผู้คน ตอนนี้บริเวณที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ของสำนักคุ้มภัยเก้าจักยุตกรา กลายเป็เหมือนสมรภูมิรบที่มีศพและกลิ่นคาวเืเกลื่อนกลาดทั่วอาณาบริเวณ
“นี่มัน อะไรกันนี่ มันเป็ใครทำไมถึงคร่าชีวิตมากมายขนาดนี้” เ้าวั่งซูพูด พร้อมกำพัดแน่นด้วยความเจ็บแค้นแทนผู้คนที่ตายเกลื่อนต่อหน้าเต็มไปหมด
“มนต์ลมเพลิง จงมา” เ้าวั่งซูสยายพัดดำทองเปิดออก พร้อมร่ายมนตร์เรียกกระแสลมพัด เพื่อเปิดอาณาบริเวณหมอกในแม้ไม่ได้ผลมาก แต่ก็เพียงพอสำหรับทำให้ทุกคนเห็นสิ่งที่ทำให้เกิดหายนะนี้กลางสนามประลองตรงบริเวณที่ควันกระจายถูกปล่อยออกมาและปรากฏอีกสิ่งจากบริเวณนั้น หนึ่งในบานกระจกแตก และมือมากมายที่โผล่ออกมาจากกระจก แต่พวกมันรีบหดกลับเข้าสู่ความมืดมิดในกระจก ในขณะที่หมอกควันพรางตัวในบริเวณเริ่มจางลง
“นั่นพวกเราดูนั่นสิ นั่นมันกระจก บานไหนที่แตก” เ้าวั่งซูเรียกทุกคนให้หันดู
“ถ้าข้าจำไม่ผิด นั่นคือ กระจกบานที่สี่ กระจกภพุ์” กงซุนต้าเฉียนพูดผ่านผ้าคลุมหน้า
“เป็อย่างเ้าว่า ม่านหมอกหนานี่ถูกปลดปล่อยออกมาจากภพุ์จริงๆ กระจกนี่มีเพียงปรมาจารย์กระจกที่สามารถข้ามไป แต่ การข้ามภพมาของปีศาจแปลกปลอมนั่น มันทำได้ยังงัยไงกัน” เ้าวั่งซูหันหน้าบอกฮวาเฟยฟา
“แล้วกระจกบานที่สี่นั่นมันแตกได้ยังงัย แบบนี้พลังปกป้องหมู่บ้านนี้ก็หมด พวกเราจะเป็อะไรไม๊” มีชาวบ้านแถวนั้นะโแบบขวัญหนีดีฝ่อ
ภายในกระจกที่แตกนั้น มืดมิดอนธการ และแผ่พลังความมืด และชั่วร้ายออกมาอย่างรุนแรงมาก อีกทั้งไอหมอกม่านดักิญญาก็ทยอยหลั่งไหลออกมาไม่หยุด มือทั้งหมดที่เห็นในตอนแรกหดกลับคืนเข้าไปในกระจกทั้งหมด และเงียบนิ่งไป สักพักมีมือหนึ่งยื่นออกมา พร้อมกำศีรษะ และร่างโชกเืออกมา พร้อมเสียงแสยะน่าขยะแขยง
“นี่ไง หนึ่งในผู้กล้าของเ้า ข้าคืนให้ ฮิฮิฮิฮิฮิฮิ!” เสียงน่าขยะแขยงนั่นดังออกมาจากกระจก พร้อมเหวี่ยงซากหนึ่งอาบเืและไร้ซึ่งิญญาออกมา นั่นคือร่างของ เริ่นเสี่ยวเสียน ตัวแทนจากบ้านกระจกภพุ์ หนึ่งในสองคนสุดท้ายของผู้เข้าชิงตราเก้าจักยุตกรา
“นี่เ้าเป็ใคร มาจากไหน เหตุใดจึงข้ามาภพมนุษย์แห่งข้าได้ และทำไมถึงคร่าชีวิตมนุษย์มากมายเช่นนี้ จงเผยตัวตนออกมาซะ” เ้าวั่งซูร้องเรียกะโคุยกับปีศาจที่ซ่อนตัวในกระจก
“แล้ว ซ่านตงตงไปไหน พวกเ้ามีใครเห็นเค้าไม๊” กงซุนต้าเฉียนถามปรมาจารย์คนอื่นที่ยืนเตรียม เข้าปะทะ และ ป้องกันอยู่รายรอบ
“ไม่เห็นข้าไม่เห็นเค้า ั้แ่ที่ส่งบรรดาผู้เข้าแข่งขันเข้ากระจก หลังจากนั้นเค้าก็หายไป” หลินซีซีปรมาจารย์กระจกภพเดรัจฉานตอบ
“หรือว่าเค้าจะโดนปีศาจนั่นกลืนกินไปแล้ว” ฉีเทียนหลงปรมาจารย์กะจกภูติตั้งข้อสงสัย
ในขณะที่ทุกคนกำลังมองหาซ่านตงตงปรมาจารย์กระจกภพุ์ที่แตกอยู่ตรงนี้ มือมากมายก็เริ่มพุ่งตรงออกจากระจกอีกรอบ และคว้าจับผู้คนเข้าไปด้านในกระจก เสียงกรีดร้อง วิ่งหนีเริ่มดังโกลาหลอีกครั้ง
“เ้าดูสิหมอกมันถูกปล่อยไหลออกมาเรื่อยๆ ไม่หยุด”
“ข้าว่าตาข่ายหมอกนี่ขยายตัวไวมาก ดูเหมือนมันจะค่อยๆ ขยายกินบริเวณกว้างทั้งสำนักคุ้มภัยแห่งนี้ ที่นี่คือเกราะกำบังที่ปกป้องหมู่บ้าน และหมู่บ้านนี้คือปราการแรก และสุดท้ายก่อนที่สิ่งชั่วร้ายจะหลุดกระจายออกไป อีกทั้งยอดฝีมือล้วนรวมตัวกันอยู่ที่นี่ มันวางแผนะเิ และโจมตีจากด้านใน และกลืนกินสำนักคุ้มภัยนี้ก่อน เพื่อให้ทุกสิ่งอ่อนแอลง แสดงว่ามันเป็แผนที่วางมาั้แ่ต้น” ฮวาเฟยฟาคาดคะเน
