หลังจากจัดการเื่เข้าพักเรียบร้อยแล้ว อวิ๋นลั่วก็ไปยังห้องพักของตน อูิโยวคว้าตัวเถ้าแก่ไว้แล้วเอ่ยถาม “เมื่อครู่ คนผู้นั้นคือ...”
ชายชรากำลังชั่งน้ำหนักเงินสองตำลึงเงินที่อูิโยวมอบให้ ก่อนเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “แขกเมื่อครู่เป็เพียงคนเดียวที่พักอยู่ห้องชั้นบน เขามาั้แ่หลายวันก่อน จ่ายหนักกว่าเ้าเสียอีก”
อูิโยวยกมุมปากขึ้น “จริงหรือ เหมือนว่าเขาจะไม่ใช่แขกธรรมดา”
ชายชราโบกมือแล้วพูดว่า “ธรรมดาหรือไม่ข้าไม่รู้หรอก แต่คนผู้นี้จะใส่ชุดมิดชิดั้แ่เช้ายันค่ำ มองไม่ออกเลยว่าหน้าตาเป็อย่างไร อีกอย่าง…” ชายชรามองไปโดยรอบด้วยท่าทีลับๆ ล่อๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่จึงกระซิบกระซาบว่า “อีกอย่าง ข้ารู้สึกว่าคนผู้นี้ช่างน่ากลัว ดูไม่มีชีวิตชีวา บนร่างกายก็มักมีกลิ่นแปลกๆ อยู่เสมอ”
เมื่อครู่ตอนที่เดินสวนกัน อูิโยวก็ได้กลิ่นบางอย่างจากคนคนนั้น เป็กลิ่นแปลกๆ อย่างที่เถ้าแก่บอก ไม่ใช่กลิ่นอื่นใดแต่เป็กลิ่นเืผสมปนเปกับกลิ่นอายแห่งความตายรุนแรง
“ที่แปลกกว่านั้นคือตอนกลางวันเขาจะไม่ออกไปไหน ตกกลางคืนจึงจะไป จนถึงเฉินสือจึงกลับมา”
เมื่อมองเห็นท้องฟ้ามืดสลัวด้านนอก อูิโยวจึงเอ่ยกับเถ้าแก่โรงเตี๊ยม “พวกข้าหิวแล้ว ทำอาหารมาส่งที แล้วก็ยกน้ำร้อนขึ้นมาสองถังด้วย”
เถ้าแก่มองเงินก้อนโตที่ถูกยัดใส่มือ ก่อนจะพยักหน้าและเอ่ยตอบ “ได้ ๆ ๆ ท่านลูกค้าไม่ต้องกังวล ข้าจะเตรียมอาหารที่ดีที่สุดในโรงเตี๊ยมมาให้พวกท่านแน่นอน”
เมื่ออีกฝ่ายลงไปยังชั้นล่างแล้ว อูิโยวก็เดินไปเคาะประตูห้องของอวิ๋นลั่ว ไม่นานประตูก็ถูกเปิดจากด้านใน
“มีอะไรหรือ”
อูิโยวเอ่ยด้วยท่าทีกังวล “คืนนี้ระวังตัวให้มากขึ้นหน่อย ข้ารู้สึกว่าโรงเตี๊ยมแห่งนี้มีกลิ่นที่ไม่ชอบมาพากล”
อวิ๋นลั่วหัวเราะเบาๆ “เ้าเกิดปีจออย่างนั้นหรือ จมูกถึงดีเช่นนี้ ตอนนี้กลิ่นของเ้าเองก็ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก”
เมื่อเห็นอูิโยวขมวดคิ้ว อวิ๋นลั่วจึงพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”
ท้องฟ้าด้านนอกมืดมิด ไม่ไกลจากโรงเตี๊ยม มีดวงตาคู่หนึ่งมองมาจากในป่ารก โครงร่างและใบหน้าที่ผอมบางราวกับโครงกระดูกภายใต้เสื้อคลุมสีดำเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา
“ในที่สุดอาหารอันโอชะก็ถูกส่งมาถึงหน้าประตู พวกเ้าดีใจใช่ไหม”
ด้านหลังพลันมีดวงตานับพันคู่ปรากฏขึ้น ดวงตาสีเขียวเ่าั้ปกคลุมทั่วทั้งป่าทึบ...
หลังรับประทานอาหารเย็นเป็ที่เรียบร้อย อูิโยวก็อาบน้ำอุ่นและนอนเอกเขนกอยู่บนเตียง ตอนแรกคิดว่าตนเองน่าจะง่วงจนไม่อยากทำอะไร แต่กลับกลายเป็ว่าขณะนี้กำลังพลิกตัวไปมา นึกถึงบุคคลที่เห็นก่อนหน้านี้จนนอนไม่หลับ เขามีลางสังหรณ์และรู้สึกอยู่ตลอดว่าจะมีเื่ที่ไม่ดีเกิดขึ้น
แอ๊ด... เสียงเปิดประตูดังมาจากชั้นล่าง ตอนนี้เป็เวลาจื่อสือแล้ว ใครกันที่มาดึกดื่นขนาดนี้
“ท่านลูกค้า เหตุใดวันนี้ถึงกลับเร็วนักล่ะขอรับ”
นั่นคือเสียงของเถ้าแก่ ดูเหมือนคนผู้นั้นจะกลับมาแล้ว
ไม่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายเอ่ยตอบอะไร มีเพียงเสียงฝีเท้าเดินขึ้นมายังชั้นบน มุ่งหน้าไปทางห้องด้านในสุด ถัดมาเป็เสียงเปิดและปิดประตู จากนั้นก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ อีก
อูิโยวคิดว่าตนเองคงจะคิดมากเกินไป จึงค่อยๆ เข้าสู่ห้วงนิทรา
ไม่รู้ว่าหลับไปนานเพียงใด อูิโยวก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงลมหายใจอันน่าสยดสยองทางด้านหลัง เขาลืมตาแต่ไม่ได้ขยับตัว ตอนแรกคิดว่าเป็เพียงความฝัน ทว่าหลังจากที่ตื่นความรู้สึกเย็นะเืก็แผ่กระจายชัดเจนขึ้น
เขากลืนน้ำลาย ร่างกายค่อยๆ หดเกร็ง ทันทีที่เสียงพูดดังขึ้นก็กลิ้งตัวหลบลงไปบนพื้น ในขณะเดียวกันก็มีเสียงพึมพำและเสียงของตกกระแทกเตียงอย่างหนัก
“เฉียดฉิว!”
อูิโยวตระหนกจนเหงื่อตก ในห้องยามนี้มืดมิดจนแทบมองไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พลังิญญาในร่างวิ่งพล่าน รัศมีแสงสีเขียวพลันปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ ส่องสว่างให้เห็นบรรยากาศโดยรอบ เมื่อมองบนเตียงก็เป็ไปตามคาด บริเวณที่เขานอนอยู่เมื่อครู่มีรูขนาดใหญ่ หากไม่ได้หลบออกมา รูนั้นคงจะปรากฏบนร่างของตนแทน
มันคือสิ่งใดกัน!
ในตอนที่อูิโยวกำลังสับสนก็ได้ยินเสียงฟู่ๆ ดังขึ้นมาจาก้า เมื่อเงยหน้ามองพลันรู้สึกชาวาบไปทั้งศีรษะ เขาเห็นงูหลามครึ่งมนุษย์กำลังแลบลิ้นหันมาทางเขา ลำตัวหนาและยาวขดอยู่บนคาน หางของมันยกสูง มีมีดเกลียวราวกับสว่านฝังอยู่ที่ส่วนปลาย ส่องสะท้อนภายใต้ประกายแสงสีเขียว รูบนเตียงคงจะเกิดจากหางนี้
แสงสีเขียวในมือของอูิโยวแปรเปลี่ยนเป็เถาวัลย์หลายเถาพุ่งเข้าหางูตัวนั้น แต่จู่ๆ ก็มีเสียงนกหวีดไม้แว่วมาจากด้านนอก ทันใดนั้นงูหลามก็เลื้อยลงมาจากคานอย่างรวดเร็ว เร็วมากจนไม่น่าเชื่อว่าเป็ความเร็วที่งูสามารถทำได้
อูิโยวเข้าใจทันทีว่างูหลามตนนี้ถูกควบคุมโดยเสียงนกหวีดไม้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ความเร็วของมันมากกว่าปกติ ใน่เวลาเดียวกันกับตอนที่เสียงนกหวีดไม้ดังขึ้น เขาก็คาดเดาได้แล้วว่าใครอยู่ด้านนอก เสียงนี้เหมือนกับเสียงที่เคยได้ยินทีู่เาชุ่ยอวิ๋นไม่มีผิดเพี้ยน ต้องเป็คนผู้นั้นอย่างแน่นอน
อูิโยวพังประตูและไล่ตามเสียงนกหวีดไม้ไป งูหลามที่อยู่ข้างหลังก็ไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ ปลายหางที่มีมีดเกลียวแทงทะลุทุกสรรพสิ่งราวกับกลืนหายไปในเหวลึก
ิโยวคิดในใจว่าหางของงูตัวนี้แข็งแกร่งมาก จะให้มันมาถึงตัวไม่ได้เด็ดขาด เพราะหากััโดนตัว กระดูกคงจะหักหลายท่อนหรือไม่ก็อาจถึงขั้นตายได้
เสียงนกหวีดไม้ดังขึ้นอีกครั้ง ตั้งใจที่จะปะทะให้รู้ดำรู้แดงกันไปข้าง แต่อูิโยวไม่อยากเข้าไปพัวพันด้วย แสงสีเขียววงใหญ่พลันปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ จากนั้นกำแพงเถาวัลย์ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า งูหลามที่ตามมาพลันชนเข้า ไม่สามารถทะลุผ่านมาได้ ลำตัวพันติดอยู่กับเถาวัลย์ ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด อูิโยวใช้โอกาสนี้วิ่งไปทางห้องของอวิ๋นลั่วซึ่งอยู่ข้างๆ แต่ก่อนที่จะไปถึงประตู อวิ๋นลั่วก็วิ่งออกมาจากด้านใน เมื่อเห็นเขานางก็ะโขึ้น
“มีงูอยู่ในห้อง!”
อูิโยวไม่อยากบอกเลยจริงๆ ว่าด้านนอกก็มีงูเช่นกัน แต่ไม่พูดก็ไม่ได้หมายความว่าอวิ๋นลั่วจะมองไม่เห็น งูหลามครึ่งคนที่ก่อนหน้าพันอยู่กับเถาวัลย์ตอนนี้หลุดออกมาแล้ว ทำเอานางเกือบเป็ลมเพราะใ
“ไป!”
อูิโยวพาอวิ๋นลั่ววิ่งออกนอกห้อง ทว่าโรงเตี๊ยมใหญ่เช่นนี้กลับไม่มีใครอีกนอกจากพวกเขา เสียงดังเอะอะเช่นนี้ เถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมไม่ได้ยินหรือแกล้งทำเป็ไม่ได้ยินกัน
ทั้งสองไม่มีเวลาให้สนใจเื่อื่น เพราะทันทีที่วิ่งพ้นโรงเตี๊ยมก็ถูกชายในชุดคลุมสีดำขวางทางเอาไว้
อูิโยวถามอวิ๋นลั่วด้วยเสียงแ่เบา “เ้าได้รับาเ็หรือไม่”
อวิ๋นลั่วส่ายหัว “ไม่”
อูิโยวถอนหายใจโล่งอก “ดี! คนผู้นี้รับมือไม่ได้ง่ายๆ ไม่น่าจะใช่คนในดินแดนเจ๋อ”
อวิ๋นลั่วไม่ได้โง่ นางเข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงสิ่งใด
“คนจากจิ่วโยวแทรกซึมเข้ามาจริงๆ สินะ เช่นนั้นสถานการณ์ที่เทือกเขาจู่เสียคงวิกฤตหนักเป็แน่”
อูิโยวได้แต่ทอดถอนหายใจ ในสถานการณ์เช่นนี้อวิ๋นลั่วยังนึกถึงเื่ราวทางเทือกเขาจู่เสียอีกหรือนี่
“หากข้าเดาไม่ผิด คนผู้นี้น่าจะควบคุมสัตว์ิญญาได้ ซึ่งถ้าเป็เช่นนั้นก็คงลำบากแล้วล่ะ!” เหตุการณ์ในขณะนี้ทำให้เขานึกถึงหลิ่วไป๋เจ๋อ หากอีกฝ่ายอยู่คงมีวิธีจัดการอย่างแน่นอน น่าเสียดายที่คนด้านข้างไม่ใช่หลิ่วไป๋เจ๋อผู้สุขุมและเงียบขึมแม้ในสถานการณ์คับขัน ทั้งคุณหนูที่อยู่ข้างกายผู้นี้ก็ไม่ได้สันทัดกับโลกภายนอกเท่าไรนัก
“แล้วต้องทำอย่างไรต่อ!”
ขมับของอูิโยวเต็มไปด้วยเส้นเืปูดโปน แต่ยังคงเอ่ยด้วยท่าทีไม่เปลี่ยนแปลง “เ้าควรวิ่งหนีทันทีที่มีโอกาส”
“แล้วเ้าล่ะ ข้าจะทิ้งเ้าไว้ได้อย่างไร”
“ถ้าเช่นนั้นพวกเรามาสลับกัน ให้เ้าเป็คนจัดการเขาแล้วให้ข้าหนีไหมล่ะ เพราะข้าทิ้งเ้าได้!”
อวิ๋นลั่วเม้มริมฝีปาก เห็นดังนั้นอูิโยวก็พูดไม่ออกอีก
“เอาล่ะคุณหนูอวิ๋น นี่ไม่ใช่เวลามามัวเล่นกันอยู่ หากเ้ายังอยู่ก็จะยิ่งทำให้ข้าเหนื่อย” อูิโยวหยิบถุงผ้าออกมาจากด้านในเสื้อ ยัดมันลงในมือของอวิ๋นลั่วก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ในนี้มีสิ่งที่จำเป็ต่อเ้า จากที่นี่เดินทางไปยังเทือกเขาจู่เสียยังต้องใช้เวลาอีกเจ็ดถึงแปดวัน ดังนั้นเ้าต้องระวังตัวด้วย”
“แต่…”
“แต่อะไร รีบหาจังหวะหนีไปเสีย!”
ไม่ไกลจากตรงนั้น ชายในชุดคลุมสีดำกำลังหัวเราะเยาะทั้งสองคนเสียงดัง “พวกเ้าไม่ต้องกังวลไป คืนนี้เ้าทั้งสองหนีไปไหนไม่ได้หรอก”
อูิโยวยกมุมปากขึ้นแล้วเอ่ยวาจาร้ายกาจ “จริงหรือ ถ้าเช่นนั้นก็มาดูกันว่าเ้าจะมีน้ำยาหรือไม่!”
ทั้งสองถูกล้อมรอบด้วยฝูงงู ยากต่อการขยับเคลื่อนไหว ทว่าจู่ๆ ก็มีเถาวัลย์มาพันรอบเอวของอวิ๋นลั่ว แล้วเหวี่ยงนางออกไปนอกวงล้อมไกลหลายสิบจั้ง[1] คนในชุดคลุมผู้นั้นไม่คาดคิดว่าอูิโยวจะใช้วิธีการเช่นนี้ จึงชะงักไปพักหนึ่ง
“รีบไป!”
อูิโยวะโใส่อวิ๋นลั่ว อีกฝ่ายรู้ดีว่าถ้าไม่ยอมไปก็มีแต่จะเป็ตัวถ่วง ดังนั้นจึงกัดฟัน แล้วหันหลังวิ่งเข้าไปในป่าทึบ จนหายลับไปในที่สุด
คนในชุดคลุมสีดำไม่มีท่าทีร้อนรนสักนิด ยังคงยืนอยู่ที่เดิมและมองไปยังอูิโยวที่อยู่ไม่ไกล
“คิดไม่ถึงว่าเ้าจะเป็คนมีคุณธรรมและช่างเสียสละขนาดนี้ น่าเสียดายที่แม้จะช่วยนางให้รอดพ้นจากวงล้อมนี้ได้ แต่ท้ายที่สุดก็คงต้องตายอยู่ดี ก่อนหน้านี้ข้าได้โรยผงยาลงบนตัวนาง เหล่างูของข้ามีประสาทรับกลิ่นที่ไวมาก ไม่ว่าสตรีผู้นั้นจะหนีไปที่ใด ไม่ช้าก็เร็วจะต้องหานางพบแน่ ทางเลือกที่นางมีก็เหมือนกับเ้า นั่นคือตายเท่านั้น!”
อูิโยวหัวเราะร่วน เอ่ยวาจาร้ายกาจยิ่งกว่าเดิม “จริงหรือ แล้วเ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงปล่อยนางไป”
เมื่ออีกฝ่ายเผชิญกับอูิโยวที่มีสีหน้ายิ้มแย้ม ก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี
“ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าคืนนี้พวกเ้าทั้งสองคนไม่มีทางรอดไปได้ คิดผิดแล้วล่ะหาก้าจะหยุดข้า”
อูิโยวเอ่ย “ข้าไม่ได้จะหยุดเ้า แต่คิดจะฆ่าเ้าต่างหาก!”
“ฮึ! พูดมาได้ไม่กระดากปาก”
เมื่อชายคนนั้นเริ่มเป่านกหวีดไม้ ฝูงงูก็พุ่งเข้าโจมตีอูิโยวอย่างรวดเร็ว เขาเหวี่ยงเถาวัลย์ไปหยุดยั้งงูพิษทั้งหลาย แต่เพราะมีจำนวนมากเกินไปจึงทำให้หนักใจอยู่ไม่น้อย
ในเวลานั้นเองก็มีเสียงดังมาจากชั้นสองของโรงเตี๊ยม ราวกับมีของหนักร่วงหล่นกระแทกพื้นชั้นล่าง
ชายในชุดคลุมสีดำเยาะเย้ยในใจและมั่นใจอย่างยิ่ง “เ้าตายแน่!”
ิโยวรู้ทันทีว่าคงเป็งูหลามที่พบก่อนหน้า คงหลุดออกจากพันธนาการของกำแพงเถาวัลย์ได้แล้ว เมื่อหันกลับไปมองก็ใช่จริงๆ งูหลามตนนั้นกำลังเลื้อยมาทางเขาอย่างรวดเร็ว
อูิโยวก้มหน้าลงและถอนหายใจ เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ดวงตาและสีหน้าก็เปลี่ยนไป ทั่วทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยเส้นเืสีเขียว ก่อนจะเอ่ยกับชายชุดดำด้วยเสียงทุ้มต่ำแหบแห้ง
“เ้าบังคับให้ข้าต้องทำเช่นนี้เอง อย่ามาโทษข้าก็แล้วกัน!”
————————————————
[1] จั้ง หมายถึง หน่วยวัดความยาวของจีน มีขนาดเท่ากับกับ 3.3 เมตร
