อย่าคิดว่าเด็กไม่อาฆาต
ฝานหานนั้นรู้สึกเจ็บแค้นยิ่งนัก บิดาของเขาคบชู้จนทำให้มารดาช้ำใจตาย รองเท้าเก่านั่นกลับอาศัยอยู่บ้านฝานอย่างสงบสุข ตำแหน่งคือแม่บ้านสาวของฝานเจิ้นชวน ทว่าความจริงคือชู้ของฝานเจิ้นชวนนั่นเอง!
ปีที่มารดาของฝานหานดื่มยาปลิดชีพตนเองนั้นเขาเพิ่งอายุแค่ 12 ปี ย่าออกปากว่าสงสารเขา แต่ก็แค่ทำเป็ตำหนิฝานเจิ้นชวนไม่กี่หนเท่านั้น
ฝานเจิ้นชวนไม่สำนึกผิดแม้แต่น้อย และย่าฝานหานก็ไม่คิดว่าการที่มารดาเขาเสียชีวิตไปจะเป็หนักหนาอะไร ฝานหานไม่ได้เกลียดชังเพียงบิดา เขาเกลียดทั้งบ้านฝานด้วย แต่เขาไม่รู้ว่าจะแก้แค้นอย่างไรดี เขายังเด็กเกินไป มิหนำซ้ำเขตเหอตงคือสถานที่ที่ฝานเจิ้นชวนสามารถปิดบังความฉาวโฉ่ของตนเองจากผู้คนได้ ฝานหานทำได้แค่ปล่อยปละละเลยตนเอง ประพฤติตัวเป็บุตรชายเสเพลของคนรวย
นึกไม่ถึงเลย ฝานเจิ้นชวนจะแต่งภรรยาใหม่แล้ว!
แค่เหลียงฮวนไม่พูด ฝานหานจะไม่รับรู้เชียวหรือ งานฉลองสมรสเลี้ยงแขกถึงขั้นกำหนดเวลาไว้เรียบร้อย แม้ฝานหานจะไม่ลงรอยกับบิดา แต่เขาก็เป็บุตรชายคนเดียวของฝานเจิ้นชวน มีคนบอกประจบแจ้งข่าวแก่ฝานหานตั้งนานแล้ว ฝานหานชิงชังฝานเจิ้นชวนเข้ากระดูก ทั้งที่มารดาของเขาฆ่าตัวตาย ทำไมฝานเจิ้นชวนยังแต่งงานกับภรรยาใหม่ได้อีก?
ฝานหานไม่ใช่คนประเสริฐอะไรเหมือนกัน แน่นอนว่าเขาอยากจัดการภรรยาใหม่ของฝานเจิ้นชวน
วันที่ฝานเจิ้นชวนจะจัดงานมงคลสมรสนั้น เป็เวลาที่ฝานหานจะสร้างหายนะครั้งใหญ่แก่บ้านฝาน! ทว่ายังไม่ทันให้เขาได้ดำเนินแผนการนี้ กลับมีคนมาหาเขาถึงที่ก่อน บอกว่าฝ่ายหญิงไม่้าแต่งงานกับบิดาของเขาโดยสิ้นเชิง ฝานหานอยากเงยหน้าหัวเราะเหลือเกิน แน่นอนว่าผู้หญิงบนโลกไม่ได้เหมือนหญิงชั่วในบ้านของเขาเสียทุกคน ที่จะยอมขึ้นเตียงกับฝานเจิ้นชวนได้
“ไม่แต่งแล้วจะมีประโยชน์อะไร ผู้หญิงที่ฝานเจิ้นชวนบังคับชิงมาไม่ใช่น้อยๆ มีลูกมีสามีเขายังแย่งเลย!”
ฝานหานเห็นฝานเจิ้นชวนเป็ความน่าอัปยศอดสูมากทีเดียว
ผู้มาเยือนมองฝานหานอยู่นานสองนาน “คุณเกลียดเขาหรือ?”
เกลียด เกลียดจนจะตายให้ได้!
เมื่อครั้งฝานหานยังเด็ก ฝานเจิ้นชวนก็ไม่ได้สนใจใยดีเขาเท่าไรนัก เนื่องจากฝานเจิ้นชวนนั้นยุ่งกับการตะกายไขว่คว้าอำนาจและผลประโยชน์ ยุ่งกับการเล่นสนุกกับผู้หญิงไปทั่ว ฝานเจิ้นชวนถูกเลี้ยงจนเติบใหญ่โดยมารดาทั้งสิ้น มารดาของฝานหานดื่มยาฆ่าแมลงฆ่าตัวตาย เมื่อดื่มยาแล้วยังไม่หมดลมหายใจได้ทันที ตอนสิ้นใจเธอเ็ปทรมานอย่างแสนสาหัส ภาพนั้นฝังอยู่ในจิตใจของฝานหาน อยากลืมก็ลืมไม่ได้
เขาเลิกคิดว่าฝานเจิ้นชวนเป็บิดาไปนานแล้ว หากมีใครสังหารฝานเจิ้นชวนได้ นอกจากฝานหานจะไม่คัดค้านแล้ว ยังจะปรบมือเฉลิมฉลองอีกด้วย!
เป็เพราะได้ความช่วยเหลือของฝานหานนั่นเอง ถึงสามารถหาหลักฐานเกี่ยวกับฝานเจิ้นชวนได้เพิ่มเติมในเวลาอันสั้นที่สุด สมุดบัญชีแยกประเภทลับบางส่วนของฝานเจิ้นชวน แม่บ้านสาวเสียวอวี่ไม่รู้ว่าซ่อนไว้ที่ไหน แต่ฝานหานรู้... ต่อให้ไม่สนิทเพียงใด เขาก็เป็ลูกชายแท้ๆ ตอนฝานหานยังไม่ย้ายออกไป เขารู้ความเคยชินของบิดาดี ผ่านมาหลายปีก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก
การที่โจวเฉิงบอกให้เซี่ยเสี่ยวหลานประวิงเวลา ก็เพื่อรอหลักฐานส่งมาอยู่ตรงหน้าเส้าลี่หมิน และให้ผู้นำลงมติ
เ้าตัวรอคอยที่บ้านพักรับรองั้แ่แรกแล้ว รอแค่ด้านเส้าลี่หมินออกคำสั่ง ก็สามารถกรูเข้าจับกุมฝานเจิ้นชวนได้ตามปกติ การพบปะที่บ้านพักรับรองประจำเมืองนั้น ฝานเจิ้นชวนนึกว่ามันจะเป็เหตุการณ์หึงหวงชิงนางเหยียดหยามศัตรูหัวใจ จึงไม่มีความระมัดระวังเลยสักนิด เสียงคัดค้านในการจับกุมฝานเจิ้นชวนที่บ้านพักรับรองประจำเมืองเกือบเทียบเท่ากับศูนย์ อีกทั้งไม่ก่อเกิดความวุ่นวายในเขตเหอตง—พฤติกรรมผิดกฎหมายของฝานเจิ้นชวนไม่ใช่เื่ของเขาคนเดียวแน่นอน การจับฝานเจิ้นชวนคืออันดับแรก ขุดไชเท้าขึ้นมาย่อมติดดิน [1] เขตเหอตงมีคนจำนวนไม่น้อยที่จะจบเห่
โจวเฉิงไม่ได้คุยเื่พวกนี้กับเซี่ยเสี่ยวหลานโดยละเอียด เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ไม่ถามเช่นกัน
ขอเพียงทราบว่าฝานเจิ้นชวนน่าจะไม่มีปัญญาบังคับเธอแต่งงานได้อีก เซี่ยเสี่ยวหลานก็สบายใจแล้ว
“ฉันให้คนเขาส่งหมามาแล้ว ถึงอย่างนั้นยังต้องจัดการกำแพงบ้านอีกหน่อยอยู่ดี”
ตัวฝานเจิ้นชวนเองถูกจับกุมแล้ว แต่ยังไม่แน่ชัดว่าบ้านฝานจะจบสิ้นทั้งหมดด้วยหรือเปล่า แมลงร้อยขาขาดครึ่งก็ยังคลานได้ [2] โจวเฉิงกลัวว่าตระกูลฝานยังเหลือสุนัขจนตรอกอยู่ แม้ความเป็ไปได้นั้นต่ำมาก ทว่าจะปล่อยเซี่ยเสี่ยวหลานให้ตกอยู่ในอันตรายไม่ได้
พอกลับมาถึงบ้านย่าอวี๋ เซี่ยเสี่ยวหลานก็พบสุนัขสองตัวที่โจวเฉิงพูดถึง
ส่วนหลังสีดำ ตัวสีน้ำตาลอมเทา เห็นแวบแรกไม่ได้ดูแข็งแรงกำยำมากนัก พยายามแลบลิ้นใส่เซี่ยเสี่ยวหลานก่อนอย่างแข็งขัน หน้าตาเป๋อเหลอดูน่ารักไม่น้อย
แต่หลังจากโจวเฉิงสาธิตให้เซี่ยเสี่ยวหลานดูว่าจะสั่งพวกมันโจมตีอย่างไร เซี่ยเสี่ยวหลานก็รู้ทันทีว่าสุนัขสองตัวนี้เก่งกาจมากขนาดไหน ท่าทางเซ่อซ่าไร้เดียงสาเป็ร่างจำแลงทั้งนั้น นี่คืออาวุธอานุภาพสูงสองตัวต่างหาก หลี่ต้งเหลียงบอกว่าหากเขาปีนข้ามกำแพงเข้ามากะทันหัน ก็สู้สุนัขสองตัวนี้ไม่ไหว... คนธรรมดายิ่งจัดการเ้าสุนัขสองนี้ไม่ได้เลย
และกำแพงบ้านย่าอวี๋ในตอนนี้ก็ปีนยากเช่นกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานออกไปแค่่เช้า ้ากำแพงของบ้านย่าอวี๋เกิดความเปลี่ยนแปลงใหม่แล้ว ตะปูกับเศษกระจกจำนวนมากมายเรียงสลับกัน คมของพวกมันข่มขู่คนภายใต้แสงอาทิตย์ ปูนซีเมนต์ที่ยึดพวกมันไว้ยังแห้งไม่สนิท
บ้านย่าอวี๋ในวันนี้มีทั้งสุนัขส่งมา ทั้งทำกำแพงบ้านใหม่ ทำให้เพื่อนบ้านใกล้เคียงล้วนสงสัย
บ้านหลังนี้ของย่าอวี๋ไม่มีความเปลี่ยนแปลงมาหลายปีดีดักแล้ว พอเซี่ยเสี่ยวหลานกับหลิวเฟินย้ายเข้ามาอาศัย กลับเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นทุกๆ วัน เอาของมาติดบนกำแพงเพิ่มแบบไม่มีเหตุผลเพื่ออะไรกัน ย่าอวี๋ทำอาชีพกวาดถนน ทุกเดือนรับเงินเดือนเท่าไรทุกคนจะไม่รู้เชียวหรือ? ทำราวกับจะมีใครมาบุกรุกบ้านย่าอวี๋ ป้องกันจากใครกันน่ะ!
ภรรยาของหูหย่งไฉยืนหยัดฝั่งเซี่ยเสี่ยวหลาน เธอพูดจาสนับสนุนพลางแทะเมล็ดแตง
“มีสาววัยรุ่นหน้าตาสวยอยู่คนหนึ่งไม่ใช่หรือไร คู่หมายที่คนเขาคบอยู่มีความสามารถ กลัวจะมีพวกอันธพาลหน้ามืดตามัว ไม่ใช่แค่ต้องวางตะปูเต็มกำแพงนะ ยังเลี้ยงหมาตัวโตไว้ในสวนอีกด้วย ไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดจะรังแกผู้หญิงทั้งบ้านเลย"
กำลังซุบซิบเื่ของเซี่ยเสี่ยวหลานหรือ?
แม่สาวคนนี้ไม่ชอบเทียวไปเทียวมาบ้านใคร ใกล้ชิดกับบ้านหูหย่งไฉเท่านั้น โดยปกติยากที่จะได้พบยิ่งนัก
ทว่าหน้าตาสะสวยจริงๆ ต่อให้ไม่ออกจากเรือน ก็ไม่มีทางจะเมินเฉยเซี่ยเสี่ยวหลานได้ เหล่าบ้านใกล้เรือนเคียงที่ในครอบครัวมีชายหนุ่มยังไม่แต่งงาน ยินดีจะเลียบเคียงมองเซี่ยเสี่ยวหลานไว้บ้างเหมือนกัน
ที่แท้มีคู่หมายแล้ว?
ภรรยาหูหย่งไฉรับความไว้วางใจในการปฏิบัติหน้าที่จากหลิวเฟินเรียบร้อย หลิวเฟินใกลัวกับความไร้ยางอายของครอบครัวน้องสาวเธอเหลือเกิน เกรงว่าจะมีพวกคิดเองเออเองอย่างฝานเจิ้นชวนเข้ามาอีก เดิมทีเื่ที่เซี่ยเสี่ยวหลานคบหากับโจวเฉิงไม่มีอะไรให้โอ้อวด ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่้าให้คนอื่นเข้าใจผิดอยู่ร่ำไปว่าเธอโสด จึงเห็นชอบให้ภรรยาของหูหย่งไฉช่วยแพร่เื่ซุบซิบของเธอสักหน่อย
จงใจให้เพื่อนบ้านรู้โดยทั่วกัน เซี่ยเสี่ยวหลานมีคนรักแล้ว
หลิวเฟินถือว่าโจวเฉิงคือว่าที่ลูกเขยของเธอ จะแต่งงานกันในไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นก็ไม่เสียหายที่จะป่าวประกาศล่วงหน้า
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก หากเธอเข้ากับโจวเฉิงไม่ได้ขึ้นมาจะไม่อนุญาตให้เลิกราหรือไร? หย่าแล้วยังสมรสใหม่ได้เลย การเลิกราก็เป็เื่ปกติไม่ใช่หรือ บ้านย่าอวี๋เป็เพียงที่อยู่อาศัยชั่วคราว รู้แล้วก็รู้เถอะ
โจวเฉิงไม่รู้ว่าภรรยาของเขาทัศนคติ ‘เปิดกว้าง’ เช่นนี้ สำหรับเื่ที่เซี่ยเสี่ยวหลานประกาศตัวตนของโจวเฉิงต่อคนนอก โจวเฉิงยกมือเท้าทั้งสองข้างสนับสนุนเห็นด้วยอย่างยิ่ง
“เสี่ยวหลาน เธอดีกับฉันเหลือเกิน”
เซี่ยเสี่ยวหลานงุนงง “ดีกับเธออย่างไร?”
สิ่งที่โจวเฉิงปฏิบัติต่อเธอสิถึงจะเรียกว่าดีเหลือเกิน เื่ฝานเจิ้นชวนโดนจับ แม้เล่าไว้อย่างไม่สลักสำคัญ แต่เื้ันั้นโจวเฉิงทุ่มเทความเพียรพยายามแบบไหนลงไปบ้าง เซี่ยเสี่ยวหลานทำได้แค่อาศัยการคาดเดา ต่อให้โจวเฉิงเก่งกล้าสามารถขนาดไหน ทว่าเขาเองไม่ใช่คนอวี้หนาน การดำเนินงานที่นี่ย่อมมีอุปสรรคมากมายแน่นอน
ดวงตาของโจวเฉิงสดใสเปล่งประกาย เซี่ยเสี่ยวหลานหัวใจอ่อนยวบ
“ฉันรู้เื่จางเสเพลแล้ว แถมมีเื่ฝานเจิ้นชวนคราวนี้ด้วย โจวเฉิง ฉันดีใจมาก และขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่เธอทำเพื่อฉัน”
ละสิ่งอื่นใดไว้ก่อน คนสองคนคบกัน ปัจจัยพื้นฐานที่สุดก็คือ ‘การเชื่อใจ’
ถ้าโจวเฉิงงี่เง่าหึงหวงอย่างไร้เหตุผล ได้ยินเสียงลมก็คิดว่าฝนตก [3] เขากับเซี่ยเสี่ยวหลานย่อมไปด้วยกันไม่ได้ แต่โจวเฉิงเชื่อใจเธอั้แ่เริ่มต้น ชื่อเสียงฟอนเฟะเกี่ยวกับเซี่ยเสี่ยวหลานพวกนั้น ไม่เคยซักถามแม้กระทั่งประโยคเดียว
เซี่ยเสี่ยวหลานกลับรู้สึกผิดเล็กน้อย แม้เธอไม่ได้กระทำเื่ราวโง่เขลาเบาปัญญาพวกนั้น ทว่าโจวเฉิงและผู้อื่นล้วนไม่ทราบน่ะสิ!
เชิงอรรถ
[1]拔出萝卜带出泥 ขุดไชเท้าขึ้นมาย่อมติดดิน หมายถึง ผู้กระทำความผิดที่ถูกจับกุมก่อนจะสาวตัวผู้กระทำความผิดอื่นตามออกมา
[2]百足之虫,死而不僵 แมลงร้อยขาขาดครึ่งก็ยังคลานได้ แมลงร้อยขาในที่นี้คือกิ้งกือหรือตะขาบ สัตว์สองชนิดนี้ยังคงขยับคลานได้ต่อแม้ตัวขาดครึ่ง เดิมหมายถึง แม้บุคคลหรือองค์กรทรงอำนาจอิทธิพลเสื่อมถอย แต่ไม่ได้ล่มสลายโดยสมบูรณ์ ต่อมาใช้เปรียบเทียบถึง แม้ตัวการของความชั่วร้ายถูกล้มล้างแล้ว แต่ความชั่วร้ายยังคงหลงเหลืออยู่ จำเป็ต้องถอนรากถอนโคน มิเช่นนั้นจะริเริ่มก่อความวุ่นวายอีกครั้ง
[3]听风就是雨 ได้ยินเสียงลมก็คิดว่าฝนตก หมายถึง เชื่อข่าวลือเล็กน้อยว่าเป็ความจริงโดยไม่มีมูล