เสี่ยวเสวียนคุกเข่าลงตรงหน้าเ้านาย “นายท่าน ตอนทำความสะอาดห้องเมื่อเช้า บ่าวไม่เห็นภาพวาดอันใด ส่วนคุณหนู ั้แ่กลับมาจากจวนสกุลหนี ก็อยู่แค่ในห้อง มิได้ออกไปไหนเลย โปรดตรวจสอบ และคืนความเป็ธรรมให้คุณหนูด้วยเ้าค่ะ”
ท่าทีของหนีเจียเอ๋อร์ยังคงสงบนิ่ง ปราศจากพิรุธ ั้แ่เด็กนางก็เป็คนอ่อนโยน ไม่เคยทำเื่เสื่อมเสียเลยสักครั้ง สีหน้าของนายท่านสกุลหนีอ่อนลง ขณะส่งม้วนกระดาษให้บุตรสาว
ทว่า ด้วยข้อเท็จจริงที่อยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ เขาก็ไม่อาจทำอะไรได้แล้ว
หนีจวิ้นหว่านเดินไปแทรกกลางระหว่างคนทั้งสอง พลางกล่าวว่า “น้องหญิง ข้ออ้างของเ้าฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย ภาพวาดที่แขวนอยู่ตรงนั้น จะมีขาเดินมาที่ห้องของเ้าได้อย่างไร?”
ข้อสงสัยของนายท่านสกุลหนี ที่เพิ่งถูกขจัดปัดเป่าไปเมื่อครู่ กลับเข้ามาในใจอีกครั้ง
สวีซื่อจึงรีบตีเหล็กตอนร้อน ด้วยการสำทับว่า “นอกจากมีขาแล้ว คงจะมีตาด้วย เพราะทั้งๆ ที่ในจวนมีห้องหับมากมาย แต่กลับมาอยู่ที่ห้องคุณหนูรองได้”
บ่าวรับใช้ทั้งหลายลอบมองหน้ากันอย่างเคลือบแคลงใจ ด้วยคุณหนูรองนั้น เป็ผู้รอบคอบยิ่งนัก หากคิดจะขโมยจริงๆ ย่อมเป็ไปมิได้ ที่จะปล่อยให้ตนถูกจับง่ายดายเช่นนี้
หลิวอวี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ หนีจวิ้นหว่าน ซ่อนรอยยิ้มด้วยการก้มศีรษะลง มิได้มองไปยังหนีเจียเอ๋อร์ั้แ่ต้นจนจบ
ส่วนสวีซื่อ ก็ไม่คิดจะปล่อยโอกาสนี้ไปง่ายๆ เช่นกัน “นายท่าน เื่นี้ช่างไร้สาระนัก แก้ตัวอย่างกับว่าเล่น ไม่รู้ว่าเว่ยอี๋เหนียงสั่งสอนมาอย่างไร...”
ไม่ว่าเื่ใดหนีเจียเอ๋อร์ก็ทนได้ ยกเว้นการทำให้เว่ยอี๋เหนียงพลอยโดนตำหนิไปด้วยแบบนี้ หญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วกล่าวอย่างไม่พอใจ “เื่นี้ไม่เกี่ยวอันใดกับเว่ยอี๋เหนียง โปรดอย่าดึงนางเข้ามาเกี่ยวข้อง”
เมื่อถูกอีกฝ่ายตอกกลับต่อหน้าบ่าวไพร่ สวีซื่อก็อ้าปากเตรียมเอาคืน แต่ถูกหนีจวิ้นหว่านปรามเอาไว้ด้วยสายตา ก่อนพูด “ท่านพ่อ ข้าอยากเสนอทางออกให้กับเื่นี้ หากท่านพ่อเห็นด้วย ก็ให้ท่านแม่เพิ่มค่าใช้จ่ายให้น้องหญิงเถิด ต่อไปเื่เช่นนี้คงจะไม่เกิดขึ้นอีก พอแค่นี้เถอะเ้าค่ะ อย่าให้เื่ไปถึงหูผู้อื่น จนต้องเสียหน้ามาถึงท่านพ่อและตระกูลของเราเลย”
น้ำเสียงนั้น ฟังคล้ายช่วยประนีประนอม แต่แท้จริงแล้ว หาได้หวังดีต่อหนีเจียเอ๋อร์ ทว่ากลับเป็การชี้ให้ทุกคนเห็น ว่าที่ภาพวาดถูกขโมยนั้น เป็เพราะความฟุ้งเฟ้อของนางนั่นเอง
หนีเจียเอ๋อร์ยังไม่ทันโต้แย้ง นายท่านสกุลหนีก็รู้สึกราวกับถูกหลอก จึงลากแขนบุตรสาวด้วยความโมโห “นำคุณหนูรองไปขังไว้ในห้อง เพื่อทบทวนความผิด”
เมื่อเห็นหญิงสาวถูกบ่าวรับใช้สองคนพาตัวไป เสี่ยวเสวียนก็ยิ่งวิตกกังวล แต่ไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากกลับไปรอที่ลานหน้าเรือน พลางคิดอย่างรอบคอบ เว่ยอี๋เหนียงคงไม่อาจช่วยคุณหนูของนางได้อย่างเต็มที่นัก ตอนนี้จึงมีหนทางเดียว คือต้องลองไปหาโจวชิงหวา
หลังได้รับรายงานจากเสี่ยวเสวียน โจวชิงหวาก็เคลื่อนไหว รีบใช้วิชาตัวเบา มุ่งหน้าไปที่จวนเสนาบดีหนีทันที
เมื่อเว่ยอี๋เหนียงได้ยินว่าบุตรสาวของตนถูกกักขัง เพราะขโมยภาพวาด นางย่อมไม่มีทางเชื่อ จึงเร่งรุดไปยังห้องเก็บฟืน แล้วมองดูประตูที่ถูกปิดไว้อย่างแ่าทั้งน้ำตา “นายท่าน เสี่ยวเอ๋อร์ไม่เคยทำเื่เลวร้ายเช่นนี้มาก่อน ท่านเองก็รู้ดี ว่านางเป็คนเช่นไร”
แม้นายท่านสกุลหนีจะหูเบา ไม่แยกแยะถูกผิด แต่ก็รักเว่ยอี๋เหนียงมาก จึงไม่อาจทนได้ เมื่อได้ยินนางร้องไห้แทบขาดใจอยู่หน้าประตู
บ่าวรับใช้ทักทายเว่ยอี๋เหนียง ที่กำลังคุกเข่าอยู่หน้าประตูด้วยความนอบน้อม จากนั้นจึงรายงานผ่านประตู “นายท่าน คุณชายโจวมาพบขอรับ”
นายท่านสกุลหนีกำลังปวดหัวอยู่พอดี การมาถึงของโจวชิงหวา ทำให้คิ้วที่ขมวดเป็ปมคลายลงได้บ้าง เขารีบเปิดประตู ด้วยเกรงว่าเว่ยอี๋เหนียงจะเข้ามา จากนั้นก็รีบเดินออกไป
เว่ยอี๋เหนียงรู้ดี ว่าโจวชิงหวาสามารถช่วยบุตรสาวได้ จึงเช็ดน้ำตา และเดินตามไป
ขณะที่รอโจวชิงหวา ทั้งสวีซื่อและหนีจวิ้นหว่านต่างก็มาเฝ้ารอ รวมไปถึงมารดาของโจวชิงหวาด้วย
เมื่อนายท่านสกุลหนีนั่งลง ชายหนุ่มก็พูดทันที “นายท่าน ใกล้ถึงวันเกิดของเว่ยอี๋เหนียงแล้ว ดังนั้น ข้าน้อยจึงอยากจะเขียนกลอนและวาดภาพให้เป็ของขวัญ เลยนำภาพนั้นไปให้เสี่ยวเอ๋อร์ดู เพื่อขอคำแนะนำ แต่น่าเสียดายที่ท่านพานางไปจวนเสนาบดี เื่นี้เป็ความผิดของข้าเอง นางหาได้ผิดอันใด ไม่ว่านายท่านจะลงโทษอย่างไร ชิงหวาก็จะไม่บ่นสักคำ”
หนีจวิ้นหว่านชี้ไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลา ซึ่งแสร้งทำเป็สลดของโจวชิงหวา “เ้าโกหก กลอนและภาพวาดนั่น...” เอ่ยมาถึงตรงนี้ ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ตนกำลังจะหลุดปากพูดความจริง จึงหยุดไป แล้วถามว่า “เมื่อเช้านี้ เ้ามิใช่ตามท่านพ่อกับน้องสาวข้าไปหรอกหรือ? แล้วทำไมถึง…”
โจวชิงหวามองนางอยู่ครู่หนึ่ง ทุกคนพลันรู้สึกเหน็บหนาว ทั้งๆ ที่อยู่ในฤดูใบไม้ผลิ
จากนั้น ชายหนุ่มก็หันมามองนายท่านสกุลหนี พลางกล่าวว่า “ข้าไปที่สวนด้านหลังของนายท่านสวี เพื่อถามคุณหนูรองเื่กลอนและภาพวาด แต่ไม่คาดคิดว่าจะเห็น...” เขาหยุดพูด
ผู้าุโหนีเกรงว่าโจวชิงหวาจะเปิดโปง เื่บ่าวรับใช้ในจวนเสนาบดีสวีกล้าดูแคลนเจียเอ๋อร์ จึงรีบพูดแทรกขึ้นว่า “ชิงหวา ในเมื่อเ้ามารับผิด เื่ลงโทษคงไม่ต้องแล้ว พวกเ้าไปส่งคุณหนูรองที่ห้อง ทุกคนออกไปเถอะ”
คนรับใช้ล่าถอยไป ส่วนเว่ยอี๋เหนียงก็มารับตัวบุตรสาวที่หน้าห้องเก็บฟืน
ด้านหนีจวิ้นหว่าน นางหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย แต่ไม่กล้าพูดอันใด เพียงดึงตัวสวีซื่อออกไปพร้อมกัน
ตอนนี้ในห้องโถงใหญ่ จึงเหลือเพียงแม่นมโจว นายท่านสกุลหนี และโจวชิงหวาเท่านั้น
แม่นมโจวกล่าวขอโทษนายท่านสกุลหนีแทนบุตรชาย จากนั้นก็ตำหนิชายหนุ่มอย่างจริงจัง “ห้องหนังสือของนายท่าน เป็ที่ที่เ้าจะสุ่มสี่สุ่มห้าเดินเข้าไปได้หรือ แม้จะหวังดีต่อเว่ยอี๋เหนียง แต่อย่างไรก็ต้องขออนุญาตนายท่านเสียก่อน จะเอาภาพวาดออกมาดื้อๆ ได้อย่างไร?”
โจวชิงหวาเอ่ยเสียงเคร่งขรึม “ท่านแม่พูดถูก ชิงหวาสำนึกผิดแล้ว”
ตกกลางคืน ที่นอกหน้าต่างมีภาพของจันทร์เสี้ยว ซึ่งถูกโอบล้อมท่ามกลางหมู่ดาว สายลมโชยพัดเอื่อยเฉื่อย ใบไม้ปกคลุมด้วยหยาดน้ำค้าง ลานหน้าจวนตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นบุปผา
เงาดำลอบเข้ามาในจวนอย่างอุกอาจ และเล็ดลอดเข้ามาทางหน้าต่างที่ถูกเปิดไว้ครึ่งหนึ่ง อีกทั้ง ‘โจร’ ที่ว่า ยังนั่งลงบนเก้าอี้เอนหลัง ด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ ขณะมองเ้าของห้องอย่างท้าทาย “วันนี้ข้าช่วยเ้าเอาไว้ถึงสองครั้ง จ่ายค่าตอบแทนมาอย่างเหมาะสมด้วยนะคุณหนู”
หนีเจียเอ๋อร์ปลดกระดุมเสื้อ โดยไม่สนใจสายตาที่จ้องมองมาของอีกฝ่าย “ขอบคุณมาก ชิงหวา”
แม้ดวงตาของชายหนุ่มจะเยือกเย็น แต่ก็แฝงไว้ด้วยความซื่อสัตย์มั่นคง
ชาติที่แล้ว นางเคยสูญเสียจากโศกนาฏกรรมการฆ่าล้าง ผู้คนในครอบครัวถูกสังหารอย่างน่าสังเวช ดังนั้นในชีวิตใหม่นี้ นางย่อมปฏิบัติต่อผู้ที่ดีต่อนางอย่างจริงใจ
ใต้แสงเทียนสีเหลืองนวล ส่งผลให้เกิดระลอกสั่นไหวในใจ โจวชิงหวาลุกขึ้น เอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวดั่งหยกของสตรีที่อยู่เบื้องหน้า ด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย “เสี่ยวเอ๋อร์ ไม่มีอะไรมากกว่าคำขอบคุณหรือ?”
ร่างกายหญิงสาวััได้อย่างชัดเจน ถึงความอบอุ่นของฝ่ามือใหญ่ ซึ่งร้อนวูบไปถึงใบหน้า ริ้วสีแดงพลันปรากฏบนแก้มนวล ดั่งดอกไม้แย้มบานต้อนรับวันใหม่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้