ลูกพี่คนนั้นพูดไม่ผิด เวลาผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ทั้งที่น่าจะเลือกได้อย่างชัดเจน แต่เฉินหนานกลับไม่มีทีท่าจะตัดสินใจสักที เขาขมวดคิ้วแน่นจนจะหนีบยุงให้ตายคาที่ได้แล้ว
หร่านซวี่จือดูแถบความคืบหน้าภารกิจเหนือศีรษะ: เก้าสิบแปดเปอร์เซ็นต์
ใกล้จะสำเร็จแล้ว
ขมับของหร่านซวี่จือกับแสงจันทร์ขาวมีปืนจ่ออยู่ทั้งสองคน ขอแค่ถึงเวลาหรือเมื่อเฉินหนานตัดสินใจ ปืนก็จะถูกเหนี่ยวไก
หร่านซวี่จือถอนหายใจ
เขารู้ว่าเฉินหนานลังเลอะไร
“ขอโทษนะ ขอฉันพูดอะไรหน่อยได้ไหม...” หร่านซวี่จืออยากนั่งขึ้นมา คนที่คุมตัวเขาอยู่จ้องเขา จากนั้นก็ตบเขาเต็มแรงแล้วด่า “พูดมากจริง! ”
หร่านซวี่จือถูกตบจนหูอื้ออึงแล้วเลียเืตรงมุมปาก
ลูกพี่โบกมือ “เห้อ ฉันนับถือเ้าน้องชายคนนี้จริง ให้เขาพูด”
“อุ๊บ...” หร่านซวี่จือถูกปล่อยออก เขาใช้นิ้วเช็ดเืตนเองแล้วสบตากับเฉินหนานในวิดีโอ “คือว่า คุณชายเฉิน...”
“นายหุบปาก! ” เฉินหนานส่งเสียงเยือกเย็น
หร่านซวี่จือเอ่ยต่อ “เหอะๆ คุณชายเฉิน คุณเลิกลังเลได้แล้ว”
สายตาของเฉินหนานนั้นเย็นเฉียบ พริบตานั้นราวกับว่าผสานรวมกับปิงโหยวจี้ในโลกที่เขาจากมา “ฉันจะตัดสินใจอย่างไร ก็ไม่จำเป็ต้องให้นายมาชี้นำ”
แม้ไม่รู้ว่าทำไมเฉินหนานถึงยื้อเวลามานานขนาดนี้ แต่ในใจของหร่านซวี่จือก็เกิดความไม่สบายใจ บางทีในใจของเฉินหนานนั้น เขาอาจจะพอมีพื้นที่เล็กๆ อยู่บ้าง
“คุณชายเฉิน” หร่านซวี่จือเช็ดเืตรงมุมปากของเขาอีกครั้ง “คนที่คุณชอบไม่ใช่ผม”
หร่านซวี่จือคิดผิดมาตลอด
เฉินหนานก็คือเฉินหนาน ปิงโหยวจี้ก็คือปิงโหยวจี้ พวกเขาไม่ใช่คนเดียวกัน เพียงแค่เื่บังเอิญจากช่องโหว่ของข้อมูล ความทรงจำของปิงโหยวจี้จึงล่วงล้ำเข้าสู่สมองของเฉินหนาน
หรือบางที ก่อนหน้านี้พวกเขาอาจจะเคยมีการเชื่อมต่อกันจริงๆ หรือบางทีเฉินหนานอาจจะเป็ชาติต่อมาของปิงโหยวจี้หรือจะเป็อะไรอย่างอื่นก็ตาม แต่ว่า สุดท้ายคนที่เฉินหนานรักก็ไม่ใช่ทังเหวยอีกต่อไปแล้ว
เดิมทีคนที่เฉินหนานชอบคือแสงจันทร์ขาว ไม่ใช่ตนเอง หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากปิงโหยวจี้ สิ่งนั้นถึงได้แทรกแซงการตัดสินใจในสมองของปิงโหยวจี้
เขาเป็คนแย่งตำแหน่งของคนอื่นเอง
“คนที่คุณชอบ นิสัยอ่อนโยน เป็คนเมตตา ได้รับการสั่งสอนอย่างดี ดีมากๆ เลย เพียบพร้อมและคู่ควรกับคุณ” หร่านซวี่จือเอ่ยอย่างจริงจัง “ผมก็แค่คนที่คุณซื้อมา ผมไม่มีมารยาทและดิบเถื่อน ก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้ว่าผ่านมือคนมาเท่าไหร่แล้ว เพื่อให้ได้เกาะคุณและหลุดพ้นจากนรกนั่น ก็ยังใช้แผนการตั้งมากมาย”
หร่านซวี่จือลูบปืนที่จ่อขมับของตนเอง หนุ่มคนนั้นสีหน้าใ ชำเลืองมองลูกพี่ที่กำลังโบกมือ ได้แต่นิ่งไม่ขยับ
“เฉินหนาน” หร่านซวี่จือช้อนตาขึ้น “ขอโทษ ผมโกหกคุณ”
เสียงปืนดังขึ้นชั่วพริบตา เสียงประตูโกดังถูกเปิดออก ชายเสื้อดำมากมายกรูกันเข้ามาแล้วจับพวกแก๊งลักพาตัวกดลงพื้น
เฉินหนานเดินหน้าเข้มแหวกออกมาจากกลุ่มคน
ิญญาของหร่านซวี่จือหลุดลอยออกจากร่าง ในที่สุดก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนความคืบหน้าภารกิจว่าเต็มแล้ว
ความปรารถนาของเฉินหนานมีเพียงเื่เดียว นั่นก็คือบอกความจริงกับเขา แม้ว่าความจริงนี้จะไม่สามารถพูดได้ว่าถูกต้องเต็มร้อย แต่อย่างน้อยก็ทำให้เฉินหนานสามารถปล่อยวางบางอย่างได้
หร่านซวี่จือถอนหายใจแล้วมองภาพวุ่นวายตรงหน้าแวบหนึ่ง
ระบบ: “คุณรัน ภารกิจเสร็จสิ้น กำลังกลับสู่โลกปัจจุบัน กรุณาเตรียมตัวครับ”
หร่านซวี่จือ: “ได้”
“ภารกิจจบสิ้น การประเมินอยู่ที่ระดับเอ ยินดีกับหัวหน้ารันด้วยนะคะ” อลิซาเบธเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ในที่สุดก็ได้ระดับเอ
หร่านซวี่จือรู้สึกโล่งอกและสบายใจ “อลิซาเบธ พาฉันไปห้องสะสางความรู้สึกหน่อย”
ห้องสะสางความรู้สึกถูกจัดเตรียมไว้ให้เ้าหน้าที่ที่ออกปฏิบัติงานในการจัดการแนวเส้นโลกโดยเฉพาะ เพราะมีเ้าหน้าที่ที่ใจไม่เข้มแข็งพอ เมื่อจบภารกิจ จะยังคงทุ่มความรู้สึกมากมายเกินไปและไม่อาจออกจากเงามืดนั้นได้ทำให้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่องานในอนาคต ดังนั้นรัฐบาลจึงวิจัยพัฒนาสิ่งนี้ไว้เป็พิเศษ
ก่อนหน้านี้เพราะเื่ของปิงโหยวจี้ที่ส่งผลหนักหนากับภารกิจของโลกนี้ ยังดีที่เขาพลิกเื่ราวกลับมาทัน ไม่อย่างนั้นคงกลายเป็ภัยพิบัติ
ที่ก่อนหน้านี้หร่านซวี่จือไม่เคยเข้าไปสะสาง เพราะว่าเขามั่นใจมากกับสภาวะจิตใจของตนเองและรู้สึกว่าไม่จำเป็ เพราะของเ่าั้เหมาะสำหรับผู้อ่อนแอ แต่จากที่เห็นตอนนี้ เหมือนจะไม่ใช่เช่นนั้น
หร่านซวี่จือกดศีรษะ เขามีอาการปวดศีรษะขณะที่เดินไปทางห้องสะสางความรู้สึก
ใครจะรู้ว่าระหว่างทางดันบังเอิญเจอกับอเล็กซ์เข้า
เ้าหมอนั่นก็เพิ่งกลับออกมาจากห้องนั้น พอสบตากับหร่านซวี่จือ ชั่วพริบตาเหมือนฉายประกายแห่งความตื่นใออกมาเสี้ยวหนึ่ง
หร่านซวี่จือคิดเพียงว่าคงเพราะทำภารกิจนานไปหน่อยจึงทำให้เห็นภาพ กระทั่งไม่ได้กล่าวทักทายเขาและไม่ได้เยาะเย้ยเขาหรืออวดว่าตนเองได้ระดับเอ จากนั้นก็เดินไปห้องสะสางความรู้สึกด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
อเล็กซ์นั้นคล้ายกับปิงโหยวจี้มากก็จริง ไม่ใช่แค่ใบหน้า ก่อนหน้าที่จะสนิทสนมกับปิงโหยวจี้ ครั้งแรกที่เจอกันที่กลางทะเลทราย หร่านซวี่จือเองก็เคยสงสัยว่านี่คือตัวละครที่อเล็กซ์ได้รับหรือเปล่า
เพราะว่าบุคลิกนั้นคล้ายกันเกินไป
แต่ความคิดนี้ช่างน่ากลัวอยู่บ้าง หร่านซวี่จือจึงคิดว่าตนเองคงสมองฟั่นเฟือนไป
หลังออกมาจากห้องสะสางความรู้สึกแล้ว ใจของหร่านซวี่จือก็ผ่อนคลายลงไปมาก ความรู้สึกที่มีต่อปิงโหยวจี้ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างมาปกคลุมไว้ แม้จะรู้สึกคลุมเครือ แต่ก็ดีกว่าแต่ก่อนเยอะ
หร่านซวี่จือเหมือนหาทางออกได้แล้วพร้อมกับบิดี้เี
การทำภารกิจครั้งนี้ถือว่าไม่เลว เมื่อแจกเงินเดือนก็นับว่าสามารถใช้ชีวิตสบายได้ไปอีก่หนึ่ง
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป หร่านซวี่จือก็เข้ารับภารกิจเหมือนเช่นปกติ
“หัวหน้ารัน” อลิซาเบธตรวจสอบอุปกรณ์ตัวรับของภารกิจครั้งถัดไปอยู่ “ได้ข่าวว่าการทำภารกิจครั้งนี้จะมีเ้าหน้าที่ระดับสูง หัวหน้าต้องระวังนะคะ”
“ได้เลย” หร่านซวี่จือสวมหมวก
หลังเข้าสู่โลกภารกิจ เบื้องหน้ามีแต่ทะเลทราย สิ่งแรกที่หร่านซวี่จือคิดคือมาถึงวันสิ้นโลกเหมือนครั้งที่แล้ว
จวบจนรับรู้ว่าตนเองกำลังอยู่บนรถม้าที่เคลื่อนไหว หร่านซวี่จือก็เข้าใจทันทีว่านี่น่าจะเป็โลกยุคปัจจุบัน
สถานที่ที่ตนเองอยู่ตอนนี้เหมือนกลับเนินเขาดินสีเหลืองอะไรเทือกนั้น เนื่องจากเขาสามารถมองเห็นนาข้าวที่กระจัดกระจายของเกษตรกร
สถานะของเขาคือนักศึกษาที่กำลังเดินทางกลับหมู่บ้าน มีชื่อว่าไป๋หลิงซึ่งมีความคล้ายกับชื่อ เพราะมีผิวพรรณขาวผุดผ่อง แขนขาเรียวยาว มีความคล้ายกับผู้หญิง
แม่ของไป๋หลิงเสียไปเมื่อหกปีที่แล้ว เธอทิ้งไป๋หลิงไว้กับพี่สาวสามคน พี่สาวคนโตชื่อไป๋เหมย นิสัยอ่อนหวาน เป็ลักษณะประเภทแม่บ้านแม่เรือน ส่วนคนรองชื่อไป๋ซวง ลักษณะของเธอนั้นใจแคบ มักจะหาเื่ถกกับแม่บ้านไปทั่ว แม้จะเป็เื่ราวเล็กน้อย แต่ก็มักจะทะเลาะกับคนอื่นไปทั่ว
พี่สาวคนที่สามชื่อไป๋หลิงฮัว ได้ยินชื่อก็รู้ว่าคนที่สามสวยที่สุด ไป๋หลิงฮัวนั้นมีรูปร่างหน้าตาสวยที่สุดและเป็คนที่แต่งตัวเก่งที่สุดในหมู่บ้าน เหมือนเป็ผีเสื้อท่ามกลางผู้ชายที่ล้อมรอบและก็เป็คนที่สร้างปัญหาให้ครอบครัวนับไม่ถ้วนเช่นกัน
ไป๋เหมยเบื่อหน่ายไป๋หลิงฮัว ไป๋ซวงก็ไม่ชอบหล่อน ทั้งบ้านจึงมักจะทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง
ส่วนไป๋หลิงก็เป็นักศึกษาหนึ่งเดียวในหมู่บ้านและเป็ตัวอย่างที่ดีในใจของเด็กๆ ในหมู่บ้าน