เสียงกระแอมทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ
โหยวเสี่ยวโม่ปรายตาสังเกตได้ยินเสียงเล็กแหลม คือคนที่พาพวกเขาเข้ามานั่นเอง
คิดไม่ถึงว่าหน้าตาที่ไร้ซึ่งอารมณ์ พอพูดขึ้นมาเสียงทั้งดังทั้งแหลมเช่นนี้ แต่อีกใจ เขาก็จะได้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
เมื่อชายหนุ่มพูดจบ คนกลุ่มหนึ่งก็ย่างกรายเข้ามา
คนที่เดินนำล้วนแต่เป็ผู้าุโ ที่หนุ่มสุดเห็นจะสามสิบต้นๆ แน่นอนว่า รูปลักษณ์ภายนอกนั้นดูหนุ่ม แต่ความเป็จริงอาจจะเป็ผู้เฒ่าผู้แก่แล้วก็ได้
หลังจากที่โหยวเสี่ยวโม่อ่านตำรา ถึงได้รู้ว่าคนที่ยุคนี้ โดยเฉพาะเหล่านักหลอมโอสถ ล้วนแต่อายุยืนกันทั้งนั้น
ในขณะที่เขากำลังใจลอย คนกลุ่มนั้นก็เดินเข้าไปยังด้านใน
ต่อมาเป็ขั้นตอนคัดเลือก ผู้าุโทั้งสามเลือกราวกับเลือกผักตามตลาด เหลือทิ้งไว้แต่เป็พวกแตงปริรูปร่างผิดแปลก โชคไม่ดีนักที่โหยวเสี่ยวโม่เองก็เป็หนึ่งในตัวเลือกนั้น
แต่เขานับว่ายังโชคดี เพราะพวกที่เหลือนั้นล้วนแต่เป็พวกปราณสีเขียว ที่แย่กว่าก็คือสีชมพูและสีเหลือง ซึ่งทั้งชาตินี้ก็คงเป็ได้แค่นักหลอมโอสถระดับล่าง
“เ้า ครึ่งปีจากนี้ก็ติดตามข้าเถิด”
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งโพล่งขึ้นมา พอแหงนหน้ามองก็เห็นชายวัยกลางคนจ้องเขาด้วยใบหน้าตึงคิ้วขมวดอย่างไม่ได้ยินดีเท่าไรนัก
โหยวเสี่ยวโม่รีบขานรับ “ขอรับ”
วัยกลางคนไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนจะคัดเลือกศิษย์เพิ่มอีกไม่กี่คน ที่จริงก็คือพวกของเหลือนั่นเอง จากนั้นก็พาออกจากตำหนักโอสถ
ถึงแม้จะบอกว่าติดตามเขา แต่ชายวัยกลางคนกลับไม่มีความคิดอยากรับพวกเขาไว้เป็ศิษย์แต่แรกอยู่แล้ว ต่อมาได้ยกเขาและพวกที่เหลือให้ศิษย์พี่ใหญ่ ฟางเฉินเล่อ ดูแล ตัวเองกลับหนีไปบำเพ็ญตน ฉะนั้นตอนนี้เขาก็ยังคงเป็แค่ ศิษย์ฝึกหัดอยู่
โหยวเสี่ยวโม่ได้ข้อมูลเล็กน้อยจากศิษย์พี่ใหญ่ ชายวัยกลางคนนามว่าขงเหวิน ในตอนนี้ถือว่าเป็อาจารย์ของเขา ในสำนักเทียนซินพอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง เหมือนว่าแท้จริงตัวเขาเองเป็นักหลอมโอสถระดับสูงปราณสีฟ้าครามท่านหนึ่ง ถึงแม้จะด้อยกว่าสีม่วงอยู่บ้าง แต่ได้ยินว่าเขาสามารถหลอมยาปราณขั้นเก้าได้ แต่ความเป็ไปได้น้อยนัก
แต่ถึงกระนั้นก็ไม่กระทบกับตำแหน่งของขงเหวินในสำนักเทียนซินนัก
แขนงโอสถของสำนักเทียนซินมีสามเหล่าทัพ แบ่งออกเป็ ทัพ์ ทัพวิหค ทัพพิภพ
ขงเหวินเป็ผู้นำทัพพิภพ ทุกปีต้องหาคนใหม่ๆ เข้ามาเพิ่ม ดังนั้น่เวลานี้ในทุกปี อาจารย์ทั้งสามต้องไปคัดเลือกศิษย์จากตำหนักโอสถ แต่เนื่องจากทัพพิภพนั้นจัดว่าความสามารถด้อยกว่า จึงเป็กลุ่มสุดท้ายที่ได้เลือกเสมอ
ด้วยเหตุนี้พวกที่คุณสมบัติดีเลิศ ต่างถูกทัพ์และทัพวิหคเลือกไปหมดแล้ว อย่างเช่นเจียงหลิว ก็ถูกทัพ์คัดเลือกไป
ทุกปีขงเหวินมักอารมณ์เสียเสมอ เป็สาเหตุทำให้เขาหนีไปบำเพ็ญตน
“เช่นนี้ก็ไม่ง่ายเลยสำหรับอาจารย์” โหยวเสี่ยวโม่พึมพำเงียบๆ
คิดไม่ถึงว่าจะเข้าหูฟางเฉินเล่อ และได้ยินในสิ่งที่เขาพูด พร้อมพูดปนขำ “ใช่ มันไม่ง่ายเลยสำหรับอาจารย์ ฉะนั้นต้องพึ่งพาพวกเ้าแล้ว ต้องพยายามเพื่ออาจารย์ของเรานะ”
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านก็รู้ว่าความสามารถพวกข้านั้นช่างด้อยนัก”
เด็กหนุ่มข้างกันพูดพร้อมส่ายหัวอย่างขมขื่น ตอนที่อยู่ในตำหนักโอสถ เขาก็พอจะดูออกบ้าง
ฟางเฉินเล่อตบบ่าเด็กหนุ่มเบาๆ พลางพูดให้กำลังใจ “พวกเ้าอย่าพึ่งท้อใจ คุณสมบัติแย่นั่นเหตุเพราะพลังปราณ หากว่าเ้าลงมือตั้งใจฝึกฝน ก็ยังมีความหวัง ถ้าเ้าถอดใจั้แ่เริ่ม นั่นยิ่งหมดหวังกันไปใหญ่”
“ศิษย์พี่ใหญ่พูดถูก” โหยวเสี่ยวโม่เห็นด้วย
เมื่อเคยเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน โหยวเสี่ยวโม่จึงเข้าใจอย่างถ่องแท้ เขาจึงไม่ได้ถอดใจั้แ่แรกเหมือนคนอื่น
ฟางเฉินเล่อผงกหัวพร้อมชื่นชม
“เอาล่ะ จากนี้เป็ต้นไป พวกเ้าก็เป็ศิษย์ทัพพิภพแล้ว ทัพพิภพของเรานั้นไม่ได้มีกฎมากมายอะไร ขอเพียงพวกเ้าร่วมมือมีน้ำใจเป็หนึ่งเดียวกัน วันนี้เป็วันแรกที่เข้าร่วมทัพพิภพ ยังไม่ค่อยคุ้นชินกับที่นี่ ข้าจึงยังไม่ถ่ายทอดวิชาอะไร อีกครู่ ข้าจะให้ศิษย์พี่ทั้งหลายพาพวกเ้าไปเดินสำรวจรอบๆ พรุ่งนี้ข้าจะแจ้งเวลาที่เราจะประชุมอย่างเป็ทางการอีกที”
จากนั้นก็มีศิษย์พี่มาพาพวกเขาเดินสำรวจ
สภาพแวดล้อมของทัพพิภพเทียบกับที่พักก่อนหน้านี้ นับว่าดีกว่ามาก ท้องฟ้าสดใส เสียงนกแซ่ซ้องกลางป่า ยิ่งอากาศนั้นช่างเย็นสดชื่น เมื่อสำรวจรอบนึง ความง่วงของโหยวเสี่ยวโม่ก็หายเป็ปลิดทิ้ง
เดินวนอยู่ครึ่งชั่วยาม ศิษย์พี่หลีจึงพาพวกเขาไปยังที่พัก