ท่านอ๋องหุบยิ้มในทันที พระองค์ไม่คิดว่าเมิ่งหลินอิงจะกล้าตอกกลับเช่นนี้ แต่เพราะนิสัยไม่ยอมแพ้จึงได้แค่แสยะยิ้มส่งไป
“เ้าจะบอกว่า การที่แม่ทัพหลิวยอมแต่งงาน เพื่อแลกกับความช่วยเหลือเื่เสบียง เป็การเสียสละงั้นหรือ”
“เพคะ เดิมทีหน้าที่หาเสบียงเป็ของราชสำนักอยู่แล้ว ในเมื่อราชสำนักหาทางออกไม่ได้ จนต้องลดตัวลงมาขอความช่วยเหลือจากครอบครัวพ่อค้าและเศรษฐีในเมือง ก็เห็นได้ชัดแล้วว่า…”
“บังอาจ!”
“ท่านอ๋องโปรดทรงอภัย แต่พระองค์ให้หม่อมฉันเป็คนพูด”
“ท่านอ๋องพระทัยเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
กงกงรีบเอ่ยห้าม เพราะที่นี่คือห้องโถงงานเลี้ยง ซึ่งมีขุนนางคนอื่น ๆ อยู่ด้วย หลิวเว่ยหยางไม่เคยคิดเลยว่า เมิ่งหลินอิงจะเป็ผู้ที่ออกหน้าแทนเขา และยังพูดต่อหน้าท่านอ๋องอีกด้วย
เมื่อครู่ยังเห็นนางนั่งสั่นเพราะความกลัวอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับกล้าที่จะพูดเื่นี้ออกไปอย่างกล้าหาญ สายตาที่แน่วแน่แฝงไปด้วยความโกรธนั้น เขาเดาว่าเพราะท่านอ๋อง เอ่ยถึงมารดาของนางเป็แน่
“เมิ่งหลินอิง เ้าพึ่งจะรับตราตั้งขั้นสี่ไป อยากจะให้ข้ายึดคืนตอนนี้เลยงั้นหรือ”
“หม่อมฉันเพียงแค่ทูลตามที่พระองค์ตรัสถาม อีกอย่างหากว่าราชสำนักยื่นมือช่วยเหลือแต่แรก เงื่อนไขการแต่งงานคงไม่เกิดขึ้น และท่านอ๋องคงไม่มอบราชโองการนี้ ให้หม่อมฉันและท่านแม่ทัพสมรสกัน”
“เ้าไม่กลัวว่าข้าจะยึดตราตั้งคืนจริง ๆ สินะ คิดว่าข้าไม่กล้าหรือ!”
"ท่านอ๋องน้ำพระทัยใหญ่หลวง ดุจมหาสมุทรไม่ถือสาผู้น้อย เพียงแต่พระองค์ให้โอกาสผู้อื่นตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ครั้งนี้สกุลเมิ่งได้รับเกียรตินั้น แทนที่จะเป็ท่านอ๋อง หม่อมฉันและสกุลเมิ่งย่อมดีใจที่สุดเพคะ"
“เ้าแน่มาก ใครบอกว่าในคลังข้าไม่มีเงินช่วยกองทัพ ต่อให้วันนี้จะให้สักสามพัน หรือห้าพันตำลึงทองข้าก็ไม่เกี่ยง”
หลินอิงยิ้มออกมา พร้อมกับความดีใจและรีบคุกเข่าก้มศีรษะลงกับพื้นในทันที พร้อมกับพูดด้วยเสียงที่ดัง จนทำให้ทุกคนได้ยินไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ ทำให้ท่านอ๋องไม่สามารถปฏิเสธได้
“หม่อมฉันขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงมีพระเมตตา ห่วงใยบ้านเมืองและราษฎร ที่ประทานเงินช่วยเหลือให้กับกองทัพแม่ทัพหลิว เป็เงินห้าพันตำลึงทองเพคะ”
“เอ่อ เดี๋ยวสิ…ข้า!!”
“ท่านอ๋องทรงมีน้ำพระทัยใหญ่หลวง ห่วงใยราษฎรและแว่นแคว้น หม่อมฉันและราษฎรซาบซึ้งใจยิ่งนักเพคะ”
“นี่เ้า….”
เจิ้งหร่วนอวี้รู้สึกเสียรู้เข้าจนได้ เขาไม่ควรหลงไปกับรูปโฉมของนางจนต่อปากต่อคำ สุดท้ายก็ถูกเมิ่งหลินอิงล้อมและเสียเงินไปอีกห้าพันตำลึงทอง กว่าจะรู้ตัว เมิ่งหลินอิงก็เดินกลับไปนั่งที่นั่งเดิมแล้ว เขาทันได้เห็นสีหน้าของแม่ทัพหลิว ที่ใกึ่งเลื่อมใสฮูหยินของตัวเอง
“เจ็บใจนัก”
“ท่านอ๋อง ยังมีขุนนางคนอื่น ๆ อยู่ ทรงอย่าได้…”
“ข้ารู้แล้ว ไปจัดการมอบเงินให้กองทัพหลวงทันที!”
หลิวเว่ยหยางรีบเดินออกมา และคุกเข่าตรงหน้าด้วยความดีใจระคนสะใจเล็กน้อย
“ขอบพระทัยท่านอ๋อง เงินห้าพันตำลึงทองนี้ กระหม่อมจะใช้ให้คุ้มค่า สมกับน้ำพระทัยที่ท่านอ๋องทรงมอบให้กับกองทัพพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากเื่นี้ท่านอ๋องก็มิได้กล่าวสิ่งใดอีก พระองค์เพียงแค่นั่งดื่มสุราไปเงียบ ๆ และลอบมองมาที่แม่ทัพหลิวกับฮูหยินอยู่บ่อย ๆ ตอนนี้เมิ่งหลินอิงมิได้เกรงกลัวเขาแล้ว เพราะนางได้ลองหยั่งเชิงความสามารถของอ๋องไร้สมองคนนี้แล้วด้วยตัวเอง เมื่อหันมามองข้าง ๆ แม่ทัพหลิวกำลังหยิบขนมหวานมาวางบนจานให้นาง
“นี่คืออะไรเ้าคะ”
“ขอบใจที่พูดเพื่อข้า”
“ข้าไม่ได้พูดเพื่อท่าน ข้าทำเพื่อส่วนรวม”
“ดูเหมือนว่าเ้าจะโกรธมากนะ”
“เหตุใดฝ่าาจึงยอมให้คนสมองหมูเช่นนั้น มาปกครองบ้านเมือง น่ารังเกียจ”
“ฮูหยิน ข้าคิดว่าอย่าพูดมากเกินไป บางอย่างเก็บไว้ในใจก็พอ ที่นี่มิใช่จวนแม่ทัพที่จะพูดได้ตามใจชอบ”
นี่เขาตำหนินางอีกแล้วสินะ ต่อให้ทำดีแค่ไหนก็เท่านั้นเอง แม่ทัพหลิวผู้นี้ไม่คิดจะพูดดี ๆ กับนางเลยสักครั้ง หลินอิงหยิบขนมหวานนั้นคืนให้กับเขาทันที
“นี่เ้าทำอะไร”
“ข้าไม่ชอบกิน ท่านเอาคืนไปเถอะ”
งานเลี้ยงยังคงดำเนินไปต่อเนื่อง แต่ทุกคนยังกลับไม่ได้ เพราะยังต้องรอเหล่าขุนนางชายที่อยู่ในงานเลี้ยง ดังนี้หลินอิงจึงเดินออกมาด้านนอกซึ่งเป็สวน นางเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงด้านหลังห้องโถง และได้ยินเสียงของคนสองคนคุยกัน แต่เมื่อเห็นทหารองครักษ์จึงรู้ว่าเป็ผู้ใด
“เว่ยหยางเ้าแน่มากนะ ฮูหยินของเ้ากล้าปล้นเงินในคลังของข้าต่อหน้าคนอื่น ไม่ทิ้งลายลูกสาวพ่อค้าหน้าเื นางช่างเหมาะกับเ้าจริง ๆ”
“งั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ที่พระองค์เรียกกระหม่อมออกมาที่นี่ ก็เพื่อจะชื่นชมฮูหยินของกระหม่อมหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เ้า! เงินห้าพันตำลึงทองนั่น…”
“ท่านอ๋องคงไม่คิดที่จะไม่จ่ายหรอกนะ ในเมื่อลั่นวาจาไปแล้วต่อหน้าเหล่าขุนนาง อย่าได้ทำให้ความน่าเชื่อถือของตัวเองลดลงไปมากกว่านี้เลย…ญาติผู้พี่”
“นี่เป็แผนการของเ้าสินะ ฮูหยินลูกพ่อค้าหน้าเืผู้นั้น”
“ก็คือผู้ที่ท่าน ส่งมาให้เป็ฮูหยินของข้ามิใช่หรือ ท่านอ๋องลืมไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“หลิวเว่ยหยาง… เ้านอนกับนางแล้วงั้นหรือ เวลาเ้ากอดนาง แน่ใจนะว่ามิได้นึกถึงผู้อื่นอยู่”
หลินอิงเบิกตากว้าง เมื่อแอบฟังในห้องเล็ก ๆ ด้านข้างพวกเขา นางรีบหลบเข้ามาก่อนที่ทหารองครักษ์จะเดินมาถึง แต่ไม่คิดว่าพวกเขาจะหยุดคุยกันตรงนี้
“ท่านหมายความว่าอย่างไร”
“หึ ญาติผู้น้อง มิใช่ว่าเ้ายังลืมสตรีที่หนีไปแต่งงานกับเพื่อนรักของเ้าไม่ได้หรอกหรือ ข้าจำได้ว่าเ้ากับนางรักกันมากมิใช่หรือ บัดนี้กลับยอมแต่งงานกับสตรีอื่น เพื่อแลกกับเสบียงให้กองทัพ ป้ายตราตั้งระดับสี่ที่เ้าคนละโมบแซ่เมิ่งนั่น้าเอาไปทำการค้า และตำแหน่งพระชายารองของข้าถึงกับส่งลูกอนุให้แต่งกับเ้าแทน รู้สึกเป็ยังไง อดสูหรือไม่”
“เ้า!”
“เดี๋ยวก่อนไม่ต้องฉุนเฉียวขนาดนั้น คุยกันตามประสาพี่น้องเหตุใดต้องรุนแรงด้วยเล่า ปล่อยมือเ้าลงด้วย”
แม่ทัพหลิวกำฉลองพระองค์เอาไว้แน่น และยอมปล่อยลงในที่สุด
“เพียงแค่พูดเื่เก่า ๆ อารมณ์ฉุนเฉียว เช่นนี้เ้ายังกล้าบอกกับฮูหยินของเ้าหรือไม่ว่า ยังลืมสตรีในใจผู้นั้นไม่ได้”
“หุบปากของท่านเสียมิเช่นนั้น…”
“ทำไม ห้าพันตำลึงทองข้าให้เ้าก็ได้ แลกกับความสบายใจและทำให้เ้าคิดว่าชนะข้าได้ครั้งหนึ่ง แต่หลิวเว่ยหยางเ้าจำไว้ให้ดี ถึงอย่างไรเ้าก็เป็แม่ทัพที่แต่งงานเพื่อแลกเสบียงและเพื่อลืมสตรีคนรักเก่า ทุก ๆ ความอัปยศเช่นนี้เพียงแค่นึกขึ้นมา… ข้าก็อารมณ์ดีแล้ว”
"เจิ้งหร่วนอวี้! เ้าคนต่ำช้า!"
“เอาละ การพบปะกันตามประสาญาติพี่น้องพอแค่นี้แหละ อีกสองวันข้าจะให้ราชเลขานำเงินไปให้ หวังว่าเ้าคงจะพอใจนะ ฮ่า ๆ”
“ปึง!!”
“ฮึ้ย! ไอ้คนสารเลว!”
แม่ทัพหนุ่มชกไปที่ผนังที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งเป็คนละฝั่งกับที่นางยืนอยู่ เมื่อรับรู้ถึงเื่ราวทั้งหมดแล้ว กลับยิ่งทำให้หลินอิงรู้สึกปวดหัวใจไปเรื่อย ๆ เขาไม่ได้รักนาง ก็ไม่เลวร้ายเท่ากับเขามีสตรีในใจอยู่แล้ว และการแต่งงานนี้เต็มไปด้วยเงื่อนไขที่นางไม่เคยรู้มาก่อน หลินอิงกำมือแน่น ตอนนี้นางเริ่มตัดสินใจบางอย่างได้แล้ว
“ข้าไม่มีทางยอมเป็เบี้ยให้ผู้ใดจับเดิน ข้าจะต้องมีชีวิตใหม่เป็ของตัวเอง…ท่านแม่รอข้าก่อนนะเ้าคะ ข้าจะช่วยท่านออกมาจากขุมนรกนั่นในเร็ววันนี้ แล้วจะได้ไปจากที่นี่ ไปจากคนชั่วร้ายเหล่านี้ทั้งหมด”