แม้ว่าวันนี้เซียวเป่าหลินจะยังไม่เป็ที่โปรดปราน ทว่าทั้งการกระทำและวาจายังคงอ่อนโยนอยู่เสมอ นางซ่อนเขี้ยวเล็บทั้งหมดไว้เป็อย่างดี ราวกับเงาที่อยู่ในมุมมืด
เหยียนอู๋อวี้ไม่เข้าใจแผนการของตระกูลเซียว นางจึงระมัดระวังเซียวเป่าหลิน ทว่าท่าทางภายนอกยังคงต้องแสดงถึงความรักใคร่
“ได้ยินว่าหลายวันมานี้พี่หญิงไม่สบาย หรูเสวี่ยจึงมาเยี่ยมเพคะ” เซียวเป่าหลินนั่งลงบนเก้าอี้ พร้อมนางกำนัลข้างกายเดินถือกล่องเข้ามาด้วย นางเอ่ยเสริมอีกว่า “สิ่งนี้คือยาเม็ดหนิงเซียงที่ทำจาก โสม เขากวาง รังนกและอาเจียว[1] หากพี่หญิงไม่รังเกียจโปรดรับไว้ด้วยเพคะ”
ป้าโฉ่วรับกล่องไว้ เหยียนอู๋อวี้ตอบรับด้วยรอยยิ้ม “ขอบใจน้องหญิงมาก ไม่รู้ว่าทางพี่หญิงซูเฟยมีหรือไม่?”
เซียวเป่าหลินพยักหน้าอย่างใจกว้างและกล่าวว่า “ส่งไปให้พี่หญิงซูเฟยแล้วเพคะ”
“ข้าเพียงเป็หวัดเล็กน้อยเท่านั้น ใช้ยาตัวนี้คงจะสิ้นเปลืองเกินไปกระมัง”
“แม้ว่าจะไม่เป็อันใดมาก ทว่าพี่หญิงร่างกายอ่อนแอ สามารถใช้บำรุงร่างกายได้เพคะ หากใช้หมดหรูเสวี่ยจะส่งมาให้อีก” เซียวเป่าหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเอาใจใส่
เหยียนอู๋อวี้เห็นนางเอ่ยด้วยน้ำเสียงลังเลอยู่หลายครั้ง ครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงสั่งให้คนอื่นๆ ออกไป เหลือเพียงป้าโฉ่วไว้คอยรับใช้ จากนั้นจึงเอ่ยปากถามนางว่า “น้องหญิงมีเื่อันใดจึงมาหาข้าวันนี้หรือ?”
“ท่านพ่อให้หรูเสวี่ยไปมาหาสู่กับพี่หญิงให้มากขึ้น เพียงแต่หรูเสวี่ยคิดว่าพี่หญิงจะเข้าใจสิ่งที่หรูเสวี่ยคิด ดังนั้นจึงไม่ค่อยไปมาหาสู่” เซียวเป่าหลินเอ่ยอย่างลังเลอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจถามว่า “พี่หญิงเคยได้ยินเื่ยาพิษกู่หรือไม่?”
เหยียนอู๋อวี้รู้สึกประหลาดใจ ทว่าสีหน้ากลับไม่เผยร่องรอยใดๆ ให้เห็น พลางกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ข้าเคยอ่านจากหนังสือในวังหลวง และได้ยินมาว่าคล้ายจะเป็วิชาลึกลับของชาวเป่ยอู?”
เซียวเป่าหลินพยักหน้าอย่างลังเล จากนั้นจึงลุกขึ้นเดินไปข้างกายนางพลางเอ่ยกระซิบว่า “หรูเสวี่ยสงสัยว่าซูเฟยมีส่วนเกี่ยวข้อง และซูเฟยมีความสัมพันธ์กับชาวเป่ยอู”
หัวใจเหยียนอู๋อวี้เต้นระรัว สีหน้าเผยให้เห็นถึงความอยากรู้อยากเห็น “เ้าเอ่ยเช่นนี้ได้อย่างไร?”
เซียวเป่าหลินเล่าเื่ราวที่เกิดขึ้นในสวนวังหลวงในวันนั้นอีกครั้งพลางกล่าวว่า “หรูเสวี่ยเห็นบางสิ่งคลานเข้าไปในจมูกของอู๋เจาหรง และไม่รู้ว่าอู๋เจาหรงจามเอามันออกมาหรือไม่ หรูเสวี่ยรู้เพียงแค่คืนนั้นนอนหลับไปแล้ว จากนั้นเมื่อเห็นในภายหลังอู๋เจาหรงก็มีท่าทางแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แม้หรูเสวี่ยจะไม่รู้ว่าพิษกู่คือสิ่งใด หากแต่ก็รู้สึกว่าน่าจะเกี่ยวกับพิษกู่”
“น้องหญิงกังวลเื่ใดหรือ?”
เซียวเป่าหลินเอ่ยอย่างกังวล “พวกเป่ยอูกับแคว้นต้าเซวียนขัดแย้งกันในยามนั้น จากนั้นพวกเป่ยอูก็ถูกทำลาย หากซูเฟยเป็ลูกหลานเผ่าเป่ยอู เช่นนั้นแล้วฮ่องเต้จะตกอยู่ในอันตรายหรือไม่เพคะ?”
“เกรงว่าน้องหญิงจะกังวลมากเกินไป” เหยียนอู๋อวี้กล่าวเสียงเบา “ไม่พูดถึงเื่ซูเฟยเป็ลูกหลานของเป่ยอูหรือไม่ก่อน ต่อให้นางมีโอกาสจะลงมือ ก็ควรลงมือไปก่อนหน้านี้แล้ว เหตุใดต้องรอจนถึงวันนี้ด้วย?”
สีหน้าของเซียวเป่าหลินซีดขาว “เมื่อนึกถึงสถานการณ์ที่เผชิญหน้าในวันนั้น ยามที่นางกำนัลอยู่ในสถานการณ์ที่น่าสลดใจ หรูเสวี่ยรู้สึกอยู่เสมอว่าเื่ราวมันไม่ง่ายอย่างที่เห็น ซึ่งท่านพ่อบอกกับน้องว่าไม่ต้องสืบสาวเื่การตายของพี่สาวแล้ว ทว่าน้องลืมเื่นี้ไม่ได้จริงๆ”
“เซียวเป่าหลิน” เหยียนอู๋อวี้วางมือบนไหล่ของนางพลางตบเบาๆ “การตายของลี่เจาอี๋นั้นซับซ้อนเกินกว่าที่น้องเห็น ทว่ายามนี้เ้ายังต้องยืนหยัดในวังหลวงอย่างมั่นคง ท่านพ่อฝากความหวังของตระกูลไว้กับเ้า และเ้าต้องไม่ทำตามอำเภอใจ”
เซียวเป่าหลินพยักหน้าอย่างซาบซึ้งพลางตอบรับด้วยน้ำเสียงแ่เบา “น้องจะจำไว้”
เหยียนอู๋อวี้เอ่ยจบและกำลังจะยกมือออก ไม่คาดคิดว่าเซียวเป่าหลินกลับดึงนางไว้ พร้อมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนว่า “พี่หญิงช่วยตบไหล่หรูเสวี่ยอีกสักสองสามครั้งได้หรือไม่? ก่อนหน้านี้เมื่อมีเื่ที่ไม่น่าพอใจเกิดขึ้นที่บ้าน ท่านแม่ก็จะตบไหล่หรูเสวี่ยเช่นนี้”
เหยียนอู๋อวี้หยุดชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นจึงยกมือตบไหล่นางเบาๆ พลางเอ่ยช้าๆ ว่า “ข้าเชื่อว่าเ้ารู้เื่การตายของลี่เจาอี๋แล้ว และข้าได้เข้ามาเกี่ยวข้องใน่เวลานั้นด้วย”
นางรู้สึกว่าร่างกายของเซียวเป่าหลินแข็งทื่อครู่หนึ่ง ก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจของนาง “หรูเสวี่ยรู้เื่นี้แต่แรกแล้ว ทว่าเื่นี้มิใช่ความผิดของพี่หญิง เมื่อเอ่ยถึงเื่นี้ พี่สาวของน้องก็เป็เพียงหมากของพวกเขาเท่านั้น เพียงนางมีใจทุ่มเทให้กับฝ่าามากเกินไป และหวังจะมีชีวิตที่ฟุ่มเฟือยหรูหราบ้าง แต่กลับไม่รู้ว่าฝ่าามิได้มีความรู้สึกร่วมด้วยเลยแม้แต่น้อย”
มือของเหยียนอู๋อวี้ยังไม่ได้หยุด ใบหน้าของเซียวเป่าหลินแนบอยู่กับเข่าของนาง นางไม่เห็นสีหน้าของเซียวเป่าหลินและไม่ว่านางจะพูดอย่างจริงใจหรือไม่ เหยียนอู๋อวี้ยังไม่เชื่อนางทั้งหมด
เซียวเป่าหลินไม่รู้จริงๆ ว่า พิษกู่คือสิ่งใด? จุดนี้เป็ไปไม่ได้
รู้เื่เกี่ยวกับเผ่าเป่ยอู และสืบหาข้อมูลมากมาย เหตุใดจึงไม่รู้เื่นี้ วันนี้นางมาที่นี่ เพียงแค่บอกว่านางเป็ตัวแทนตระกูลเซียวในการมาครั้งนี้ และยังเป็การแสดงความปรารถนาดีของนาง
คิดว่าตระกูลเซียว้าทำความเข้าใจว่าเหตุใดอู๋เจาหรงจึงได้รับความโปรดปราน ทว่ายังคงไม่วางใจเื่ที่นางเป็ฉายเหรินที่ไม่ได้รับความโปรดปราน ซึ่งเป็สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจ
พวกเขากำลังเดิมพันใช่หรือไม่? เดิมพันว่าฝ่าาจะหมดความโปรดปรานอู๋เจาหรง หรือกำลังเดิมพันว่านางจะหาทางเอาหัวใจของซ่งอี้เฉินกลับคืนมาได้หรือไม่?
ไม่ว่าจะเป็แบบใด ในเมื่อตระกูลเซียวไม่คิดจะยอมล้มเลิกความตั้งใจเดิม นางก็จะไม่ล้มเลิกเช่นกัน
อย่างน้อย ตำหนักเฟิ่งชัยก็ไม่มีสายของเซียวหรูเสวี่ยเล็ดลอดเข้ามา
......
ขณะนี้เป็เวลาดึกแล้ว ตำหนักอี้คุนยังคงสว่างไสวราวกับกลางวันด้วยแสงของไข่มุกราตรีที่แขวนอยู่บนคานของตำหนักอี้คุนที่ส่องสว่างยิ่งกว่าแสงเทียน
ไทเฮานั่งอยู่บนเก้าอี้มองไปทางซ่งอี้เฉินที่ถือถ้วยชาและดื่มชาด้วยสีหน้าเหม่อลอยอยู่ด้านข้าง ไทเฮามองภาพนั้นแล้วรู้สึกะเืใจอย่างยิ่ง
ครานั้นนางรอดตายอย่างหวุดหวิดเพื่อให้เขาได้เกิดมา ยามนั้นเขาตัวใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อยจนเกือบจะเลี้ยงให้มีชีวิตรอดต่อไม่ได้ ไม่คาดคิดว่าเขาฝ่าฟันความยากลำบากทุกรูปแบบจนได้นั่งบนบัลลังก์ั
อย่างไรก็ตาม ในสายพระเนตรของไทเฮา แม้ว่าซ่งอี้เฉินจะกลายเป็ฮ่องเต้ ทว่าเขาก็ยังเป็บุตรชายของนาง นางอยากทำอีกหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อเขา ให้เขาได้มีชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น
น่าเสียดายที่เขาไม่เข้าใจ
ไทเฮาถอนหายใจ ซ่งอี้เฉินได้ยินจึงวางถ้วยชาลงพลางเอ่ยถามด้วยความห่วงใยว่า “เสด็จแม่ไม่สบายที่ตรงใดพ่ะย่ะค่ะ?”
“อายเจียรู้สึกไม่สบายใจ” ไทเฮาตรัสพลางลูบหน้าอก
ซ่งอี้เฉินได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยทันที “ลูกจะเรียกหมอหลวง”
“ไม่จำเป็ อายเจียป่วยที่ใจ” เมื่อไทเฮาเห็นเขามีท่าทางวิตกกังวล นางก็รู้สึกโล่งใจนัก แม่ลูกมีความผูกพันกัน อย่างไรเสีย เขาก็คือบุตรชายของนาง
“เสด็จแม่มีเื่อันใดอยู่ในใจก็พูดออกมาให้ลูกได้ช่วยแบ่งเบาความกังวลใจนั้นเถิด”
ไทเฮาถอนหายใจพลางจับมือซ่งอี้เฉินแล้วตบบนมือของเขาเบาๆ ราวกับว่าเขายังเป็เด็ก แต่ปากกลับพูดว่า “ปีนี้ฮ่องเต้อายุยี่สิบเจ็ดแล้ว ทว่าอายเจียกลับยังไม่มีหลานชายเลย ลี่เจาอี๋ก็ทำไม่ได้อย่างที่หวัง ไม่สามารถเก็บเด็กในครรภ์ได้และยังต้องจบชีวิตลงอีก นอกจากนี้ตำหนักหลังมีสนมมากมาย กลับทำอันใดไม่ได้ ไม่มีแม้แต่องค์หญิง เมื่อใดอายเจียจะมีหลานชายให้อุ้มเสียที?”
“เสด็จแม่......” ซ่งอี้เฉินไม่รู้จะตอบอย่างไรไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นเพียงเอ่ยปลอบใจว่า “จะต้องมีแน่พ่ะย่ะค่ะ ลูกยังมีร่างกายที่แข็งแรงดี และไม่มีปัญหาเื่มีทายาทอย่างแน่นอน”
“ได้ยินว่าเ้าไปค้างคืนที่ตำหนักของอู๋เจาหรงทุกคืนหรือ?” ไทเฮาตรัสและไม่รอคำตอบ นางตรัสเสริมอีกว่า “ฮ่องเต้ การที่ทรงโปรดสนมเพียงผู้เดียวมิใช่เื่ดี ก่อนหน้านี้เหยียนฉายเหรินก็ป่วย เ้าก็เก็บนางเอาไว้ ไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนเป็ผู้อื่น ทว่าผู้ที่ทรงโปรดปรานในยามนี้ เ้าก็โปรดปรานมาเป็เวลานานแล้ว อย่าปล่อยให้นางสนมในตำหนักหลังเว้นว่าง”
“ก่อนหน้านี้ลูกก็มิได้ปล่อยให้พวกนางว่าง ทว่าก็มิเห็นพวกนางตั้งครรภ์เลย” ซ่งอี้เฉินเอ่ยอย่างไม่พอใจ “มีคนในตำหนักหลังตั้งครรภ์แล้ว ซึ่งแสดงว่าลูกไม่มีปัญหา”
“ในเมื่อเป็เช่นนั้น ก็เพิ่มคนให้เต็มตำหนักหลังเถิด” ไทเฮาว่าไปตามสถานการณ์
เชิงอรรถ
[1] อาเจียว คือ สารทำให้เป็ลูกกลอน