เหมันตฤดูเดือนสิบสอง น้ำแข็งและหิมะผสมผสาน
มุมเล็กๆ ในสวนของเรือนแห่งหนึ่งที่ดูไม่สะดุดตาในเมืองหลวงได้ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวพร่างพราวหนาเป็ชั้น
“พี่เฉียวเอ๋อร์ คุณหนูใหญ่คง...ไม่ตายไปแล้วหรอกกระมัง”
หากไม่มีใครเอ่ยปาก ย่อมไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามีร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งถูกฝังอยู่ในหิมะหนาทึบ
เมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ สตรีที่กำลังนั่งเคี้ยวเมล็ดแตงโมอยู่ในเรือนก็เดินออกมา แววตาของนางเต็มไปด้วยโทสะ “เ้าเอะอะโวยวายอะไร? คุณหนูใหญ่ที่ไหนกัน? นางคู่ควรกับคำเรียกเช่นนั้นหรือ?”
ขณะที่เอ่ยก็เดินมาข้างๆ ‘ศพ’ ก่อนใช้เท้าเตะด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ
เมื่อเห็นว่าร่างนั้นไม่ขยับเขยื้อน สตรีที่ถูกเรียกว่าพี่เฉียวเอ๋อร์ก็เชิดหน้าขึ้นสูง แววตาเจือไปด้วยความเหยียดหยามก่อนจะกล่าวว่า “ในที่สุดนางแพศยาคนนี้ก็ตายเสียที เฮอะ ผู้ที่ได้อภิเษกสมรสกับไท่จื่อ[1]จะต้องเป็คุณหนูรองของเรา! ขอเพียงคุณหนูรองของเราได้เป็ไท่จื่อเฟย[2] ข้าก็จะเป็นางข้าหลวงของไท่จื่อ เมื่อถึงเวลานั้นย่อมเป็ผลดีกับพวกเ้า”
เมื่อกล่าวจบ เฉียวเอ๋อร์ก็กัดฟันมองร่างของคุณหนูใหญ่ที่ถูกทำร้ายจนเป็คนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง นางไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่านางแพศยาผู้นี้คือคุณหนูใหญ่ของตระกูลไป๋!
เมื่อเห็นว่าเฉียวเอ๋อร์มีท่าทีโกรธเคือง สาวใช้ทั้งสองคนจึงได้แต่หมอบอยู่กับพื้นและไม่ปริปากใดๆ
“พวกเ้าสองคนอย่าลืมเก็บกวาดที่นี่ด้วย”
ในเวลานี้สมองของเซี่ยเหอที่ถูกฝังอยู่ในหิมะหนาทึบกำลังสับสนสุดขีด นางจำได้ว่าขณะปฏิบัติภารกิจ นางต้องะโจากเครื่องบินจนทำให้นางเสียชีวิต ทว่านางกลับตื่นขึ้นมาในร่างนี้
ทันใดนั้นความทรงจำมากมายได้หลั่งไหลเข้ามาในสมอง หญิงสาวเ้าของร่างมีชื่อว่าไป๋เซี่ยเหอ นางเป็คุณหนูใหญ่สายตรงของตระกูลไป๋ ทว่านางเกิดมาอ่อนแอ ผู้ใดล้วนรังแกนางได้ทั้งสิ้น เนื่องจากนางตำแหน่งไท่จื่อเฟย จึงเป็ที่ขัดหูขัดตาของเหล่าคุณหนูจากจวนต่างๆ
เฉียวเอ๋อร์ตัดสินใจหมุนตัวจากไป เมื่อนางเดินผ่านไป๋เซี่ยเหอก็เตะ ‘ศพ’ อย่างโเี้ราวกับ้าระบายโทสะที่ไม่มีวันทุเลา
“อ๊า—” แต่เฉียวเอ๋อร์กลับต้องกรีดร้องเสียงดังลั่น
ไม่รู้ว่า ‘ศพ’ ที่อยู่บนพื้นฟื้นขึ้นมาั้แ่เมื่อไร เนื้อตัวนางเต็มไปด้วยเืสีแดงสด อาภรณ์ก็ขาดรุ่งริ่ง ทว่านิ้วมือที่งดงามราวกับหยกกลับบีบคอระหงและบอบบางของเฉียวเอ๋อร์ไว้แน่น
จู่ๆ เสียงกรีดร้องหยุดลงกะทันหัน ใบหน้าของเฉียวเอ๋อร์แดงก่ำ มือทั้งสองข้างพยายามดึงมืออีกฝ่ายออกจากลำคอ
นางคาดไม่ถึงว่าคุณหนูใหญ่ผู้ไร้ค่าที่ปกติจะอ่อนแอไร้ความสามารถจะมีเรี่ยวแรงมากมายถึงเพียงนี้ นางไอออกมาขณะกล่าวคำข่มขู่ “นางแพศยาสมควรตายยังไม่รีบปล่อยมืออีก ข้าคือสาวใช้ข้างกายคุณหนูรอง หากเ้ากล้าทำร้ายข้า คุณหนูรองไม่ปล่อยเ้าไปแน่”
ไป๋เซี่ยเหอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นะเื “ปล่อยเ้าหรือ? ปล่อยเ้าให้ฆ่าข้าให้ตายอย่างนั้นหรือ?”
“เ้า...” ใบหน้าของเฉียวเอ๋อร์แดงก่ำ ตอนนี้นางหายใจไม่สะดวกเอาเสียเลย“หากข้าได้รับาเ็ คุณหนูรองจะต้องฆ่าเ้าเพื่อล้างแค้นให้ข้าอย่างแน่นอน”
“ข่มขู่ข้าหรือ? เ้ายังไม่คู่ควร!”
ไม่ต้องพูดถึงคุณหนูรองอะไรนั่น ในเมื่อร่างกายนี้เป็ของนางแล้ว นางจะไม่ปล่อยบรรดาคนที่เคยทำร้ายหญิงสาวเ้าของร่างไปแม้แต่คนเดียว รวมถึงไท่จื่อที่ได้ชื่อว่าเป็คู่หมั้นด้วย!
“เ้า...” เฉียวเอ๋อร์คาดไม่ถึงว่าไป๋เซี่ยเหอจะเพิ่มแรงขึ้นอีก นางรู้สึกเหมือนตนเองจะขาดใจตายได้ทุกเมื่อ และนั่นก็ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที “ข้าเป็คนของไท่จื่อแล้ว หากเ้าทำร้ายข้า ไท่จื่อย่อมไม่ปล่อยเ้าแน่!”
ไม่มีผู้ใดในเมืองหลวงที่ไม่ทราบว่าไป๋เซี่ยเหอชมชอบไท่จื่อ
เพื่อที่จะได้อภิเษกสมรสกับไท่จื่อ นางไม่ลังเลที่จะข่มขู่แม่ทัพไป๋ว่าจะปลิดชีพตนเอง และขอให้แม่ทัพไป๋ใช้คุณงามความดีทางการทหารแลกกับราชโองการสมรส
เมื่อใดที่รู้ว่ามีสตรีวางแผนจะชิดใกล้กับไท่จื่อ นางจะสั่งให้คนไปทำลายชื่อเสียงและรูปโฉมของสตรีผู้นั้น
ไป๋เซี่ยเหอมีชื่อเสียงฉาวโฉ่มาเนิ่นนานแล้ว เป็ที่รังเกียจเดียดฉันท์ของไท่จื่อยิ่งนัก
เมื่อเห็นว่ามือของไป๋เซี่ยเหอคลายออกจากลำคอของนาง เฉียวเอ๋อร์ก็คิดไปเองว่านางจับจุดอ่อนของไป๋เซี่ยเหอได้แล้ว สีหน้าของนางจึงดูลำพองใจเป็อย่างยิ่ง “หากเ้าคุกเข่าขอโทษข้า ไม่แน่ว่าข้าอาจอารมณ์ดีแล้วกล่าวถึงเ้าในแง่ดีสักสองสามประโยคต่อหน้าพระพักตร์ของไท่จื่อ ทำให้ไท่จื่อคลายความรังเกียจเ้าได้บ้าง”
ถ้อยคำเช่นนี้น่าขยะแขยงเสียจริง มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าไป๋เซี่ยเหอเป็ไท่จื่อเฟยที่แต่งตั้งโดยฮ่องเต้ ทว่าตอนนี้กลับต้องให้สาวใช้ที่ไม่ใช่แม้แต่นางข้าหลวงกล่าวถึงนางในแง่ดี
ยิ่งไปกว่านั้น...
ไป๋เซี่ยเหอล่วงรู้จากความทรงจำของเ้าของร่างว่า ถึงแม้นางจะชมชอบไท่จื่อ ทว่ามิได้มากมายดังเช่นข่าวลือ แม้แต่สิ่งที่เรียกว่าสมรสพระราชทานที่แลกมาด้วยคุณงามความดีทางการทหารนั้นก็ยังมีเงื่อนงำซ่อนอยู่
‘กร๊อบ’ จู่ๆ ก็มีเสียงกระดูกหักดังขึ้น เฉียวเอ๋อร์ที่ถูกหักข้อมืออย่างกะทันหันได้หมดสติลงเพราะความเ็ป แต่ก่อนที่จะหมดสติ นางกลับไม่เข้าใจว่าเหตุใดไป๋เซี่ยเหอถึงได้กล้าทำเช่นนี้
สาวใช้อีกสองคนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ใบหน้าของพวกนางเต็มไปด้วยความแปลกใจ เพราะนึกไม่ถึงว่าคุณหนูใหญ่จะกล้าทุบตีคน หรือว่าพวกนางตาฝาดกันแน่
“จะ เ้าไม่ใช่คุณหนูใหญ่ เ้ามันเป็ปีศาจ!” สาวใช้หนึ่งในนั้นกล่าวขึ้น นางใกับการกระทำของไป๋เซี่ยเหอยิ่งนัก เมื่อกล่าวจบนางก็เป็ลมล้มพับไปในทันใด
ไป๋เซี่ยเหอไม่สนใจสาวใช้คนดังกล่าว ดวงตาอันใสกระจ่างของนางเหลือบมองไปยังสาวใช้อีกคนที่ยืนตัวสั่นเทิ้มอยู่เพียงผู้เดียว
สาวใช้ผู้นั้นคุกเข่าลงบนพื้นอย่างแรงโดยไม่รอให้ไป๋เซี่ยเหอเอ่ยปาก “คุณหนูใหญ่ บ่าวผิดไปแล้ว โปรดละเว้นโทษแก่บ่าวด้วยเถิด บ่าวถูกบังคับเ้าค่ะ”
“คุณหนูใหญ่บ่าวผิดไปแล้วเ้าค่ะ บ่าวสำนึกผิดแล้ว ได้โปรดยกโทษให้บ่าวด้วยเถิด เห็นแก่ที่บ่าวรับใช้ท่านมาหลายปี โปรดปล่อยบ่าวไปเถิดเ้าค่ะ นี่ นี่ล้วนเป็คุณหนูรองที่บีบบังคับบ่าว บ่าวจึงจำเป็ต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้เ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มเ้าเล่ห์ที่แฝงไว้ด้วยความเ็า ์ย่อมรู้ดีว่าเ้าของร่างรอดชีวิตมาตลอดหลายปีได้อย่างไร ร่างกายนี้อ่อนแอจนน่ากังวล ทั่วร่างเต็มไปด้วยาแทั้งเก่าและใหม่ เรียกได้ว่าไม่มีจุดใดที่ไม่มีาแ
ตอนนี้นางเพิ่งจะย้อนเวลามา แต่กลับต้องมาอยู่ในร่างที่อ่อนแอเหลือทน...
“เ้าควรขอบคุณโชคชะตาที่เ้ายังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง” ไป๋เซี่ยเหอผู้ด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ จากนั้นก็เตะร่างของหญิงสาวสองคนที่เป็ลมล้มพับไปตรงหน้าของสตรีผู้นั้น “เ้าน่าจะรู้ดีว่าควรพูดอะไรบ้าง คงไม่ต้องให้ข้าสอนเ้ากระมัง”
ไป๋เซี่ยเหอเผยรอยยิ้มเ้าเล่ห์ นางเอานิ้วเข้าปากแล้วเผลอดูดนิ้วโดยไม่รู้ตัว แม้แต่ตัวนางเองก็ไม่รู้ว่านิสัยดูดนิ้วเช่นนี้เกิดขึ้นั้แ่เมื่อใด
------------------------
[1] ไท่จื่อ หมายถึง องค์รัชทายาท
[2] ไท่จื่อเฟย หมายถึง พระชายาในองค์รัชทายาท
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้