บุหงานั่งฟังเสียงฝน…
สายตามองไปยังภาพวาดมากมาย ใส่กรอบไม้ประดับเอาไว้ข้างฝาผนังที่ด้านหนึ่งเป็ปูนเปลือย
มีทั้งสีชอล์ก สีน้ำ และสีน้ำมัน เป็งานศิลปะหลากหลายสไตล์แต่ล้วนสวยงามน่าชม
ที่มุมห้องก็มีประติมากรรมไม้แกะสลักเป็รูปอวัยวะเพศชายลำยาวใหญ่มหึมา ขนาดพอๆ กับท่อนแขนเด็ก ทำเอาบุหงาเห็นแล้วรู้สึกเขินอายเมื่อเผลอเพ่งมองรายละเอียดอย่างพิจารณา
ครู่สั้นๆ ต่อมา…
เ้าของบ้านเดินกลับเข้ามาพร้อมด้วยเบียร์สองกระป๋องเย็นเฉียบที่เพิ่งเอาออกมาจากตู้เย็น
“เธอดื่มเบียร์ได้ไหม… แก้หนาว… ”
บดินทร์ทรุดกายลงนั่งบนโซฟาหนังสีน้ำตาล
“ขอบคุณค่ะ… ”
บุหงารู้สึกหนาวน้ำฝนอย่างที่เขาว่า…
หล่อนเผลอยกมือขึ้นมาลูบไล้ต้นแขนตัวเองด้วยความลืมตัว
อาจเป็เพราะว่าบ้านไม้หลังนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา บรรยากาศจึงชื้นเย็นถึงขั้นหนาวได้ง่ายๆ เมื่ออุณหภูมิแปรเปลี่ยนอย่างเร็ว
“คุณอยู่คนเดียวหรือคะ… ”
บุหงาชวนคุยแข่งกับเสียงฝน…
พอจะรู้จากปากลูกชายเขามาบ้างว่าบดินทร์คนนี้เป็พ่อม่าย เป็ศิลปินผู้รักงานศิลปะและธรรมชาติ
จึงเลือกมาใช้ชีวิตอย่างสันโดษอยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพรห่างไกลความเจริญ
“ใช่… ฉันโสดมาเกือบสิบปีแล้ว”
บดินทร์กล่าวพลางยกเบียร์ขึ้นดื่ม…
อดไม่ได้ที่จะมองเรือนร่างเอิบอิ่มเย้ายวนของบุหงา หล่อนเป็ผู้หญิงที่สวยมาก
ไม่ใช่สวยธรรมดา แต่ทรวดทรงเนื้อนมไข่ อกใหญ่สะโพกเย้ายวนแบบนี้แหละสเปคของบดินทร์ ทำเอารู้สึกใจเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้
“แล้วไม่คิดจะแต่งงานใหม่หรือคะ… ”
บุหงายกเบียร์ในกระป๋องของหล่อนขึ้นกระดกดื่มบ้าง ตายังมองร่างกำยำที่สวมเพียงเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงขาก๊วยสีน้ำตาลเข้ม
“ฉันอยู่คนเดียวจนชินแล้ว… ”
บดินทร์จ้องมองตาบุหงาด้วยความลืมตัว…
