“นำองุ่นพวกนี้ไปขายมิคุ้มหรอก นำไปหมักเป็เหล้าดีกว่า” จิ่นเซวียนคิดถึงเหล้าองุ่นยิ่งนัก นางจึงอยากใช้องุ่นดำพวกนี้ไปหมักเหล้า
หมักเหล้า ใช้องุ่นหมักเหล้าได้ด้วยหรือ?เขาเคยได้ยินแต่องุ่นอบแห้ง มิเคยได้ยินเหล้าองุ่นเลย ซ่งเฉวียนมองจิ่นเซวียนอย่างประหลาดใจ “ท่านอาสะใภ้ห้า ท่านแน่ใจว่าจะหมักเหล้าหรือขอรับ?”
“ข้าดูล้อเล่นหรือ?” จิ่นเซวียนเอื้อมมือไปเคาะหัวของซ่งเฉวียน “ข้าเห็นคนใช้องุ่นหมักเหล้ามาจากในหนังสือ หนังสือบันทึกวิธีหมักเอาไว้ ว่ากันว่าองุ่นสามจินสามารถหมักเหล้าองุ่นได้หนึ่งจินกว่าๆ หากข้าทำได้ พวกเราก็รวยแล้ว”
“องุ่นสามจินขายได้ห้าถึงหกตำลึงเงิน เช่นนั้นเหล้าองุ่นหนึ่งจินขายได้เท่าใดหรือขอรับ ข้าจะได้คิดคำนวณว่าหมักเหล้าแล้วจะคุ้มหรือไม่ขอรับ” ซ่งเฉวียนคำนวณต้นทุนเงียบๆ
“อาเฉวียน เหล้าองุ่นเป็ของหายาก องุ่นตะกร้านี้หมักเหล้าได้สิบถึงยี่สิบจิน และเหล้าที่ข้าหมัก ขายได้อย่างน้อยสองร้อยถึงสามร้อยตำลึง” จิ่นเซวียนมิได้โอ้อวด แต่นางหมักเหล้าองุ่นเป็จริงๆ มิใช่แค่นาง แม่บ้านในยุคปัจจุบันหลายคนก็หมักกันได้ ทุกๆ ปีเมื่อถึงหน้าองุ่น นางจะซื้อองุ่นกลับมาหมักเอง
“ท่านอาสะใภ้ห้า ในเมื่อเหล้าองุ่นเป็ของหายาก เหตุใดพวกเรามิซื้อองุ่นจากเมืองเป่ยซินมาหมักเองเล่าขอรับ เวลานั้นจะได้กำไรเพิ่มสองเท่าเลยนะขอรับ” ซ่งเฉวียนค่อนข้างมีหัวทางธุรกิจ เขาแนะนำอีกมุมมองหนึ่ง ให้จิ่นเซวียนไปซื้อองุ่นที่เมืองเป่ยซิน
“อาเฉวียน เ้ามีหัวในการทำธุรกิจ เ้าตามมาเรียนกับข้าได้” จิ่นเซวียนตบไหล่ของซ่งเฉวียนเบาๆ และยกนิ้วชื่นชมเขา
“ฤดูนี้เป็ฤดูผลิตองุ่นออกสู่ท้องตลาด ข้าจะไปปรึกษากับท่านอาห้าของเ้าดูว่าพวกเราสามารถไปเมืองเป่ยซินด้วยตนเองได้หรือไม่ แต่ก่อนที่จะไปเมืองเป่ยซิน พวกเราต้องเตรียมเงินเพื่อซื้อองุ่นเสียก่อน เงินที่มีอยู่คงพอซื้อองุ่นได้สักสองสามร้อยจิน”
“เฮ้อ พวกเราเป็ภาระของท่านอาสะใภ้ห้าแล้วขอรับ” ซ่งเฉวียนรู้สึกละอายใจยิ่งนัก เขาอยากช่วยจิ่นเซวียนแก้ปัญหาแต่กลับไร้ความสามารถ
“เ้าเด็กโง่ พวกเราเป็ครอบครัวเดียวกัน ยังจะมาพูดเื่เป็หรือมิเป็ภาระกันอีก เ้าอย่าดูเบาองุ่นหลายร้อยจินเชียว มันสามารถใช้หมักเหล้าได้ถึงสองสามร้อยจินเลย เดิมทีเหล้าองุ่นนี้ก็ยังมิมีผู้ใดหมักมาก่อน เมื่อถึงเวลาเรานำไปขายในเมืองหลวง ไหหนึ่งอาจจะขายได้ราคาสูงเป็เงินหลายพันตำลึง”
หากนางมิทำก็คือมิทำ แต่หากทำแล้วก็ต้องสร้างชื่อสินค้าของตนเอง
“อาเฉวียนเ้ารอข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไปดูว่าแถวนี้มีของล้ำค่าอีกหรือไม่” จิ่นเซวียนหาข้ออ้างเดินออกไป นางจะเข้าไปเอาโสมคนอายุน้อยออกจากมิติ เพื่อนำไปจำนำในเมืองแล้วนำเงินไปซื้อองุ่น
เงินในมือของพวกนางต้องมีแหล่งที่มาที่สมเหตุสมผล คนบ้านซ่งถึงจะเชื่อ
“ท่านอาสะใภ้ห้า ท่านไปคนเดียว มันอันตรายเกินไปขอรับ” ซ่งเฉวียนรั้งมิให้จิ่นเซวียนไป เขาคิดว่าป่าดงดิบในูเาลึกอันตรายเกินไป หากเกิดเื่ขึ้นกับท่านอาสะใภ้ห้า เขามิสามารถอธิบายกับท่านอาห้าได้
“ข้าเป็วรยุทธ์ มิอันตรายหรอก เ้าต่างหากระวังตัวด้วย” ก่อนที่จิ่นเซวียนจะจากไป นางก็มอบซองธนูบนหลังให้ซ่งเฉวียนเอาไว้ใช้ป้องกันตัว หากซ่งเฉวียนเกิดเื่ จิ่นเซวียนจะมิสามารถอธิบายกับเฉินซื่อและซ่งจื่อเฉินได้
“ท่านอา......” ซ่งเฉวียนยังมิทันเรียก จิ่นเซวียนก็หายเข้าไปในป่าแล้ว
นางไปได้ประมาณหนึ่งถ้วยชา ซ่งจื่อเฉินก็กลับมา ซ่งจื่อเฉินมิเห็นจิ่นเซวียน จึงร้อนใจเล็กน้อย
“ซ่งเฉวียน อาสะใภ้ห้าไปที่ใดแล้ว?”
“ท่านอาห้า ท่านมิต้องกังวล ท่านอาสะใภ้ห้าบอกว่านางจะไปเดินดูแถวนี้ ให้พวกเรารอนางกลับมาขอรับ”
ภรรยาตัวน้อยขึ้นเขามาก็กลายเป็คนป่าแล้ว หากเขารู้เช่นนี้ั้แ่แรกเขาจะมิพานางขึ้นมาหรอก หากเกิดเื่กับนางขึ้นมา เขาจะทำอย่างไร
จิ่นเซวียนไปหาสมบัติใกล้ๆ แต่มิพบของล้ำค่า นางจึงขุดโสมคนออกมาจากมิติต้นหนึ่ง จากนั้นก็ใช้ดินป้ายไปตามใบหน้าและเสื้อผ้า ให้ดูเหมือนกลิ้งลงมาจากเนินเขาเพื่อหลอกซ่งเฉวียน
เมื่อนางกลับมาที่ต้นองุ่นป่า ซ่งจื่อเฉินเห็นว่านางเนื้อตัวเลอะเทอะจึงคิดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับนาง
เขาดึงนางเข้ามามองซ้ายมองขวาอย่างปวดใจ
“ข้าจงใจทำ มิมีสิ่งใดเกิดขึ้นหรอก” จิ่นเซวียนลดเสียงบอกกับซ่งจื่อเฉิน ว่านี่คือแผนของนาง ซ่งจื่อเฉินจึงค่อยวางใจ
“เ้าช่างซนยิ่งนัก หน้าเ้าเปื้อนดินไปหมดเลย” ซ่งจื่อเฉินหยิบผ้าเช็ดหน้าปักลายขึ้นมาเช็ดดินออกจากใบหน้าของจิ่นเซวียนด้วยตนเอง
“มันคุ้มกับการที่ข้าล้มเมื่อครู่ ข้าเก็บโสมคนอายุประมาณเจ็ดแปดปีมาได้ต้นหนึ่ง” จิ่นเซวียนหยิบโสมคนออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วส่งให้ซ่งจื่อเฉิน ซ่งจื่อเฉินแสร้งทำสีหน้าใ
“เ้าจะบอกว่าการที่เ้าโชคร้ายล้มตกเขา ยังมีความโชคดีที่เก็บโสมคนมาได้ใช่หรือไม่”
“ท่านลองดูว่ามันมีมูลค่าเท่าใด?” จิ่นเซวียนมองซ่งจื่อเฉินอย่างคาดหวัง ซ่งจื่อเฉินบอกว่าโสมคนต้นนี้มีค่าหลายพันตำลึง เมื่อได้ยินว่าหลายพันตำลึง ซ่งเฉวียนก็ตกตะลึงค้างไปแล้ว
“ท่านอาสะใภ้ห้า ท่านเป็เทพเ้าแห่งโชคลาภจริงๆ ท่านไปที่ใดก็โชคดีตลอด” ซ่งเฉวียนนับถือจิ่นเซวียนยิ่งนัก เขาถือให้จิ่นเซวียนเป็เทพเ้าไปแล้ว
“อาเฉวียน พวกเราเก็บองุ่นกันก่อนเถิด ข้ากลัวว่าองุ่นพวกนี้จะมิเหลือ เมื่อคนในหมู่บ้านรู้ว่าข้าเก็บโสมคนได้ ข้ากังวลว่าพวกเขาจะตามมาหาสมบัติทีู่เาชางเยี่ยนด้วย” จิ่นเซวียนวางแผนจะย้ายองุ่นไปปลูกในบ้านเวลานี้เลย นางกลัวว่าหากสายเกินไปแล้วองุ่นจะถูกเอาไปหมด
“ภรรยา เ้ามิต้องกังวล ชาวบ้านธรรมดามิกล้าขึ้นมาบนูเาชางเยี่ยนหรอก ยิ่งไปกว่านั้นูเาชางเยี่ยนแตกต่างกับูเาอื่น ตำแหน่งที่ตั้งขององุ่นพวกนี้ลึกลับยิ่งนัก พวกชาวบ้านหากันมิเจอหรอก” ซ่งจื่อเฉินมิแนะนำให้จิ่นเซวียนย้ายองุ่นกลับไปปลูกที่บ้านในเวลานี้ ต้นองุ่นมากมายเช่นนี้ หากย้ายกลับไปแล้วปลูกมิรอด คงจะน่าเสียดาย มิสู้ให้พวกเราทำเครื่องหมายเอาไว้ก่อน เมื่อเก็บองุ่นหมดแล้ว ค่อยกลับมาขุดพวกมันกลับไปปลูกที่บ้านเมื่อหน้าหนาวมาถึงก็ยังมิสาย
พวกจิ่นเซวียนเก็บองุ่นจนเต็มสองตะกร้าสะพายหลัง รวมกันทั้งหมดหนึ่งร้อยสี่สิบถึงหนึ่งร้อยห้าสิบจิน พวกเขาลงจากเขาก็เป็เวลาพลบค่ำแล้ว
ผู้ที่แบกตะกร้าคือซ่งจื่อเฉินกับซ่งเฉวียน ส่วนจิ่นเซวียนรับหน้าที่ถือซองธนู
“พวกจื่อเฉินแบกสิ่งใดกันมาเล่า!แบกมามากมายเลย”
“พวกเขาคงขุดหาของล้ำค่ามาได้ พวกเขาลิงโลดกันน่าดู”
“พวกเราเข้าไปถามก็จะรู้เองว่าคือสิ่งใด”
พวกจิ่นเซวียนมาถึงหมู่บ้าน คนที่ทำงานในหมู่บ้านเองก็ทยอยกลับบ้านเช่นกัน พวกเขาแบกจอบและมองมาทางพวกจิ่นเซวียนด้วยความสงสัย
“จิ่นเซวียนเอ๋ย หญ้าในตระกร้าสะพายหลังของพวกเ้าคือสมุนไพรหรือ?” เพื่อป้องกันมิให้ชาวบ้านถามมิหยุด พวกจิ่นเซวียนจึงตกแต่งตะกร้าก่อนลงจากเขา
“เป็สมุนไพรกินได้นิดหน่อยกับผักป่าขอรับ” ซ่งจื่อเฉินตอบคำถามของสตรีออกเรือน
“อ้อ ผักในสวนบ้านของพวกเ้ามีมากมายเช่นนั้น ยังจะไปขุดผักป่ามากินอีก ผักป่ามันขมเกินไป” สตรีออกเรือนผู้นั้นมิค่อยเชื่อคำพูดของซ่งจื่อเฉิน ตอนที่นางกำลังใจลอยอยู่ จิ่นเซวียนกับซ่งจื่อเฉินรวมถึงซ่งเฉวียนก็เดินกันไปไกลแล้ว
“ท่านอาห้า องุ่นนี้เก็บยากยิ่งนัก พวกเรานำกลับไปต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นเสียแล้วจะน่าเสียดายขอรับ” ซ่งเฉวียนกดเสียงแนะนำเมื่อใกล้ถึงหน้าประตูบ้าน
“เ้านำส่วนหนึ่งไปแช่แข็งไว้ในห้องใต้ดิน ส่วนที่เหลือข้าจะขนกลับไปที่เรือนโม่อวิ้นเซวียน เพื่อหมักเหล้า” จิ่นเซวียนคิดไว้แล้วว่าจะนำองุ่นดำไปเก็บไว้ที่ใด กลับไปเยี่ยมบ้านวันพรุ่งนี้ นางจะนำองุ่นส่วนหนึ่งไปฝากคนในหมู่บ้านสกุลซย่า และที่เหลือใช้หมักเหล้า
“เซวียนเซวียน เนื้อตัวเ้ามีแต่ดิน เ้าบังเอิญพบสัตว์ป่าเข้าหรือ” จิ่นเซวียนตามซ่งจื่อเฉินเข้าเรือน ซย่าตงชิงที่รับลมอยู่กลางลานบ้าน เห็นว่าเนื้อตัวของจิ่นเซวียนสกปรกเลอะเทอะ นางจึงค่อนข้างกังวลใจ
“พี่ตงชิง ข้ามิเป็ไรเ้าค่ะ ท่านช่วยเรียกทุกคนมาที่ห้องโถงใหญ่ให้ข้าที ข้ามีเื่สำคัญจะประกาศเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนพูดพลางให้ซ่งจื่อเฉินและซ่งเฉวียนแบกองุ่นไปไว้ที่ห้องโถงใหญ่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้