เฟิ่งเฉี่ยนเดินเข้าไปมองพวกเขาจากมุมสูง “อืม ซูบลงไปเป็กอง!”
ลั่วยิ่งรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาปาดเหงื่อ “ผอมลงอย่างน้อยๆ หนึ่งกิโลกรัมพ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนส่ายหน้า “เท่านั้นที่ใดกัน อย่างน้อยๆ ไขมันต้องน้อยลงสองกิโลครึ่ง ลำบากเ้าจริงๆ”
ลั่วหยิ่งซาบซึ้งใจ “ขอบพระทัยเหนียงเหนียงที่ทรงห่วงใย กระหม่อมซาบซึ้งใจน้ำตาแทบไหลพ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งเฉี่ยนกลอกตามองบน “ที่ข้าพูดถึงน่ะคือหมูตัวนี้!”
“...” ลั่วหยิ่งมึนงงตาค้างกลางอากาศ
เฟิ่งเฉี่ยนโน้มตัวลงไปอุ้มหมูเทพเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ทางหนึ่งเดินไปอีกทางหนึ่งพูดกับหมูว่า “เ้าหมูน้อย ลำบากเ้าแล้ว! ข้าจะปรุงให้เ้ากลายเป็หมูสามชั้นในน้ำซอสที่อร่อยที่สุดในโลก แสดงคุณค่าที่ดีที่สุดของเ้าออกมา! เชื่อฟังนะ ต้องเชื่อฟังรู้หรือไม่!”
ลั่วหยิ่งรู้สึกขนลุกขนพอง จิตใจว้าวุ่น ราวกับเขาเห็นเ้าหมูน้อยตัวนั้นมีท่าทีสะบัดร้อนสะบัดหนาวเช่นกัน มนุษย์ช่างเป็เผ่าพันธุ์ที่น่ากลัว!
เซวียนหยวนเช่อมองตามเงาร่างด้านหลังของเฟิ่งเฉี่ยนไป ั์ตาดำขลับราวกับก้นบึ้งมหาสมุทรนั้นนิ่งลึกนั้นราวกับกำลังใช้ความคิด
เมื่อเฟิ่งเฉี่ยนกลับมาถึงด้านหน้าเรือนไผ่ หมูสามชั้นในน้ำซอสของหลีต้าซือปรุงเสร็จแล้ว หมูสามชั้นในน้ำซอสสองจานที่มีไอร้อนลอยตัวขึ้นมา ปนเปกับกลิ่นหอมเข้มข้นที่เตะจมูกส่งผลให้กระเพาะร้องโครกคราก น้ำลายแทบไหล
เหตุที่ต้องทำเป็สองจานนั้น จานหนึ่งให้ทุกคนได้ลิ้มลอง อีกจานหนึ่งย่อมต้องเป็ของเซียนพิษเพียงคนเดียว เพราะเขาต่างหากเล่าที่เป็กรรมการเพียงคนเดียว
คนทั้งหมดล้อมหมูสามชั้นในน้ำซอสด้วยท่าทางกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกๆ
ดูจากสีสัน แดงฉ่ำ เป็มันทอประกายวับ ทำให้เจริญอาหารยิ่ง
หลีต้าซือมองปฏิกิริยาตอบสนองของทุกคนอย่างพึงพอใจ เขาประสานมือเป็หมัดให้ฮวาเมิ่งหยิ่ง “คุณชายฮวา เชิญท่านลิ้มลองขอรับ!”
ฮวาเมิ่งหยิ่งก้าวขึ้นมาข้างหน้า หยิบตะเกียบหนึ่งคู่ คีบเนื้อหมูสามชั้นขึ้นมาชิ้นหนึ่ง เขาไม่ได้รีบร้อนลิ้มลองรสชาติของมัน แต่กลับพลิกซ้ายขวาไปมาเพื่อพิจารณาและวิจารณ์ว่า “เนื้อหมูที่ถูกเลือกนำมาใช้เป็เนื้อหมูสามชั้นอย่างดี ครึ่งมันครึ่งผอม แบ่งเป็ห้าชั้น หนังบางเนื้อนุ่ม ทักษะการหั่นยอดเยี่ยม เนื้อทุกชิ้นถูกหั่นเป็ชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า หลังจากทอดแล้วยังคงรักษารูปทรงสี่เหลี่ยมเอาไว้ได้ดังเดิม อีกทั้งกลิ่นอายเทพเข้มข้น ไม่เสียแรงที่เป็การปรุงอาหารจากต้าซือ!”
หลีต้าซือมีสีหน้ายิ้มแย้ม เขากล่าวอย่างถ่อมตน “ขอบคุณคุณชายฮวาที่ชมเชย! หวังว่ารสชาติอาหารจะถูกปากคุณชายขอรับ!”
ฮวาเมิ่งหยิ่งส่งหมูสามชั้นชิ้นนั้นเข้าปาก เขาหลับตาลง เคี้ยวอย่างละเอียด ใบหน้าคมสันนั้นมีท่าทางราวกับกำลังัักับรสชาติอาหาร เนิ่นนาน เขากล่าวว่า “มันแต่ไม่เลี่ยน รสชาติหวานเล็กน้อย เมื่อเข้าปากแล้วกรอบนุ่มละลายในปาก ช่างเป็อาหารที่มีรสชาติดีเยี่ยมจริงๆ!”
คนทั้งหมดพิจารณาท่าทางของเขาจนแทบจะน้ำลายไหลอยู่แล้ว หากฟังเขาบรรยายต่อไป แต่ละคนล้วนควบคุมตนเองไม่อยู่กลืนน้ำลายลงคอไม่หยุด
“เปิ่นไท่จื่อลองชิมดูบ้าง” มู่หรงจิ่งเทียนหยิบตะเกียบอีกคู่หนึ่ง คีบเนื้อหมูสามชั้นขึ้นมาจากอีกจานหนึ่งส่งเข้าปากตนเอง เพิ่งจะเคี้ยวเข้าไปคำแรกสีหน้าท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
ดวงตาราวจันทร์เสี้ยวนั้นเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย เขาเลียริมฝีปากเย้ายวนของตนแล้วพยักหน้าหงึกๆ “มิน่าเล่า หัวหน้าสมาคมตวนมู่จึงยืนกรานที่จะแนะนำหลีต้าซือให้กับเปิ่นไท่จื่อ ฝีมือปรุงอาหารของหลีต้าซือเป็หนึ่งจริงๆ ครั้งนี้เปิ่นไท่จื่อวางใจแล้ว!”
เมื่อแรกที่เขา้าคนจากหัวหน้าสมาคมเทพอาหาร ตวนมู่ นั้น หัวหน้าสมาคมแนะนำเทพอาหารขั้นสามคนหนึ่งให้เขา เขาไม่พึงพอใจเป็อย่างมาก ทั้งๆ ที่ในสมาคมเทพอาหารมีเทพอาหารขั้นสูงเพียงนั้น เหตุใดจึงส่งเทพอาหารขั้นสามคนหนึ่งมาให้เขาเล่า ทว่าหัวหน้าสมาคมตวนมู่บอกกับเขาว่าในสมาคมมีเทพอาหารขั้นสูงมากมายนั้นเป็เื่จริง แต่หากพูดถึงหมูสามชั้นในน้ำซอสแล้ว ไม่มีใครเทียบหลีต้าซือติด ดังนั้น ในเมื่ออาหารที่เซียนพิษโปรดปรานที่สุดคือหมูสามชั้นในน้ำซอส ย่อมต้องใช้ยาให้ถูกกับโรค! ภายใต้การรับรองสามครั้งสามคราจากหัวหน้าสมาคมตวนมู่ เขาจึงฝืนใจยอมรับหลีต้าซือมาก
เขายังคงรู้สึกกังวลใจมาตลอดทางว่าฝีมือการปรุงอาหารของหลีต้าซือจะไม่อาจสร้างความพึงพอใจให้กับเซียนพิษได้ ตอนนี้หลังจากเขาได้ลิ้มลองรสชาติด้วยตนเอง เขาวางใจได้แล้ว
มู่หรงจื่ออวิ๋นเห็นเสด็จพี่ของตนเอ่ยชมไม่ขาดปาก จึงหยิบตะเกียบขึ้นมาชิมหนึ่งคำ ริมฝีปากสีผลอิงนั้นเคี้ยวช้าๆ มุมปากของนางปรากฏให้เห็นรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว
คนที่หัวหน้าสมาคมตวนมู่แนะนำมาไม่เลวจริงๆ!
เฟิ่งเฉี่ยนเห็นปฏิกิริยาของทุกๆ คนแล้วในใจยิ่งรู้สึกไม่เป็สุข นางมอบหมูเทพให้กับหนึ่งในองครักษ์แล้วเดินเข้าไปที่โต๊ะชี้ไปที่หมูสามชั้นในน้ำซอส “ข้าลองชิมสักหน่อยได้หรือไม่”
หลีต้าซือเลิกคิ้วอย่างกระหยิ่มใจ เขาโบกมืออย่างใจกว้าง “เชิญแม่นางชี้แนะด้วย!”
เฟิ่งเฉี่ยนหยิบตะเกียบขึ้นมาหนึ่งคู่ คีบเนื้อขึ้นมาส่งเข้าปากหนึ่งชิ้น เนื้อนั้นหั่นชิ้นใหญ่เกินไปสักหน่อย เมื่อเข้าปากเกือบจะเต็มปากนาง กัดเข้าไปคำแรกัักับหนังหมูก่อน จากนั้นใช้ฟันกัดลึกเข้าไปข้างล่างก็จะเป็มันหมูอีกชั้นหนึ่ง เป็ความมันที่ไม่เลี่ยน ชั้นต่อไปอีกคือเนื้อผอมที่ละลายทันทีที่เข้าปาก ข้างล่างลงไปอีกเป็เนื้อมันอีกชั้นหนึ่ง ต่อไปอีกชั้นหนึ่งคือเนื้อผอม...เนื้อแต่ละชั้นถูกแบ่งอย่างชัดเจน ทั้งไม่รู้สึกถึงเหลี่ยมมุมของเนื้อ ช่างเป็อาหารเลิศรสจานหนึ่ง!
ที่สำคัญก็คือ เขารวบรวมกลิ่นอายเทพและเนื้อเอาไว้ด้วยกันอย่างงดงาม กลิ่นอายเทพเข้มข้น กินเข้าไปคำหนึ่งทำให้จิตใจผ่องแผ้วขึ้นมา
หลังจากกินไปแล้ว นางยังคงเลียริมฝีปากราวกับติดอกติดใจ
นางยกนิ้วโป้งขึ้นมาหนึ่งนิ้วแล้วเอ่ยปากชื่นชม “หลีต้าซือ ฝีมือการปรุงอาหารของท่านช่างล้ำเลิศยิ่งนัก ผู้น้อยเลื่อมใสๆ!”
หลีต้าซือได้ยินคำพูดของนางจึงยิ่งหัวเราะอย่างลำพองใจ ทว่าปากยังคงถ่อมตนอยู่นั่นเอง “มิกล้ามิกล้า อีกประเดี๋ยวแม่นางโปรดไว้ไมตรีด้วย”
ชัดเจนเหลือเกินว่าเป็คำพูดตามมารยาทเท่านั้น ในใจของเขาไม่ได้เห็นเฟิ่งเฉี่ยนเป็คู่ต่อสู้ของตัวเองเลยด้วยซ้ำ หากว่ากันด้วยเื่หมูสามชั้นในน้ำซอส ทั้งสมาคมเทพอาหารไหนเลยจะมีคนเทียบฝีมือกับเขาได้ นี่ก็คือสาเหตุว่าเหตุใดเทพอาหารที่ไม่ได้อยู่ในขั้นสูงมากนักเช่นเขาจึงเข้าไปอยู่ในสมาคมเทพอาหารได้
มู่หรงจื่ออวิ๋นเห็นเช่นนั้น ใบหน้างดงามจึงปรากฏให้เห็นรอยยิ้มกระหยิ่มยิ้มย่อง นางพูดกับเฟิ่งเฉี่ยนว่า “ยังทันนะ หากเ้าจะยอมแพ้ในตอนนี้!”
เฟิ่งเฉี่ยนเลิกคิ้วพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ “ยอมแพ้หรือ แต่ไรมาข้าเฟิ่งเฉี่ยนไม่เคยรู้ว่าอักษรสองตัวนี้เขียนอย่างไร!”
พูดจบนางก็หมุนตัวเดินออกไปจากกลุ่มคน เดินไปถึงอีกด้านหนึ่งของสนามแข่งขัน นางม้วนแขนเสื้อขึ้นเตรียมลงมือทำอาหาร...
คนทั้งหมดที่อยู่ที่นั่นต่างไม่คาดหวังอันใดกับนาง กระทั่งวินาทีที่นางหยิบมีดทำอาหารขึ้นมา บุคลิกของนางเปลี่ยนไปทันที!
มีดทำอาหารในมือของนางบินฉวัดเฉวียนอยู่บนปลายนิ้วของนาง ราวกับกระบวนท่ามีดบิน!
ฆ่าหมู แล่เนื้อ ล้างเนื้อ หั่นเนื้อ...ท่าทางทุกอย่างของนาง ความเร็ว ความเด็ดขาด สะอาด ไหลลื่น ไม่มีความลังเลใจ!
เนื้อถูกหั่นให้มีขนาดเท่ากับไพ่นกกระจอก สี่เหลี่ยมจัตุรัส นางลงมีดอย่างคล่องแคล่วว่องไว น้ำหนักที่ลงมีดแต่ละครั้งพอเหมาะพอเจาะ เนื้อที่ถูกหั่นออกมาเท่ากันราวกับใช้ไม้บรรทัดวัดเอาไว้แล้ว เหมือนกันทุกชิ้น แทบจะไร้ที่ติ!
คนทั้งหมดมองด้วยสายตาโง่งม มองนางควงมีด หั่นเนื้อ ราวกับกำลังชื่นชมงานศิลปะชิ้นหนึ่ง ช่างมีสีสันยิ่งยวด!
เซวียนหยวนเช่อและมู่หรงจิ่งเทียนมองทุกๆ อิริยาบถของนางโดยไม่กระพริบตา แววตาของแต่ละคนนิ่งลึกกว่าอีกคน
เดิมที่ฮวาเมิ่งหยิ่งก็ไม่คาดหวังอะไรในตัวนางมากมายเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาได้ลิ้มรสหมูสามชั้นในน้ำซอสที่หลีต้าซือปรุงแล้ว ในใจเขาพอจะมีคำตอบอยู่แล้ว แต่เมื่อเขาเห็นภาพนี้เข้า เขาถึงกับรู้สึกตั้งตารอคอยอยู่บ้าง หรือนางอาจนำความตื่นเต้นที่มากกว่ามาให้เขาก็เป็ได้
เริ่มแรกมู่หรงจื่ออวิ๋นตะลึงงัน ต่อมานางแค่นเสียงฮึดูิ่ดูแคลน “แย่งความโปรดปรานต่อหน้าผู้คน!”
คนที่ไม่ได้อยู่ในวงการอาหารนั้นดูอย่างสนุกสนาน แต่คนที่อยู่ในวงการอาหารนั้นดูเคล็ดลับ สีหน้าของหลีต้าซือเปลี่ยนไปทันที จากการใช้มีดของนาง เขาก็มองออกถึงพิรุธ นางไม่ได้ลงมีดอย่างส่งเดช!