วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาตอนเช้า เซวียเสี่ยวหรั่นเริ่มปวดท้องขึ้นมาอีกแล้ว เธอเดินเข้าไปหาเหลียนเซวียนเอง และยื่นมือให้เขาอย่างว่าง่าย
มือเย็นเฉียบของเธอทำให้เหลียนเซวียนคิ้วขมวดอย่างอดไม่ได้ เพื่อให้ภายในถ้ำอุ่นขึ้น เขาเติมฟืนให้ไฟลุกโชนตลอดทั้งคืน แต่นางกลับไม่อุ่นขึ้นเลย
ร่างกายของสตรีอ่อนแอเพียงนี้เชียวหรือ
แม้เซวียเสี่ยวหรั่นจะปวดท้อง แต่สีหน้าก็ยังคงยิ้มแย้ม ต่างจากเขาที่ทำหน้าเหมือนไปโกรธไปแค้นใครมา
"ต่อไปภรรยาของท่านต้องโชคดีมากแน่ๆ เมื่อไรก็ตามที่ปวดท้อง แค่ยื่นมือให้ท่านก็จะบรรเทาลงได้ทันที เหมือนมียาแก้ปวดพกติดกายตลอดเวลา ฮ่าๆ"
เซวียเสี่ยวหรั่นฉีกยิ้มหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ตราบใดที่มีเขาอยู่ ระหว่างการเดินทางหลังจากนี้เธอก็ไม่ต้องกังวลว่าจะปวดท้องจนต้องลงไปกลิ้งกับพื้น่มีระดูอีกแล้ว
มือของเหลียนเซวียนที่กดนวดอยู่ชะงักไปหนึ่งจังหวะ เหลือบมองนางด้วยสีหน้าชอบกลปราดหนึ่ง
พอความปวดในช่องท้องบรรเทาลงแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็เอาเชือกฟางที่สานเป็เข็มขัดเมื่อวานนี้มาคาดเอว
่นี้เธอผอมลงฮวบฮาบ หากไม่คาดเข็มขัดก็คงสวมกางเกงไม่ได้อีกแล้ว
่เช้า เซวียเสี่ยวหรั่นนั่งถักกางเกงอยู่ข้างกองไฟ เมื่อคืนกางเกงของเธอเปื้อนเื แต่ไม่มีกางเกงเปลี่ยน นอกจากอดทนแล้วจะทำอะไรได้
ต้องแสร้งทำเป็มองไม่เห็นคราบเืกับกลิ่นคาวอ่อนจางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แทบอยากแปลงร่างให้มีสักสามเศียรหกกรใจจะขาด จะได้ถักกางเกงให้เสร็จเดี๋ยวนี้เลย
เหลียนเซวียนยังคงค่อยๆ เก็บไม้มาทำฟืน ไม่ออกไปล่าสัตว์ เพราะถึงล่ากลับมา ก็ต้องชำแหละทันที ด้วยสภาพร่างกายของแม่นางตอนนี้ยังไม่เหมาะทำงานดังกล่าว
"อาเหลย มานี่"
เซวียเสี่ยวหรั่นถือโอกาส่ที่พักผ่อนรื้อช็อกโกแลตในเป้ออกมาสองแท่ง
นี่คือของกินชนิดสุดท้ายที่เธอพกติดตัวมาด้วย
เธอรู้สึกว่าในปากจืดชอบกล อยากหาของที่มีรสชาติมากินเสียหน่อย
แต่ไรมาระหว่างวันนั้นของเดือน ปากก็จะร่ำหาของกินเป็พิเศษ เพราะการกินช่วยเบี่ยงเบนความสนใจไปจากอาการปวดท้องได้ ดังนั้นเธอสามารถกินดื่มอย่างเต็มที่โดยไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใด
น่าเสียดาย วันเวลาอันงดงามล่วงเลยแล้วไม่คืนหวน เซวียเสี่ยวหรั่นมองไปรอบถ้ำ แต่ไม่อาจหาสิ่งใดมาแก้อยากได้เลย
สุดท้ายก็เลยจำต้องค้นช็อกโกแลตออกมา เซวียเสี่ยวหรั่นลังเลชั่วครู่ ก่อนจะเก็บเข้าไปแท่งหนึ่ง หากกินจนหมด ต่อไปเวลานึกอยากกินขึ้นมาก็ไม่มีแล้ว
เธอฉีกซองออกอย่างระมัดระวัง แล้วหักช็อกโกแลตข้างในออกเป็สามชิ้น แล้วยื่นชิ้นเล็กสุดให้อาเหลยที่กำลังตั้งหน้าตั้งตารออยู่
อาเหลยยังเล็ก กินชิ้นเล็กให้พอรู้รสชาติก็พอแล้ว
เซวียเสี่ยวหรั่นอมช็อกโกแลตไว้ในปากละเลียดลิ้มทีละน้อย ความหอมเข้มข้นอวลกรุ่นในโพรงปาก ดวงตาโค้งทอประกายฉายแววยิ้ม
อาเหลยหยิบช็อกโกแลตสีดำมาดมดูก่อน หลังจากนั้นก็ลองกัดไปหนึ่งคำเล็ก หลังจากได้ลิ้มรสชาติแล้ว แววตาของมันก็สว่างวาบ แล้วส่งช็อกโกแลตส่วนที่เหลือเข้าปากในคำเดียว
"อาเหลย หมดแล้วเหรอ หนึ่งคนหนึ่งชิ้น เ้ากินหมดก็ไม่มีแล้วนะ ชิ้นนี้ของเหลียนเซวียน เ้ากินไม่ได้อีกแล้วเข้าใจไหม"
เซวียเสี่ยวหรั่นเอาส่วนของตนเองเข้าปาก หลังจากนั้นก็เก็บส่วนของเหลียนเซวียนไว้
อาเหลยจดจ้องตำแหน่งที่เธอเก็บ ดวงตาทอประกายวาดหวัง
เซวียเสี่ยวหรั่นอมยิ้ม ดูท่ามันคงจะติดใจรสชาติของช็อกโกแลตเข้าแล้ว
"เอ้า เ้ากินเกาลัดเถอะ"
เธอใช้เกาลัดมาล่ออาเหลย ก่อนลงมือถักกางเกงต่อ
ยามเหลียนเซวียนลากกิ่งไม้ทำฟืนกลับมาถึงถ้ำ เซวียเสี่ยวหรั่นก็ย่องเข้าไปหา พลางหันข้างเอาตัวบังสายตาของอาเหลยไว้ แล้วหยิบช็อกโกแลตออกมาอย่างระมัดระวัง
แม่นางผู้นี้ทำลับๆ ล่อๆ คิดจะทำอะไรอีกล่ะ? เหลียนเซวียนมองได้ยินเสียงนางเดินด้วยปลายเท้าก็เลิกคิ้วด้วยความสงสัย
"เหลียนเซวียน ให้ท่าน นี่คือเฉี่ยวเค่อลี่ [1] เหลือไว้ให้ท่านโดยเฉพาะ รีบกินสิ อย่าให้อาเหลยเห็นเข้าเชียว" เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นมือของเขาเปื้อนดินจึงเปิดห่อแล้วส่งช็อกโกแลตให้ถึงปากเขา
เฉี่ยวเค่อลี่คืออะไร?
"รีบกินเร็วๆ เข้า หากให้อาเหลยมาเห็น เดี๋ยวจะไม่พอใจ" เซวียเสี่ยวหรั่นเร่งเร้า
ของซี้ซั้วส่งเดชอะไรก็ไม่รู้ จิตใต้สำนึกของเหลียนเซวียน้าปฏิเสธ แต่เซวียเสี่ยวหรั่นกลับยัดมันเข้าปากของเข้าไปแล้ว
รสชาติหวานเลี่ยนกับกลิ่นหอมเข้มเข้นละลายอยู่ในปาก เหลียนเซวียนนิ่วหน้า แต่ไรมาเขาก็ไม่ชอบของหวานสักเท่าไร
รสชาติของขนมชนิดนี้ออกประหลาดชอบกล ในความหวานหอมเจือรสขมอยู่เล็กน้อย อมยังไม่ทันไรก็ละลายไปเสียแล้ว
"ฮิๆ กินแต่เนื้อต้มกับน้ำเปล่ามาเสียนาน พอได้ลิ้มรสหวานกะทันหัน ก็เลยรู้สึกไม่คุ้นชินใช่ไหมล่ะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเขาขมวดคิ้วไม่หือไม่อือสักคำ ก็แลบลิ้น ท่าทางคงไม่ชอบรสชาติของช็อกโกแลตสักเท่าไร
งั้นช็อกโกแลตที่เหลือชิ้นสุดท้าย เธอก็จะได้เก็บชิ้นใหญ่เอาไว้กินเองอย่างเปิดเผย เซวียเสี่ยวหรั่นกลอกตาอย่างกระหยิ่มใจ
แน่นอนว่าไม่คุ้นชิน แต่เมื่อนางตั้งใจเก็บไว้ให้เขาโดยเฉพาะ...
เหลียนเซวียนกลืนความหวานเลี่ยนเต็มปากลงท้องอย่างเงียบเชียบ
่กลางวัน หลังกินมื้อเที่ยง
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกได้ว่า่พีคของอาการปวดระดูได้ผ่านไปแล้ว จึงหยิบผลทับทิมที่อาเหลยกินเหลือเมื่อวานขึ้นมา แล้วชี้ไปที่ผลทับทิมเพื่อให้อาเหลยพาเธอไปเด็ดทับทิม
อาเหลยใช้เพียงสามขาเดินก็ไปเด็ดมาได้ แสดงว่าสถานที่แห่งนั้นคงจะอยู่ไม่ไกล เหลียนเซวียนจึงไม่เหนี่ยวรั้งนาง
เซวียเสี่ยวหรั่นหิ้วตะกร้าเดินตามหลังอาเหลย
เดินไปเรื่อยๆ เธอถึงพบว่านี่คือทางไปดงกล้วยน้ำว้า
"อาเหลย เ้ากลับไปที่ฝูงลิงหรือ?"
อาเหลยแค่หันมามอง แต่ไม่รู้ว่าเธอเรียกมันทำไม
ไม่น่าจะใช่ หากมันกลับไปหาฝูงลิง แล้วจะกลับมาที่ถ้ำของพวกเธอได้อย่างไรล่ะ
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกแปลกใจ
จนกระทั่งมาถึงดงกล้วยน้ำว้า เธอถึงพบว่าที่นั่นไม่มีแม้แต่เงาของฝูงลิง
ดูท่าพวกมันคงจะย้ายถิ่นฐานไปกันหมดแล้ว หรือไม่ก็อาจหนีหนาวไปอยู่ในที่อบอุ่นกว่าชั่วคราว
ดังนั้นอาเหลยกลับมาก็ไม่ได้ตามหาฝูงลิง
อาเหลยผู้น่าสงสาร เพราะาเ็ก็เลยถูกฝูงทอดทิ้ง
แต่มันยังคงคิดถึงฝูงลิงตลอดมา ขนาดขาไม่ดี ยังรู้จักกลับมาหาพวกพ้องที่ดงกล้วย
น่าเสียดายที่ฝูงลิงจากไปแล้ว
เห็นอาเหลยวิ่งกะเผลกด้วยสามขา เซวียเสี่ยวหรั่นก็รันทดใจอยู่บ้าง
ไม่รู้ว่าฝูงลิงจะกลับมาดงกล้วยอีกหรือเปล่า หรือว่าลิงฝูงอื่นจะต้อนรับอาเหลยเข้าร่วมฝูงหรือไม่
ไม่อย่างนั้น ต่อไปอาเหลยจะทำอย่างไร ต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวในป่า หรือว่าติดตามเธอกับเหลียนเซวียนออกไปจากูเา? แต่มันจะปรับตัวเข้ากับโลกภายนอกได้หรือ
การเผชิญหน้ากับโลกที่ไม่รู้จักมักคุ้น เธอเองยังไม่แน่ใจเลยว่าจะใช้ชีวิตอย่างเป็ปรกติสุขได้หรือไม่ หากพามันไปด้วย ก็ต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูมันตลอดชีวิต เธอจะสามารถทำได้หรือเปล่าเนี่ยสิ
เซวียเสี่ยวหรั่นยังไร้หนทาง
ระหว่างเดินอยู่ในป่า มีน้ำค้างหยดลงมารดต้นคอของเธอ ทำให้สะดุ้งได้สติกลับมา
จะคิดมากไปทำไม เรือไปถึงหัวสะพานย่อมตรงเอง [2] เื่หลังออกจากูเา ก็รอให้ถึงวันนั้นค่อยว่ากันอีกที วิตกแต่ตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์
ส่วนเื่ของอาเหลย รอให้ขาของมันหายดีก่อนค่อยให้มันตัดสินใจเอาเอง
เธอตามอาเหลยเข้าไปในดงกล้วย หลังจากอ้อมผ่านช่องเขาแห่งหนึ่งมาแล้ว ต้นทับทิมเตี้ยๆ ต้นหนึ่งก็ปรากฏสู่สายตา
"โอ้โห ที่แท้ก็ใกล้แค่นี้เอง มิน่าเ้าถึงมาเด็ดได้"
...
[1] หมายถึงช็อกโกแลต
[2] เป็ความเปรียบหมายถึงสถานการณ์เมื่อไปถึงจุดจุดหนึ่งก็จะสามารถคลี่คลายไปได้เอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้