“ฮะ! นายน้อยเยา เ้ายังมีแผนการอย่างอื่นเตรียมการไว้อีกด้วยอย่างนั้นรึ?” หมันก้านได้ยินรู้สึกงุนงง สับสน ไม่ค่อยเข้าใจ เอามือขึ้นมาลูบหัวโล้นไม่มีเส้นผมของตนเองไปมา ดวงตาที่ใหญ่เกือบเท่ากำปั้นของเขากลอกกลิ้งไปมาพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น
“เกี่ยวกับเื่นี้เดี๋ยวพรุ่งนี้เ้าก็จะรู้เอง นายน้อยหมันวางใจได้ หลังจากที่บดขยี้พวกระดับสูงและกำลังหลักของเขตปกครองเทพาจนหมด ผลงานชิ้นใหญ่ในครั้งนี้เพียงพอแล้วที่จะทำให้ข้ามีผลงานไปเสนอต่อเผ่า ข้าไม่โง่เขลาพอที่จะไปไล่ล่าสังหารคนของเผ่าคนเถื่อนอีกอย่างแน่นอน และข้าก็ไม่มีความสามารถพอขนาดนั้นด้วย! แม้ว่าเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนจะมีความแค้นฝังลึกต่อกันมายาวนาน แต่บนเกาะแห่งความมืดมิดนี้พวกเราเป็พันธมิตรกันอย่างแน่นอน” เยาขาข่ารู้ว่าหมันก้านกังวลสิ่งใดอยู่ รีบพูดรับประกันขึ้นมาทันที เขาไม่อยากให้หมันก้านรู้สึกหวาดระแวงจนทำให้แผนการที่จัดเตรียมมาหลายวันต้องพังลงเมื่อใกล้จะสำเร็จ
มองเห็นหมันก้านพยักหน้าออกมาอย่างพอใจ เยาขาข่าจึงค่อยพูดออกมาอีก “นายน้อยหมัน ทัพเสริมของพวกเ้าวันมะรืนก็จะเดินทางมาถึงที่นี่ ้าที่จะส่งคนไปบัญชาการไหม? ถ้าหาก้าละก็สามารถให้อี้เฟ้ยพาไปได้ แม้รูปร่างของมันจะเล็กแต่พานักรบเผ่าคนเถื่อนไปด้วยสักคนไม่เป็ปัญหาอย่างแน่นอน!”
“ตกลง หมันซานเ้าไปกับพี่น้องปีศาจคนนี้ เอาป้ายคำสั่งของข้าไปด้วย สามารถบัญชาการนักรบเผ่าคนเถื่อนได้ทั้งหมด ข้าอยากให้เ้านำนักรบเ่าั้เร่งเดินทางมายังที่นี่ให้เร็วที่สุด จากนั้นโอบล้อมสังหารนักรบระดับสูงและระดับหัวกะทิของเขตปกครองเทพาทั้งหมดที่นี่อย่าให้หนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!” หมันก้านชี้นิ้วไปที่นักรบคนเถื่อนระดับขอบเขตราชันย์คนเถื่อนคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังบอกให้เขาตามอี้เฟ้ยไป จากนั้นล้วงมือเข้าไปในเสื้อเกราะหนังสีทองหยิบป้ายคำสั่งสีทองอันหนึ่งออกมาแล้วโยนให้เขาไป
อี้เฟ้ยหันไปทำความเคารพต่อเยาขาข่าครั้งหนึ่ง จากนั้นจึงกางปีกใหญ่ยาวของมันออกพร้อมทั้งยื่นมือทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยขนออกมาจับไปที่ร่างของหมันซาน แล้วกระพือปีกบินเลือนหายออกไปในความมืดมิดของยามค่ำคืน
.................................
ในตอนนี้เป็เวลาดึกสงัด แต่เย่ชิงหานกลับไม่ได้มีความรู้สึกของความง่วงนอนเลยแม้แต่น้อย ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น ยังมีเย่สือซาน เย่สือชี และเย่ชิงอู่ที่ไม่มีความรู้สึกอยากที่จะนอนเช่นเดียวกัน
ทั้งสี่พักรวมกันอยู่บนต้นไม้ใหญ่ดึกดำบรรพ์แห่งหนึ่ง เย่ชิงหานนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลาง ส่วนอีกสามคนนั่งอยู่โดยรอบเพื่อคุ้มกันให้เขา เมื่อตอนหัวค่ำทัพเสริมของเผ่าคนเถื่อนหยุดการเคลื่อนพลเพื่อตั้งค่ายที่พัก พวกเย่ชิงหานเองก็หยุดหาที่พักมิดชิดแห่งหนึ่งทางด้านหลังห่างจากกองทัพของเผ่าคนเถื่อนยี่สิบกว่ากิโลเมตร
หลังจากที่ทานอาหารเย็นอย่างง่ายๆ เสร็จ เย่ชิงหานได้เอ่ยปากขอให้พวกเขาทั้งสามช่วยเฝ้าคุ้มกันในระหว่างที่เขาฝึกฝน คืนนี้เขาจะทำการทะลวงผ่านด่านพลังฝีมือเพื่อเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตนักรบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีโอกาสในการทะลวงผ่านได้สำเร็จสูงเป็อย่างมาก ดังนั้น จะให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือมีสิ่งมารบกวนเกิดขึ้นไม่ได้
เมื่อเย่สือซานทั้งสามหายจากอาการตกตะลึงพรึงเพริดและอาการตื่นเต้นประหลาดใจจากสิ่งที่ได้ยิน ต่างรีบพากันตรวจสอบสถานการณ์โดยรอบอย่างละเอียดอีกครั้งด้วยความไม่ประมาท จากนั้นกลับมาล้อมเย่ชิงหานไว้เพื่อเฝ้าคุ้มกันให้เขา
การฝึกฝนในระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ยากลำบากเป็อย่างมาก ต้องใช้ระยะเวลาอย่างยาวนานและความอดทนอย่างมากในการเก็บสะสมพลังปราณรบ แต่เนื่องจากเย่ชิงหานได้รับพลังงานบริสุทธิ์จากผลึกัจึงทำให้ช่วยย่นระยะเวลาลงมาได้ครึ่งหนึ่ง ทำให้สามารถเริ่มขั้นตอนสุดท้ายได้เร็วขึ้น ขั้นตอนของการเชื่อมประสานตันเถียนและจุดตันเถียนให้รวมเป็หนึ่งเดียวโดยสมบูรณ์ เพียงเท่านี้ก็จะสามารถบรรลุถึงระดับขอบเขตนักรบได้อย่างสมบูรณ์
ระดับขอบเขตยอดยุทธ์คือการทะลวงจุดชีพจรทั้งหมดทั่วร่าง จากนั้นสร้างตันเถียนให้เกิดขึ้นมาเพื่อให้ผู้ฝึกยุทธ์มีแหล่งที่ใช้เก็บสะสมพลังปราณรบได้มากยิ่งขึ้น แต่เนื่องจากตันเถียนที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นมานั้นยังเล็กและไม่แข็งแรงมั่นคง อีกทั้งมีเพียงแค่ปลายสองด้านที่ยึดเหนี่ยวไว้กับจุดตันเถียน ดังนั้นในระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์จึงจำเป็ต้องฝึกฝนเพื่อเก็บสะสมพลังปราณรบให้ได้มากที่สุด จากนั้นเปลี่ยนให้เป็หยดน้ำพลังปราณรบเพื่อนำมาหล่อเลี้ยงและขยายตันเถียนให้ใหญ่ขึ้นจนสามารถเชื่อมประสานรวมเข้าเป็หนึ่งเดียวกันกับจุดตันเถียนอย่างสมบูรณ์จึงจะถือว่าสำเร็จ
ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตนักรบ เนื่องจากพลังปราณรบที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมและตันเถียนที่แข็งแกร่งมั่นคง จึงทำให้ทุกครั้งที่ใช้พลังปราณรบกล้าที่จะใช้ออกมามากกว่าเดิม และแน่นอนว่าพลังทำลายล้างยิ่งรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
การฝึกฝนในระดับขอบเขตนักรบนั้นเป็การนำหยดน้ำพลังปราณรบที่เป็ของเหลวมาทำให้กลายสภาพเป็ของแข็ง และทำการสร้างแก่นแท้พลังตันเถียนขึ้นมาให้ได้ เมื่อแก่นแท้พลังตันเถียนเริ่มหมุนโคจรไปรอบๆ ระดับความเร็วในการไหลเวียนของพลังปราณรบก็จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว การโจมตีออกไปก็จะดุดันรุนแรงขึ้นไปอีก
จากพลังปราณรบสภาพอากาศ สภาพของเหลว จนมาถึงสภาพของแข็ง! แม้สถานที่กักเก็บสะสมจะเป็ตันเถียนเช่นเดิม แต่ปริมาณและคุณภาพกลับแตกต่างกันเป็ร้อยเท่า อานุภาพก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นผู้มีพลังฝีมือระดับสูงจึงสามารถสะกดข่มผู้มีพลังฝีมือระดับต่ำกว่าได้อย่างสมบูรณ์
ภายใต้พลังงานที่พรั่งพรูออกมาจากผลึกั ทำให้ในวันนี้เย่ชิงหานเก็บสะสมหยดน้ำพลังปราณรบได้จนเต็มตันเถียน ขอเพียงคืนนี้เขาสามารถเชื่อมประสานตันเถียนให้รวมเป็หนึ่งเดียวกันกับจุดตันเถียนได้อย่างสมบูรณ์ก็จะสามารถเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตนักรบได้
เพียงแต่ว่ากระบวนการในการเชื่อมประสานนั้นค่อนข้างละเอียดประณีต ก่อนอื่นจำเป็จะต้องค่อยๆ ควบคุมพลังปราณรบเจาะผนังชั้นนอกของตันเถียนและจุดตันเถียนให้แตกออกให้หมด จากนั้นให้ตันเถียนค่อยๆ เชื่อมประสานเข้ากันกับผนังชั้นนอกของจุดตันเถียนอย่างช้าๆ ภายใต้การหล่อเลี้ยงของพลังปราณรบ
จุดอันตรายที่สำคัญคือ ในตอนที่เจาะผนังชั้นนอกของตันเถียนไม่สามารถที่จะถูกรบกวนได้ หาไม่แล้วละก็พลังปราณรบที่ไหลพรั่งพรูออกมาอย่างรุนแรงเกินกว่าที่จำเป็อาจทำให้ตันเถียนแตกออกได้ จากนั้นพลังปราณรบปริมาณมหาศาลที่แตกออกมาจะไหลเวียนไปทั่วทำลายจุดชีพจรภายในร่างจนหมดสิ้น สุดท้ายร่างะเิเสียชีวิต
ดังนั้น ในสถานการณ์ปกติทั่วไปผู้ฝึกยุทธ์ที่พลังฝีมือใกล้จะบรรลุระดับขอบเขตพลังแล้วนั้น พวกเขาล้วนเลือกที่จะเสาะหาสถานที่เงียบสงบและปลอดภัยอย่างที่สุดเพื่อใช้ในการเก็บตัวทะลวงผ่านด่านระดับขอบเขตพลังฝีมือ แต่ทว่าในเวลานี้จะเสาะหาสถานที่ดังที่กล่าวมานั้นคงเป็ไปได้ยาก ด้วยเหตุนี้ ทั้งเย่สือซานและเย่สือชีในตอนนี้จึงต้องเพ่งสมาธิเป็อย่างมาก ตาทั้งสองคู่กวาดมองสภาพเหตุการณ์โดยรอบทั้งสี่ทิศอยู่ตลอดเวลา พลังปราณรบโคจรโอบล้อมทั่วร่าง เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดที่จะเกิดขึ้น
“สือซาน นายน้อยหานคงกำลังทำการหลอมผลึกัอยู่แน่ใช่ไหม! แต่ไม่ใช่ว่าเสี่ยวเฮยบอกต้องใช้เวลาปีหรือสองปีมิใช่รึ? แล้วทำไมเพียงไม่กี่วันก็สามารถหลอมเอาพลังที่อยู่ภายในมาใช้ได้แล้วละ? โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับพลังฝีมือของนายน้อยหานเพิ่มขึ้นเร็วจนน่ากลัวเกินไปแล้ว จุ๊ๆ...อายุสิบหกพลังฝีมือระดับขอบเขตนักรบ พลังฝีมือเช่นนี้หากให้พวกตาแก่ในตระกูลเห็นเข้าคงตกตะลึงจนฟันร่วงกันหมดปากอย่างแน่นอน!” เย่สือชีสายตากวาดมองไปทั้งสี่ทิศเสร็จรอบหนึ่ง จากนั้นมองไปยังร่างของเย่ชิงหานที่โอบล้อมไปด้วยพลังปราณรบ สายตาปรากฏแววชื่นชมออกมาแล้วส่งกระแสเสียงไปพูดกับเย่สือซาน
ดวงตาของเย่สือซานปรากฏแววรักใคร่และชื่นชมต่อเย่ชิงหานอย่างไม่มีการปกปิดเช่นเดียวกัน ใช้พลังิญญาตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบทั้งสี่ทิศเสร็จจึงส่งกระแสเสียงตอบกลับอย่างสงสัยเช่นเดียวกัน “เื่นี้ข้าก็ไม่แน่ใจนัก ผลึกัต้องใช้เวลาในการหลอมปีสองปีนั้นไม่ผิดแน่ ข้อมูลที่ข้าเคยรู้มามีบอกเกี่ยวกับเื่นี้อยู่จริง”
“สิ่งที่เห็นในตอนนี้มีเพียงนายน้อยหานเพียงเท่านั้นที่บอกได้ว่าเพราะอะไร อืม...อายุสิบหกพลังฝีมือระดับขอบเขตนักรบ ตอนนี้ถือว่าเป็ผู้ที่มีพร์อันดับหนึ่งที่ยากจะพบพานในรอบร้อยปีของเขตปกครองเทพา ครั้งนี้หากสามารถรอดกลับไปได้อย่างปลอดภัย ทำเนียบผู้มีพลังฝีมือระดับชั้นปฐีจะต้องมีการจัดเรียงอันดับใหม่แล้วละ นายน้อยหานอายุเพียงเท่านี้พลังฝีมือขนาดนี้ แน่นอนว่าย่อมต้องถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่หนึ่งของทำเนียบผู้มีพลังฝีมือระดับชั้นปฐีอย่างไม่ต้องสงสัย!”
ทำเนียบผู้มีพลังฝีมือระดับชั้นปฐีคือการจัดอันดับให้แก่ยอดฝีมือหน้าใหม่ที่มีอายุไม่เกินสามสิบปี เพียงแต่การจัดอันดับไม่ใช่พิจารณาเพียงแค่ระดับขั้นขอบเขตของพลังฝีมือเท่านั้น แต่จะพิจารณาจากพลังฝีมือโดยรวม ไม่ว่าจะเป็ระดับขั้นขอบเขตของพลัง อายุ และทักษะความสามารถแฝงอื่นๆ ประกอบเข้าด้วยกันจนสุดท้ายสรุปออกมาเป็พลังฝีมือโดยรวม ตัวอย่างเช่น เย่ชิงขวงอายุยี่สิบห้าปีพลังฝีมือระดับขั้นที่สามขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ บวกกับสัตว์อสูรคุณภาพระดับเจ็ดพลังฝีมือโดยรวมเทียบเท่าผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นแรกขอบเขตนักรบ ถูกจัดให้อยู่ในอันดับสิบของทำเนียบผู้มีพลังฝีมือระดับชั้นปฐี
เย่ชิงอู่อายุยี่สิบปีพลังฝีมือระดับขั้นแรกขอบเขตนักรบ บวกรวมสัตว์อสูรคุณภาพระดับเจ็ดจิ้งจอกหิมะพลังฝีมือโดยรวมเทียบเท่าผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นที่สามขอบเขตนักรบ ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่หกของทำเนียบผู้มีพลังฝีมือระดับชั้นปฐี และหลงไซ้หนานอายุยี่สิบแปดปีพลังฝีมือระดับขั้นสูงสุดขอบเขตจ้าวนักรบ เท้าข้างหนึ่งเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตาาจักรพรรดิไปแล้ว ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่หนึ่งของทำเนียบผู้มีพลังฝีมือระดับชั้นปฐีอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้