“เ้ามีแผนแล้วหรือ?”
อันที่จริง หลังจากหลงเทียนอวี้ได้ยินคำพูดของหลินเมิ้งหยาเขาวางแผนไว้ในใจเป็ที่เรียบร้อยแล้ว
ทว่า เขาอยากลองฟังแผนการของหลินเมิ้งหยาก่อน
สตรีคนนี้หาได้เหมือนคนอื่นไม่นางมักมีแผนการแปลกประหลาดมากมายนับไม่ถ้วน
กลยุทธ์บางอย่างเขาก็ไม่เคยรู้และไม่เคยเห็น
อยากรู้เหลือเกินว่าสมองเล็กๆของนางยังมีข้อมูลอะไรที่เขาไม่รู้จักอีกบ้าง
“ถึงอย่างไรก็คงต้องรบกวนท่านอ๋องกระจายข่าวลือว่าเจอตัวฆาตกรแล้วออกไปเพคะ”
หลินเมิ้งหยาหยักยิ้มมีเลศนัย รอยยิ้มเช่นนั้นทำให้หลงเทียนอวี้รู้สึกคันยุบยิบ
ทุกครั้งที่นางยิ้มเช่นนี้ จะต้องมีคนซวย
“ได้” หลงเทียนอวี้พยักหน้า ไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองเอ็นดูหญิงสาวคนนี้มากมายขนาดไหน
“เช่นนั้นต้องขอบพระทัยท่านอ๋องมากเพคะพวกเรามารอลุ้นข่าวดีกันดีกว่า”
รอยยิ้มของหลินเมิ้งหยาเจือไว้ซึ่งความเ็า
เมื่อครู่นางพอจะรู้แล้วว่าทั้งไท่จื่อและฮ่องเต้ิล้วนรู้เื่การถูกข่มขืนของพี่เยว่ถิง
มิเช่นนั้นเหตุใดพวกเขาจึงสงสัยนางซึ่งมีความแค้นกับหูลู่หนานก่อนเป็คนแรก?
ฮ่องเต้แห่งซีฟานตัวดี องค์ชายรัชทายาทแห่งต้าจิ้นตัวดี
ในเมื่อเื่ราวเป็เช่นนี้ เช่นนั้นคงต้องปล่อยไปตามน้ำถึงอย่างไรนางก็มั่นใจในแผนการของตนเอง
ตกลงโลกใบนี้ยังมีคำว่ายุติธรรมอยู่หรือไม่?
ในเมื่อเื่ราวเป็ไปแบบนี้แล้วเช่นนั้นอย่าหาว่านางใจร้ายเลยแล้วกัน
หลินเมิ้งหยาดำดิ่งในความคิดของตนเองนางมองไม่เห็นสายตาอ่อนโยนของชายหนุ่มตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
ทั้งสองแอบกลับไปยังกระโจมของจวนอวี้ โดยที่ไม่มีใครทันสังเกต
หลงเทียนอวี้ยืนอยู่ด้านนอกมองดูหลินเมิ้งหยาแหวกผ้าม่านและหายไปจากแนวสายตา
สีหน้าอ่อนโยนเสมือนสายน้ำไหลพลันหายไป
ใบหน้าของเขากลับมาเ็าดังเดิม ก่อนหมุนตัว สาวเท้ายาวๆออกจากกระโจม
ดูเหมือนเขาที่มักแสดงท่าทีสงบนิ่งเสมอจะทำให้ไท่จื่อคิดว่าเขาเป็คนที่สามารถรังแกได้ง่ายๆ
“หลินขุ๋ยสั่งให้คนของเรากระจายข่าวว่าจับตัวคนร้ายที่ทำร้ายหูลู่หนานได้แล้ว”
แผนการของหลินเมิ้งหยาล้ำเลิศ แต่ถ้าอยากจะทำให้คนพวกนี้เผยไต๋ออกมาเช่นนั้นคงต้องใช้ไม้แข็งดูสักหน่อย
“พ่ะย่ะค่ะ”
หลินขุ๋ยไปจัดการงานของตนเอง หลงเทียนอวี้กลับไปยังที่พักของหลงชิงหาน
ทันทีที่เดินผ่านประตูเข้ามาเขาได้เห็นหลงชิงหานนอนเหยียดกายอยู่บนเตียงกลิ่นเหล้าที่คละคลุ้งกลางอากาศทำให้คิ้วของหลงเทียนอวี้ขมวดเข้าหากัน
ไม่รู้ว่าเ้าเด็กนี่ไปกินเหล้าจากที่ใดมาท่าทางของเขาจึงเละเทะเช่นนี้
“พี่สาม? เป็อะไรไป? ถูกพี่สะใภ้ไล่ออกมาอีกแล้วหรือ?”
หลงชิงหานหัวเราะ ราวกับว่าั้แ่ที่พี่สามได้รู้จักกับพี่สะใภ้พี่สามมักถูกขู่เข็ญเสมอ
หลงเทียนอวี้ไม่สนใจเขา นั่งลงบนเก้าอี้พลางอ่านเอกสาร
“แต่พี่สาม พี่จะจัดการเื่ของเยว่ถิงอย่างไร?”
เริ่มสร่างเมา หลงชิงหานมองดูชายตรงหน้าดวงตากลับมาแจ่มแจ้งชัดเจนดังเดิม
“เื่ของเยว่ถิงถูกวางแผนไว้ั้แ่แรกแล้วเป้าหมายมิใช่เพียงสกุลเยว่ แต่ยังบีบข้าให้เข้ามาร่วมรับผิดชอบอีกด้วย”
สกุลหลินเชื่อมความสัมพันธ์กับจวนอวี้
หนึ่งร่วงทุกคนล่ม หนึ่งรุ่งโรจน์ทุกคนรุ่งเรือง
ดังนั้น หลงเทียนอวี้จึงคิดอยากต่อสู้กับไท่จื่อ
“ท่านไม่คิดว่ามันคือแผนการของฮองเฮาอย่างนั้นหรือ?”
ไท่จื่อยังอ่อนหัด คนที่น่ากลัวที่สุดคือสตรีที่กุมอำนาจของวังหลวงคนนั้นต่างหาก
ฮองเฮาได้กุมอำนาจสูงสุดเอาไว้ในมืออีกทั้งนางยังมาจากตระกูลของชนชั้นสูงความสามารถในการควบคุมผู้อื่นจึงมากมายเกินกว่าที่พวกเขาจะคาดถึง
หลงเทียนอวี้กลับส่ายหน้า ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เื่นี้น่าจะเป็แผนการของไท่จื่อและองค์ชายรองเพียงสองคนหากฮองเฮารู้ ไท่จื่อต้องถูกตำหนิอย่างแน่นอน”
ตลอดหลายปีมานี้ แม้พวกเขาจะต้องอยู่บนความหวาดระแวง แต่ไท่จื่อเองก็หาได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย
ฮองเฮายังคงแผ่ขยายอำนาจ นางคิดเพียงว่าไท่จื่ออายุยังน้อยคิดได้ไม่รอบคอบ ดังนั้นจึงกุมอำนาจของไท่จื่อเอาไว้
ทว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ ไท่จื่อลงมือทำเพราะอยากพิสูจน์ตัวเอง
จะไม่พูดไม่ได้ว่า นี่อาจเป็โอกาสที่์ประทานให้กับพวกเขา
“จะว่าไปแล้วก็จริง ผู้หญิงคนนั้นวางกลอุบายได้อย่างเหนือชั้นไม่มีทางเลยที่จะปล่อยให้เกิดความผิดพลาด”
หลงชิงหานหัวเราะเสียงเบา แต่ถึงกระนั้นก็แสดงให้เห็นถึงความไม่ประสงค์ดี
“หากมีใครสักคนทูลฮองเฮาเื่นี้แล้วละก็เกรงว่าไท่จื่อคงจะโดนด่าจนแทบกระอักเืเลยทีเดียวเชียว”
เมื่อเทียบกับพวกนักต้มตุ๋นแล้ว พวกเขาฉลาดกว่ามากอีกทั้งยังลงมือโดยไร้ความปรานี
“หากเป็เช่นนั้นเขาคงไม่มีเวลาร่วมมือทำแผนชั่วกับฮ่องเต้ิอย่างแน่นอน”
หลงเทียนอวี้เอ่ยออกมาสั้นๆราวกับว่าเื่ของคนเ่าั้มิได้เกี่ยวข้องกับตนเองเลยแม้แต่น้อย
เสียงซุบซิบนินทายังคงดังอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ่บ่ายหลินเมิ้งหยาขังตัวเองไว้ในกระโจมไม่ยอมออกไปไหน
กำหนดการกลับเมืองหลวงถูกเลื่อนออกไป
สายตาของทุกคนกำลังจับจ้องดูการเคลื่อนไหวของหลินเมิ้งหยาและหลงเทียนอวี้
รอดูว่าพวกเขาจะจับตัวคนร้ายได้เช่นไร
“ยังไม่ดีขึ้นอีกหรือ?”
คิ้วขมวดเข้าหากันแน่นสายตาอันเปี่ยมไปด้วยความกังวลจ้องมองทางหมอหลวง
“ทูลพระชายา คุณหนูเยว่มีอาการป่วยทางใจ ไม่มียาอันใดสามารถรักษาให้หายได้พ่ะย่ะค่ะ”
หมอหลวงมองหลินเมิ้งหยาด้วยท่าทางลำบากใจไม่มีใครรู้เลยว่าความสัมพันธ์ของคุณหนูสกุลเยว่และพระชายาอวี้จะดีมากถึงเพียงนี้
หากรักษาให้หายก็คงมิเป็ไร แต่ถ้ารักษาไม่หายเกรงว่าจะต้องโทษจากพระชายาอวี้อย่างแน่นอน
“ป่วยทางใจ?”
หลังจากวันที่ได้สนทนากับตนเองเยว่ถิงยังคงหลับและไม่ฟื้นขึ้นมาอีก
ไม่ว่านางและเยว่ฉีจะร้องเรียกเยว่ถิงดังสักเพียงไหนแต่นางก็ไม่ตื่น
เวลาเพียงสองวัน เยว่ถิงกลับซีดเซียวลงมาก
มองดูใบหน้าขาวซีดบนเตียง แม้แต่ลมหายใจยังอ่อนแรงแม้หลินเมิ้งหยาจะร้อนใจ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
“พี่สาว ต่อให้ท่านร้อนใจไปก็ไม่มีความหมาย พักสักหน่อยเถิดกินอะไรสักเล็กน้อย หากท่านเองก็เจ็บป่วยไปด้วยแล้วใครจะดูแลพี่เยว่ถิงเล่า?”
หลินจงอวี้มองดูพี่สาวสายตาเป็กังวลจ้องมองหลินเมิ้งหยาที่ดูแลเยว่ถิงโดยมิห่างแม้แต่เพียงก้าวเดียวหากเป็เช่นนี้ต่อไปเกรงว่าร่างกายจะต้องรับไม่ไหวอย่างแน่นอน
“ใช่แล้วเ้าค่ะนายหญิง ท่านเป็เสมือนหัวใจของพวกเราหากท่านเป็อะไรไปขึ้นมา พวกเราจะทำอย่างไร?”
ทั้งที่มาที่นี่กันด้วยความเบิกบานสำราญใจ แต่อยู่ๆเหตุการณ์กลับพลิกผันราวกับฟ้าและเหว
นับั้แ่วันที่เกิดเื่ขึ้นกับเยว่ถิงสาวใช้ทั้งสี่ััได้ถึงบรรยากาศขุ่นมัว ใบหน้าไร้ซึ่งรอยยิ้ม สภาพจิตใจหดหู่ไม่แจ่มใส
อาเสวี่ยนอนลงแนบเท้าของหลินเมิ้งหยา ดวงตาสดใสร่าเริงมันไม่ยอมหนีห่างจากหลินเมิ้งหยาแม้แต่เพียงก้าวเดียว
มองดูใบหน้าเสมือนคนกำลังร้องไห้ของทุกคนหลินเมิ้งหยารู้สึกว่าตนเองไม่สามารถปล่อยปละตัวเองให้เป็เช่นนี้ต่อไปได้
“พี่หลิน ข้ารู้ว่าท่านเป็ห่วงพี่สาวของข้า” เยว่ฉีปาดน้ำตาทว่ากลับฝืนยิ้มออกมา
“ฉีเอ๋อร์รู้ว่าพี่หลินกำลังหาวิธีแก้แค้นให้กับพี่สาวของข้าแต่ท่านเองก็ต้องดูแลสุขภาพของท่านด้วย”
หลายวันมานี้ เยว่ฉีเองก็มาอยู่ด้วยกันกับหลินเมิ้งหยาที่นี่
ฮูหยินเยว่ส่งคนมาเชิญนางกลับทว่าป๋ายซ่าวไล่ตะเพิดคนเ่าั้กลับไปหมดแล้ว
ต่อมา ได้ยินมาว่าท่านลุงเยว่ะเิอารมณ์รุนแรงด่าว่าฮูหยินเยว่อย่างไม่ไว้หน้า ดังนั้นฮูหยินเยว่จึงสงบลง
“อือ ข้ารับรู้ได้ถึงความหวังดีของพวกเ้า พวกเ้าวางใจเถิดข้าจะไม่ปล่อยให้เป็เช่นนี้อีกต่อไปแล้ว”
หลินเมิ้งหยาปกปิดความเ็ปเอาไว้ในใจใบหน้าเผยให้เห็นความอ่อนโยน
ตอนนี้ยังมิใช่เวลาเสียใจ
หูลู่หนานกลายเป็อัมพาตไปแล้วแต่ยังมีเสืออีกหลายตัวให้นางต้องจัดการ
“ฉีเอ๋อร์ ไปหาพ่อเ้ากับข้าเถิด”
ป๋ายจีสวมเครื่องประดับหยกบนศีรษะของหลินเมิ้งหยาก่อนจะจัดแต่งเสื้อผ้าของนางให้ดี ดังนั้นในสายตาของผู้อื่น นางจึงยังคงเป็ชายาอวี้ผู้มิกลัวเกรงฮ่องเต้ิและไท่จื่อ
พาเยว่ฉีเดินออกจากที่พักระหว่างทางได้ยินเสียงกระซิบกระซาบไม่น้อย
ได้ยินคำพูดว่าร้ายพี่สาวของตนเองจากคนเ่าั้ ใบหน้าเรียวเล็กขาวนวลของเยว่ฉีพลันซีดเผือด
มือเล็กเย็นะเืทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่นแต่กลับถูกความอบอุ่นบางอย่างโอบกอดไว้
“พี่หลิน ข้า...” เงยหน้าขึ้น ใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ซึ่งกำลังเปียกชื้นเงยขึ้นประสบกับแววตาอ่อนโยนอบอุ่นของหลินเมิ้งหยา
อยู่ๆ นางก็เข้าใจความหมายในแววตาของหลินเมิ้งหยามันคือแววตาที่ฝืนแสดงความเข้มแข็งออกมาและเก็บซ่อนความเ็ปเอาไว้ในหัวใจ
“ฉีเอ๋อร์ พี่เยว่ถิงถูกทำร้ายตอนนี้เ้าเป็ความหวังของสกุลเยว่แล้ว อย่าให้ใครได้เห็นความอ่อนแอของเ้า”
นอกจากเยว่ฉี ทุกคนในสกุลเยว่ล้วนคิดว่าเยว่ถิงคือความอับอาย
แม้แต่ฮูหยินเยว่ยังวางแผนทำร้ายลูกสาวของตนเองได้ดังนั้นมีเพียงเยว่ฉีเท่านั้นที่จะสามารถปกป้องดูแลเยว่ถิงได้
“ข้า? ข้าจะแทนที่พี่สาวได้อย่างไร? พี่สาวต่างหากที่เป็เสมือนแสงสว่างแห่งสกุลเยว่”
นางก้มหน้าลง หยาดน้ำตารินไหลอีกครั้ง
ตอนเยว่ถิงอายุสิบสาม ทุกคนในเมืองหลวงล้วนรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของนางทั้งเื่ความสวยงามและสติปัญญา
ในสายตาของเยว่ฉีพี่สาวเปรียบเสมือนนางฟ้าบน์ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก
ทว่าตอนนี้นางฟ้าองค์นั้นถูกทำร้าย โลกของนางเองก็ย่อยยับตามไปด้วย
“เ้าเป็น้องสาวแท้ๆ ของพี่เยว่ถิงเพราะฉะนั้นเ้าเองก็เป็เหมือนพี่เยว่ถิงเช่นเดียวกัน”
สกุลเยว่มีทายาทเพียงพวกนางสองพี่น้อง แม้ภรรยาอนุจะมีลูกชายแต่ถึงกระนั้นก็มิได้รับการยอมรับจากสกุลเยว่
แต่เพราะเยว่ฉีอายุยังน้อย ดังนั้นนางจึงยังไม่เข้าใจเื่นี้
มองดูกระโจมสกุลเยว่ที่อยู่ไม่ไกล แต่หลินเมิ้งหยาััได้อย่างชัดเจนถึงแรงกดดันที่ส่งออกมา
“รบกวนแจ้งท่านลุงเยว่หน่อยว่าชายาอวี้มาขอพบ”
ทาสรับใช้ของสกุลเยว่ล้วนจงรักภักดีต่อเยว่ถิงดังนั้นพวกนางจึงรู้สึกตื้นตันในสิ่งที่หลินเมิ้งหยาทำ
ทาสที่อยู่เฝ้าหน้ากระโจมรีบเข้าไปแจ้ง ไม่นานก็กลับออกมา
“เชิญพระชายาอวี้และคุณหนูรองเ้าค่ะ”
ถวายคำนับอย่างมีมารยาท หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลงจูงมือเยว่ฉีเข้าไปในกระโจม
