“หนูบอกแล้วไง ว่าไม่กลับ ไม่กลับก็คือไม่กลับสิคะ!”
ภายในคฤหาสน์ตระกูลหลิน หลีซีเอ๋อร์ตัดสายโทรศัพท์ไปด้วยความโมโหคนที่สามารถทำให้เธออารมณ์เสียแบบนี้ได้ก็มีเพียงคนที่คอยเร่งให้เธอกลับไปอยู่ตลอดทั้งวันอย่างอาจารย์ของเธอเท่านั้นแหละ
“เป็อะไรไป ใครทำให้โมโหอีกแล้วล่ะ?” เมื่อเห็นว่าหลีซีเอ๋อร์กำลังเบ้ปากแสดงความไม่พอใจอยู่เป่าเจียก็แกล้งแหย่เธอขึ้นมา
สามปีที่ผ่านมา ใบหน้าของเป่าเจียนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อยแต่ภายในแววตาของเธอ กลับดูเติบโตขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ จะว่าไปแล้วเธอก็ไม่ใช่คนที่ชอบทำอะไรหุนหันพลันแล่นที่มีหวังเมี่ยวเอ๋อเป็ไอดอลคนนั้นอีกแล้ว สามปีที่ผ่านมานี้บ้านหลินได้รับความตึงเครียดไม่น้อย และบ้านฉินเองก็ไม่ได้ดีเท่าไร
ดูเหมือนว่าตระกูลโจวนั้นจะมั่นใจว่าหลินลั่วหรานตายไปแล้วั้แ่แรกแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรพ่อและแม่ของหลินลั่วหรานแต่กลับสร้างความกดดันกลับเป็การแก้แค้นแก่ตระกูลฉินการทหารและรัฐบาลนั้นไม่ได้เป็อันหนึ่งอันเดียวกันแต่ก็สามารถที่จะสกัดซึ่งกันและกันได้ พวกเขาทำอะไรผู้บังคับบัญชาฉินไม่ได้จึงได้แต่ลงมือกับหน่วยงานเก่าของเขา ไม่ว่าใครที่ยืนอยู่ข้างตระกูลฉินต่างก็ต้องได้รับความลำบากกันทั้งนั้น
ตัวอยู่ในกองทหารก็เลยทำอะไรไม่ได้? อย่างไรก็ต้องมีญาติหรือไม่ก็เพื่อนใช่ไหมล่ะ? อีกทั้งพวกเขาก็ยังมีจุดยืนในสังคมแล้วจะมีบริษัทเล็กๆ ที่ไหน จะสามารถทนรับความกดดันแบบนี้ได้?
จะต้องเผชิญกับรัฐบาล ไปจนถึงความเป็ความตายท่านผู้บังคับบัญชาฉินสามารถไม่สนใจเื่ของตนเองได้แต่ว่าไม่อาจจะมองพวกคนที่อยู่ใต้อำนาจของเขาต้องมาได้รับความกังวลใจและความยากลำบากเพราะเื่ในตระกูลของเขาได้หรอกสุดท้ายในปีที่สอง เขาก็ตัดสินใจขอ “ลาออกด้วยปัญหาสุขภาพ”
เป่าเจียไม่ใช่หลานสาวเพียงคนเดียวของผู้บังคับบัญชากองทหารอีกแล้วและก็ไม่ใช่คู่หมั้นของตระกูลหลิ่วแสนร่ำรวยอีกต่อไปเช่นกันในตอนนี้เธอก็เป็เพียงนักออกแบบเครื่องประดับทั่วไปคนหนึ่งเพียงสิ่งเดียวที่เธอแตกต่างออกไปก็คือ เธอกำลังฝึกศาสตร์อยู่ด้วยเธอไม่เคยเข้ามาอยู่ในบ้านหลินเปล่าๆ โดยไม่ตอบแทนอะไร
หลีซีเอ๋อร์เปลี่ยนความไร้เดียงสาอย่างปกติ เป็ความหนักแน่น “พี่เป่าเจีย พี่ไม่รู้สึกแปลกๆ ่กลางคืนบ้างเหรอ?”
เป่าเจียส่ายหน้า พร้อมทั้งมองไปยังหลีซีเอ๋อร์อย่างไม่เข้าใจก่อนที่หลีซีเอ๋อร์จะหัวเราะออกมา แล้วเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาไปยังเื่การฝึกแทนแม้ว่าหลีซีเอ๋อร์จะมีพลังพื้นฐานแค่ธาตุทองธาตุเดียวแต่ในเื่ของประสบการณ์ในการฝึกศาสตร์แล้ว เธอก็สามารถที่จะเป็อาจารย์ให้กับเป่าเจียและพ่อของหลินลั่วหรานได้แล้ว
เมื่อเป่าเจียเดินจากออกไป หลีซีเอ๋อร์ก็ลูบลงบน “เชือกวิเศษ” บนข้อมือของเธอพร้อมกับใช้ความคิด
สองวันที่ผ่านมาอาจารย์นั้นเร่งรัดเธอขึ้นเรื่อยๆในตอนกลางดึกเธอก็มักจะรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล
...สุดท้ายแล้ว พวกเขาก็จะลงมือกับบ้านหลินใช่ไหม?
ความสิ้นหวังเกิดขึ้นในใจของหลีซีเอ๋อร์สามปีที่ผ่านมาเธอก็พยายามฝึกอย่างเต็มที่แล้วแต่ว่าเธอก็ยังไม่อาจจะเทียบกับหลินลั่วหรานในสถานที่ลึกลับได้เลยเธอพยายามอดทนมาสามปีแล้ว และมันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมายอมแพ้ในตอนสุดท้าย
แม้ว่าความตายนั้นจะน่ากลัว แต่ว่าการทำตัวเป็คนอ่อนแอแบบนั้นจะต้องทำให้หลีซีเอ๋อร์เกลียดตัวเองมากแน่ๆ
อีกอย่าง อาจารย์จะยอมให้เธอตายเหรอ?
แล้วคนอื่นในบ้านตระกูลหลินล่ะ?
บนูเาใน่ฤดูร้อน อากาศนั้นอยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนก่อนหน้านี้ยังท้องฟ้าปลอดโปร่งอากาศสดใสอยู่เลย แต่พอผ่านไปสักพัก อยู่ๆเมฆดำก็เริ่มเข้าปกคลุมไปทั่วผืนฟ้า ลมพัดแรงเสียจนทำให้ผ้าม่านโบกสะบัดไปมาราวกับว่าฝนกำลังจะตกลง
หลีซีเอ๋อร์ที่กำลังกังวลมองเหม่อออกไป เธอคิดไปถึงวันที่เต็มไปด้วยพายุฝนแบบนี้เมื่อสามปีที่แล้วขึ้นมาสภาพอากาศนั้นดูไม่ได้ต่างกันเท่าไร มีผู้หญิงสวมเสื้อผ้าสีดำแปลกตาคนหนึ่งมาเยือนตอนกลางคืนรุ่นพี่หลินได้ยินว่ามีเื่อะไรกัน หลังจากที่ออกไปและเธอก็ไม่กลับมาอีกเลย...ราวว่ามีหมอกหนากลุ่มหนึ่ง กำลังค่อยๆปกคลุมไปทั่วแววตาของหลีซีเอ๋อร์
รุ่นพี่หลิน ซีเอ๋อร์เหนื่อยจังเลย พี่อยู่ที่ไหนกันแน่คะ?
ในวัดเขาชิงเฉิงที่อยู่ห่างออกไปจากบ้านหลินไม่ไกลนัก
ถ้าหากว่าหลีซีเอ๋อร์ฝึกศาสตร์ในระดับที่สูงกว่านี้เธอก็คงจะได้รู้ว่าคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อาจารย์ทรงศักดิ์ทั้งหลายมีอาจารย์ที่เธอไม่ให้ความเคารพอยู่ด้วย
ชายชราตระกูลมู่นั่งอยู่้าสุดฝั่งซ้ายใบหน้าของเขาดูเหมือนว่าจะไม่ได้ดีใจเสียเท่าไร
ชายแก่สกุลกัวยังคงไอออกมาอย่างหนักสีหน้าของเขาดูแย่กว่าชายชราตระกูลมู่เล็กน้อย
เ้าอาวาสวัดเขาชิงเฉิงอย่างฮุยจู๋นั่งอยู่้าสุดตรงกลางเสี่ยวอันนั่งอยู่ข้างๆ เขา แม้ว่าอายุจะยังน้อยแต่เขาก็ดูมีความเป็ผู้สืบทอดวัดเขาชิงเฉิงรุ่นต่อไปมากขึ้นแล้ว
ในวัดเขาชิงเฉิงเล็กๆ คนที่มีความสามารถระดับต้นๆในโลกแห่งการฝึกศาสตร์ต่างก็มากันพร้อม หากพูดให้ดูดีหน่อยก็คือการประชุมของโลกแห่งการฝึกศาสตร์ แต่หากพูดออกมาตรงๆ มันก็คือการพูดคุยกันว่าจะจัดการอย่างไรกับตระกูลหลินดี
คนที่สามารถช่วยพูดแทนตระกูลหลินได้ชายชราตระกูลมู่ก็มีนิสัยไม่อยากจะสร้างปัญหาอะไรชายแก่สกุลกัวก็ยังคงมีอาการาเ็ จะใช้ปากว่าก็ยังจะพอทำได้แต่หากว่าจะต้องลงมือจริงๆ าแของเขาจะต้องสร้างปัญหาขึ้นมาแน่
หัวหน้าของหน่วยพิเศษอย่างเฉินหยุน เขาสวมชุดสูทจงชาน1 ไม่ว่าจะพบกับใคร ต่างก็ส่งรอยยิ้มตาหยีไปให้ทั้งนั้นแม้ว่าการฝึกของเขาจะไม่ได้สูงมากขาดอีกระดับถึงจะก้าวเข้าไปสู่การเป็ระดับพื้นฐาน แต่ว่าด้วยอิทธิพลของเขาทำให้น้ำหนักคำพูดของเขา มีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
วันนี้ผู้ช่วยของเฉินหยุนอย่างเหวินกวนจิ่งนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยโดยไม่ทราบสาเหตุ
เหล่านักปราชญ์ระดับพื้นฐานของจีนนั้นมีทั้งหมดห้าคน ฮุยจู๋ มู่เหล่ากัวเหล่า และอาจารย์ของหลีซีเอ๋อร์อย่างสีเหิง ก็รวมกันเป็สี่คนแล้วแม้ว่าจะบอกว่าอยู่ในระดับเดียวกันแต่ว่าความจริงนั้นฮุยจู๋อยู่ในระดับพื้นฐานตอนปลายแล้วดังนั้นทุกคนจึงให้ความเคารพกับเขา
แม้ว่าเหวินกวนจิ่งจะไม่อยู่ แต่ว่าตระกูลเหวินแห่งเขาชู่ชานก็ไม่ได้ขาดไปทุกคนต่างก็ใช้ความคิดอยู่กับตัวเอง พวกเขาดื่มชากันไปหลายแก้วก่อนที่สีเหิงจะเป็คนเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน
“พวกเราจะทำแบบนี้กับคนธรรมดาๆ มันก็...” การให้ความเคารพนั้นก็เป็อีกเื่แต่ว่าเื่ของภาพลักษณ์ก็เป็อีกเื่หนึ่งเช่นกันเมื่อคิดว่าหลีซีเอ๋อร์ไปอาศัยอยู่ที่บ้านของพวกเขาอยู่นานสองนานเขาจึงรู้สึกละอายอยู่ไม่น้อย
หัวหน้าตระกูลเหวินลูบเคราพร้อมกับยิ้มออกมา “เหล่าสีได้ยินว่าลูกศิษย์ของท่านวุ่นวายเสียจน”
เสียจนอะไร หัวหน้าตระกูลเหวินเพียงแค่ยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาต่อก่อนที่จะไม่ได้สนใจในสิ่งที่ตัวเองเกริ่นขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
ในระหว่างที่สีเหิงกำลังจะพูดอะไรออกมา ฮุยจู๋ก็ลืมตาขึ้นมาเสียก่อน “เหล่าสี ท่านควรจะรู้จักเื่ที่ว่า คนเก่งมักมีคนคอยอิจฉานะพวกเราไม่ได้จะฆ่าใคร เพียงแค่ได้ของมา หลังจากนี้จะดูแลตระกูลหลินหรืออะไรก็แล้วแต่...แต่ว่าเด็กที่บ้านหลินเลี้ยงเอาไว้เป็ผู้มีพร์ที่มีพื้นฐานพลังเดี่ยว หากไม่พามาเลี้ยงดูให้ดี มันก็น่าเสียดาย”
เมื่อเห็นว่าฮุยจู๋ตัดสินใจออกมาแล้ว กัวเหล่าก็ลุกขึ้นมาก่อนจะไอออกมาอย่างหนักหน่วง
มู่เหล่าถอนหายใจออกมาอีกครั้งตัวเขานั้นยังมีครอบครัวใหญ่ที่ต้องกินข้าวต่อไป หลายปีที่ผ่านมาตระกูลมู่ได้รับความสนใจขึ้นมา ความกดดันตลอดสามปีที่ผ่านมาก็ถือว่าเกี่ยวข้องกับสาวน้อยตระกูลหลินคนนั้น เป็เด็กสาวที่มีของดีอยู่แท้ๆทำไมอยู่ๆ ดวงของเธอก็หายไปหมดได้ล่ะ?
ตัวหน้าตระกูลเหวินหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับลูบมือของตัวเองไปมา “ถ้ายังไงก็เอาเด็กนั่นมาให้ตระกูลเหวินดีกว่าไหม?”
ผู้มีพร์ธาตุเดี่ยวแบบนั้น ใครจะยอมวางมือง่ายๆคนที่มีความคิดต่างก็ไม่ได้พูดออกมา สีเหิงส่งเสียงฮึขึ้นในใจ เขาชู่ชานเน้นที่ศาสตร์ดาบเป็หลักแต่แม้แต่ธาตุดินเดี่ยวก็ยังจะเอา!
ธาตุดินนั้นเป็ธาตุที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์และมันไม่ได้เข้ากันกับศาสตร์ดาบอันรุนแรงพวกนั้นเลย...
...
เมืองหลวง สถานพักฟื้น
การบำบัดตลอดสามปีที่ผ่านมา รวมเข้ากับ “ยาวิเศษ” ที่อาจารย์ให้ ในที่สุดนายน้อยตระกูลโจวก็ลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง
ถ้าหากว่าเป็คนดีคนหนึ่งแล้ว มันก็คงจะเป็บทสรุปแห่งความพากเพียรพยายามแต่กับโจวเหย้าเวยน่ะเหรอ มันก็คงจะเป็เพียงศักยภาพในการทำลายล้างแล้วล่ะ
นายน้อยตระกูลโจวนั้นเต็มไปด้วยความเบิกบานแต่อาจารย์แสนเย้ายวนของเขากลับไม่ค่อยพึงพอใจเสียเท่าไร
แม้ว่าสระเืจะทำให้ร่างกายของเธอฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ได้อย่างรวดเร็วแต่ด้วยการฝึกของเธอในตอนนี้ กลับไม่สามารถรักษามือที่ขาดออกไปได้เธอนั้น้าความแข็งแกร่ง แล้วจะออกไปให้ใครเห็นในสภาพที่มีมือเพียงข้างเดียวได้อย่างไร
ดังนั้นครึ่งปีมานี้เธอได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายมือที่เมืองเหมียวอยู่หลายครั้ง้ากระดูกมือที่มีความยาวเท่ากันกับของเธอ อีกทั้งยังต้องดูรูปร่างภายนอกั้แ่การผ่าตัดปลูกถ่ายในตอนแรก ไปจนถึงการใช้เวทลับในการเชื่อมมือเข้ากับร่างกายการที่ขาดลูกศิษย์มาอำนวยความสะดวกให้เธอ ก็นับว่าทำได้ยากลำบากทีเดียว
เธอทำการผ่าตัดไปแล้วสิบกว่าครั้งก่อนที่ในที่สุดก็สามารถตามหามือที่เชื่อมต่อกันได้ดีจนได้แล้วข้อมือที่ล้มเหลวพวกนั้นไปไหน? หญิงสาวสวมชุดดำพยายามขยับมือใหม่ที่ได้ตามความ้าของเธอไปมาด้วยอิทธิพลของตระกูลโจว ก็ต้องสามารถหา “ผู้บริจาค” ได้ตาม้าอยู่แล้ว
พวกเธอยินดีหรือเปล่า? หญิงสาวสวมชุดดำเดาะลิ้นขึ้นแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอล่ะ?
“จัดการกับสองตระกูลนั่น เป็ไงบ้าง?”
วันเวลาพวกนี้ช่างแสนน่าเบื่อ ดูหนังละครอะไรที่น่าสนุกเสียหน่อยน่าจะช่วยฆ่าเวลาไปได้บ้างใช่ไหม? หญิงสาวสวมชุดดำนั้นอยากจะรู้มากแต่ใบหน้าของเธอกลับแสดงความนิ่งเฉยออกมานักปราชญ์ผู้รักความถูกต้องน่าขยะแขยงพวกนั้นในระหว่างที่ตระกูลหลินกำลังลำบากแบบนี้จะให้ความช่วยเหลือ...หรือว่าจะเหยียบซ้ำกันนะ
“อาจารย์ ท่านสบายใจเถอะ ศิษย์ได้สั่งการไปแล้วหากพวกเรายังไม่ไปด้วยตัวเอง พวกเขาก็จะไม่ลงมือฆ่าใคร”
หญิงสาวสวมชุดดำมองไปยังเล็บสีแดงของตัวเองก่อนที่จะเผยรอยยิ้มยั่วยวนออกมา “อย่างนั้นก็ดี”
...
ที่สุสานซุนยัดเซนนั้นเต็มไปด้วยบรรดานักท่องเที่ยวมากมาย
ส่วนที่ใต้ล่างนั้นก็เป็ราชวังสระเืที่เต็มไปด้วยรอยเืและความมืดมิด
ผ่านการกัดกินมามากมายหลายหมื่นครั้งแล้วสุดท้ายพวกปีศาจต่างก็ไร้ซึ่งความอดทนกับเ้ากระดูกหนาที่ทรมานเท่าไรก็ไม่ตายเสียที่นี่แล้วคลื่นน้ำในสระเืซัดขึ้นมาเพราะเหล่าปีศาจได้จัดการขับไสหลินลั่วหรานที่ยังคงหลับตาแน่นออกมาคนคนนี้ไม่มีทางกลายเป็ปีศาจ แล้วทำไมจะต้องให้มาอยู่ในที่ของพวกเขา ทิ้งๆมันไปเสียยังจะดีกว่า!
ลำแสงล่องลอยไป หลินลั่วหรานลอยอยู่กลางสระเืดวงตาที่ปิดสนิทมากว่าสามปีค่อยๆ ขยับเคลื่อนไหวมันถูกแสงเ่าั้ทำเอาแสบตาไปหมด
เธอไม่สามารถจะอดทนกับแสงสว่างที่ไม่ชินตาเหล่านี้ได้จึงเริ่มที่จะตรวจสภาพร่างกายของตัวเองก่อนรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอโดยที่ไม่ทันได้ตั้งใจในทันที
ในที่สุด ก็สามารถทำให้พลังหยดสุดท้ายในร่าง กลายเป็มวลพลังได้เสียที
เวลาปีหนึ่งที่เสียไปนั้น คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มเสียอีก
**********************
1 สูทจงชาน (中山装 ) ชุดสูทคอจีน