กระบี่ของกู่ไห่พาดเข้ากับต้นคอของหลงหว่านชิง ภาพตรงหน้า ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนพากันตกตะลึง
“เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดกู่ไห่จึงได้ข่มขู่ท่านถังจู่แห่งหออี้ผินได้ล่ะ?”
“กู่ไห่มาช่วยท่านถังจู่แห่งหออี้ผินไม่ใช่หรือ?”
“นี่เขาคิดที่จะทำอะไรกันแน่?”
เหล่าผู้ฝึกฝนที่กำลังคลานออกจากซากปรักหักพัง ต่างก็ไม่เข้าใจเหตุการณ์ตรงหน้า แม้แต่หลี่ฮ่าวหราน ก็ยังสับสนต่อสถานการณ์ในยามนี้เช่นกัน... ใครจะไปคิด ว่าคนผู้นี้จะกล้าทรยศถังจู่!
“กู่ไห่” ชายในชุดเกราะเอ่ยเสียงเย็น
“ถอยไป! ผู้บัญชาการหลี่” ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ หลี่ฮ่าวหรานที่ยืนอยู่ใกล้ๆ มองดูอีกฝ่ายนิ่งๆ
“กู่ไห่ เ้าบ้าไปแล้วหรือ!?” หญิงสาวบริภาษเสียงดังอย่างโกรธเคือง
“นี่ข้าทำผิดอะไรหรือ? ก่อนหน้านี้ก็ถูกติงรุ่ยข่มขู่ แล้วก็มาเจอเ้าอีก... กู่ไห่! เ้ายังเห็นว่าข้าเป็ถังจู่แห่งหออี้ผินนี้อยู่หรือไม่?”
“ถังจู่… ท่านช่างไม่สำรวมเลย” ชายหนุ่มกล่าวเสียงต่ำ
“หึ! กู่ไห่ เ้าช่างกล้านัก อย่าคิดว่าเคยช่วยข้าไว้ แล้วข้าจะเกรงใจเ้า หากไม่ปล่อยข้าไป... ถือว่าเ้าทรยศ!” หลงหว่านชิงขู่อย่างโกรธเกรี้ยว
“ถังจู่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงเรียบ
“หืม?”
“ที่ข้าช่วยท่าน ก็ไม่ได้้าที่จะให้ถือว่าเป็บุญคุณ จนถึงตอนนี้ ข้ายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหออี้ผินสักเท่าใด การที่ข้าไปช่วยท่าน โดยไม่สนใจว่าตนจะอยู่หรือตาย คิดว่าข้าทำเพราะหวังสิ่งตอบแทนหรือ?
ไม่! สิ่งที่ข้าทำอยู่นี้ ก็เพื่อตอบแทนบุญคุณ เมื่อรู้ข่าวว่าท่านถูกกักขัง ข้าจึงเข้าร่วมการต่อสู้ และคอยตามรอยมาตลอด ั้แ่ที่สำนักชิงเหอ ไปสำนักซ่งเจี่ย มาจนถึงสำนักติงหลง เพียงเพราะในอดีต ท่านเคยช่วยให้ข้าเป็ที่ยอมรับของผู้คน”
“ข้าช่วยท่าน โดยไม่้าสิ่งตอบแทน หรือรางวัลเกียรติยศ เพียงอยากปกป้องดูแล จนกว่าท่านจะถึงมือของไต้ซือหลิวเหนียน จนกว่าจะถึงตอนนั้น ถือว่าข้ายังตอบแทนบุญคุณไม่เสร็จ”
“ดังนั้น โปรดใจเย็น และอดทนรอไปก่อน!” กู่ไห่บอก
ได้ฟังคำพูดของเขา หญิงสาวก็รู้สึกแปลกๆ ในใจ
“ตอบแทนบุญคุณ? เข้าใจแล้ว ข้าขอรับการตอบแทนของเ้า ดังนั้นโปรดปล่อยข้าไปเถอะ!” หลงหว่านชิงพูด พลางยิ้มเศร้า
“ไม่! ถังจู่ ใช่ว่าข้าไม่อยากปล่อยท่าน แต่ตอนนี้ท่านกำลังสับสน หากข้าปล่อยไป ท่านอาจจะพบกับทางตัน แล้วทุกอย่างที่ทำไว้ก็จะพังทลาย” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ
“ข้าไม่เข้าใจ เ้าพูดถึงเื่อะไร?” หญิงสาวถามด้วยความโมโห
“ก็ไม่ใช่หรอกหรือ? เมื่อครู่ ติงรุ่ยยืนยันด้วยตัวเอง ว่าหลี่ฮ่าวหราน เป็คนฆ่าแม่ของท่าน ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ ท่านก็ไม่ควรปกป้องเขา การที่ท่านไม่ยอมฟังคำแนะนำเ่าั้ ก็ไม่ต่างอะไรการสมรู้ร่วมคิดกับฆาตกร” กู่ไห่เอ่ยเสียงเรียบ
“ข้าก็บอกไปแล้ว ว่าไม่ใช่หลี่ฮ่าวหราน!” หลงหว่านชิงตอบกลับอย่างเดือดดาล
“ท่านจะแน่ใจได้อย่างไร?” ชายหนุ่มถามกลับเสียงเรียบ
“นี่คือเครื่องพิสูจน์... เขาเป็คนที่ท่านตาส่งมาเพื่อปกป้องข้า อีกทั้งในอดีต เขายังเคยช่วยชีวิตข้าเอาไว้ เขาไม่มีวันทำร้ายข้า! ติงรุ่ยคือคนวิกลจริต!” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
“แล้วทำไมเขาต้องสังหารติงรุ่ยล่ะ? ท่านไม่นึกแปลกใจบ้างหรืออย่างไร?” กู่ไห่กล่าวเสียงเรียบ
“เขาแค่พลั้งมือ!” หลงหว่านชิงเถียงกลับด้วยความหดหู่
“นี่หรือความคิดของท่าน?” ชายหนุ่มถามอย่างเยือกเย็น
“กู่ไห่ เ้าหมายความว่าอย่างไร?” หญิงสาวร้องถาม
“ข้ามักจะบอกลูกชายเสมอ ว่าทุกครั้งที่พบปัญหา ไม่ควรประเมินความร้ายแรงของมันด้วยความรู้สึกส่วนตน แต่ควรมองไปถึงผลกระทบที่จะตามมา
ตอนนี้ท่านเพียงคาดเดา โดยฟังความข้างเดียวเท่านั้น เช่นนี้แล้วจะแก้แค้นให้มารดาได้อย่างไร? ท่านกำลังทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย!” ชายหนุ่มพูดอย่างจริงจัง
“เหตุใดเ้าถึงได้เหมือนท่านตานัก? กู่ไห่! ข้ามิใช่ลูกชายหรือลูกสาวของเ้า ไม่ต้องมาสั่งสอนข้า!” หลงหว่านชิงเถียง
“เช่นนั้นข้าขอถามหน่อย ว่าท่านรู้หรือ ว่าใครคือฆาตกรที่ปลิดชีพแม่ของท่าน?” ชายหนุ่มถามกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่รู้… แล้วอย่างไรเล่า?”
“ไม่รู้! แล้วทำไมถึงมั่นใจ ว่าหลี่ฮ่าวหรานไม่ใช่ฆาตกร? นั่นเป็เพราะเขาเคยช่วยชีวิตท่าน หรือเพราะท่านชอบพอเขากันแน่?!” กู่ไห่เอ่ยเสียงเรียบ
“เ้า!” หญิงสาวโกรธมากยิ่งขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย
“ก่อนที่ความจริงจะปรากฏ ใครก็อาจเป็ฆาตกรได้ทั้งนั้น” ชายหนุ่มกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“เื่ของข้า ไม่ต้องมาสนใจ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!” หลงหว่านชิงตอกกลับเสียงดัง
“ขออภัยถังจู่ ข้าก็มิได้อยากสนใจเื่ของท่านนักหรอก แค่้าให้ท่านรอไปก่อน เมื่อไต้ซือหลิวเนียนมาถึง ข้าจะปล่อยให้ท่านเป็อิสระทันที ขอให้อดทนอีกเพียงครู่หนึ่งเท่านั้น” กู่ไห่บอก
“เ้า... เ้า... เ้า... เ้า... กู่ไห่ คอยดูเถอะ ข้าจะทำให้เ้าต้องเสียหน้า! เ้ามันบ้าไปแล้ว!” หญิงสาวโกรธแค้นจนบอกไม่ถูก
“ไม่ได้บ้า แต่ข้าไม่ไว้ใจ! ไว้รอให้ไต้ซือหลิวเนียนมาถึง ข้าจะไถ่โทษให้ท่านเอง” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฮึ่ม!” หลงหว่านชิงคำรามเสียงในลำคอ อย่างทำอะไรไม่ถูก
กู่ไห่รั้งร่างหญิงสาวเข้ามาใกล้ พลางเหลือบมองหลี่ฮ่าวหรานด้วยสายตาเ็า “ผู้บัญชาการหลี่ หากท่านมาเพื่อปกป้องถังจู่แห่งหออี้ผินจริงๆ โปรดถอยกลับไปก่อน และรอท่านไต้ซืออย่างสงบเถอะ”
ชายในชุดเกราะไม่ได้ล่าถอยตามที่อีกฝ่ายร้องขอ แต่กลับมองชายหนุ่มด้วยสายตาเยียบเย็น พร้อมยิ้มเย้ยหยันที่มุมปาก “กู่ไห่... กู่ไห่? ข้าได้ฟังชื่อนี้มานักต่อนักแล้ว ครั้งแรกที่ได้ยินเื่ราวของเ้า ข้าก็แสนจะเกลียดชื่อนี้ แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้ว ว่าตัวเ้าน่ะ น่าชิงชังยิ่งกว่าชื่อเสียอีก!”
นอกจากจะไม่ถอยกลับแล้ว หลี่ฮ่าวหรานยังคงก้าวต่อไปข้างหน้าอีก
“ถอยไป!” กู่ไห่จ้องมองร่างตรงหน้า ด้วยความเคืองขุ่น
ชายในชุดเกราะแสดงท่าทีเยาะเย้ย พลางกล่าว “เ้าคิดจะทำร้ายหลงหว่านชิงหรือ?... กล้าดีอย่างไร?”
หลี่ฮ่าวหรานทะยานร่างเข้าหาอย่างรวดเร็ว
กู่ไห่ย่อตัวลงเล็กน้อย ก่อนะโขึ้นสูง
ตูม!
เขาอุ้มหญิงสาวเข้าสู่อ้อมแขนแกร่ง แล้วเผ่นโผนจากยอดเขาลูกหนึ่ง ไปยังอีกลูกหนึ่ง
ไกลออกไป เหล่าผู้ฝึกตนต่างก็รู้สึกงุนงงกับภาพตรงหน้า เหตุใดสถานการณ์ในตอนนี้ จึงดูแปลกๆ เมื่อเห็นกู่ไห่เอาแต่ถอยหนี ส่วนหลี่ฮ่าวหรานก็ไล่ตามไม่หยุดหย่อน
ตูม!
กู่ไห่ก้าวถอยหลัง ก่อนจะะโขึ้นไปบนูเาอีกลูก
“ปล่อยหลงหว่านชิงเสีย มิเช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจแล้ว!” ชายในชุดเกราะเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะเหาะขึ้นมาอีกครั้ง
ตูม!
ทันใดนั้น กู่ไห่ก็ถอยกลับเข้าไปในหุบเขา
“เ้าไม่มีที่จะให้หลบหนีแล้ว ปล่อยหลงหว่านชิงเสียเถอะ มิฉะนั้น นิ้วของข้าจะทำให้เ้าต้องหลับใหล อยู่ในหุบเขาแห่งนี้ไปตลอดกาล!” หลี่ฮ่าวหรานกล่าวเสียงเรียบ
พูดพลางชี้นิ้วไปยังชายหนุ่ม พลันความคิดของเขา ก็ราวกับจะแทรกซึมเข้ามาในสมองของกู่ไห่ ถึงตอนนี้ชายหนุ่มก็รู้ได้ทันที ว่าอีกฝ่าย้าจะทำอะไร
“กู่ไห่ ปล่อยข้าเถอะ! เ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!” หญิงสาวเอ่ยอย่างกังวล
“ถังจู่รู้สึกหรือไม่? ว่าหลี่ฮ่าวหรานไม่ยอมถอยเพื่อท่านเลย” ชายหนุ่มถามกลั้วหัวเราะ
“กู่ไห่ เ้าไม่มีที่ให้ไปแล้ว หากเ้ากำลังมองหาความตายละก็ ข้าจะมอบมันให้เ้าเอง!” ชายในชุดเกราะขู่อย่างเืเย็น
“ถอย? เ้าคิดว่าข้าจะถอยอย่างนั้นหรือ?” ชายหนุ่มตอบเสียงเ็า
ตูม!
จู่ๆ หมอกหนาก็ะเิออกมา ทำให้ยอดเขาหลายแห่งถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกทันที
“อะไรน่ะ?” หลงหว่านชิงอุทานอย่างประหลาดใจ
ก่อนจะเห็นว่าที่ด้านหลังของหลี่ฮ่าวหราน มีร่างของใครสักคนปรากฏขึ้นท่ามกลางมวลหมอก พร้อมกับทวนที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา
“ค่ายกลหมากยี่สิบแปดเส้น!” เสียงคำรามดังก้อง และพลังทวนมหาศาลก็ฟาดฟันลงมา
“ระวัง!” หญิงสาวร้องอุทาน
ท่าทีของชายในชุดเกราะเริ่มเปลี่ยนไปทันที เพราะไม่คาดคิด ว่าจะมีใครบางคนลอบโจมตีอยู่ข้างหลัง เมื่อเขาหมุนนิ้วหมอกก็หายไป ดาบยาวสีทองพลันปรากฏขึ้น ก่อนจะเหวี่ยงฟันขึ้นไปบนท้องฟ้า
ตูม!
ดาบสีทองปะทะกับทวนทรงพลัง เสียงการฟาดฟันดังก้องไปทั่วหุบเขา แรงสั่นะเืทำให้หินจำนวนมากแตกร้าวและถล่มลงมา
กู่ไห่อาศัยโอกาสนี้ ะโหนีไปอย่างรวดเร็ว
“ค่ายกลหมากยี่สิบแปดเส้น?”
“เป็ไปไม่ได้! นี่มันคือค่ายกลของอี้เทียนเก๋อ กู่ไห่หรือหลงหว่านชิงจะสามารถใช้มันได้อย่างไร?”
“เช่นนั้น ใครกันที่สามารถใช้ค่ายกลหมากยี่สิบแปดเส้นได้?”
ผู้ฝึกทั้งหลายต่างประหลาดใจในความรุนแรงของการปะทะ ระหว่างทวนอันทรงพลังและดาบสีทอง ที่กำลังฟาดฟันกันอย่างดุเดือด จนเกิดพายุโหมกระหน่ำ
ท่ามกลางมวลหมอก ณ ศูนย์กลางค่ายกล
คนของกู่ไห่หลายร้อยคน รวมทั้งเหล่าคนโฉดที่นำโดยผู้บัญชาการทั้งสอง พากันคุ้มครองกู่ฉิน ซึ่งกำลังถือกระดานหมากล้อมที่ทำจากหินิญญา โดยมีเหล่าคนโฉดช่วยกันส่งพลังชี่เข้าสู่ร่างของเขา
“ท่านพ่อ ลูกไม่ได้มาช้าไปใช่หรือไม่?” กู่ฉินหัวเราะร่า
กู่ไห่พาหญิงสาวะโออกมาไกล และหายเข้าไปภายในค่ายกลใหญ่
“เร็วกว่าที่ข้าคิดไว้!” กู่ไห่กล่าวกลั้วหัวเราะ
“ต้องขอบคุณเรือเหาะเสียแล้ว!” กู่ฉินหัวเราะตอบ
“หึ! ความตายใกล้เข้ามาแล้ว ยังมีเวลาสำหรับเื่ไร้สาระอีกหรือ?” หลี่ฮ่าวหรานถามเสียงเรียบ
พลัน ดาบยาวสีทองในมือของเขา ก็ะเิพลังและแสงสีทองพร่างพราว ก่อนจะพุ่งขึ้นฟ้าทันที
ตูม!
พลังอันมหาศาล ดูเหมือนจะทำให้ทวนวงเดือน์เกิดความเสียหาย
“ท่านพ่อ ท่าจะไม่ดีเสียแล้ว!” กู่ฮั่นกล่าวอย่างหวั่นกลัว
“วางหมากลงตรงจุดเทียนหยวน!” กู่ไห่สั่งเสียงดัง
ตูม!
กู่ฉินได้รับาเ็ล้มลง
“ข้าคือเซี่ยงอวี่ ผู้มีชีวิตอันเป็นิรันดร์... ย๊าก!” ทันใดนั้น อสูรเมฆาร่างั์ก็ทะยานออกจากค่ายกลใหญ่ทันที
อสูรเมฆาคว้าทวนวงเดือน์ขึ้นมา ก่อนจะฟาดฟันลงไปด้วยพละกำลังทั้งหมด
ตูม!
ด้วยความรุนแรงเช่นนั้น ทำใหู้เาที่อยู่ใต้ร่างของชายในชุดเกราะพังทลายทันที ดาบยาวสีทองก็ถูกสกัดเอาไว้เช่นกัน
“ค่ายกลหมากยี่สิบแปดเส้น?” หลี่ฮ่าวหรานเอ่ยเสียงเรียบ
“พลังแห่งทอง! ทำลายสิ้น!” ร่างของหลี่ฮ่าวหรานเปล่งแสงสีทองราวกับดวงอาทิตย์ ส่องสว่างไปทั่วผืนฟ้า
ตูม!
ูเาใหญ่น้อยที่อยู่โดยรอบ ะเิออกเป็เสี่ยงๆ พลังอันมหาศาลของชายในชุดเกราะ ได้ทำลายทวนวงเดือน์ และต้านพลังของค่ายกลหมากยี่สิบแปดเส้นเอาไว้ได้
“อ๊าก!”
กู่ฉิน ซ่างกวนเหิน และเหล่าคนโฉด ต่างก็ถูกพลังของอีกฝ่าย ซัดจนกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง
กลุ่มคนโฉดต่างก็ทะยานออกไปต้านการโจมตี แต่ด้วยพลังที่ต่างกันจนเทียบไม่ได้ จึงโดนพลังของหลี่ฮ่าวหรานจู่โจมกลับ จนาเ็ไปหลายราย
ชายในชุดเกราะแผดเสียงด้วยความโกรธเกรี้ยว แววตาวาวโรจน์จดจ้องไปยังกู่ไห่เขม็ง
“พ่อบุญธรรม ลูกไร้ซึ่งความสามารถ ทำให้ท่านต้องขายหน้าแล้ว” กู่ฉินเอ่ยเสียงเศร้า
“ค่ายกลหมากยี่สิบแปดเส้น แม้ตอนนี้จะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ แต่พวกเ้ามีฝีมือแค่นี้เองหรือ?” ชายในชุดเกราะกล่าว น้ำเสียงแสดงถึงความรังเกียจ
กู่ไห่ในยามนี้มืดแปดด้าน คิดที่จะใช้ศีรษะอสรพิษของหลี่ชิงเหอ เพื่อจัดการกับอีกฝ่าย แต่ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือไม่
“แต่ถึงอย่างไร นี่ก็คือค่ายกลหมากยี่สิบแปดเส้น ที่เ้าไม่เคยเห็นมาก่อน” จู่ๆ เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น จากด้านหลังของชายในชุดเกราะ
“คุณชายเก้า?” กู่ไห่ขมวดคิ้ว ด้วยความประหลาดใจ
“ระวัง!” หนึ่งในคนของกองกำลังเฉินจีหยิงร้องเตือน
ที่เื้ัของหลี่ฮ่าวหราน มีมวลเมฆและหมอกหนาขึ้นอีกครั้ง ในอากาศที่เบาบางท่ามกลางหมู่เมฆ ทันใดนั้น ก็ปรากฏขนนกยูงสีฟ้า ซึ่งโบกสะบัดจนเกิดพายุใหญ่สองระลอก เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวเริ่มดังขึ้นทั่วสารทิศ ผู้คนที่ได้เห็น ต่างก็สั่นสะท้านด้วยความพรั่นพรึง
“แพนมยุราสีฟ้า... ทำลายสิ้น!”
เสียงเย็นะเืกล่าวขึ้น แล้วขนนกยูงก็พุ่งตรงไปยังชายในชุดเกราะทันที