คำพูดของเย่เฟิงไม่มีความเกรงใจแม้แต่นิดเดียว แม้เผชิญหน้ากับผู้าุโเฉินเซี่ยงเทียนแห่งพรรคเทียนจี เขาก็ไร้ความเกรงกลัวใด ๆ
ทุกคนในที่แห่งนั้นต่างตะลึงงัน ศิษย์ขั้นบ่มเพาะกายาเพิ่งเข้าสำนักใหม่ ๆ ไม่นึกว่าจะกล้าพูดจาเยี่ยงนี้กับผู้าุโเฉินเซี่ยงเทียนแห่งพรรคเทียนจี ชายหนุ่มคนนี้ช่างกล้าหาญยิ่งนัก
แม้แต่ชายชราผู้เป็หัวหน้ายังปรายตามองเย่เฟิงด้วยแววตาล้ำลึก ไม่สนใจผู้าุโสำนักยุทธ์เช่นนี้ ชายหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาเลย
“ทำความลำบากให้เ้า? เ้ามีสิทธิ์อะไรมาทำให้ข้าลำบาก?” เฉินเซี่ยงเทียนแสยะยิ้มพลางมองเย่เฟิงอย่างดูแคลน แม้ก่อนหน้านี้เย่เฟิงจะแสดงพลังออกมาได้ไม่เลว แต่ต่อหน้าเขาเฉินเซี่ยงเทียนก็ยังคงเป็เพียงมดแมลง
“เอาเถอะ ผู้าุโเฉิน เ้าออกไปก่อน!” เมื่อเห็นเฉินเซี่ยงเทียนกับเย่เฟิงมีปากเสียงกัน หัวหน้าพรรคเทียนจีจึงกล่าวเช่นนั้นและดูไม่ค่อยพอใจเท่าไร
“เย่เฟิง การทดสอบจบลงแล้ว แต่เ้ายังไม่ได้เลือกว่าจะเข้าพรรคไหน ไม่ทราบว่าเ้ามีความ้าอะไรไหม?”
หัวหน้าพรรคเทียนจีกล่าวช้า ๆ “พรรคเทียนจีข้าเป็พรรคใหญ่สุดในสี่พรรค ภายในพรรคมีอัจฉริยะจำนวนมาก ทรัพยากรในการฝึกฝนก็อุดมสมบูรณ์ที่สุดในบรรดาทั้งสี่พรรค หากเ้ายินดีเข้าพรรคข้า เ้าจะได้รับการฝึกและการดูแลเป็อย่างดี วันนี้บิดามาด้วยตัวเองก็เพื่อมาเชิญเ้า ไม่ทราบว่าเ้ายินดีหรือไม่?”
หัวหน้าพรรคเทียนจีเอามือไพล่หลัง น้ำเสียงก็ดูน่าเกรงขาม ที่เขามาที่นี่ก็เพื่อมาเชิญชวนเย่เฟิงเข้าพรรคเทียนจีโดยเฉพาะ
ในประวัติศาสตร์ของสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ยังไม่เคยมีหัวหน้าพรรคคนใดมาเชิญชวนศิษย์ขั้นบ่มเพาะกายาด้วยตัวเอง เพราะหัวหน้าพรรคมีตำแหน่งสูง รองจากเ้าสำนักยุทธ์เทียนเสวียน
พร์ของเย่เฟิงทำให้หัวหน้าพรรคเทียนจีมาเชิญชวนด้วยตัวเอง นี่เป็เกียรติยศที่รุ่งโรจน์
หัวหน้าพรรคเทียนจีกล่าวเช่นนั้น ทำสีหน้าของเยว่กู่และผู้าุโอีกสามพรรคดูไม่สู้ดี ก่อนหน้านี้พรรคเทียนจีก็เชิญชวนหนานกงหลิงซวงและโจวมู่ไป๋เข้าพรรคสำเร็จ ตอนนี้แม้แต่เย่เฟิงที่โดดเด่นที่สุด หัวหน้าพรรคเทียนจีก็ยังมาเอ่ยปากชวนด้วยตัวเอง เห็นได้ชัดว่าให้ความสำคัญมากเพียงใด
หากไม่ใช่ว่าหัวหน้าพรรคอีกสามคนปิดด่านบ่มเพาะพลัง เช่นนั้นด้วยพร์ของเย่เฟิง พวกเขาต้องมาเชิญชวนด้วยตัวเองเป็แน่
ถึงอย่างนั้น หากหัวหน้าพรรคทั้งสี่มารวมตัวกัน เพียงเพื่อเชิญชวนเย่เฟิงที่อยู่ขั้นเพาะกายา ผู้คนคงจะใเป็อย่างมาก
“ถึงพรรคเทียนอวิ๋นข้าจะด้อยกว่าพรรคเทียนจี แต่หากเ้ายินดีเข้าร่วม เ้าจะได้รับการฝึกและการดูแลดีกว่าใคร ๆ เย่เฟิง หวังว่าเ้าจะเลือกได้ดี” ผู้าุโพรรคเทียนอวิ๋นกล่าว แม้เขารู้ว่าโอกาสที่จะได้ตัวเย่เฟิงมามีน้อยมาก แต่ก็พยายามอย่างสุดกำลัง เพราะว่านั่นคืออัจฉริยะที่เก่งกาจกว่าหนานกงหลิงซวง
“พรรคเทียนเซียวข้าก็เช่นกัน หากหัวหน้าพรรคข้าออกจากการปิดด่าน ด้วยพร์ของเ้า เ้าอาจมีโอกาสได้รับคำชี้แนะจากหัวหน้าพรรคโดยตรง” ผู้าุโพรรคเทียนเซียวกล่าว เขามาที่นี่ก็เพื่อจะชักชวนเย่เฟิงเข้าพรรคเช่นเดียวกัน
“เย่เฟิง ข้าเยว่กู่เองที่ชวนเ้าเข้าสำนักยุทธ์เทียนเสวียน หากเ้าเข้าร่วมพรรคเทียนเสวียน ทางพรรคจะปฏิบัติต่อเ้าอย่างยุติธรรม”
การกระทำของหัวหน้าพรรคเทียนจีดูไม่งามเท่าไร แต่เยว่กู่มีความเชื่อมั่น เขาเชื่อว่าเย่เฟิงมีมโนธรรม ไม่ลืมคนที่นำทางอย่างเขาคนนี้
ในบรรดาสี่พรรค มีเพียงเยว่กู่ที่พูดง่ายที่สุด ทำให้คนรอบข้างตาเป็ประกาย นี่แหละคือลักษณะนิสัยของพรรคเทียนเสวียน
ก่อนหน้านี้หนานกงหลิงซวงและโจวมู่ไป๋ไม่ได้รับการเชิญชวนจากพรรคเทียนเสวียน เพราะพรรคเทียนเสวียนรับแค่อัจฉริยะมากฝีมือ
เพียงเห็นเย่เฟิงพยักหน้าให้ผู้าุโจากพรรคเทียนอวิ๋น และพรรคเทียนเซียวพร้อมกล่าวว่า “ขอบคุณความเมตตาของผู้าุโทั้งสอง”
“เ้าเด็กนี่...” การกระทำของเย่เฟิงทำเยว่กู่ตึงเครียด หัวใจบีบรัดก่อนรีบพูดว่า “พรรคเทียนเสวียนข้าก็สามารถให้เงื่อนไขเ้าได้เช่นกัน”
อัจฉริยะที่เขาเยว่กู่หมายตาไว้จะปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไร?
เย่เฟิงประหลาดใจ เยว่กู่คนนี้ใจร้อนเสียจริง
เย่เฟิงไม่ตอบเยว่กู่ แต่โค้งคำนับให้ผู้าุโจากพรรคเทียนอวิ๋นและพรรคเทียนเซียว กล่าวว่า “เพียงแต่ผู้เยาว์มีตัวเลือกในใจแล้ว ขออภัย!”
ผู้าุโจากพรรคเทียนอวิ๋นและพรรคเทียนเซียวเหลือบมองหน้ากันด้วยสีหน้าผิดหวัง
ทางเยว่กู่กลับยิ้มแย้ม ทว่าตอนเขาชะล่าใจ สายตาของเย่เฟิงกลับไปหยุดอยู่ที่หัวหน้าพรรคเทียนจี
“เย่เฟิง นี่เ้า...” เยว่กู่หมดคำพูด ไม่รู้ว่าเย่เฟิงเด็กนี่วางแผนอะไรไว้ ทำให้เขาต้องเป็กังวลอีกครั้ง
เย่เฟิงส่งยิ้มให้เยว่กู่ จากแววตาของเยว่กู่มีท่าทีชวนหาเื่ ซึ่งเยว่กู่คือผู้าุโพรรคเทียนเสวียน นี่เป็ครั้งแรกที่โดนลูกศิษย์เพิ่งเข้าสำนักทรมานจิตใจ ช่างโหดร้ายยิ่งนัก
“ผู้าุโหัวหน้าพรรค ถึงแม้พรรคเทียนจีจะดีเลิศเพียงใด แต่ข้าเย่เฟิงกลับไม่คิดจะเข้าร่วม” เย่เฟิงกล่าวกับหัวหน้าพรรคเทียนจี
“เพราะเหตุใด?” หัวหน้าพรรคเทียนจีขมวดคิ้ว เขามาที่นี่ด้วยตัวเอง แต่นึกไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะไม่ไว้หน้าเขา
“เฉินเซี่ยงเทียนกับข้ามีความบาดหมางกัน เพียงเพราะข้าเย่เฟิงกำจัดคนของตระกูลเฉินในการทดสอบ จึงเคียดแค้นข้า ซ้ำยังให้ผู้าุโเฉินมากำจัดข้าต่อหน้าสาธารณชนในการทดสอบ ข้าเป็เพียงศิษย์ขั้นบ่มเพาะกายา หากเข้าพรรคเทียนจี เขาเฉินเซี่ยงเทียนคงเอาคืนข้าเป็แน่ พรรคเทียนจีมีคนน่ารังเกียจอย่างเฉินเซี่ยงเทียนอยู่ เชื่อว่าไม่ได้มีแค่ข้าเย่เฟิง แต่ต่อไปหากอัจฉริยะรุ่นเยาว์คนอื่น้าเข้าร่วมก็คงต้องพิจารณาหลาย ๆ ครั้งเสียหน่อย!”
คำพูดของเย่เฟิงเฉียบคม ทว่าในขณะที่พูด เขาก็ปรายตามองเฉินเซี่ยงเทียนแวบหนึ่ง ทำให้เฉินเซี่ยงเทียนมีสีหน้าบูดเบี้ยวน่าเกลียด พลางมีไอเย็นแผ่ออกจากร่าง เย่เฟิงคนนี้กำลังยุยงให้เขากับหัวหน้าพรรคแตกคอกัน
“เื่ไร้สาระ! หัวหน้า...” เฉินเซี่ยงเทียนดุด่าเสียงกร้าว อยากอธิบายกับหัวหน้าพรรคเทียนจี ทว่าเห็นหัวหน้าพรรคเทียนจีมีสีหน้าอึมครึม ก่อนจะโบกมือกล่าวว่า “ไม่ต้องพูดแล้ว! แล้วสิ่งที่เย่เฟิงพูดมาเป็ความจริงรึเปล่า? ตระกูลเฉินเ้าลงมือทำร้ายเย่เฟิงในการทดสอบด้วยใช่หรือไม่?”
ดวงตาของหัวหน้าพรรคเทียนจีฉายประกายเย็นะเื เมื่อคืนเขาเพิ่งกลับสำนักยุทธ์เทียนเสวียนก็ได้ยินเื่ของเย่เฟิง จึงมาชักชวนด้วยตัวเอง แต่มีเพียงเื่ความขัดแย้งระหว่างเย่เฟิงและตระกูลเฉินที่ไม่ชัดเจน
เฉินเซี่ยงเทียนหน้าซีดเผือด เมื่อวานนี้การกระทำของตระกูลเฉินเขาเป็ที่ประจักษ์แก่สายตาผู้คน แล้วเขาจะแก้ตัวได้อย่างไร?
“หัวหน้า เด็กคนนี้ยั่วโมโหตระกูลเฉินข้า จึงทำให้ผู้าุโเฉินเกิดน้ำโหก็เลยลงมือ หัวหน้าโปรดตรวจสอบความจริง” เฉินเซี่ยงเทียนกล่าวขณะโค้งตัว
“หึ!” หัวหน้าพรรคเทียนจีแค่นเสียงเ็า ความโกรธเผยให้เห็นชัดบนสีหน้า “เ้าเห็นสำนักยุทธ์เทียนเสวียนข้าเป็ตัวอะไร? แล้วยังอนุญาตให้นำคนนอกเข้ามาแทรกแซงการทดสอบด้วยหรือ? เ้าทำได้ดีเสียจริง ๆ !”
หัวหน้าพรรคเทียนจีถูกเย่เฟิงปฏิเสธแบบไม่ไว้หน้า พอพูดจบก็สะบัดหน้าเดินจากไป ผู้าุโพรรคเทียนอวิ๋นและพรรคเทียนเซียวก็เดินตามหลังหัวหน้าพรรคเทียนจีไป
“หัวหน้า...” เฉินเซี่ยงเทียนเผยสีหน้าเขียว ปรายตามองเย่เฟิงอย่างเ็าแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินตามไป
เยว่กู่ที่เหลืออยู่คนเดียวมองเย่เฟิงด้วยความปลาบปลื้ม
“เ้านี่ช่างใจกล้านัก ไปหักหน้าเฉินเซี่ยงเทียนเช่นนั้น” เยว่กู่กล่าว
“ตระกูลเฉินเขาอยากจัดการข้า วันนี้ก็เลยต้องสั่งสอนเขาสักหน่อย!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็นขณะมองพวกเฉินเซี่ยงเทียนเดินจากไป
เยว่กู่นิ่งงันไปชั่วครู่ ตอนนี้ท่าทีของเย่เฟิงดูน่ากลัวมาก นึกไม่ถึงว่าจะทำให้เขาใได้
“เอาละ ตามข้ามาได้แล้ว!” เยว่กู่กล่าวพลางตบบ่าเย่เฟิง
“ขอรับ!” เย่เฟิงกล่าว เขามาเข้าร่วมการทดสอบของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนก็เพื่อจะเข้าพรรคเทียนเสวียน เยว่กู่มีบุญคุณกับเขา เขาย่อมไม่มีทางลืม
มาถึงพรรคเทียนเสวียน เย่เฟิงและเยว่กู่หยุดเดิน จากนั้นเยว่กู่กล่าวกับเย่เฟิงว่า “ตอนนี้เ้าถือว่าเป็ศิษย์ของพรรคเทียนเสวียนข้าอย่างเป็ทางการแล้ว แต่ข้าจะไม่ดูแลหรือถือหางเ้าเพียงเพราะเรารู้จักกัน และไม่รับปากว่าเ้าจะเป็ศิษย์หลักเหมือนอีกสามพรรคนั่น ซึ่งเ้าต้องเริ่มทุกอย่างจากศูนย์”
เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็กะพริบตาปริบ ๆ รู้สึกเหมือนกำลังตกหลุมพรางอย่างไรอย่างนั้น แต่เขาก็เข้าใจ ผ่านความลำบากยากเข็ญมาแล้ว ทำไมจะผ่านเื่แค่นี้ไปไม่ได้อีกเล่า? ไม่ขัดเกลาตัวเองแล้วจะแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไร?
สำหรับเย่เฟิงแล้ว ไม่ว่าฐานะใดล้วนเป็เพียงสมญานามเท่านั้น เมื่อเ้าไร้ซึ่งพลัง ทุกอย่างที่เรียกว่าฐานะย่อมจืดจางลง
“ด้วยพร์ของเ้า ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานเ้าจะโลดแล่นในพรรคเทียนเสวียนข้าได้อย่างอิสระ อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ” เยว่กู่เผยสีหน้าเคร่งขรึม เผยท่าทีเกรงขามของผู้าุโมากฝีมืออีกครั้ง
สำนักยุทธ์เทียนเสวียนไม่ไช่สถานที่ที่ผู้อ่อนแอจะเข้ามาได้ แม้เย่เฟิงจะมีพร์แกร่งกล้า แต่ก็ยังต้องขัดเกลาอีกเยอะ
กล่าวจบ เยว่กู่หมุนตัวเดินออกไป หลังจากเยว่กู่ไปแล้ว ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาหาเย่เฟิง คนผู้นี้มีหน้าตางดงาม ลักษณะไม่ธรรมดา เขาสำรวจเย่เฟิงครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “เ้าคือศิษย์น้องเย่เฟิงใช่ไหม?”
“ใช่ ท่านคือ?” เย่เฟิงกล่าวถามขณะมองชายตรงนั้นที่มีอายุประมาณ 17-18 ปี ซึ่งดูไม่มีเจตนาร้าย
“ข้าฉู่หาน ในเมื่อศิษย์น้องเย่เฟิงคารวะเข้าสำนักอาจารย์แล้ว ต่อไปก็เรียกข้าว่าศิษย์พี่ฉู่แล้วกัน!” ชายหนุ่มกล่าวพลางยิ้ม เขาแนะนำตัวเองด้วยความสุภาพ
“ศิษย์พี่ฉู่” เย่เฟิงขานชื่อ ในเมื่อเป็ศิษย์ร่วมสำนัก มารยาทพื้นฐานก็ควรพึงมี
“อืม” ฉู่หานพยักหน้า จากนั้นกล่าวว่า “ศิษย์น้องเย่เพิ่งเข้าสำนัก คงยังไม่มีป้ายประจำตัวแล้วก็ที่พัก ไปเถอะ เดี๋ยวข้าพาเ้าไปรับ และถือโอกาสทำความคุ้นเคยกับสำนักด้วย”
“อืม” เย่เฟิงตอบกลับ ในเมื่อเป็ศิษย์สำนักยุทธ์เทียนเสวียนแล้ว เช่นนั้นทุกอย่างก็ต้องทำตามขั้นตอน
ฉู่หานพยักหน้าให้เย่เฟิง จากนั้นทั้งสองเดินออกไปจากที่นี่
ระหว่างทาง ฉู่หานแนะนำหลายเื่ที่เกี่ยวกับสำนักยุทธ์เทียนเสวียนให้เย่เฟิงฟัง เพื่อที่จะได้คุ้นชินกับสำนักยุทธ์แห่งนี้
สำนักยุทธ์เทียนเสวียนนั้นแบ่งออกเป็สี่พรรค ได้แก่ พรรคเทียนอวิ๋น พรรคเทียนเซียว พรรคเทียนจี และพรรคเทียนเสวียน
ทุกพรรคจะมีอำนาจเป็ของตัวเอง มีการแข่งขันอย่างเปิดเผย จึงมีความขัดแย้งเข้ามาเกี่ยวด้วย
ในบรรดาสี่พรรค พรรคเทียนจีมีอำนาจมากที่สุด ภายในพรรคเต็มไปด้วยอัจฉริยะมากฝีมือ หากศิษย์ส่วนใหญ่ที่เข้าสำนักยุทธ์เทียนเสวียนมีพร์โดดเด่นก็มักจะเลือกเข้าพรรคเทียนจี นี่ทำให้พรรคเทียนจีเจริญรุ่งเรืองดั่งดวงอาทิตย์กลางท้องฟ้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้