แม่นมจ้าวคุกเข่าและก้มศีรษะลง ในใจก็เต็มไปด้วยความกลัว
แม้ว่านางจะรับใช้ฉินอ๋องมาหลายปี แต่คนรับใช้ก็คือคนรับใช้ และสิ่งต้องห้ามที่ไม่ควรทำที่สุด ไม่ใช่การทำเื่ไม่ดี แต่เป็การทำให้เ้านายขุ่นเคือง
นางเพิ่งจะมาที่ตำหนักหยุนเซี่ยนได้หนึ่งวัน ก็ทำให้หวังเฟยขุ่นเคืองแล้ว ในภายภาคหน้านางจะอยู่อย่างไรล่ะ?
หากหวังเฟยไปบ่นกับท่านอ๋อง เื่จะไม่แย่เข้าไปใหญ่เลยหรือ ต้องรู้ว่านางรับใช้ท่านอ๋องมาอย่างขยันขันแข็งตลอดหลายปี และไม่เคยทำให้ท่านอ๋องไม่พอใจเลยสักครั้ง
แม่นมจ้าวรู้สึกหวาดกลัว แต่หานอวิ๋นซีกลับอยู่ในความงุนงง คำตำหนิของแม่นมจ้าวเมื่อครู่ก็ดังก้องอยู่ในหูของนาง
“ทำไมจะไม่ให้ความสำคัญกับท่านล่ะเพคะ?”
ดูเหมือนว่า อาจเพราะแม่นมจ้าวกลับอย่างมาอย่างกะทันหันและก็มาที่นี่ทันที เลยยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหลงเฟยเยี่ย แม่นมจ้าวคงเข้าใจอะไรผิดเป็แน่
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่ามันคือการเข้าใจผิด แต่หานอวิ๋นซียังคงมีรอยยิ้มบนริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว จนตัวเองก็ไม่ได้สังเกต
“อะแฮ่ม!”
นางส่งเสียงกระแอมออกมา แล้วพูดว่า “แม่นมจ้าว ครั้งนี้ถือว่าช่างมันก็แล้วกัน ข้าจะไม่เก็บมาใส่ใจ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างท่านอ๋องกับข้า...”
หานอวิ๋นซีหยุดชั่วขณะและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ นางตบไหล่แม่นมจ้าวและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฮ่าฮ่า ต่อไปเ้าจะเข้าใจเอง”
พูดจบก็เดินดุ่มๆ เข้าไปในเรือน
แม่นมจ้าวเงยหน้าขึ้นช้าๆ เห็นแผ่นหลังของหานอวิ๋นซีและคิดถึงสิ่งที่นางเพิ่งพูดไป ก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นเรื่อยๆ
ดูเหมือนว่านางจะต้องไปหาฉู่ซีเฟิงชายหนุ่มคนนั้นเพื่อถามเื่ราวให้ละเอียดแล้วล่ะ...
กลางดึกที่เงียบสงบ ไฟในห้องนอนของหลงเฟยเยี่ยยังคงเปิดอยู่ มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ ที่หน้าประตู
องครักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่ด้านข้างรู้มานานแล้วว่ามีคนกำลังเข้ามา แต่เมื่อเห็นผู้มาเยือน กลับไม่มีใครกล้าพูดออกมา
ผู้มาเยือนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหานอวิ๋นซีผู้เป็ฉินหวังเฟย
เมื่อเห็นว่าไฟในห้องนอนยังเปิดอยู่ หานอวิ๋นซีก็รีบมาทันที แต่เมื่อถึงหน้าประตูกลับลังเลอีกครั้ง
หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง หานอวิ๋นซีก็ยังไม่เคาะประตูและกำลังจะหันหลังเดินออกไป ทว่าในขณะเดียวกัน จู่ๆ ประตูก็เปิดออก
หานอวิ๋นซีที่ใสะดุ้งโหยง ด้วยจิตใต้สำนึก้าที่จะวิ่งหนี แต่นางไม่ทันระวังจึงก้าวพลาดขั้นบันไดและล้มลง!
“โอ๊ย!”
นางที่ส่งเสียงร้องออกมาก็รีบยกมือปิดปากทันที ทว่ามันก็สายเกินไป ประตูเปิดออก พร้อมกับหลงเฟยเยี่ยที่ยืนอยู่ข้างใน สวมชุดสีดำราวกับเทพเ้าแห่งรัตติกาล มองลงมาที่นางอย่างเ็าจาก้า
“เ้ากำลังทำอะไร?” เสียงของหลงเฟยเยี่ยเ็ายิ่งกว่าสายลมในคืนฤดูหนาว
“ขะ...ข้า...” หานอวิ๋นซีรู้สึกประหม่าและพูดไม่ออก
อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของหลงเฟยเยี่ยเ็าอย่างมาก เขาเดินออกมาและเดินผ่านนางไปโดยไม่แม้แต่จะมองมาที่นาง
“ข้าจะไปล้างพิษกับท่าน!” หานอวิ๋นซีโพล่งออกมาอย่างเร่งรีบ
ก่อนที่นางจะถามแม่นมจ้าวนางยังรู้สึกสบายใจอยู่ แต่หลังจากที่นางถามแม่นมจ้าวแล้ว นางก็รู้สึกผิดอย่างมาก สับสนอยู่พักหนึ่งและสุดท้ายก็มา
นางไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกผิดอะไร บางทีการช่วยเขาล้างพิษอาจจะเป็รางวัลของเขาที่ให้นางอยู่ในลานดอกบัวและช่วยนางแก้ปัญหามากมาย
หลงเฟยเยี่ยหยุดฝีเท้าลงและนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามอย่างเ็าว่า “ทำไมเ้าถึงเปลี่ยนใจ?”
“เมื่อครู่...เมื่อครู่นอนไปสักพักแล้ว เลยรู้สึกดีขึ้นมาก ข้าน่าจะสามารถวินิจฉัยได้อย่างแม่นยำแล้ว” หานอวิ๋นซีตอบ
รอยยิ้มเ็าปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของหลงเฟยเยี่ย “น่าเสียดาย ข้าไม่้าแล้วล่ะ”
เขาพูดและเดินต่อไป
หานอวิ๋นซียืนขึ้นทันที โดยไม่รู้ว่าเท้าของนางพลิก การเคลื่อนไหวที่รุนแรงนี้ทำให้นางล้มลงอีกครั้ง และก็อดไม่ได้ที่ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเ็ป “โอ๊ย!”
หลงเฟยเยี่ยหยุดกะทันหัน แต่หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว เขาก็ก้าวเดินออกไปอีกครั้ง
“หลงเฟยเยี่ย หยุดก่อน ข้ามาที่นี่เพื่อเจรจาข้อตกลงกับท่าน!” หานอวิ๋นซีโพล่งออกมาอย่างเร่งรีบ
ครั้งนี้หลงเฟยเยี่ยหยุดฝีเท้าลงจริงๆ เมื่อเห็นสิ่งนี้หานอวิ๋นซีจึงรีบพูดว่า “ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ช่วยท่านสองครั้ง แต่ท่านช่วยข้าเพียงครั้งเดียวเองไม่ใช่หรือ?”
“หากข้าจำไม่ผิด สองครั้งที่ข้าขอให้เ้าทำ ข้าก็จ่ายค่าจ้างไปหมดแล้ว” หลงเฟยเยี่ยเตือนอย่างเ็าโดยไม่หันกลับมามอง
“เช่นนั้นครั้งนี้ข้าจะไม่เอาเปรียบท่าน ข้าจะช่วยท่านล้างพิษ แล้วท่านก็ช่วยข้าเื่หนึ่ง เรามาแลกเปลี่ยนสิ่ง้าและช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อประโยชน์ของเราทั้งสอง” หานอวิ๋นซีพูดด้วยรอยยิ้ม
หลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดหลงเฟยเยี่ยก็หันกลับมาและมองนาง “เื่อะไร?”
หานอวิ๋นซีแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อรู้ว่าชายผู้นี้ยังหาคนล้างพิษไม่ได้
อันที่จริงนางไม่ได้มาเพื่อทำข้อตกลงกับเขา คิดแค่ว่าเขามาขอให้นางล้างพิษ ก็คงเจอกับความยากลำบากและการรอนางนานกว่าหนึ่งชั่วยาม ก็คงค่อนข้างกระวนกระวายไม่น้อย
สำหรับข้อตกลง มันเป็สิ่งที่เพิ่งจะคิดขึ้นมาก็เท่านั้น
เมื่อเห็นใบหน้าเ็าของหลงเฟยเยี่ย หานอวิ๋นซีก็ไม่ได้กลัวแต่อย่างใด นางยิ้มแหยและโบกมือ “ท่านมานี่สิ”
หลงเฟยเยี่ยกระตุกมุมปากของเขา เห็นได้ชัดว่าหมดความอดทนเล็กน้อย ทว่าเขาก็ยังเดินเข้าไปและนั่งยองลง
ในขณะเดียวกัน หานอวิ๋นซีก็กระซิบว่า “ข้าล้างพิษให้ท่านแล้ว ท่านแอบพาข้าไปที่จวนตระกูลหาน ข้า้าหาบางอย่างในตำหนักของอี๋เหนียงสาม”
“จะเป็ขโมยหรือไร?” หลงเฟยเยี่ยเลิกคิ้ว
“ไม่ใช่เสียหน่อย!” หานอวิ๋นซีปฏิเสธในทันทีและลดเสียงลง “ข้ากำลังสืบสวนคดีนี้! มู่ชิงอู่ขอร้องให้ข้าตรวจสอบพิษ ครั้งก่อนเขาถูกวางพิษงูหมื่นตัว”
หลงเฟยเยี่ยรู้เกี่ยวกับเื่นี้มานานแล้ว แต่น่าเสียดายที่หานอวิ๋นซีไม่รู้ว่าเขาก็ให้ความสนใจเช่นกัน
“เ้าสงสัยตระกูลหานอย่างนั้นหรือ?” หลงเฟยเยี่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ก็ไม่ถึงกับสงสัย แต่มีเงื่อนงำบางอย่างอยู่ที่นั่น ข้าต้องค้นหาให้แน่ใจ” หานอวิ๋นซีพูดอย่างจริงจัง มันคงไม่ส่งผลกระทบมากนักหากชายผู้นี้จะรู้เื่ของจวนแม่ทัพ
นางไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากเขาแต่เป็การทำข้อตกลงกัน แน่นอนว่าถ้าหากเขา้าที่จะให้ความช่วยเหลือด้วยตนเอง นางก็ไม่ได้ถือสา
หลงเฟยเยี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไปล้างพิษก่อน”
“ท่านอ๋องตกลงแล้วใช่หรือไม่?” หานอวิ๋นซีดีใจ
หลงเฟยเยี่ยที่ยังคงมีสีหน้าเ็าก็ยืนขึ้นโดยไม่แสดงออก “อืม”
หานอวิ๋นซีกำลังจะตามไป แต่ในขณะเดียวกันก็เพิ่งจะรู้ว่าตนเองข้อเท้าแพลง นางจึงทำได้เพียงใช้สองมือยันพื้นแล้วลุกยืนขึ้นด้วยเท้าข้างเดียว
ในฐานะหมอ แม้ว่าจะไม่เชี่ยวชาญด้านกระดูก แต่นางก็ยังพอจะเข้าใจอยู่บ้าง
ส่วนเื่ความปวดนั้น ไม่ได้เจ็บไปถึงกระดูก เจ็บเพียงเล็กน้อยและไม่ได้ร้ายแรงอะไร
นางพยายามเหยียบพื้นเบาๆ ดูเหมือนว่าความเ็ปจะอยู่ใน่ที่ยังรับได้ ถึงจะเดินกะเผลกก็ไม่เป็ไร
นางหายใจออกเบาๆ และพูดอย่างใจเย็นว่า “ท่านอ๋อง นำทางไปได้เลย”
หลงเฟยเยี่ยเหลือบมองไปที่เท้าของนางและเดินก้าวไปข้างหน้า หานอวิ๋นซีเดินกะโผลกกะเผลกเพื่อตามให้ทัน แต่หลังจากนั้นไม่นาน ข้อเท้าของนางก็เจ็บมากจนไม่สามารถยืนได้อีกต่อไป!
หลังจากยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดนางก็หยุด “ท่านอ๋อง รอสักครู่!”
หลงเฟยเยี่ยหันกลับไปมอง ดวงตาเ็าจับจ้องที่ข้อเท้าของนาง หานอวิ๋นซีที่ทำอะไรไม่ถูก ในใจก็พลางคิดว่านางต้องถูกชายผู้นี้เยาะเย้ยอีกแล้วสินะ
“เท้าของข้าคงจะ...”
“ข้าคิดว่าเท้าของเ้าทำจากเหล็กเสียอีก ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินเ้าสูงเกินไปอีกแล้วสินะ” หลงเฟยเยี่ยขัดจังหวะอย่างเ็า
หานอวิ๋นซีกลอกตา รู้ว่าเขา้าที่จะหัวเราะเยาะนาง ขณะที่กำลังจะโต้ตอบกลับไป ใครจะรู้ว่าหลงเฟยเยี่ยกลับเข้ามาอุ้มนางขึ้นทันที
หานอวิ๋นซีที่ไม่ทันจะตั้งตัว ก็ยกแขนขึ้นโอบรอบคอของหลงเฟยเยี่ยโดยไม่รู้ตัว ปลายจมูกของนางแตะที่ด้านข้างของใบหน้าเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ให้ตายเถอะ!
ในเสี้ยววินาที หานอวิ๋นซีตัวแข็งทื่อ นอกจากเสียงหัวใจเต้น “ตึกตึกตึก” แล้วร่างกายของนางก็แข็งไปหมด
ทำไมจู่ๆ...
นี่...นี่คือท่าอุ้มองค์หญิงในตำนานหรือ?
ชายผู้นี้้าจะทำอะไรกัน?
ราวกับรู้สึกถึงความตัวแข็งทื่อของคนในอ้อมแขน มุมปากที่เ็าและเด็ดเดี่ยวของหลงเฟยเยี่ยก็โค้งขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็การเหยียดหยามหรือยิ้ม เขาเขย่งเท้าเบาๆ ไม่นานร่างแกร่งที่อุ้มหานอวิ๋นซีก็หายไปอย่างรวดเร็วในความมืด
ในเวลานี้ ฉู่ซีเฟิงและแม่นมจ้าวโผล่ศีรษะออกมาจากพุ่มไม้ข้างๆ อย่างระมัดระวัง และมองหน้ากันด้วยความไม่เชื่อ
“เสี่ยวฉู่ เ้าบอกว่าพวกเขาไม่ได้เป็อะไรกันไม่ใช่หรือ? นะ...นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” แม่นมจ้าวรู้สึกสับสน
“ข้าไม่รู้จริงๆ อย่างไรก็ตามสตรีผู้นี้ก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ส่วน...ที่เหลือข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” ฉู่ซีเฟิงตอบอย่างจนปัญญา
“ไม่ใช่...พวกเขา เอ่อ...ท่านอ๋องปฏิบัติต่อนาง...” แม่นมจ้าวยังคงไม่เข้าใจ ในเมื่อท่านอ๋องยังไม่ยอมรับสตรีผู้นี้ว่าเป็ฉินหวังเฟย ทั้งยังไม่ชอบนาง แล้วเหตุใดท่านอ๋องจึงเก็บนางไว้ล่ะ
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังอุ้มนางอีกด้วย!
ฉินอ๋องผู้หลงใหลในความสะอาดอย่างรุนแรง อย่าว่าแต่สตรีเลย แค่จะจับมือกับชายหนุ่ม เขายังไม่ชอบเลย!
ในตอนที่ฉู่ซีเฟิงเห็นฉินอ๋องอุ้มหานอวิ๋นซีครั้งแรก การแสดงออกของเขานั้นยิ่งกว่าแม่นมจ้าวในเวลานี้เสียอีก แน่นอนว่าเขาก็เต็มไปด้วยความสับสนเช่นกัน
“เสี่ยวฉู่ เอ่อ...ข้าสับสนไปหมดแล้ว!” แม่นมจ้าวขมวดคิ้ว รอยย่นก็ลึกลงมากขึ้นไปอีก
ฉู่ซีเฟิงโบกมือ “แม่นมไม่ต้องกังวลเื่ของท่านอ๋องหรอก กลับกันเถอะๆ ต่อไปก็ระวังเวลาที่รับใช้หวังเฟย อย่าปฏิบัติกับนางเหมือนนายหญิงจริงๆ ล่ะ”
ฉู่ซีเฟิงที่พูดไป ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง จึงรีบพูดเสริมทันทีว่า “แต่ก็อย่าถือว่านางเป็เ้านายด้วย!”
“โลกของหนุ่มสาว คนแก่อย่างข้าไม่เข้าใจหรอก!” แม่นมจ้าวส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนเองพูดกับหวังเฟย นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิด น่าเสียดายที่มันสายเกินไปที่จะเสียใจ
เฮ้อ หวังเฟยต้องหัวเราะเยาะนางอยู่ในใจแน่ๆ...
หลงเฟยเยี่ยพาหานอวิ๋นซีไปยังที่พักส่วนตัวที่ซ่อนอยู่ในตรอกลึก
สถานที่นี้ดูเหมือนบ้านส่วนตัวเมื่อมองจากภายนอก แต่เมื่อเข้าไปข้างใน พบว่ามันคือตำหนักส่วนตัวอีกแห่งของหลงเฟยเยี่ยที่มีชื่อว่า “กูหยวน”
ทันทีที่เข้าไป หลงเฟยเยี่ยก็วางหานอวิ๋นซีลงบนโต๊ะและสั่งให้นางนั่ง หานอวิ๋นซีกระวนกระวายตลอดทาง หัวใจที่เต้นระรัวของนางก็ยังไม่ลดลง
ชายผู้นี้สูงมากจริงๆ แม้ว่านางจะนั่งอยู่บนโต๊ะ ทว่าก็ยังไม่สูงเท่ากับเขาที่ยืนอยู่
หานอวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นมองฉินอ๋องแล้วถามว่า “คนที่ถูกวางยาอยู่ที่นี่หรือ?”
“อืม” หลงเฟยเยี่ยพูดพึมพำและหันไปหยิบยามาเล็กน้อย ทันทีที่หานอวิ๋นซีได้กลิ่นก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็ยารักษาอาการเท้าแพลงของนาง
ถือว่าชายผู้นี้ยังมีจิตสำนึกที่ดีอยู่ รู้ว่าอาการาเ็ที่เท้าของนางต้องได้รับการรักษาก่อน
หานอวิ๋นซีถอดรองเท้าและถุงเท้าออกอย่างรวดเร็วเผยให้เห็นเท้าขาวของนาง ทันทีที่หลงเฟยเยี่ยหันกลับมาเห็น อย่างแรกคือชะงักไป จากนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นแล้วมองไปที่หานอวิ๋นซี
สตรีผู้นี้ไม่รักนวลสงวนตัวเลยหรือไร? กับคนอื่นก็เป็แบบนี้เหมือนกันหรือไม่?
นางเป็สตรีที่เดินทางข้ามเวลามา ทั้งยังเป็หมออีกด้วย มันเป็เื่ปกติที่นางจะแสดงมือและเท้าของนาง
เมื่อเห็นท่าทางขมวดคิ้วของหลงเฟยเยี่ย ไม่ว่าจะมองอย่างไรนางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
มีอะไรน่าดูอย่างนั้นหรือ?
นางยื่นมือออกไป “เอายามาให้ข้า ข้าจะได้นวดให้หาย”
อย่างไรก็ตาม แววตาที่ไม่แยแสของหลงเฟยเยี่ยเคลื่อนลงมาช้าๆ และมองเท้าขาวของนาง
คิดจะทำอะไร?
หานอวิ๋นซีชำเลืองมองเขา และมองตามสายตาของเขาลงไป จากนั้นจึงจะสังเกตเห็นว่าเท้าของนางขาวราวกับหยกขาว ดูนุ่มนวลและได้สัดส่วนดีมาก
ดูเหมือนว่านางจะตระหนักถึงบางสิ่งได้ในทันใด จึงเงยหน้าขึ้นมองหลงเฟยเยี่ยอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นการจ้องมองลึกๆ ของเขาแล้ว หัวใจของนางก็เต้นรัวและประหม่าขึ้นมา
พระเ้า...นางลืมไปแล้วจริงๆ ว่าในสมัยโบราณ หากจะเปิดเผยเนื้อหนังก็ต้องเป็คนที่แต่งงานด้วยเท่านั้น!
