สตรีแซ่จางฟังแล้วยิ้มเยาะในใจ แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออก"จือโจวทำตัวดีมาแต่ไหนแต่ไร ไม่น่าจะไปยุ่งกับผู้ใดซี้ซั้วรอเขากลับมาแล้วป้าจะถามเขาดูสักหน่อย"
"ท่านป้าใหญ่ ท่านอย่าบอกนะว่าข้าเป็คนพูดข้าเองก็เป็ห่วงน้องสามเหมือนกัน" อวี๋จิ่นซูรีบแสร้งทำทีเป็ตัดความเกี่ยวข้อง
สตรีแซ่จางพยักหน้า "ข้ารู้ จิ่นซู เ้าเป็พี่ชายยามอยู่ในสำนักศึกษาก็ช่วยป้าใหญ่ดูแลจือโจวให้มากสักหน่อยเถิด"
"ท่านป้าใหญ่วางใจเถิด พี่น้องสายเืเดียวกันพวกเราย่อมต้องดูแลซึ่งกันและกันขอรับ" อวี๋จิ่นซูตอบกลับอย่างคล่องแคล่ว
"จิ่นซูเป็เด็กรู้ความ"สตรีแซ่จางเอ่ยชมหนึ่งประโยคแล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปในเรือนฝั่งตะวันตกสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นิ่งขรึม เอ่ยกับอวี๋เฉียวซานที่กำลังหยอกล้อหลานสาวอยู่ว่า"เมื่อครู่ข้าอยู่หน้าห้องแล้วได้ยินจ้าวเสวี่ยหรูเอ่ยถึงจือโจวของพวกเรากับสำนักศึกษาระดับอำเภอท่านแม่ของพวกเราคงไม่ได้จะส่งอวี๋จิ่นซูไปเรียนที่สำนักศึกษาระดับอำเภอเหมือนกันกระมัง?"
อวี๋เฉียวซานเช็ดน้ำลายที่ไหลออกมาจากมุมปากของเจี๋ยเกิง"ปีที่แล้วตอนส่งจิ่นเหยียนไปเรียนที่อำเภอ เงินในจวนถูกใช้ไปหมดแล้วเ้าอย่าคาดเดาซี้ซั้วไปเลย จือโจวถูกเื่อะไรทำให้ล่าช้าจนไม่ยังกลับมางั้นหรือ?"
"คงออกไปกับสหายร่วมเรียนในสำนักศึกษาแล้ว กลับมาช้าสักหน่อยปากของอวี๋จิ่นซูทั้งเ้าเล่ห์ทั้งคล่องแคล่วจนหาความจริงไม่ได้แม้แต่ครึ่งประโยคนอกจากนั้นยังพูดจาไม่ดีต่อหน้าข้า บอกว่าจือโจวมีสหายร่วมเรียนไม่เอาการเอางานคนหนึ่งลูกของพวกเรา พวกเรายังจะไม่รู้อีกหรือ?"
ครั้นสตรีแซ่จางเอ่ยถึงเื่นี้พลันนึกโมโห "เฮ้อทำไมเด็กสองคนนี้ถึงได้นิสัยเหมือนเ้า ล้วนแต่มีนิสัยซื่อตรงไม่มีเล่ห์เหลี่ยมและรู้จักเอาใจท่านย่าสักนิด วันคืนในจวนคงจะได้ดีขึ้นกว่านี้สักหน่อย"
“เ้าพูดเื่พวกนี้ทำไมกัน? อยู่อย่างสงบไม่มีเล่ห์เหลี่ยมชั่วร้ายก็ดีมากแล้วไม่ใช่หรือ?” อวี๋เฉียวซานบีบเจี๋ยเกิงน้อยในอ้อมกอด "หลานสาวคนดีปู่พูดถูกหรือไม่? ซื่อสัตย์ย่อมดีกว่าอะไรทั้งปวงใช่หรือไม่?"
เด็กวัยสามขวบไม่เข้าใจสิ่งที่ปู่ของนางพูดจึงแย้มยิ้มและพยักหน้าตามด้วยโบกสะบัดมือเล็กของนางไปคว้าเข้าปลายคางที่เต็มไปด้วยตอหนวดของอวี๋เฉียวซาน
สตรีแซ่จางอุ้มเจี๋ยเกิงน้อยมาจากอ้อมกอดของอวี๋เฉียวซานยกยิ้มอย่างรักใคร่ "มานี่ ย่าจะอุ้ม นางจะไปเข้าใจได้อย่างไรว่าท่านกำลังพูดเื่อะไร!ถ้าท่านแม่ของพวกเราลำเอียงส่งจิ่นซูไปเรียนที่อำเภอจริงๆไม่ว่าอย่างไรครั้งนี้ข้าก็ไม่มีทางยอมเด็ดขาด"
หลังจากอวี๋เจียวกลับไปที่เรือนฝั่งตะวันออกนางก็เข้าไปในห้องของอวี๋ฉี่เจ๋อเพื่อฝึกคัดอักษรต่อไปอวี๋หรูไห่เดินตามมาและแสร้งทำเป็ถามอวี๋เมิ่งซานว่าร่างกายเป็อย่างไรสนทนายังไม่ถึงสองประโยคก็รีบเข้าไปในห้องของอวี๋ฉี่เจ๋ออย่างไม่อาจรีรอ
“แม่หนูเมิ่ง ฝึกคัดอักษรหรือ? ไม่ต้องคัดแล้ว เ้ามานี่พวกเรามาหารือเื่การตรวจไข้ในวันพรุ่งนี้กัน” อวี๋หรูไห่ฝืนยิ้มเสแสร้งออกมาเอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
มือของอวี๋เจียวไม่ชะงักแม้แต่นิด พู่กันไม่สั่นไหวอีกทั้งยังไม่เงยหน้าขึ้น "ท่านมีเื่อะไรจะหารือก็เอ่ยออกมาตามตรงเถิด"
อวี๋หรูไห่คิดไม่ถึงว่าอวี๋เจียวจะไม่ไว้หน้ากันเช่นนี้นับได้ว่าก่อนหน้านี้ทั้งสองไม่ได้ฉีกหน้ากันโดยตรง เพราะเขายังหวังผลประโยชน์จากอวี๋เจียวอยู่อวี๋หรูไห่หันไปชำเลืองมองอวี๋ฉี่เจ๋อเมื่อพบว่าเขายังคงตั้งใจอ่านตำราจึงฝืนเอ่ยทั้งรอยยิ้มว่า “ไม่มีอะไรเื่โรคแผลพุพอง เ้าสามารถรักษาได้จริงหรือ? มั่นใจกี่ส่วนว่าจะรักษาหาย?”
อวี๋เจียวจรดเส้นขีดสุดท้าย เป่าตัวอักษรที่พึ่งเขียนเสร็จครู่หนึ่ง วางพู่กันขนหมาป่าในมือลงยิ้มเยาะเสียงเบา จากนั้นปรายตามองอวี๋หรูไห่ “มั่นใจห้าส่วน”
สีหน้าของอวี๋หรูไห่เปลี่ยนไปทันใด เอ่ยด้วยความเป็กังวลว่า“แค่ห้าส่วนเท่านั้นหรือ?”
อวี๋เจียวเอ่ยอย่างไม่ช้าไม่เร็ว “หากข้าได้เงินค่ารักษาครึ่งหนึ่งเช่นนั้นก็มีความมั่นใจสิบส่วน หากไม่มีเงินค่ารักษา ถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีความมั่นใจแล้ว!”
“เ้า...” อวี๋หรูไห่โมโหจนถึงกับพูดไม่ถูก ครั้นจะบริภาษอวี๋เจียวเขากลับพยายามกดข่มความโมโหเนื่องจากถูกล้ำเส้นเพียงแต่รอยยิ้มบนใบหน้าไร้หนทางหวนคืน “แม่หนูเมิ่ง เ้าแต่งเข้าสกุลอวี๋ของข้าแล้วสตรีนางหนึ่งจะเอาเงินไปทำอะไร? ในจวนก็ไม่ได้ไร้ข้าวไร้น้ำให้เ้ากิน!สกุลอวี๋ของพวกเรามีท่านย่าของเ้าเป็คนควบคุมดูแลมาโดยตลอดเงินที่บิดาของฉี่เจ๋อ ลุงใหญ่และอาสามของเ้าหามาล้วนแต่อยู่ในมือท่านย่าของเ้าหากเ้า้าใช้เงิน ถึงตอนนั้นข้าย่อมต้องให้เ้าเอง”