ณ สุดเขตเรือนเล็กของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วและเยวี่ยเจาหราน มีประตูบานเล็กอันโดดเดี่ยวบานหนึ่ง เป็ประตูทางเข้าที่สามารถตรงมายังเรือนของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วได้โดยไม่จำเป็ต้องผ่านเรือนใหญ่ของจวนเยี่ยน เพื่อหลบเลี่ยง ‘การไล่ล่า’ ของฮูหยินเยี่ยน ชุ่ยเชี่ยวจึงแต่งหน้าอย่างเรียบง่าย แล้วเข้ามายังเรือนเล็กของทั้งสองโดยผ่านประตูเล็กบานนั้น
แม้ว่าแผนการนี้ของชุ่ยเชี่ยวจะชาญฉลาดอย่างมาก ทว่าลมฟ้าไม่อาจคาดเดา เพียงเพิ่งจะเข้ามาในเรือนเล็ก นางก็ปะเข้ากับหลิงหลงที่ป้อนยาให้คนแทนฮูหยินเสร็จแล้ว และเพิ่งออกมาจากเรือนของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว...
“ชุ่ยเชี่ยว?” ในมือของหลิงหลงถือจานรองถ้วยยาเอาไว้ ทันใดนั้นก็พบชุ่ยเชี่ยวเข้า ที่พบง่ายดายเช่นนี้ไม่ได้เป็เพราะชุ่ยเชี่ยวอำพรางตัวไม่ดี แต่เพราะชุ่ยเชี่ยวนั้นพรางตัวดีเกินไปต่างหาก!
ถึงอย่างไรต่อให้ไม่ใช่หลิงหลง ยามที่เดินผ่านผู้หญิงแปลกๆ คนหนึ่งที่คลุมหัวปิดหน้าก็คงจะมองกันอยู่หลายรอบทั้งนั้นแหละ...
ทว่าคำพูดในจิตใจของชุ่ยเชี่ยวในยามนี้คือ ‘ข้าจะมาตายง่ายๆ เช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด’ ดังนั้นนางจึงคิดว่าตนยังสามารถยื้อชีวิตไปได้อีกหน่อย พร้อมจะยอมตายโดยที่ไม่ยอมรับ ดังนั้นนางจึงแสร้งทำเป็ไม่ได้ยินที่หลิงหลงเรียก แล้วเดินตรงไปข้างหน้าโดยที่ทำเป็ไม่เห็นหลิงหลงต่อไป
สำหรับสถานการณ์เช่นนี้ หลิงหลงเองก็รู้สึกว่าน่าขบขันอย่างยิ่ง... ถึงอย่างไรหลังจากที่หลิงหลงร้องเรียกว่าชุ่ยเชี่ยวออกไป ก็เหมือนว่าสาวใช้ทั้งหมดรอบกายต่างก็ค้นพบกันหมดแล้วว่านั่นคือชุ่ยเชี่ยว
หลิงหลงนั้นฉลาด นางพอจะเดาวัตถุประสงค์ในการปรากฏตัวในยามนี้ของชุ่ยเชี่ยวได้บ้าง และเพื่อชดเชยให้กับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วผู้น่าสงสารที่ถูกตนป้อนยาให้อย่างโเี้ หลิงหลงจึงตัดสินใจที่จะช่วยชุ่ยเชี่ยวปิดบังอำพรางด้วยความเมตตา
“อ้อ ข้าจำคนผิดน่ะ นี่คือน้องสาวที่มาจากบ้านเดิมของข้า นางไม่รู้ว่าที่นี่พวกเราไม่นิยมแต่งตัวกันเช่นนี้ ทำให้ทุกคนขบขันเสียแล้ว ลืมเื่นี้เสียเถอะ...”
หลิงหลงกลั้นยิ้มไปพลาง แล้วเอ่ยเช่นนั้นกับเหล่าสาวใช้แต่ละคนที่ห้อมล้อมอยู่ไปพลาง ใบหน้าของชุ่ยเชี่ยวในตอนนี้หากไม่ใช่เพราะถูกผ้าคลุมหัวปิดหน้าอยู่ น่ากลัวว่ามันคงจะเปลี่ยนไปมาเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด เมื่อได้ยินหลิงหลงเอ่ยเช่นนั้น นางก็ไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดี ควรจะก่นด่าหรือว่าขอบคุณดี
สาวใช้กลุ่มหนึ่งข้างๆ แม้จะสงสัยว่าหลิงหลงใช่คนอาหรับหรือไม่ แต่อย่างไรเสียในเมื่อสาวใช้ใหญ่อย่างหลิงหลงเอ่ยปากแล้ว ก็ย่อมไม่กล้าติดใจ ด้วยเหตุนี้จึงเอา ‘หลิงหลงมาจากอาหรับ’ มาเป็ประเด็นเวยปั๋ว [1] ไปซุบซิบนินทากันในเวลาว่าง และพากันหนีหายไปอย่างรวดเร็ว
หลิงหลงเดินตรงไปเบื้องหน้าชุ่ยเชี่ยวเต็มด้วยสีหน้าสับสน กระแทกไหล่ผอมแห้งของนางจากด้านข้าง “พอแล้ว ไม่มีคนแล้วล่ะ เ้าเก็บผ้าคลุมหัวนี่ไปเถอะ”
“หลิงหลงเ้า...” แม้ว่าชุ่ยเชี่ยวจะยื้อเกียรติสุดท้ายเอาไว้โดยไม่ยอมเก็บผ้าคลุมหน้า ทว่าแนวป้องกันภายในใจได้ถูกทำลายไปโดยสมบูรณ์แล้ว นางพลันปลดอาวุธยอมจำนน เข้าใจสถานะของตนเอง อีกทั้งยังอยากถามว่าหลิงหลงนั้นรู้ได้อย่างไรว่าเป็ตน
สำหรับคำถามที่ชุ่ยเชี่ยวกำลังจะเอ่ยออกมานั้น หลิงหลงได้แสดงออกว่าไม่จำเป็ต้องถาม ข้ารู้แล้วว่าเ้าอยากจะถามอะไร ดังนั้นนางจึงยกมือขึ้นมาโบกไปมาอย่างสง่างาม แล้วเอ่ยต่อ “ก็การแต่งตัวเช่นนี้ของเ้า ใครก็ล้วนดูออกทั้งนั้น คนปกติเขาห่อตัวเองเป็บ๊ะจ่างในเดือนหกเดือนเจ็ดแล้วออกจากบ้านกันหรือไร?”
หลิงหลงกลอกตาทีหนึ่ง ไม่รอให้ชุ่ยเชี่ยวพูดขึ้นมาอีก นางก็เอ่ยอีกครั้ง “ข้ารู้ว่าเ้ามาหาผู้ใด ระหว่างนี้ฮูหยินเล่นไพ่อยู่ก็ยังมีเวลาอีกสักพัก เ้าตามข้ามาเถอะ”
“ได้ๆ ได้!” เมื่อได้ยินว่าหนทางต่อไปมีคนเดินไปด้วยกันแล้ว ชุ่ยเชี่ยวก็ลืมความอึดอัดที่ถูกพบเข้าเมื่อครู่นี้จนหมดสิ้น ก่อนที่จะแย้มรอยยิ้ม แล้ววิ่งตามหลิงหลงไปต้อยๆ
ทั้งสองเดินวางมาดมาถึงห้องของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว จากที่หลิงหลงเปิดประตูออกก่อน ชุ่ยเชี่ยวจึงเห็นเตียงของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่พันห่อทบไปมาหลายชั้น ก็นึกว่าจะเป็เหมือนที่เยวี่ยเจาหรานคาดการณ์ไว้อย่างนั้นจริงๆ ... เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วถูกฮูหยินเยี่ยนตีตายแล้ว! นางพลันพุ่งเข้าไป โถมตัวลงที่เตียงแล้วร้องไห้โฮออกมายกใหญ่
“คุณชายเยี่ยน! ท่านไปอนาถนัก...”
หลิงหลงยืนอยู่ข้างหลัง สีหน้ารังเกียจอย่างยากจะปิดบัง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่หลับไปอย่างยากเย็นบนเตียงเองก็ถูกรบกวนจนตื่นขึ้นไม่ต่างจากที่คาดไว้ เมื่อฟังออกว่าเป็เสียงของชุ่ยเชี่ยว ก็รีบห่อตัวในผ้าห่มทันที เพื่อไม่ให้ถูกพบว่าตนเป็สตรี
“อ๊าก!” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอยากจะหยอกล้อชุ่ยเชี่ยวด้วยใจจริง จึงยื่นแค่มือออกไปจับนาง ชุ่ยเชี่ยวใสะดุ้งโหยงตามคาด นางะโขึ้นมาพร้อมส่งเสียงร้องลั่น พลันพุ่งเข้าหาอ้อมอกของหลิงหลง “ศพ ศพกระตุกหรือ...?”
“เ้าอย่ากระโตกกระตากไป คุณชายไม่ได้เป็อะไร” หลิงหลงกลอกตาใส่ชุ่ยเชี่ยวทีหนึ่ง แต่ก็ยังไม่สามารถแกะชุ่ยเชี่ยวออกไปจากตัวของตนได้ ไม่มีทางเลือก นางได้แต่ลากชุ่ยเชี่ยวไปพร้อมกับเลิกผ้าม่านหน้าเตียงของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วออก ทำให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ‘ศพกระตุก’ ที่จัดการตนเองเรียบร้อยไปพอสมควรแล้วเผยออกมาต่อหน้าชุ่ยเชี่ยวโดยสมบูรณ์
ชุ่ยเชี่ยวเห็นคนยังปกติอยู่ ในที่สุดก็มีความกล้าขยับเข้าไปข้างหน้าเสียที นางลูบแขนของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว แล้วหันกลับไปถามหลิงหลง “ยัง ยังไม่ตายนี่นา! ทำไมเ้าไม่รีบบอกเล่า!”
ลูกพี่เอ๊ย เ้าผิดปกติอะไรหรือเปล่า! ั้แ่ต้นจนจบก็ไม่มีใครพูดว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วตายเลยนะ เ้านั่นแหละที่กระโตกกระตากไปเอง เอาแต่หวังให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่น่าเวทนาอยู่แล้วรีบไปโลกหน้าอยู่นั่น!
“ชุ่ยเชี่ยว”
เมื่อเห็นความรังเกียจของหลิงหลงและความตกตะลึงของชุ่ยเชี่ยว สุดท้ายเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ชิงทำลายความเงียบภายในห้องลงก่อน นางเอ่ยทักทายชุ่ยเชี่ยวเล็กน้อย “เ้ากลับมาได้อย่างไร? แล้วเ้านายของเ้าเล่า” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วปรับท่านั่งของตนเล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยถามอีกครั้ง
ชุ่ยเชี่ยวในยามนี้ใจเย็นลงพอสมควรแล้ว เมื่อได้ยินคำถามของอีกฝ่าย ย่อมสามารถตอบกลับไปได้อย่างดี ทว่าเยวี่ยเจาหรานนั้นกำชับว่าให้ตนหลบเลี่ยงผู้คน แต่ยามนี้หลิงหลงกลับอยู่ที่นี่ด้วย คิดดูไม่เหมาะจะพูด นางจึงได้แต่ส่งสายตาสื่อให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วบอกให้หลิงหลงออกไป โดยที่คาดไม่ถึงว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะไม่เข้าใจทักษะการส่งสายตาที่ไม่ค่อยดีนักของชุ่ยเชี่ยว หากแต่ตัวหลิงหลงผู้ถูก ‘ขับไล่’ เองนั้นกลับเอ่ยขึ้นมาอย่างรู้ความ “คิดดูแล้วยามนี้ฮูหยินคงออกจากโต๊ะไพ่แล้ว คุณชายกับแม่นางชุ่ยเชี่ยวมีเื่จะคุย ก็กรุณารีบหน่อยนะเ้าคะ บ่าวขอตัว”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพยักหน้า หลิงหลงจึงออกจากห้องไปอย่างเป็ธรรมชาติ
“พูดได้แล้วใช่หรือไม่” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่ววางมือลงบนผ้าห่ม แล้วเอ่ยถามอีกครั้ง เมื่อนั้นชุ่ยเชี่ยวถึงได้โน้มตัวเข้าไปเอ่ยละล่ำละลัก “พูดได้แล้ว พูดได้แล้วเ้าค่ะ เดิมทีก็ไม่ใช่ความลับอะไรอยู่แล้วนี่นา!”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วถูกกระตุ้นความสงสัยใคร่รู้ขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า คนที่น้ำไม่รั่วแม้สักหยด [2] อย่างเยวี่ยเจาหรานผู้นั้น เหตุใดจึงอดทนให้ชุ่ยเชี่ยวที่เลินเล่อเช่นนี้เป็สาวใช้ของตนได้นะ? คิดดูแล้วคงหน้ามืดตามัว น่าโมโหยิ่งนัก
“เป็เพราะคุณช... คุณหนูของข้า กลับจวนไปสองสามวันแล้วก็ยังไม่ได้ข่าวคราวของท่าน จึงเป็ห่วงท่านน่ะเ้าค่ะ” ชุ่ยเชี่ยวเกือบจะหลุดปากพูดออกไปอีกครั้ง โชคดีที่ยับยั้งไว้ได้ทัน จนไม่เกิดเื่ใหญ่ขึ้น
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่รู้แจ้งอยู่แล้วย่อมอยากหัวเราะขึ้นมา แต่สุดท้ายนางก็อดกลั้นเอาไว้ไม่แสดงออกมาเพื่อเป็การให้เกียรติละครฉากใหญ่นี้ ฟังชุ่ยเชี่ยวพูดจบนางถึงเอ่ยขึ้น “ข้าไม่ได้เป็อะไร เ้าไปบอกให้เขาสบายใจได้”
“แต่ว่าท่าน...” ถึงแม้ชุ่ยเชี่ยวจะค่อนข้างบุ่มบ่ามเลินเล่อ แต่อย่างไรนางจะไม่ใช่คนโง่ เมื่อเห็นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพันห่อมากมายหลายชั้นเช่นเมื่อครู่ บวกกับถ้วยยาต้มในมือของหลิงหลง นางก็พอจะเดาออกได้บ้าง “ท่านน่าจะป่วยอยู่ไม่ใช่หรือเ้าคะ?”
“ในเมื่อเ้าถามด้วยน้ำใสใจจริง เช่นนั้นข้าก็จะบอกเ้าด้วยความเมตตา...” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเอ่ยบทกลอนห่วยๆ ที่ไม่รู้ว่าไปเรียนมาจากไหน นางเล่าเื่ราวการเจ็บไข้ได้ป่วยของตนออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำรอบหนึ่ง สุดท้ายก็ยังไม่ลืมเอ่ยเสริมเข้าไปว่า “หากแต่ยามนี้ข้าไม่เป็แล้วจริงๆ เ้าก็บอกให้เขาวางใจเถอะ”
เชิงอรรถ
[1] เวยปั๋ว (微博) Weibo คือ เว็บไซต์ไมโครบล็อก (microblogging website) จากประเทศจีน เป็โซเชียลมีเดียที่มีความคล้ายคลึงกับ Twitter ผสม Facebook
[2] น้ำไม่รั่วแม้สักหยด (滴水不漏) หมายถึงความรอบคอบ มิดชิด ไม่มีช่องโหว่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้