ในความคิดของเหยาเชียนเชียน เขาไม่อาจเทียบเคียงอาเหยียนได้มาโดยตลอด และชิงผิงอ๋องก็ยอมรับได้ในจุดนี้ ทว่าเหตุใดเขาถึงสู้แมวตัวหนึ่งไม่ได้เล่า?
ความเป็ห่วงที่เขามอบให้นางยังไม่สามารถสู้แมวเพียงตัวเดียวได้เลยหรือ?
“เสด็จพ่อจะเสด็จไปสักการะสุสานหลวงในอีกสองวันข้างหน้า น่าเสียดายที่ไม่สามารถพาเ้าไปด้วยกันได้” เหยาเชียนเชียนลูบหัวเล็กของแมวดำอย่างอ่อนโยน “แต่ถึงแม้ว่าจะไปด้วยกันไม่ได้ แต่เ้าก็ยังสามารถมีส่วนร่วมได้เล็กน้อย”
แมวดำมองสิ่งของที่นางจัดเตรียมไว้ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ เขาพอจะจินตนาการออกคร่าวๆ แล้วว่านางกำลังเตรียมจะทำอะไร เพียงแค่มีส่วนร่วมง่ายๆ เล็กน้อยเหตุใดยังต้องเตรียมของมากมายเพียงนี้ เขาแค่อยากไปสุสานหลวงกับนางอย่างจริงจัง ทว่ากลับกลายเป็เหมือนการฝากไปแทนเสียได้
“ข้าก็ไม่รู้ว่าท่านอ๋องจะชอบหรือไม่” เหยาเชียนเชียนลูบแบบภาพลายดอกไม้เ่าั้ “ครั้งที่แล้วยามที่ข้าทำรังให้เ้า เขามองเพียงแวบเดียวก็บอกว่าไม่ดี หวังว่าครั้งนี้จะไม่เลวร้ายแบบครั้งนั้นอีกนะ”
นั่นก็เป็เื่เมื่อนานมาแล้ว ไม่คาดคิดเลยว่านางจะยังคงจดจำได้ แมวดำหันหน้ามองไปทางอื่น ยามนี้รู้แล้วว่านางมีความคิดเช่นนี้ ดังนั้นเขาย่อมต้องชอบมันอย่างแน่นอน
“ไม่อยากสวมก็ต้องสวม” เหยาเชียนเชียนลอบกำหมัดอย่างเงียบๆ “ข้าจะให้ผู้อื่นได้เห็นว่าครอบครัวของพวกเรามีความสุขมากเพียงใด อวี๋เฟยเพียงแค่ตั้งครรภ์เท่านั้น หากพวกเขาดีใจก็ให้ดีใจไปเถิด ครอบครัวเล็กๆ ของพวกเราน่าอิจฉายิ่งกว่าเสียอีก”
แมวดำใช้อุ้งเท้าตีมือนางเบาๆ ถูกต้อง เปิ่นหวังก็คิดเช่นนั้น
เหยาเชียนเชียนจูบอุ้งเท้าสีชมพูของแมวดำเบาๆ และกุมไว้ในฝ่ามือพลางลูบไล้มัน
“อดีตฮองเฮาสิ้นพระชนม์ไปนานแล้ว ท่านอ๋องจึงสูญเสียความรักและความห่วงใยจากผู้เป็มารดาไปั้แ่ยังเด็ก ข้าเห็นว่านอกเหนือจากเสด็จพ่อที่ยังถือว่ารักเขาแล้ว สิ่งที่ผู้อื่นปฏิบัติต่อเขาก็เป็เพียงความเคารพเท่านั้น ทว่าข้างกายของเสด็จพ่อมีพระสนมมากมายเพียงนั้น ดูอย่างอวี๋เฟยสิ นางตั้งครรภ์แล้วนั่นปะไร เกรงว่าจิตใจของท่านอ๋องคงไม่รู้สึกดีนัก”
เขาโดดเดี่ยว ฮ่องเต้ซึ่งเป็คนเดียวที่รักเขากลับไม่เป็ของเขาแต่เพียงผู้เดียว พระองค์มีบุตรและภรรยาที่ต้องแบ่งความรักให้มากเกินไป ใน่เวลานั้น จิตใจของชิงผิงอ๋องจะต้องเ็ปมากเพียงใด
แมวดำมองนางอย่างเงียบๆ จากนั้นจึงมุดเข้าไปในอ้อมแขนของนางและเลียคางนางเบาๆ ทั้งยังส่งอุ้งเท้าเล็กๆ มาวางไว้บนใบหน้าของนาง หากเปลี่ยนเป็คนผู้หนึ่ง นั่นจะต้องเป็จุมพิตแสนหวานอย่างแน่นอน
ทว่าเหยาเชียนเชียนกลับรู้สึกจั๊กจี้ นางหัวเราะและอุ้มมันกลับไปที่เตียง ก่อนจะกลิ้งอยู่ข้างบนนั้นและห่มผ้าให้เรียบร้อย
“รีบนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ยังต้องไปหาช่างเย็บผ้าอีก”
แมวดำหยุดเคลื่อนไหว ฝีมือเย็บปักของนางยอดเยี่ยมถึงเพียงนั้น เหตุใดจึงยังต้องไปหาช่างเย็บผ้านอกจวนอีกเล่า ครั้งที่แล้วก็เช่นกัน ในคราแรกเขาคิดว่าเหยาเชียนเชียนเพียงแค่ดูแคลนรังแมวนั้น นางจึงไปหาช่างเย็บผ้ามาทำงานนี้แทน
ทว่าครั้งนี้นางให้ความสำคัญกับเสื้อผ้าเหล่านี้มากถึงเพียงนี้ เหตุใดนางถึงยังไม่ยอมปักผ้าด้วยตัวเองอีกเล่า?
“เ้าหยุดดิ้นได้แล้ว” หญิงสาวข้างกายบ่นพึมพำ “ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่กอดเ้าแล้วนะ”
แมวดำได้ยินเช่นนั้นก็นอนลงบนข้อพับแขนของนางอย่างเชื่อฟังและลอบถอนหายใจในใจ ค้างแรมด้วยสภาพนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีน้องสาวให้อาเหยียนได้เมื่อไร พอคิดอีกที เ้าแมวตัวนี้ชักจะแย่งความสนใจจากนางมากเกินไปแล้วจริงๆ เขาไม่ควรเปลี่ยนร่างไปมาเพียงเพราะนางชอบเลย
เมื่อนึกถึงภาพแบบชุดหนาเตอะปึกนั้น แมวดำจึงมุดศีรษะออกมาจากอ้อมแขนของเหยาเชียนเชียนอย่างเงียบๆ เวลานี้มีแต่ต้องกลายร่างเป็แมวเท่านั้น จึงจะสามารถััความรักเช่นนี้จากนางได้ บางครั้งเขาก็น้อยใจเช่นกัน
การทำเสื้อผ้าสักชุดนั้นไม่ง่ายดาย เหยาเชียนเชียนเหมาร้านตัดเย็บที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไว้แล้ว หลังจากส่งมอบแบบไปแล้วก็กำชับอีกฝ่ายว่าจะต้องเร่งตัดเย็บออกมาให้เสร็จก่อนจะถึงวันนั้น
ส่วนผู้ที่อยู่เื้ัคอยสนับสนุนการแสดงอำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้ แน่นอนว่าต้องเป็ชิงผิงอ๋อง
“ให้พวกเขาไปเก็บเงินที่จวนอ๋อง จะได้ไม่เดือดร้อนถุงเงินน้อยของข้า” เหยาเชียนเชียนพยักหน้าอย่างมีความสุข “ท่านอ๋องคงจะไม่รังเกียจเงินเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้หรอกกระมัง”
เป่ยเหลียนโม่ไม่รังเกียจก็จริง แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อเื่ที่นางไม่ยอมตัดเย็บด้วยตัวเองได้ หากเป็ของเขาก็ช่างมันเถิด แต่ของอาเหยียนก็ยังไม่สามารถทำให้นางลงมือทำด้วยตัวเองได้เลยหรือ?
รอมาหลายวัน ในที่สุดทางร้านก็ตัดเย็บเสื้อผ้าสองสามชุดเสร็จสิ้นเสียที โชคดีที่แบบของเหยาเชียนเชียนไม่นับว่าซับซ้อนเกินไป ไม่เช่นนั้นต่อให้จ่ายเงินมากเพียงใดทางร้านก็ไม่กล้ารับไว้
“หวังเฟย ชุดตัวนี้สวยงามยิ่งนัก และสีของชุดยังช่วยขับผิวหน้าของหวังเฟยด้วยเพคะ” เป่าหวาช่วยเหยาเชียนเชียนสวมใส่อาภรณ์ให้เป็ระเบียบอย่างระมัดระวัง อาการาเ็ที่ขาของนางหายดีแล้ว และวันนี้นางจะติดตามเหยาเชียนเชียนไปด้วย
“ไปกันเถิด ไปดูท่านอ๋องกับอาเหยียนกันสักหน่อย”
เหยาเชียนเชียนไม่แน่ใจว่าเป่ยเหลียนโม่จะสวมใส่มันหรือไม่ นางเดินออกไปข้างนอกด้วยความคาดหวังและตื่นเต้น และปะเข้ากับเป่ยเหลียนโม่ที่กำลังจูงมืออาเหยียนออกมาพอดี
สีนี้ช่างเหมาะกับบุคลิกของเขายิ่งนัก เป็ครั้งแรกที่เหยาเชียนเชียนรู้สึกว่าการที่นางไม่ได้เรียนออกแบบในยามนั้นช่างน่าเสียดายความสามารถในด้านนี้โดยแท้ และนายแบบผู้นี้ก็ดูดีเกินไปแล้วจริงๆ
“ท่านแม่” อาเหยียนวิ่งเข้ามาและหมุนตัวรอบหนึ่ง ก่อนที่เ้าก้อนแป้งน้อยสีชมพูจะกอดนางอย่างมีความสุข “ชุดที่ท่านแม่ให้อาเหยียนงดงามยิ่งนัก ทั้งยังมีของท่านพ่อด้วย ชุดของเราเหมือนกันเลยขอรับ”
ผู้ใดเห็นก็จะรู้ได้ทันทีว่าทั้งสามคนเป็ครอบครัวเดียวกัน แม้ว่าชุดครอบครัวจะดูเลี่ยนไปสักหน่อย แต่พอเหยาเชียนเชียนได้เห็นท่าทางมีความสุขของอาเหยียน นางก็รู้สึกดีใจไปด้วย
นางแอบมองเป่ยเหลียนโม่ คนผู้นั้นกำลังผินใบหน้าน้อยๆ มองมาที่นางอยู่พอดี ยามนี้เมื่อมองไปอีกครั้ง ความเ็าและความดุดันในยามที่เจอกันครั้งแรกก็หายไปนานแล้ว เขายืนอยู่ตรงนั้นโดยมีหอคอยอันสง่างามอยู่ข้างหลัง ช่างดูดีราวกับเป็ภาพวาดอันวิจิตรภาพหนึ่ง
“ท่านแม่” อาเหยียนเขย่าตัวนางเบาๆ และกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “ท่านแม่จะไปจริงๆ หรือขอรับ อาเหยียนอยากให้ท่านแม่รออาเหยียนอยู่ที่จวนมากกว่า”
จะทำอย่างนั้นได้อย่างไร ฮ่องเต้ทรงตรัสไว้แล้ว อีกอย่างคือนางซึ่งเป็สะใภ้ยังไม่ได้กราบไหว้อดีตฮองเฮาอย่างเป็ทางการเลย ครั้งนี้ถึงแม้นางจะไม่อยากไปก็ต้องไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
เหยาเชียนเชียนเกลี้ยกล่อมเขา บอกว่าเมื่อถึงเวลาเพียงแค่ตามชิงผิงอ๋องไปเท่านั้น นางจะไม่อยู่เพียงลำพัง
เมื่อนางเงยหน้าขึ้น เ้าของหัวข้อสนทนาก็กำลังมองมาพอดี เหยาเชียนเชียนรีบหันไปทางอื่น ส่งผลให้ชิงผิงอ๋องเห็นใบหูที่แดงเรื่อของนางพอดิบพอดี
ใบหน้านี้คงดูดีกว่าใบหน้าของเ้าแมวดำตัวนั้นมากโขเลยกระมัง ชิงผิงอ๋องจัดคอเสื้อเล็กน้อย เขาจะขี่ม้าอยู่ข้างหน้าสุด เพียงแค่นางเลิกม่านขึ้นก็จะเห็นเขาได้ทันที
เหยาเชียนเชียนนั่งอยู่ในรถม้า ทอดถอนใจด้วยไม่รู้ว่าตนจะเป็หรือตาย
แม้ว่ายามนี้ชิงผิงอ๋องจะล้มเลิกความคิดที่จะฆ่านางแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะวางใจเพียงเพราะความงามของเขาได้ ดอกไม้กินคนดอกนั้นมองได้จากไกลๆ เท่านั้น หากเขามีความคิดเป็อื่น เช่นนั้นก็รัดคอฆ่านางไปั้แ่เนิ่นๆ เสียยังดีกว่า
สุสานหลวงสง่างามและโอ่อ่า ที่แห่งนี้เป็สถานที่พักผ่อนอย่างสงบของเหล่าอดีตฮ่องเต้และฮองเฮาในแต่ละรัชสมัย รวมถึงเหล่าพระสนมซึ่งครั้งหนึ่งเคยรุ่งโรจน์อยู่่เวลาหนึ่ง
เหยาเชียนเชียนลงจากรถม้า พลันนึกไปถึงการคัดเลือกฮ่องเต้องค์ต่อไปซึ่งมีเป่ยเหลียนโม่รวมอยู่ในนั้นด้วย หากเขาขึ้นครองราชย์เป็ฮ่องเต้ นางก็จะกลายเป็ฮองเฮาไปด้วยใช่หรือไม่
จากนี้ไปคงจะมีสามวังหกเรือน และต้องอยู่ร่วมกับกลุ่มสตรีที่รอบุรุษคนเดียวกัน น่าสลดใจยิ่งนัก
เพราะฉะนั้นเื่รวบรวมเงินนางคงจะต้องรีบให้มากขึ้นอีกหน่อยแล้ว เพราะถึงแม้พระวรกายของฮ่องเต้จะยังแข็งแรงดี ทว่าเมฆฝนบนฟ้าไม่อาจคาดการณ์ได้ ผู้ใดเล่าจะสามารถกล่าวได้แน่ชัด
เมื่อเห็นคนกลุ่มใหญ่มาจากไกลๆ เหยาเชียนเชียนจึงหรี่ตาลงมองไปยังคนตรงหน้า จากนั้นก็เดินไปอยู่ข้างๆ เป่ยเหลียนโม่โดยที่ยังคงจูงมืออาเหยียนอยู่
พวกเขาทั้งสามคนดึงดูดความสนใจของทุกคนั้แ่วินาทีแรกที่ปรากฏตัว ทันทีที่เห็นก็รู้ได้เลยว่าชุดนี้มีการนัดหมายกันมาก่อน เมื่อมองไปแล้วจึงสะดุดตายิ่งนัก และไม่รู้ว่ามีผู้ใดที่ลอบจดจำไว้ในใจ เพื่อเตรียมกลับไปทำให้ตัวเองสักชุดด้วยหรือไม่
“ท่านอ๋องเสด็จมาแล้ว” อวี๋เฟยเรียกให้คนช่วยพยุงนางเข้าไปหา “เปิ่นกงไม่ได้พบอาเหยียนนานมากแล้ว ดูสูงขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว”
อาเหยียนคารวะนางอย่างนอบน้อม “คารวะอวี๋เฟยเหนียงเหนี่ยง ขอบพระทัยอวี๋เฟยเหนียงเหนี่ยงที่ระลึกถึง”
เหยาเชียนเชียนยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบเชียบ ไม่ใช่เพราะกลัวมากขนาดนั้น ทว่านางเพียงแค่ไม่อยากสนทนากับคนที่พยายามจะฆ่านางมาหลายครั้งก็เท่านั้น แม้นางจะไม่คิด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายก็จะไม่คิดเช่นกัน
“พระชายาชิงผิงอ๋อง พิธีอภิเษกของเฉิงเอ๋อร์ครั้งที่แล้วเ้าคงเสียขวัญไม่น้อย ยามนี้ดีขึ้นบ้างหรือยังเล่า?”
“หม่อมฉันดีขึ้นแล้วเพคะ ลำบากเหนียงเหนี่ยงเป็ห่วงแล้วเพคะ”
อวี๋เฟยลูบเครื่องประดับมุกบนศีรษะเบาๆ มุมปากประดับรอยยิ้ม “วันนี้เ้าจะต้องระวังสักหน่อย ถึงอย่างไรก็ไม่ได้โชคดีไปเสียทุกครั้ง”
ใช่สิ หากไม่ใช่เพราะนางว่ายน้ำได้และพวกเขาไม่รู้ในจุดนี้ เช่นนั้นในยามนั้นนางคงต้องตายแล้วจริงๆ
โชคดีที่ในครั้งนั้นเป็เพราะนางยังไม่ถึงเวลาตาย ไม่ใช่เพราะอวี๋เฟยยั้งมือไว้ไมตรี หากมีโอกาสอีกครั้ง อีกฝ่ายจะต้องทุ่มเทสุดกำลังเพื่อเอาชีวิตนางอย่างแน่นอน
เหยาเชียนเชียนพยักหน้าตอบรับ และรอจนอวี๋เฟยเดินจากไปแล้วจึงถอนหายใจออกมา แน่นอนว่านางจะต้องระวังตัวให้มากขึ้น ในสถานที่ที่มีอีกฝ่ายอยู่ด้วย นางจะต้องระวังตัวเพิ่มขึ้นเป็เท่าตัว
“ท่านแม่” ทันใดนั้นอาเหยียนก็จับมือนางไว้ “เช่นนั้นท่านแม่กลับไปก่อนดีหรือไม่ หากเสด็จปู่ทรงเอ่ยถามก็แจ้งไปว่าท่านแม่ไม่สบาย ไม่สามารถทำการสักการะได้จริงๆ”
เป่ยเหลียนโม่ขมวดคิ้ว หากอาเหยียนร้อนใจเช่นนี้ก็แสดงว่าครั้งนี้เหยาเชียนเชียนตกอยู่ในอันตรายและจะได้รับความเดือดร้อนไม่น้อยจริงๆ
“ท่านอ๋อง” แม่นมเฒ่าผู้หนึ่งเดินมาจากไกลๆ นางทำความเคารพเป่ยเหลียนโม่ “ฝ่าาเชิญพระองค์และหวังเฟย รวมถึงเสี่ยวซื่อจื่อไปพบเพคะ”
เหยาเชียนเชียนกลับไปไม่ได้แล้ว เป่ยเหลียนโม่จับมือนางไว้ ยามนี้ทำได้เพียงคอยดูแลนางให้อยู่ข้างกาย เพื่อป้องกันการเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดใดๆ ขึ้น
ฮ่องเต้และอวี๋เฟยอยู่ข้างหน้าสุด เหยาเชียนเชียนรู้สึกว่าน่องของนางแข็งไปหมด เดี๋ยวคุกเข่าเดี๋ยวไหว้ ยุ่งยากยิ่งนัก แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของอาเหยียนที่อยู่ข้างๆ นางก็จำต้องกัดฟันอดทนต่อไป
เมื่อการสักการะสิ้นสุดลง เหยาเชียนเชียนก็ถูกเป่ยเหลียนโม่ประคองไปพักผ่อนอย่างชวนให้น่าขลาดเขินไม่น้อย ก่อนหน้านี้นางอดหลับอดนอนต่อเนื่องกันเป็ครึ่งเดือนยังทนอยู่ได้ ทว่ายามนี้เพียงแค่ยืนครึ่งวันนางก็ทนไม่ไหวเสียแล้ว
ท้ายที่สุดแล้วร่างกายนี้ก็ยังอ่อนแอเกินไปอยู่ดี
“ฝ่าาพักผ่อนก่อนเถิดเพคะ” อวี๋เฟยยกชามาให้ “เพื่อบุตรในครรภ์ของหม่อมฉัน ฝ่าาทรงลำบากแล้วจริงๆ เพคะ”
ด้วยเพราะอายุครรภ์ยังน้อย ดังนั้นหน้าท้องของอวี๋เฟยจึงนูนขึ้นเพียงเล็กน้อยไม่ชัดเจนมากนัก ทว่าแค่นี้ก็ทำให้ฮ่องเต้ดีใจมากแล้ว เขาส่งมือออกไปลูบเบาๆ
“ในครรภ์นี้จะต้องเป็องค์ชายอย่างแน่นอน เจิ้นมีลางสังหรณ์เช่นนั้น”
อวี๋เฟยแย้มยิ้มอ่อนหวานแล้วกล่าวว่า ฮ่องเต้ตรัสว่าเป็องค์ชาย เช่นนั้นจะต้องเป็องค์ชายอย่างแน่นอน เพราะถึงอย่างไรเด็กคนนี้ก็กตัญญู จะต้องเชื่อฟังเขาซึ่งเป็เสด็จพ่ออย่างแน่นอน
เหยาเชียนเชียนฟังด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก ในเวลานี้เด็กยังไม่โตด้วยซ้ำ รู้ได้แล้วหรือว่าในอนาคตเด็กคนนี้จะกตัญญู แม้จะกล่าวได้น่าฟัง แต่ก็นับว่าพูดเกินจริงไปหน่อย
“พระชายาชิงผิงอ๋อง” อวี๋เฟยเอ่ยเรียก “จะว่าไปพวกเ้าสองสามีภรรยาก็อยู่ด้วยกันมาสักพักแล้ว จนถึงเวลานี้ก็ยังไม่มีวี่แววใดๆ เลย หากไม่สามารถผลิดอกออกผลแด่ท่านอ๋องได้ เช่นนั้นจะเป็ความผิดของเ้านะ”
นางค่อยๆ จิบยาบำรุงครรภ์พลางลูบท้องเบาๆ
“หากยังไม่พอใจ เปิ่นกงกับฮ่องเต้สามารถคัดเลือกคนที่ถูกใจจำนวนหนึ่งมาปรนนิบัติท่านอ๋องได้ อาเหยียนจะได้ไม่ต้องเป็เด็กเพียงคนเดียวในจวน เขาคงจะโดดเดี่ยวไม่น้อย”
“ทูลอวี๋เฟยเหนียงเหนี่ยง อาเหยียนสบายดีพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่อาเหยียนอยากได้น้องสาวสักคนเท่านั้น ดังนั้นท่านแม่และท่านพ่อจึงยังคงลำบากใจอยู่”
เด็กคนนี้นี่นะ ทุกคนหัวเราะเล็กน้อย เื่เช่นนี้เขาก็พูดออกมาได้ หากเป็ผู้อื่นคงพูดไม่ออก
อวี๋เฟยเช็ดยาที่เปื้อนตรงมุมปาก นางแย้มยิ้มและแตะมือของฮ่องเต้เบาๆ
“พระองค์ทอดพระเนตรสิเพคะ อาเหยียนเป็เด็กที่รู้จักคิดอ่าน ดูท่าว่าในอนาคตหวังเฟยจะต้องมีคุณหนูให้ท่านอ๋องสักคนก่อนเสียแล้ว ไม่เช่นนั้นอาเหยียนคงไม่ยอม ดูสิเพคะ ใบหน้าเล็กๆ นั้นช่าง...ฝ่าา ฝ่าา หม่อมฉันเจ็บท้องเหลือเกิน!”
