คำพูดของอวิ๋นซีราวกับเป็สายฟ้าอันน่าใที่ฟาดลงกลางใจของทุกคน สิ่งที่พวกเขากำลังกินอยู่ในตอนนี้เป็พ่อครัวหลวงทำขึ้น? ทั้งยังเป็พ่อครัวหลวงที่รับผิดชอบพระกายาหารของไทเฮาและเสี้ยวเหวินตี้...
ชายาองค์ชายห้ามองอวิ๋นซี ความรู้สึกในใจยากจะบรรยาย ไม่ว่าอย่างไรนางก็เชื่อในคำพูดนี้ของอีกฝ่าย เพราะความโปรดปรานของไทเฮาและเสี้ยวเหวินตี้ที่มีต่ออวิ๋นซีถือเป็สิ่งที่ทุกคนเคยเห็นมากับตา ดังนั้น การที่ตอนนี้คนบอกกล่าวว่า เป็อาหารที่พ่อครัวหลวงจัดเตรียมขึ้นก็แสดงว่าต้องเป็เช่นนั้นแน่
ส่วนผิงถิงจวิ้นจู่นั้นได้แต่ถลึงตามองอวิ๋นซีอย่างดุร้าย ตอนนี้นางเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า บุตรสาวของตนติดกับดักของผู้อื่นเข้าให้แล้ว ชายาหนิงอ๋อง ดียิ่ง ครั้งนี้คนตบหน้าบุตรสาวของตนได้แรงจริงๆ
ในทางตรงกันข้าม อวิ๋นเซ่าหลันที่กำลังรับชมอยู่กลับรู้สึกว่า เื่นี้น่าสนุกนัก ราวกับตบหน้าอีกฝ่ายดังเพี๊ยะเพี๊ยะ นี่ถือเป็ละครฉากเด็ดที่นางชอบดูเป็ที่สุด มิคาดแค่มากินข้าวมื้อหนึ่งยังจะมีละครเช่นนี้ให้ดูด้วย ไม่เลวจริงๆ ทว่า นางยังคงเกรงว่า เื่ราวในตอนนี้ยังไม่วุ่นวายพอ จึงได้ปั้นสีหน้าตกตะลึงแล้วเอ่ยถาม “พี่สะใภ้รอง ท่านร้ายกาจเกินไปแล้ว ถึงกับขอตัวพ่อครัวของฮ่องเต้และเสด็จย่ามาได้”
อวิ๋นซีกล่าวเรียบๆ “่นี้หวานหว่านไม่ค่อยอยากอาหาร เอาแต่ร่ำร้องว่าอยากจะกินอาหารที่พ่อครัวของไทเฮาเตรียมขึ้น ไทเฮาจึงส่งพ่อครัวหลวงข้างกายเสด็จพ่อมายังจวนหนิงอ๋องนี้พร้อมกับพ่อครัวของพระนางเสียเลย เดิมทีข้าก็คิดว่า ยากนักที่ทุกท่านจะมาร่วมกินอาหารด้วยกันอย่างในวันนี้ จึงให้พ่อครัวหลวงผู้นั้นรับผิดชอบอาหารมื้อนี้ด้วย แต่ก็คิดไม่ถึงว่า อาหารเหล่านี้จะยังไม่อาจทำให้คุณหนูหลินพอใจได้ ให้พูดก็พูดเถอะ ข้าที่เป็เ้าบ้านถือว่าทำได้ไม่ดีจริงๆ ”
จวิ้นหม่าหลินหรงเว่ยที่ไม่ได้ปริปากพูดอันใดมาตลอดรีบลุกขึ้นกล่าว “ชายาหนิงอ๋องทรงล้อพวกกระหม่อมเล่นแล้ว อาหารในวันนี้นับว่ายอดเยี่ยมยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ มิคาดว่า ก่อนเข้าวังหลวง พวกเราจะมีโอกาสได้ลิ้มลองอาหารฝีมือพ่อครัวหลวง นี่ถือเป็วาสนาของเราโดยแท้ ส่วนนิสัยของถิงเอ๋อร์นั้นก็ไม่ได้น่ารักเช่นนี้มาเสมอ เราสองสามีภรรยามักจะตามใจจนเสียคน หากมีสิ่งใดที่ล่วงเกินไป ขอชายาหนิงอ๋องอย่าได้กริ้วเลยพ่ะย่ะค่ะ”
ชายาองค์ชายห้าที่อยู่อีกด้านก็รีบพูดขึ้นเช่นกัน “พี่สะใภ้รอง บิดาข้าพูดไม่ผิดสักนิด น้องสาวของข้าคนนี้ถูกตามใจเสียจนเสียคน ตอนอยู่ที่จวนองค์ชายก็เป็เช่นนี้อยู่บ่อยๆ นั่นก็ไม่กิน นี่ก็ไม่กิน พวกเราต่างก็ถูกนางทำให้ปวดหัวกันเสมอ ดังนั้น พี่สะใภ้รองอย่าได้เก็บมาใส่ใจเลยนะเพคะ เห็นนางเป็เพียงอากาศธาตุก็เพียงพอแล้วเพคะ”
เมื่อหลินหลานถิงได้ยินพี่หญิงของตนพูดถึงตนเช่นนี้ก็คิดจะโต้กลับ แต่กลับถูกสายตาดำคล้ำของบิดาทำให้เป็ต้องหวาดกลัว หลินหรงเว่ยพูดเรียบๆ “ถิงเอ๋อร์นั่งลง หากยังไม่เชื่อฟัง ไม่รู้จักกฎระเบียบ เ้าก็รีบไสหัวกลับไปจวนเจิ้นหนานอ๋องเสีย”
เขาเพิ่งจะพูดจบ ผิงถิงจวิ้นจู่ก็หันมองไปยังสามีตน “ลูกก็แค่พูดระบายความไม่พอใจเท่านั้น เ้าจะเข้มงวดเพียงนั้นทำไม หากเ้าทำลูกสาวข้าใ ก็ลองดูสิว่า คืนนี้ข้าจะไล่เ้าออกไปหรือไม่”
ท้ายที่สุดหลินหรงเว่ยก็ทำได้แค่ปลงตก ไม่พูดอะไรอีก
ชายารัชทายาทลู่หลิงฉิงมองฉากนี้ตรงหน้า มุมปากโค้งขึ้นน้อยๆ เป้าหมายในวันนี้ของการมาที่นี่ถือว่าสำเร็จไปแล้วขั้นหนึ่ง ตอนนี้ผิงถิงจวิ้นจู่และชายาหนิงอ๋องจักต้องผูกพยาบาทต่อกันแล้วเป็แน่ ดังนั้น เจิ้นหนานอ๋องก็ไม่มีทางที่จะสนับสนุนหนิงอ๋องอย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจนางก็เบิกบาน
อาหารมื้อนี้ ถึงแม้หลินหลานถิงจะสร้างความวุ่นวาย แต่อวิ๋นซีก็ยังสามารถกินดื่มได้อย่างออกรส ส่วนเด็กน้อยที่มารดาตนบอกว่า ไม่อยากอาหารแล้วนั้นก็เช่นกัน คนกินอาหารอยู่เพียงในเรือนตนจนท้องนูนป่องแล้ว
หลังจากสิ้นสุดมื้ออาหาร อวิ๋นซีก็ไปส่งลู่หลิงฉิงและชายาองค์ชายทั้งหลายกลับไป ขณะเดียวกันนั้นหลิ่วหว่านหรงก็มาพอดี นางมองใบหน้าเล็กๆ ของอีกฝ่ายที่ซูบผอมลงไปไม่น้อย ก่อนจะขมวดคิ้วถาม “เหตุใดไม่เจอกันไม่กี่วัน เ้าถึงกับผ่ายผอมลงไปเพียงนี้”
หลิ่วหว่านหรงยิ้มน้อยๆ ส่ายศีรษะ “่นี้ไม่ค่อยสบาย กินอันใดก็ไม่อร่อย จึงได้ผอมลงนิดหน่อยเท่านั้นเพคะ หากไม่ใช่เพราะวันนี้ดีขึ้นบ้างแล้ว มารดาข้าก็คงยังไม่อนุญาตให้มาหาท่านที่นี่ นางเกรงว่าข้าจะเอาความป่วยไข้ไปติดเด็กๆ ในจวน โดยเฉพาะฉางรุ่ยกับฉางฮว๋าย เด็กน้อยสองคนนั้น”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็ตบหลังมือนางเบาๆ ด้วยความสงสาร “เป็เพราะเ้าคิดมากเกินไปใช่หรือไม่ ถึงได้ป่วยเช่นนี้” คนชมชอบท่านน้าสามของนาง หากสามารถอยู่ด้วยกันได้จริงๆ ละก็ ไม่ใช่ว่านางต้องเรียกหว่านหรงว่าท่านน้าสะใภ้หรือ?
คิดถึงตรงนี้ อวิ๋นซีก็เลิกคิ้ว เช่นนี้จะดีจริงหรือ? เรียกแม่นางที่อายุพอๆ กับตนว่าท่านน้าสะใภ้ นางแอบยิ้มอย่างปลงๆ พลางนึกถึงกริยาต่อต้านหว่านหรงของอวิ๋นไห่ ชั่วขณะนั้นนางก็รู้ว่า ความเป็ไปได้นี้มีไม่มากนัก
“เปล่าเพคะ แค่เพราะอากาศหนาวถึงได้ป่วยไข้น่ะ” หว่านหรงยิ้มบางๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
อวิ๋นซีมองรอยยิ้มของอีกฝ่ายก็อดไม่ได้ให้อึ้งไปเล็กน้อย ถึงแม้หลิ่วหว่านหรงจะเป็สตรีจากตระกูลสูงศักดิ์ แต่ตระกูลหลิ่วนั้นก็เป็เพียงตระกูลบัณฑิต กฎที่บ้านเคร่งครัดมาก และน้อยนักที่จะมีเื่ชิงดีชิงเด่นหรือทะเลาะตบตีของสตรีในเรือนหลัง ดังนั้น หว่านหรงย่อมไม่มีทางเรียนรู้ฝีไม้ลายมืออันต่ำช้าที่ใช้แสดงออกต่อหน้าคนอื่น หรือก็คือไม่ได้มีจิตใจซับซ้อนชั่วร้ายอะไรอย่างแน่นอน สตรีผู้นี้เรียกได้ว่ายังบริสุทธิ์ไร้เดียงสายิ่ง ทั้งยังเป็สตรีเพียงคนเดียว นอกจากซือถูเวยที่กลายมาเป็สหายของนางนับแต่ที่กลับมาเกิดใหม่
“แล้วเื่ที่บ้านเ้าเป็อย่างไรบ้าง ข้าได้ยินเื่เกี่ยวกับท่านอาของเ้ามาบ้าง หลิ่วเซิงนั้นมีวาสนานัก ถึงกับมีสตรีนางหนึ่งหอบหิ้วเด็กน้อยมาหาถึงบ้าน” ในใจของอวิ๋นซีเอาแต่พูดว่าดียิ่งไม่หยุด ขอแค่หลิ่วเซิงมีคนเข้ามาพัวพันด้วย เขาก็จะไม่มีเวลามายุ่งวุ่นวายกับมารดาคนใหม่ของนาง
ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างบิดามารดากำลังอบอุ่นหัวใจอย่างไม่หยุดยั้ง นางจึงยังไม่อยากให้หลิ่วเซิงยื่นเท้าเข้ามาขัด
หลิ่วหว่านหรงคิดถึงท่านอาเล็กผู้นั้นของนางก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ผู้หญิงคนนั้น ถึงแม้จะไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่โต แต่ก็ถือเป็ตระกูลที่ดี ไร้มลทิน คนในตระกูลต่างก็มีชื่อเสียงที่ดี ตอนนั้นที่ท่านอาข้ากระทำเื่เช่นนั้นกับนางที่เป็เพียงแม่นางน้อยคนหนึ่ง คนต้องอดทนต่อคำติฉินนินทาของผู้อื่นไปมากมายกว่าจะให้กำเนิดลูกชายของท่านอาออกมา และเพราะเหตุนี้ทั้งตระกูลถึงได้ต้องย้ายที่อยู่ เพื่อที่เด็กคนนี้จะได้ไม่ต้องแบกรับผลกระทบจากคำติฉินนินทาเ่าั้ หลังจากที่ครอบครัวข้าได้รู้เื่นี้ ท่านย่าและท่านปู่ของข้าก็ดีกับหญิงผู้นั้นมาก ถึงขนาดรู้สึกซาบซึ้งต่อบิดามารดาของนางที่ยอมสละทุกอย่างเพื่อบุตรสาวตนและญาติผู้น้องของข้า”
พูดถึงตรงนี้ นางก็เม้มปากยิ้มบางๆ “เดิมทีท่านอาเล็กคิดจะให้หญิงผู้นั้นเข้ามาเป็อนุ เนื่องจากในใจยังคงคำนึงถึงคนที่ตนเฝ้าปรารถนาอยู่ แต่เป็ท่านย่าข้าที่จัดการเื่นี้ไปเรียบร้อยแล้ว” ขณะที่พูด นางก็คิดถึงยามที่ท่านย่าผู้สง่างามน่านับถือกำลังถือไม้ด้ามหนึ่งฟาดลงไปบนร่างของท่านอา ในตอนแรกนั้นนางเองก็ถึงกับถูกทำให้ใ
แต่เมื่อคิดกลับมาอีกทีหนึ่ง ผู้อื่นต้องทนลำบากมามากเพียงใดเพื่อท่านอาเล็ก แต่ท่านอากลับจะให้ผู้อื่นเป็แค่อนุสูงศักดิ์ [1] ซึ่งนี่ก็ถือว่าเกินไปแล้วจริงๆ ถึงกระนั้นคนที่บ้านนาง ไม่ว่าจะเป็ท่านปู่ ท่านย่า หรือว่าท่านพ่อ ท่านแม่ก็ล้วนไม่เห็นด้วยกับความคิดเหลวไหลนี้
“ถ้าเช่นนั้น อีกไม่นานท่านอาของเ้าก็จักมีงานมงคลแล้วน่ะสิ” เมื่ออวิ๋นซีได้ยินเื่ของผู้หญิงคนนั้น นางก็นึกไปถึงสตรีในดวงใจและลูกทั้งสองของพี่รองเฉียวอวิ๋นชงที่ตอนนี้ยังอยู่ในเมืองเฟิง นางคิด เมื่อใดกันที่ครอบครัวของพี่รองจะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา
หว่านหรงพยักหน้า “ใช่แล้วเพคะ ท่านย่าได้ให้คนไปเลือกวันมงคลมาแล้ว เป็วันที่ยี่สิบหกเดือนหนึ่ง อีกทั้ง ตอนนี้ก็รับบิดามารดา น้องชาย และน้องสะใภ้ของหญิงคนนั้นมาที่เมืองหลวงแล้วด้วย พร้อมกับจัดเตรียมเรือนสองชั้นเอาไว้ให้พวกเขาเข้ามาอยู่อาศัย”
ในใจอวิ๋นซีมีความสุขยิ่ง “ในที่สุดท่านอาเล็กของเ้าก็คิดตกแล้ว การแต่งงานถือเป็เื่ดี เป็เื่ที่ดีจริงๆ ” หากแต่งงานแล้ว เขาย่อมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับภรรยาของผู้อื่น เ้าสารเลวหลิ่วเซิงนั่น จะให้ดีที่สุดก็ควรแต่งสตรีดุร้ายเข้ามาเป็ภรรยา เมื่อถึงตอนนั้นจะได้จัดการเขาให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เขาจะได้ไม่มีเวลาไปรบกวนผู้อื่น
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] อนุสูงศักดิ์(贵妾)หมายถึง อนุที่มีตำแหน่งสูงกว่าอนุทั่วไป ปกติใช้เรียกอนุที่เป็สาวใช้ข้างกายของภรรยาหลวงที่ได้ปรนนิบัติรับใช้จนถูกยกย่องเป็อนุ หรืออนุที่ให้กำเนิดบุตรธิดา