เมื่อเนี่ยเทียนมาถึง เขายังไม่ได้เข้าไปร่วมต่อสู้ด้วย แต่สังเกตสถานการณ์การสู้รบก่อน
มองแวบเดียวเขาก็เห็นอวี๋ถงแห่งสำนักโลหิตทันที
อวี๋ถงที่มองดูแล้วอายุก็น่าจะประมาณสิบห้าสิบหกปี ร่างกายอวบอิ่มสมบูรณ์แบบ รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น รอบกายนางมีงูโลหิตลอยวนเวียนอยู่หนึ่งตัว
นางที่ร่ายเวทมนตร์ลับ “ระบำงูโลหิต” ของสำนักโลหิต โบกสะบัดเส้นโค้งงอมีเสน่ห์ราวกับกำลังร่ายรำ ท่วงท่าสง่างาม ทำให้เนี่ยเทียนอดมองนางอยู่หลายครั้งมิได้
คู่ต่อสู้ของนางเป็ถึงเจียงหลิงจู นี่ก็หมายความว่านางคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักโลหิตในโลกมายามรกตแห่งนี้
หลังจากเข้าใจชัดเจนในจุดนี้ เนี่ยเทียนก็มองนางเป็เป้าหมายสำคัญทันที และเตรียมลงมือจัดการกับนาง
เห็นเนี่ยเทียนปรากฏกายขึ้นมา รู้ว่าผู้ประลองของหอหลิงเป่ากำลังจะมาถึง อวี๋ถงจึงดูร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด
เหมือนนางจะรู้ว่าหากใช้วิธีการทั่วไป หากไม่ลงทุนอะไรสักหน่อย ก็แทบจะไม่สามารถสังหารทุกคนของสำนักหลิงอวิ๋นก่อนที่คนของหอหลิงเป่าจะตามมาทันได้
ลังเลเพียงเล็กน้อย นางก็ตัดสินใจทันควัน แผดเสียงดังขึ้นมากะทันหัน “เวทมนตร์ต้องห้ามแห่งโลหิต---เงาโลหิตทับซ้อน!”
พริบตานั้น ดวงตาของนางก็กลายเป็สีเื
ปราณเืเข้มข้นระลอกหนึ่งก่อกำเนิดขึ้นมาในเรือนกายอ่อนช้อยของนาง นางกัดปลายลิ้นตัวเอง มือทั้งสองข้างเปลี่ยนแปลงไปตามเวทคาถา ราวกับกำลังฉุดดึงบางอย่างจากพื้นดินขึ้นมา
ใบหน้าแดงปลั่งของนาง บัดนี้เปลี่ยนมาเป็ซีดขาว
ดุจดั่งว่าหากเป็อย่างนี้ต่อไป นางก็จะสูญเสียพลังงานมหาศาล ทำให้นางาเ็สาหัสได้
“จัดการกับคู่ต่อสู้ให้เร็วที่สุด” นางตวาดเสียงอย่างดุดัน
เนี่ยเทียนที่เพิ่งคิดจะลงมือพลันหน้าเปลี่ยนสี กลายเป็สีหน้าเคร่งขรึมฉับพลัน
เขาสังเกตเห็นว่าเืสดในซากสัตว์วิเศษที่กระจัดกระจายอยู่รอบด้าน รวมไปถึงเืของลูกศิษย์สำนักหลิงอวิ๋นสองคนนั้นอยู่ๆ ก็พัดโหมขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง!
เืสดเ่าั้สาดกระเซ็นไปกลางอากาศ แล้วก่อตัวเข้ามาเป็หนึ่งเดียวกันอย่างน่าประหลาด
ภายในระยะเวลาอันสั้น เืสดที่มาจากร่างของสัตว์วิเศษและลูกศิษย์สำนักหลิงอวิ๋นก็เกาะตัวเข้าหากันเป็เงาโลหิตมากมายหลายเงา!
เงาโลหิตสิบกว่าเงาล่องลอยอยู่กลางอากาศ ไม่ได้รับอิทธิพลจากแรงโน้มถ่วงของพื้นดิน ดุจดั่งผีร้ายที่ก่อร่างขึ้นมาจากเืสด ซึ่งกำลังแสยะปากกางเล็บพุ่งกระโจนเข้าใส่พวกเนี่ยเสียน
“เวทต้องห้ามแห่งโลหิต---เืไหลย้อนกลับ!”
ภายใต้คำสั่งของอวี๋ถง ลูกศิษย์อีกสี่คนที่เหลือของสำนักโลหิตต่างก็แผดเสียงกร้าวด้วยความดุร้าย
ดวงตาของพวกเขาทั้งสี่คนพลันเปลี่ยนมาเป็สีชาดราวกับเต็มไปด้วยเืสดเช่นเดียวกัน แต่ละคนเผยความน่าสะพรึงกลัวออกมา
สนามแม่เหล็กแปลกประหลาดแห่งหนึ่งถูกปล่อยออกมาจากร่างของพวกเขาทั้งสี่ มันแผ่ขยายไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว
“ตู้ม!”
เนี่ยเสียนที่พ่ายแพ้ถอยร่นออกไป หลังจากถูกสนามแม่เหล็กนั้นปกคลุมก็กระอักเืออกมาคำใหญ่ ร่วงลงไปในทะเลสาบ
ลูกศิษย์อื่นๆ ของสำนักหลิงอวิ๋นเมื่อโดนสนามแม่เหล็กเืนั้นรบกวน ต่างก็ใบหน้าแดงก่ำคล้ายถูกพลังที่ไม่รู้ชื่อโจมตีอย่างหนัก พากันถอยร่นไม่เป็ขบวน
สนามแม่เหล็กแปลกประหลาดแผ่กระจาย ไม่นานก็มาถึงจุดที่เนี่ยเทียนยืนอยู่
“โอ้ย!”
เนี่ยเทียนเองก็หน้าเปลี่ยนสีกะทันหัน ตอนที่สนามแม่เหล็กนั้นแผ่มา เขาพบว่าเืสดในร่างกายไหลย้อนกลับผิดปกติ!
เืที่ไหลย้อนกลับ ทำให้มหาสมุทริญญาในร่างของเขายุ่งเหยิง ไม่สามารถรวบรวมพลังิญญาได้อย่างรวดเร็ว
เขาเข้าใจทันทีว่าเหตุใดหลังจากที่ลูกศิษย์ของสำนักโลหิตสี่คนนั้น ร่ายเวทต้องห้ามแห่งโลหิต---เืไหลย้อนกลับออกมาแล้ว พวกเนี่ยเสียนถึงไร้พลังในการสู้รบ ทำได้เพียงหลบหลีกอย่างต่อเนื่อง
“ฉวยโอกาสนี้ฆ่าพวกมันซะ!” อวี๋ถงกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า
“ฟู่!”
เจียงหลิงจูที่ต่อสู้กับนางก็ได้รับผลกระทบจากเวทต้องห้ามโลหิตเช่นกัน ไม่กล้าฝืนต่อต้านนางอีก จึงถอยร่นไปทันที
ทว่าเงาโลหิตที่แปลงกายมาจากเืสดเ่าั้กลับล่องลอยอยู่กลางอากาศ กระโจนเข้าใส่ทุกคนราวกับผีร้าย
เนี่ยเทียนมีใบหน้าที่ร้อนรน อดไม่ได้ที่จะหันหน้ากลับไปมองข้างหลัง หวังว่าพวกอันอิ่งจะมาถึงโดยเร็ว
เขามองเห็นอันอิ่ง พันเทา เจิ้งรุ่ยสามคนที่เวลานี้ยังห่างจากเขาไปอีกหนึ่งร้อยกว่าเมตร ส่วนพวกถงฮ่าวก็ยิ่งอยู่ห่างออกไป
“ไม่ทันการแล้ว!”
เขาที่อยู่ในสภาวะพลุ่งพล่านไม่เป็สุข สายตาโเี้ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ความโกรธแค้นของเขาพลุ่งพล่านอยู่ในใจ
และเวลานี้เอง เขาค้นพบอย่างแปลกใจระคนใว่า ความผิดปกติของการไหลเวียนเืในร่างของเขากลับหยุดลงอย่างน่ามหัศจรรย์
เืสดของเขาคล้ายจะหลุดพ้นจากอิทธิพลของเวทต้องห้ามโลหิตภายในระยะเวลาอันสั้น
“หมัดพิโรธ!”
เนี่ยเทียนที่ไฟโทสะในดวงตาลุกโหม พอพบว่าการไหลเวียนของเืกลับมาเป็ปกติ มหาสมุทริญญาก็เปลี่ยนมาเป็มั่นคงทันที อยู่ในสภาพพร้อมรบ พุ่งเข้าใส่อวี๋ถงด้วยความบ้าคลั่งทันที
พลังิญญาบริสุทธิ์ที่เข้มข้นพลันทะลักทลายเข้าไปในแขนของเขาราวกับลำธารเล็กๆ ที่ไหลริน
หมัดที่เขากำไว้แน่นและชูขึ้นสูงนั้น ส่องแสงสว่างโชติ่ราวกับคบเพลิง!
ความโกรธเคืองไร้ที่สิ้นสุดซึ่งก่อเกิดขึ้นมาในใจของเขาแฝงเร้นอยู่ในหมัดนั้น ทำให้หมัดนี้ราวกับลุกไหม้ไปด้วยไฟโทสะที่เดือดดาล พลังอำนาจน่าใถึงขีดสุด
ไม่รู้ว่าเหตุใด อวี๋ถึงถึงััได้ว่าหมัดนั้นของเนี่ยเทียนมีพลังที่คลุ้มคลั่งมากพอที่จะต่อยนางให้ตายได้ทันที
นางหน้าถอดสีตะลึงพรึงเพริด
“เงาโลหิตกลับสำนัก!”
พวกเงาโลหิตดุร้ายแต่ละเงาที่กระโจนเข้าใส่พวกเนี่ยเสียนกลายร่างเป็แสงสีเืแล้วหายไปในพริบตา
ชั่วขณะนั้น เบื้องหน้าอวี๋ถงก็มีเงาโลหิตเจ็ดร่างปรากฏขึ้นมา!
เงาโลหิตทั้งเจ็ดเรียงแถวกันเผชิญหน้ากับเนี่ยเทียน แล้วดาหน้าเข้าหา
“ตายเสียเถอะ!”
เนี่ยเทียนคำรามก้อง หมัดที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังิญญาและความแค้นเคืองกระแทกออกไปอย่างเหี้ยมหาญ
“ตูมๆ! ตูมๆ! ตูมๆ!”
ภายใต้หมัดนั้น เงาโลหิตแตกสลายไปทีละเงา กลายเป็เืสดที่สาดกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้า
เงาโลหิตทั้งเจ็ดที่เรียงแถวเป็หนึ่งไม่สามารถขวางกั้นพละกำลังของหมัดนั้นได้ จึงถูกทำลายลงไปหมด
พลังอานุภาพของหมัดนั้นไม่ได้ลดน้อยลง หลังจากกระแทกเข้าทำลายเงาโลหิตทั้งเจ็ดนั้นแล้ว ยังคงดึงดันที่จะโจมตีที่อวี๋ถงอีกครั้ง
ดวงตาที่เปล่งประกายสีเืของอวี๋ถง อยู่ๆ ก็ก่อตัวกันเป็สีเข้ม มือเรียวบางดึงรั้งให้มันรวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง ตวาดเสียงต่ำว่า “เวทต้องห้ามโลหิต---โล่โลหิต!”
จบเสียงนั้น ร่างกายของนางที่เดิมทีอวบอิ่มสมบูรณ์ซูบผอมลงทันควันคล้ายถูกดึงเืออกไปในชั่วพริบตา
“ฟู่ๆ!”
ปราณเืจำนวนมากพลันพุ่งทะลักทลายออกมาจากร่างของนาง กลายร่างเป็โล่ขนาดเล็กอยู่เบื้องหน้าของนาง
เมื่อโล่โลหิตนั้นปรากฏตัว หมัดของเนี่ยเทียนจึงเหวี่ยงโดนมันโดยตรง
“ตูม!”
โล่โลหิตแค่เปล่งแสงวาบทีเดียวก็ะเิเป็เศษเล็กเศษน้อย แสงสีเืเล็กๆ มากมายบินกระจัดกระจายไปทั่ว
อวี๋ถงร้องอู้อี้ในลำคอ มุมปากแดงสดมีเืไหลซึมออกมา
“ฟิ้ว!”
เรือนร่างอรชรของนางราวกับกลายมาเป็เงาโลหิต ถอยร่นไปกลางอากาศราวกับปีศาจร้าย
“ไป!”
อวี๋ถงที่กลายร่างเป็เงาโลหิตลอยตัวอยู่กลางอากาศได้ครู่เดียว พอร่วงลงสู่พื้นอีกครั้งนางก็วิ่งฉิวไปไกลโดยไม่เหลียวหลังกลับมาอีก
ลูกศิษย์สำนักโลหิตอีกสี่คนที่เหลือเมื่อได้ยินคำสั่งของอวี๋ถง รู้ดีอยู่แก่ใจว่าขอแค่ไล่โจมตีอีกครู่หนึ่งก็จะสามารถฆ่าคนทั้งหมดของสำนักหลิงอวิ๋นได้แล้ว ทว่าก็ยังเลือกละทิ้งไปก่อน
พวกเขาเองก็กลายร่างเป็เืสี่เส้นไล่ตามหลังอวี๋ถงไป
เนี่ยเทียนที่หลังจากโจมตีหนึ่งหมัด พลังิญญาในร่างถูกเผาผลาญจนหมดสิ้น เมื่อโล่โลหิตชิ้นนั้นแตกกระจาย เขาก็นั่งแปะลงไปกับพื้น ได้แต่หอบหายใจอย่างหนัก
พวกเนี่ยเสียนที่ยังโดนอิทธิพลจากเวทต้องห้ามเืไหลย้อนกลับนั้น มองเห็นกับตาตัวเองว่าพวกอวี๋ถงห้าคนจากไปอย่างง่ายดายโดยที่ไม่แยแสอะไรสักอย่าง
“บึ้ม!”
เงาโลหิตที่เหลืออีกไม่กี่เงา หลังจากที่พวกอวี๋ถงห้าคนหายลับไปไกลก็ะเิขึ้นมากะทันหัน กลายเป็หยดเืที่ตกลงบนพื้น
“คนเล่า?”
“คนของสำนักโลหิตเล่า?”
และเวลานี้เอง พวกอันอิ่ง พันเทาและเจิ้งรุ่ยสามคนถึงเพิ่งจะตามมาถึง
“ทางนั้น!” เจียงหลิงจูชี้ทิศทางที่อวี๋ถงหนีไป “รีบตามไปเร็ว! พวกเขาาเ็หนัก พยายามฆ่าพวกเขาให้ได้!”
“พวกเ้าไม่เป็อะไรใช่หรือไม่?” อันอิ่งถามอย่างเป็ห่วง
“ไม่เป็อะไร! ตาม รีบตามพวกเขาไป!” เจียงหลิงจูกล่าวอย่างร้อนรน
“ได้!”
พวกอันอิ่งสามคนรู้ว่าอีกเดี๋ยวพวกถงฮ่าว กัวฉีที่อยู่เื้ัก็จะตามมาถึง จึงไล่ตามพวกลูกศิษย์สำนักโลหิตไปทันที
เจียงหลิงจูที่บัดนี้หลุดพ้นจากเวทต้องห้ามเืไหลย้อนกลับแล้ว กะพริบตาปริบๆ มองเนี่ยเทียนด้วยประกายตาพริบพราว
ไม่เพียงนางเท่านั้น เนี่ยเสียนที่ปีนขึ้นมาจากทะเลสาบก็มองเนี่ยเทียนด้วยความตื่นตะลึงถึงขีดสุด ราวกับว่าเพิ่งรู้จักน้องชายร่วมตระกูลวันนี้เป็วันแรก
“เขาก็คือเนี่ยเทียนรึ?”
เย่กูโม่ที่มาจากสำนักหลิงอวิ๋นและรอดตายมาจากภัยพิบัติครั้งใหญ่เช่นกัน มองเขาด้วยความตะลึง จากนั้นก็กล่าวกับเจียงหลิงจูว่า “คนที่ท่านอาลี่กำชับให้พวกเราคอยดูแลในโลกมายามรกตก็คือเขารึ?”
เจียงหลิงจูรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ทว่ายังคงพยักหน้าเบาๆ “อืม เขานี่แหละ”
“เขาจำเป็ต้องให้พวกเราดูแลด้วยหรือ?” เย่กูโม่มีสีหน้าแปลกใจ “เมื่อครู่แม้ว่าข้าจะพ่ายแพ้ถอยร่นไม่เป็ท่า แต่ข้าก็เห็นชัดเจนว่า หมัดเดียวของเขาก็กระแทกให้เงาโลหิตเจ็ดตนที่นางมารนั่นหลอมรวมขึ้นมาะเิออกได้ แถมยังทำให้โล่โลหิตของนางมารนั่นพังทลาย เพราะหมัดเดียวของเขาบีบให้นางมารนั่นถอยร่นออกไป เขา... จำเป็ต้องให้พวกเราปกป้องจริงๆ หรือ?”
หยุดไปครู่หนึ่ง เย่กูโม่ก็ส่ายหัว จากนั้นจึงพูดพึมพำกับตัวเองว่า “ศิษย์น้องหญิง บางทีเ้าอาจจะเข้าใจผิดไป ความหมายของอาจารย์ลี่อาจจะให้เขาดูแลพวกเราในโลกมายามรกตมากกว่า”
“เหอะๆ ถ้าอย่างนั้นข้าก็คงจะฟังผิดไปแล้วล่ะ” เจียงหลิงจูหัวเราะอย่างผ่อนคลาย
-----