เมื่อพบสวีเซียวหยู่ที่นี่ แน่นอนว่าเย่เฟิง้าสังหารเขา อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็แกนนำหลักของการตามจับตัวเทพธิดาในครั้งนี้ แต่เมื่อเย่เฟิงเข้าใกล้ตำแหน่งตรงใจกลาง ทันใดนั้นหางตาเขาก็เหลือบเห็นชายรูปร่างสูงใหญ่เดินมาจากอีกทาง อายุของอีกฝ่ายน่าจะประมาณห้าสิบกว่าปี ชายชราสวมชุดสีแดงเพลิงเช่นเดียวกับสวีเซียวหยู่ เขาก็คือหมัดเทพแดนเหนือของสำนักหมัดเทวา หานจืออู่
เครื่องแบบของสำนักหมัดเทวาจะเป็ชุดสีแดงเพลิง เพราะสำนักของพวกเขาตั้งอยู่ในถ้ำเขาชื่อเฉิง อีกทั้งเคล็ดวิชาประจำสำนักหมัดเทวาเป็วิชาที่ดุดันและเดือดพล่าน สีแดงเพลิงจึงเป็สีที่แสดงตัวตนของสำนักหมัดเทวาได้มากที่สุด
หมัดของหานจืออู่ใหญ่มาก เพียงมองก็รับรู้ได้ว่าเขาเป็ปรมาจารย์ด้านหมัดมวย ใบหน้าปกคลุมด้วยหนวดเคราราวกับหมาป่า ภาพลักษณ์แข็งแกร่งดุดัน ระดับวรยุทธ์ของเขาอยู่ที่หนึ่งร้อยปี
ตอนที่เย่เฟิงเห็นเขา ชายหนุ่มก็หยุดฝีเท้าทันที ก่อนซ่อนตัวตรงมุมด้านข้าง วรยุทธ์หนึ่งร้อยปีและเก้าสิบห้าปีอาจดูไม่ต่างกันมาก แต่ในโลกเทวะ เมื่อมีวรยุทธ์ถึงหนึ่งร้อยปีก็จะสามารถบรรลุขั้นหยางเสินได้ ความสามารถด้านการต่อสู้ก็จะเพิ่มขึ้นเป็เท่าตัว และในโลกนี้ระดับความสามารถย่อมห่างชั้นกันมากเช่นเดียวกัน อย่างน้อยเย่เฟิงก็เห็นความแตกต่างระหว่างหลี่เสวียนกับเฉินเจี้ยนสยงได้อย่างชัดเจน
ตอนที่เผชิญหน้ากับหลี่เสวียน ชายหนุ่มมั่นใจมากว่าตนสามารถเอาชนะได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเฉินเจี้ยนสยงก็รู้สึกถึงความต่างชั้นในทันที การชิงกระจกครอบสุริยะมาไม่ใช่ปัญหา แต่หากเย่เฟิงต้องปะทะกับเฉินเจี้ยนสยงโดยตรง ย่อมไม่มีทางเอาชนะอีกฝ่ายได้
จากคำกล่าวของเย่เวิ่นเทียน หากผู้ฝึกวรยุทธ์สามารถบรรลุระดับหนึ่งร้อยปี ประสาทััจะฉับไวเป็พิเศษ ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แม้เย่เฟิงซึ่งล่องหนอยู่จะสามารถซ่อนกลิ่นอายของตัวเองได้ แต่หากเขาเข้าไปใกล้ย่อมถูกฝ่ายตรงข้ามค้นพบแน่นอน
เย่เฟิงซ่อนตัว คอยสังเกตการณ์เงียบๆ
“ผู้าุโสวี ของรอบสุดท้ายยังมาไม่ถึงอีกหรือ?”
หานจืออู่มาพร้อมกับศิษย์สำนักหมัดเทวาอีกสองคน เมื่อมาถึงเขาก็เอ่ยปากถามทันที
“ยังมาไม่ถึง อดทนรอก่อน…”
สวีเซียวหยู่กล่าวด้วยท่าทีสุขุม ตอนอยู่ที่ทะเลตะวันออกเขาไม่ได้ประสบกับความทุกข์ยากเช่นเดียวกับหลงโม่หรานที่โชคร้ายเข้าเต็มๆ สถานการณ์ในตอนนี้จึงไม่อยากทำอะไรบุ่มบ่าม เพื่อยึดความปลอดภัยเป็หลัก
“หึ ฉันว่าตรงไปจับนางแพศยานั่นเลยดีกว่า ทำไมต้องรอไอ้พวกของเปล่าประโยชน์ด้วย?”
หานจืออู่พ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิด เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจ
“ไม่ได้ พวกเราจะวู่วามไม่ได้เด็ดขาด ปล่อยให้คนของตระกูลถังเป็ตัวนำ” สวีเซียวหยู่รีบห้าม
“ผู้าุโสวี ท่านเก่งกล้าสามารถขนาดนี้ อย่าทำตัวหวั่นวิตกเกินไปหน่อยเลย” หานจืออู่ยกมือลูบเครา ใบหน้าเผยรอยยิ้มมั่นใจ “ถ้าถึงเวลานั้นตระกูลถังทำสำเร็จ ความดีความชอบทั้งหมดจะไม่ตกเป็ของพวกเขาหรอกเหรอ? ฉันหานจืออู่ไม่ใช่คนขี้ขลาด หากต้องต่อสู้ก็ต้องอยู่แนวหน้าเท่านั้น!”
เมื่อได้ยินคำของหานจืออู่ สวีเซียวหยู่ได้แต่ฝืนยิ้ม หานจืออู่ก็ยังเป็เช่นเดิม นิสัยหุนหันพลันแล่น โชคยังดีที่่นี้เขายังพอฟังคนอื่นอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นเื่ในวันนี้อาจถูกเขาทำพังก็ได้...
“เทพธิดาทะเลตะวันออก ฮึๆ”
หานจืออู่จินตนาการภาพในหัว สีหน้าแสดงความพึงใจไม่น้อย ก่อนเหลือบมองสวีเซียวหยู่ที่อยู่ด้านข้างด้วยความดูแคลน
สวีเซียวหยู่อายุมากแล้ว หมดความสนใจในเพศหญิง จึงไม่มีความคิดเช่นนั้น ต่างจากหานจืออู่
หานจืออู่เป็เด็กกำพร้าที่สำนักหมัดเทวารับเลี้ยงเมื่อนานมาแล้ว เขามีพร์ด้านการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม จึงได้รับการดูแลเกี่ยวกับการฝึกเป็อย่างดี ทำให้มีระดับวรยุทธ์หนึ่งร้อยปีได้ด้วยอายุเพียงห้าสิบปี คนที่มีพร์เช่นนี้ ในยุทธจักรนั้นหาได้ยาก กระทั่งผู้นำตระกูลหลงอย่างหลงโม่หรานก็ยังไม่อาจเพิ่มระดับวรยุทธ์ได้รวดเร็วมากขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็เพราะหานจืออู่ใช้สมบัติ์มากมายที่สำนักหมัดเทวาเก็บสะสมมานานนับร้อยปี...
หานจืออู่ในวัยห้าสิบกว่าปีเปรียบดั่งพยัคฆ์ร้าย เมื่อได้พบสาวสวยอย่างเทพธิดาทะเลตะวันออก เป็ธรรมดาที่จะมีความคิดชั่วร้าย
กลุ่มคนของสำนักหมัดเทวาที่สวมชุดสีแดงเพลิงรวมตัวกันตรงใจกลางโบราณสถาน ทำให้เย่เฟิงลังเลว่าตนควรไปต่อหรือรอก่อน? หากรอจนปืนยาชามาถึง พวกเขาคงเริ่มตามจับตัวซูเฟยหยิ่ง...
จ้าวอี้เปยและหลิงเฉินลอยตามเย่เฟิงมาเงียบๆ ไม่ว่าเย่เฟิงจะให้ทำอะไร พวกเขาก็จะทำ ทั้งสองคน้ามีพลังที่แข็งแกร่ง การฝึกพลังิญญาไม่เพียงแต่ทำให้พวกเขาแข็งแกร่ง ยังช่วยยืดอายุขัยของพวกเขาได้อีกด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องขยันหมั่นเพียรในการฝึกพลังอย่างมาก
เย่เฟิงยังคงใคร่ครวญว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ หรือเขาควรทลองอ้อมไปดี แต่ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็ััได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยอยู่ข้างหน้า ฉับพลันเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นในหัวของเขา “ร่วมมือกับอาจารย์จัดการพวกเขา”
อาจารย์?
ใจเย่เฟิงสั่นสะท้าน ชายหนุ่มรีบตั้งสติ ก่อนมองอย่างจดจ่อ ชายหนุ่มย่อมไม่เห็นว่าตอนนี้ซูเฟยหยิ่งอยู่ที่ไหน แต่เขาััได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ใกล้ๆ บริเวณนี้ และเธอยังรู้สึกรังเกียจกลุ่มคนของสำนักหมัดเทวามากด้วย สำหรับซูเฟยหยิ่ง เธอ้าสังหารพวกคนน่ารังเกียจให้หมดไป เว้นเสียแต่พวกที่เธอไม่อาจเอาชนะได้ ตัวอย่างเช่นตระกูลโม่แห่งหนานหลิง ซูเฟยหยิ่งไม่อาจทำอะไรพวกเขาได้ แต่กับหานจืออู่นั้น เขาไม่อาจเทียบตระกูลโม่แม้แต่ปลายเล็บ
‘ดูเหมือนว่าอาจารย์าเ็หนัก ถึง้าความช่วยเหลือจากฉัน ทั้งหานจืออู่และสวีเซียวหยู่ไม่ใช่คู่มือของอาจารย์เลยด้วยซ้ำ...’
เย่เฟิงครุ่นคิดในใจ ชายหนุ่มไม่คิดต่ออีก เขาปรากฏตัวในทันที
“ฮ่าๆ พวกแกมาทำอะไรกันที่นี่?”
ชายหนุ่มเอ่ยปากพร้อมกับเดินออกมา เขาสวมเชิ้ตสีดำปรากฏตัวตรงหน้ากลุ่มคนจากสำนักหมัดเทวาเพื่อดึงดูดความสนใจจากคนพวกนี้ก่อน จากนั้นหาโอกาสให้ซูเฟยหยิ่งลงมือ ระดับพลังของซูเฟยหยิ่งแข็งแกร่งมากกว่าเขาไม่รู้กี่เท่า เพียงสบโอกาสย่อมสามารถสังหารหานจืออู่ได้ในพริบตา
นานแค่ไหนกันนะที่ไม่ได้ต่อสู้ร่วมกับอาจารย์?
เย่เฟิงจำเื่นี้ไม่ได้แล้ว เขาก้าวไปข้างหน้าก่อนหยุดยืนตรงหน้าหานจืออู่และสวีเซียวหยู่ ภายในใจฮึกเหิมจนเืในกายเดือดพล่าน ตอนที่ซูเฟยหยิ่งรับเขาเป็ศิษย์ ไม่ใช่เพื่อในวันหนึ่งเขาจะสามารถช่วยเหลือเธอได้หรอกหรือ? เขาคอยช่วยเธอต่อต้านตระกูลโม่ แต่น่าเสียดายที่ทั้งคู่ถูกเคลื่อนย้ายมายังโลกนี้พร้อมกับราชันหั่วยวินเยา...
“เย่เฟิง?”
สีหน้าสวีเซียวหยู่และหานจืออู่เปลี่ยนไปในทันที
สีหน้าของสวีเซียวหยู่ย่ำแย่ราวกับกำลังนึกถึงความเป็ไปได้บางอย่าง แต่หานจืออู่ผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนหัวเราะออกมา
“ไอ้เด็กนี่คือเย่เฟิงงั้นเหรอ? รูปลักษณ์อย่างกับหนุ่มเ้าสำอาง หลงโม่หรานถูกเ้าเด็กนี่โค่นล้มเหรอ?”
หานจืออู่แสยะยิ้ม ก่อนหมัดใหญ่โตทั้งสองข้างของเขาจะชกเข้าหากันอย่างคันไม้คันมือ ‘ปึกๆ’ เสียงกระทบกันของหมัดแสดงให้เห็นถึงวรยุทธ์ที่ล้ำลึกของเขา!