“ไอ้น้อง ในเมื่อเธอรู้จักกับหลี่เย่าแล้วก็รู้จักกับเป่ยเฟิงด้วยงั้นเราก็นับว่าเป็คนสนิทกัน ฉันไม่อ้อมค้อมพูดหรอกนะ พูดตรงๆ เลยแล้วกันยังมีเหล้าอีกหรือเปล่า พี่ไม่ชอบอะไรหรอก ชอบแค่ดื่มเนี่ยแหละ ไม่กินฟรีๆ หรอกกินเท่าไหร่เดี๋ยวจะจ่ายให้เท่าราคาที่ประมูลขายไปในงานประมูลเลย” หนิวเหมิ่งพูดยิ้มๆ
“ในเมื่อวันนี้เจอพี่หนิวเป็ครั้งแรกจะมาพูดเื่เงินให้เสียความรู้สึกกันทำไม วันนี้ผมเอาเหล้ามาไม่เยอะพกมาแค่สิบกว่าจินมั้ง เดี๋ยวเราไปกินข้าวด้วยกันเถอะ พี่โม่เลี้ยงข้าวเดี๋ยวเหล้าผมเลี้ยงเอง” กัวไฮว่พูดอย่างยิ้มแย้ม
“ฮ่าๆ งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ ไป มีเื่อะไรก็คุยไปกินไป” โม่เป่ยเฟิงพูดยิ้มๆ “เสี่ยวหานเดี๋ยวก็ไปด้วยกันสิ ไม่งั้นน้องสะใภ้หลิ่วเยียนจะเป็ผู้หญิงคนเดียวกลัวว่าจะไม่สะดวกใจเอา”
หลี่โม่หานผงกศีรษะเบาๆความสัมพันธ์ของเธอกับหลิ่วเยียนนับได้ว่าไม่เลวเลยทีเดียว ไม่นานหญิงสาวทั้งสองก็พูดคุยกันอย่างเมามัน
“ไปเถอะ เราไปกินที่ร้านแดนเซียนในแดนมนุษย์กันอาหารที่นั่นน่าจะเข้ากันได้ดีกับเหล้าน้องไฮว่นะ” โม่เป่ยเฟิงพูดยิ้มๆหลี่โม่หานเบิกตากว้าง เธอรู้จักร้านแดนเซียนในแดนมนุษย์ที่แห่งนี้ดีทว่าไม่เคยไปมาก่อน แม้จะได้เงินเดือนหนึ่งหมื่นหยวนทุกเดือนจากห้างประมูลหัวซย่ารวมกับโบนัสทุกเดือนก็ได้ถึงสามหมื่นหยวนทว่าเธอรู้ดีว่าเงินพวกนี้ก็เข้าไม่ได้แม้แต่ประตูร้านแดนเซียนในแดนมนุษย์เงินในบัตรสิบยี่สิบล้านทุกเดือนสถานที่แบบร้านแดนเซียนในแดนมนุษย์เธอแทบจะไม่คิดถึงเลย
“ฮ่าๆ ลาภปากแล้ววันนี้ ฉันไปขับรถด้านล่างนะในเมื่อพวกเธอออกเงินออกเหล้ากัน งั้นฉันจะออกรถ” หนิวเหมิ่งพูดล้อเล่นจากนั้นทุกคนก็มาที่โรงจอดรถด้วยกันไม่พูดไม่ได้เลยว่ารถออฟโรดทหารของหนิวเหมิ่งคันนี้พอๆ กันกับรถของหลี่เย่าเลยการตกแต่งภายในก็คล้ายกันมาก นั่งก็สบาย
“แดนเซียนในแดนมนุษย์ เว่อร์เหมือนกันนะเนี่ย เมียจ๋าเธอว่าถ้าฉันก็เปิดร้านอาหารแบบนี้ด้วยวัตถุดิบเ่าั้ของฉันจะฉุดแดนเซียนแดนมนุษย์ลงมาได้หรือเปล่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ไอ้น้อง ฟังที่เธอพูดแล้วเนี่ย เธอก็พิถีพิถันกับการทำอาหารเหมือนกันนะเนี่ยดูทรงแล้วต้องหาเวลาไปกินข้าวที่บ้านเธอที่อู่เฉิงสักมื้อแล้วล่ะ ฮ่าๆแต่วันนี้พี่เลี้ยงข้าวเอง อาหารที่นี่ไม่เลวเลยจริงๆ นะเราไปกินข้าวร้านพวกเขากันก่อนเถอะ” โม่เป่ยเฟิงพูดยิ้มๆ
“สั่งพวกนี้เถอะ ถ้าไม่พอพวกเราค่อยสั่งเพิ่ม” โม่เป่ยเฟิงไม่ได้มาเป็ครั้งแรกหนิวเหมิ่งเองก็ไม่ได้มาเป็ครั้งแรกเื่สั่งอาหารเลยยกให้เป็หน้าที่ของพวกเขาสองคน ล้วนแต่เป็อาหารดีๆกัวไฮว่มองอาหารที่พวกเขาสั่งแวบหนึ่ง อาหารสิบสองอย่างแบบร้อนแปดอย่างแบบเย็นสี่อย่าง เข้ากับตัวเลขสี่สงบแปดมั่นคงแห่งหัวซย่าทว่าราคาเองก็ไม่แย่เลยทีเดียว เก้าล้านเก้าแสนแปดหมื่นอาหารแบบนี้ก็ถือว่าเป็ราคาที่สูงมาก
“ทุกท่านคะ ไม่ทราบว่าพวกคุณ้าเหล้าหรือเปล่าที่นี่มีเหล้าดองร้อยปีมาใหม่ด้วยนะคะ ทุกท่านสามารถชิมได้เลย” พนักงานอย่างยิ้มแย้ม
“เหล้าไม่ต้องหรอก ร้านพวกเธอคงจะมีแก้วคริสตัลใช่ไหมเอาแก้วคริสตัลมาให้พวกเราห้าใบ เอาใบที่ดีที่สุดนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
พนักงานสาวสวยยิ้มน้อยๆ จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปจากห้องทานอาหารแล้วปิดประตูเบาๆ
“พี่โม่ ขอโทษนะที่วันนี้พี่ต้องจ่าย ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดอย่างยิ้มแย้มจากนั้นพนักงานก็นำแก้วเหล้ามา กัวไฮว่พอใจกับแก้วเหล้ามากจากนั้นก็หยิบขวดเหล้าจากในกระเป๋าด้านหลังมาขวดหนึ่งคงจะให้ทุกคนรู้ไม่ได้ว่ามีน้ำเต้าอันล้ำค่าใช่ไหมล่ะ
“ไอ้น้อง เทให้ฉันให้เต็มก่อน ฉันอยากจะตายอยู่แล้วเนี่ย” หนิวเหมิ่งพูดด้วยความตื่นเต้น ใน่ขณะที่กัวไฮว่เปิดขวดเหล้านั่นเองกลิ่นหอมก็ทำเอาหนิวเหมิ่งแทบจะทนไม่ไหว
“ก๊อกก๊อกก๊อก!” เสียงเคาะประตูดังขึ้นระลอกหนึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็พนักงานที่เพิ่งจะเดินออกไป โม่เป่ยเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยเขาไม่อยากให้มีคนมารบกวนตอนตนเองรับประทานอาหาร
“เดี๋ยวฉันไปเปิดประตูเอง” หลี่โม่หานที่นั่งอยู่ด้านนอกสุดรีบลุกขึ้นมาเดินไปยังหน้าประตูแล้วเปิดประตูออก “คุณฉิน คุณเวยคุณหลิน” หลี่โม่หานพูดเบาๆ
โม่เผ่ยเฟิงรู้แล้วว่าคนที่ยืนอยู่ด้านนอกคือใครลูกเศรษฐีเมืองหลวงน่าจะเห็นรถของหนิวเหมิ่งเลยรู้ว่าตนเองก็อยู่ที่นี่เลยมาทักทายเสียหน่อย
“พี่โม่ เมื่อกี้เห็นแล้วว่าเป็พี่ น้องๆ อย่างพวกเรามาทักทายพี่น่ะไม่ได้รบกวนพี่กินใช่ไหม” ชายหนุ่มหน้าตาไม่เลวผู้หนึ่งพูดยิ้มๆ “พี่หนิวก็อยู่ด้วยเหรอ บังเอิญจังเลย”
หนิวเหมิ่งไม่ชอบขี้หน้าพวกเขาและไม่ได้สนใจพวกเขาเลยเพียงแต่มองในแก้วเหล้าของตนเอง ทำท่าทางเบื่อโลก
“ฮะแฮ่มๆ พี่โม่ พวกเราเห็นใบโฆษณางานประมูลของพวกพี่แล้วล่ะพวกเราไม่สนยาอะไรนั่นหรอก แต่ว่าเหล้านี่เหมือนอย่างที่ในใบโฆษณาบอกจริงหรือเปล่าพี่ต้องระวังหน่อยนะ นายท่านบ้านพวกเราเตรียมเงินเอาไว้เรียบร้อยแล้วไว้ถึงตอนนั้นถ้ากินแล้วไม่อร่อยจะไปทุบป้ายร้านพี่” คนที่พูดคือชีเวยนายน้อยตระกูลชีแห่งเมืองหลวงถือว่าเป็ตระกูลชั้นรองตระกูลหนึ่งที่พึ่งพาใบบุญตระกูลกู่
“ชีเวย ถ้าไม่มีอะไรรบกวนเธอออกไปแล้วปิดประตูด้วย ฉันจะดื่มเหล้าแล้วอย่ามาขัดอารมณ์ฉัน เหล้าน่ะเป็ของดีแน่ ถ้าพวกเธออยากดื่มก็ย่อมได้วันนี้ก็มีด้วย แต่พวกเธอคิดให้ดีนะดื่มเท่าไหร่ก็ต้องเอาเงินมาให้ฉันในราคาที่ต่ำที่สุดในงานประมูลสามวันหลังจากนี้ถ้าได้ ฉันก็จะให้พวกเธอแก้วนึง” หนิวเหมิ่งมองชีเวยพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“พี่หนิวก็เว่อร์ไป พวกเราสามคนก็โม้ไปนั่นแหละในเมื่อกล้ามากินข้าวที่แดนเซียน ใครบ้างที่ไม่มีเงินหลายสิบล้านในเมื่อพี่หนิวพูดอย่างนั้น งั้นพวกเราก็ไม่เกรงใจแล้วนะ” ในขณะที่พูด หลินจื่อหลงก็นั่งลงข้างๆ หนิวเหมิ่ง “ให้พนักงานเอาแก้วมาอีก วันนี้พวกเราออกค่าอาหารเอง พวกเรากินของดีๆกับพี่โม่พี่หนิว พี่โม่คงไม่ว่าอะไรใช่ไหม”
“ในเมื่อก็รู้จักกันหมด ก็กินด้วยกันสิ เหล้ามีไม่เยอะ สิบจินน่าจะพอให้ทุกคนดื่มนะ เื่เงินก็เอาตามที่พี่หนิวบอกแล้วกันจ่ายมาในราคาที่ต่ำที่สุดสามวันหลังจากนี้ก็พอ ยังไงซะทุกคนก็ไม่ขาดเงิน” โม่เป่ยเฟิงมองกัวไฮว่แวบหนึ่ง กัวไฮว่พูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม
ในตอนนี้สายตาของทั้งสามคนตกมาอยู่บนร่างของกัวไฮว่และแน่นอนว่าทั้งสามคนไม่ลืมที่จะมองหลิ่วเยียนคนสวยที่อยู่ข้างกัวไฮว่
“น้องคนนี้ไม่คุ้นหน้าเลย คงไม่ใช่คนเมืองหลวงใช่ไหม” ฉินฉู่เฟิงถามยิ้มๆ
“กัวไฮว่จากอู่เฉิง มาเที่ยวเล่นที่เมืองหลวงไม่กี่วันที่บ้านมีเหล้าอร่อยๆ เก็บไว้พอดีเลยรบกวนให้พี่โม่ช่วยแลกค่าขนมมาให้หน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ โม่เป่ยเฟิงเองก็เข้าใจความหมายของกัวไฮว่ดูทรงแล้วคนพวกนี้ไม่ถูกคอกับกัวไฮว่ งั้นก็แสดงละครตามน้องไฮว่ต่อไปแล้วกัน
“ในเมื่อเป็น้องพี่โม่งั้น่นี้อยากไปเที่ยวที่ไหนในเมืองหลวงก็มาหาพวกเราได้พวกเราคุ้นเคยกับเมืองหลวงดี ฮ่าๆ” หลินจื่อหลงพูดยิ้มๆ
“ไม่อยากออกไปเที่ยวเล่นแล้วล่ะ คิดว่าขายเหล้าเสร็จก็จะกลับไปแล้วพวกพี่ไม่ต้องให้เงินค่าเหล้าผมก็ได้” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ไอ้น้อง พี่ไม่ชอบที่เธอพูดเลยอย่างไรซะพวกเราก็ถือว่าเป็คนมีหน้ามีตาในเมืองหลวงยังจะมาติดค่าเหล้าเธอได้ยังไงกัน” ฉินฉู่เฟิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“โม่หาน ไปบอกฝ่ายโลจิสติกส์ร้านแดนเซียนในแดนมนุษย์ให้ร่างสัญญามาหน่อยเอาง่ายๆ ก็พอแล้ว แล้วรีบกลับมา อย่ามัวเสียเวลากินข้าว” โม่เป่ยเฟิงพูดยิ้มๆ หลี่โม่หานก็วิ่งยิ้มออกไป
“ฮ่าๆ พี่โม่ รู้แล้วทำไมพี่ไม่ให้พวกเราจีบเสี่ยวโม่หานที่แท้ก็เก็บไว้ซะเองนี่นา” ชีเวยพูดยิ้มๆ