พอได้ฟังคำเตือนของซ่งอวี้ ท่านจ้าวก็รู้สึกว่าที่นี่ไม่เหมาะกับการพูดคุยจริงๆ จึงได้แต่อดกลั้นความตื่นเต้นในใจ พาซ่งอวี้เดินไปสวนหลังร้าน เข้าไปในห้องที่เหมือนห้องอักษร แล้วแตะที่กำแพง จากนั้นประตูลับหนึ่งบานก็เปิดออก
คุณพระ นี่มันเื่โกหกในละครแล้ว มีสถานที่เช่นนี้จริงๆ หรือ?
ซ่งอวี้ที่เป็สาวบ้านนอกเห็นภาพตรงหน้าก็ถึงกับตะลึงตาไม่กะพริบ
ลองเปรียบเทียบเหตุการณ์เหล่านี้ระหว่างในละครกับความเป็จริงที่เกิดขึ้นตอนนี้ ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่รู้ประตูลับหมุนออกมาจากตรงไหน ทว่าเสียงนั้นกลับดังขึ้นข้างหูอย่างชัดเจน ทำให้นางรู้สึกขนลุก
เห็นได้ชัดว่านี่คือห้องลับแห่งหนึ่ง
ตอนที่ซ่งอวี้ก้าวตามท่านจ้าวเข้าไปในห้องลับนี้ นางใช้หางตาลอบสังเกตมองรอบๆ ด้านในมีชั้นวางหนังสือมากมาย ้ามีตำราหลากหลายชนิด เดิมทีนางคิดว่าตนคงเห็นชัดกว่านี้ แต่แสงในห้องลับสลัวเกินไปจึงทำได้เพียงถอนหายใจในใจ
“ยัยหนูซ่ง ที่นี่คือห้องลับที่ปลอดภัยที่สุดในร้านยาถงอัน ไม่มีใครรู้ว่าเ้าพูดอะไร ตอนนี้เ้าควรวางใจได้แล้ว”
ที่จริงแล้วท่านจ้าวเดาความกังวลของซ่งอวี้ออก ถึงได้พานางเข้ามา อย่างไรนางก็เป็ลูกศิษย์ที่เขาให้ความสำคัญ ไม่ใช่แค่หมากล้อมเม็ดหนึ่งที่เขาจะทิ้งไปง่ายๆ
ซ่งอวี้รู้สึกวางใจในตัวท่านจ้าวอย่างมาก นางค่อยๆ เล่าเื่เกี่ยวกับหรงจิ่งให้เขาฟัง
เล่าั้แ่ตอนที่เจอหรงจิ่งที่ทั้งตัวเปื้อนด้วยเืในป่าลึก และรักษาเขาอย่างไร รวมถึงสิ่งที่กังวลในตอนนี้ เล่าทุกอย่างอย่างละเอียดเท่าที่จะเล่าได้
“เช่นนั้นก็หมายความว่านายน้อยยังคงพักฟื้นอยู่ที่เรือนของเ้าน่ะสิ? ตอนนี้การฟื้นตัวของเขาเป็อย่างไรบ้างแล้ว ้ายาอะไรหรือไม่? เ้าบอกข้ามาเถอะ ข้าจะได้เตรียมให้เ้า”
ท่านจ้าวฟังเหตุการณ์ที่เป็ต้นเหตุและปลายเหตุจนจบก็อยากรู้อาการของหรงจิ่งทันที
ซ่งอวี้จึงปลอบว่า “ท่านอาจารย์วางใจเถอะ หรงจิ่งได้รับาเ็แค่ภายนอกเท่านั้น ดูออกว่าผู้ร้ายคงไม่ได้คิดจะเอาชีวิตเขา ตอนนี้ก็เกือบจะหายดีแล้ว แค่เสียเืมากไปหน่อย สีหน้าจึงยังซีดเซียวเล็กน้อย”
ท่านจ้าวรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย แต่ตัวเองไม่เห็นกับตาก็ยากที่จะวางใจ
“ไหนๆ นายน้อยก็อยู่บ้านเ้าแล้ว ประเดี๋ยวตอนกลับไป ข้าจะไปกับเ้าด้วย จะได้รับนายน้อยกลับมารักษาต่อ”
ร้านยาถงอันเป็ที่ที่ไม่ขาดยาสมุนไพรที่สุด ต่อให้เขารู้ความสามารถของซ่งอวี้เป็อย่างดี ก็ยังกังวลในหลายๆ อย่าง รับกลับมารักษาต่อด้วยตัวเองถึงจะรู้สึกสบายใจจริงๆ
อีกอย่างทางตระกูลหรงก็กำลังวุ่นวายเพราะการหายตัวไปของนายน้อย รอให้นายน้อยกลับมาถึงจะรู้สึกสบายใจ คนที่จ้องจะแบ่งพรรคพวกจะได้ล้มเลิกความคิดชั่วร้ายนั้นไป
ซ่งอวี้ได้ยินท่านจ้าวว่าเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
“อาจารย์ ท่านฟังข้าก่อน หรงจิ่งกับข้าคุยกันแล้ว พวกเรารู้สึกว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีนักที่เขาจะกลับมา” ต่างฝ่ายต่างมีเื่ให้คำนึงถึง แต่สิ่งที่ไปในทิศทางเดียวกันก็คงมีเพียงเื่นี้
“ตอนนี้ด้านนอกยังมีคนตามหาตัวเขาตลอด แค่เขาปรากฏตัว ข่าวคราวที่หรงจิ่งยังปลอดภัยคงจะหลุดออกมา เช่นนั้นคนที่จ้องจะทำร้ายเขาก็อาจจะลงมืออีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นในบ้านของข้าก็มีเพียงสตรี ทันทีที่ที่ซ่อนหรงจิ่งหลุดออกมา พวกเราก็ต้องสละชีวิตไปด้วย”
ซ่งอวี้พูดตรงจริงๆ สิ่งที่นางพูดราวกับมีดเล่มหนึ่งทิ่มแทงเข้าไปในใจของท่านจ้าว ทำให้เขารู้สึกเ็ปเป็ระยะๆ
อย่าไปกังวลกับแนวหน้า ตอนนี้จะก่อปัญหาขึ้นในภายหลัง ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต่อไปจะบานปลายเพียงใด?
เอาเถอะ เขาก็โทษซ่งอวี้ไม่ได้ หรงจิ่งจะปลอดภัยหรือไม่ก็ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับซ่งอวี้จริงๆ นางคำนึงถึงตัวเองก็เป็เื่ที่สมเหตุสมผล
เพียงแต่ว่าทั้งชีวิตนี้ของท่านจ้าวอยู่เพื่อร้านยาถงอันเท่านั้น เขาชินไปแล้วที่ทุกอย่างต้องคำนึงถึงร้านยาถงอันเป็อันดับแรก นี่ถึงได้ทำให้เขารู้สึกค่อนข้างหดหู่ใจ แต่ไม่นานเขาก็รู้ตัวว่าท่าทีของตัวเองมีปัญหาจึงรีบปรับอารมณ์ทันที
“เช่นนั้นเ้าพูดมาว่าควรทำอย่างไร เื่นี้ไม่ควรปิดบังนานเกินไป หากนายน้อยไม่รีบกลับมา ตระกูลหรงจะไม่มีใครคอยนั่งบัญชาการ เื่มันคงจะแย่ลงเรื่อยๆ”
ท่านจ้าวไม่รู้ตัวว่าตัวเองบอกวิกฤตที่ร้านยาถงอันกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ให้ซ่งอวี้ฟังไปแล้ว
ซ่งอวี้รู้สึกสุดจะบรรยาย รู้สึกว่าตัวเองเหมือนถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องในเื่ที่ไม่ควรเข้าเสียแล้ว แต่ก็ไม่อาจปลีกตัวออกมาได้ จึงพูดอย่างไม่ยั้งคิด “ไม่แน่หรงจิ่งอาจไม่ยอมกลับมา แค่อยากดูว่าใครบ้างที่ระรื่นหลังจากเขาหายตัวไป?”
พูดจบ บรรยากาศในห้องลับก็เงียบลงไปพักใหญ่
ซ่งอวี้ลอบตำหนิตัวเองในใจว่าเหตุใดถึงไม่ควบคุมปากตัวเองให้ดี คำพูดเมื่อครู่นี้ของนางไม่ได้แฝงความหมายใดจริงๆ แค่อ่านนิยายยุคปัจจุบันมากเกินไป มีหลายเื่ที่กับดักเป็แบบนี้ แต่คำพูดนี้เข้าหูท่านจ้าวกลับได้ผลในทางอื่น
ตามนิสัยการจัดการปัญหาของหรงจิ่ง นี่อาจจะเป็ไปได้ก็ได้
ท่านจ้าวไม่ตายใจ “ข้าไปเยี่ยมนายน้อยไม่ได้จริงๆ หรือ? แค่ครู่เดียวเท่านั้น”
ซ่งอวี้ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย “ขอโทษจริงๆ ไม่ได้”
หลังจากไปเยี่ยมแล้ว หรงจิ่งยังจะหลบที่บ้านนางได้อย่างไร ไม่ใช่เป็เื่น่าขบขันหรือ
ท่านจ้าวถามขึ้นต่ออย่างดิ้นรน “เช่นนั้นนายน้อยยังมีเื่อะไรฝากเ้ามาอีกหรือเปล่า?” คงไม่ใช่ว่าแค่มาบอกว่าสบายดีเท่านั้นหรอกกระมัง
พูดถึงเื่นี้ ซ่งอวี้ก็สดใสขึ้นมา
“แน่นอนว่าต้องมีสิ เขารู้สึกว่าตัวเองหายตัวไปนานจึงฝากบอกพวกท่านว่าเขาสบายดี จากนั้นยังฝากข้าบอกท่านว่าให้ส่งคนที่มีความสามารถและไม่เคยมีใครเจอสองคน ถือว่าถูกข้าซื้อกลับไปเป็ข้ารับใช้ จะได้ปกป้องเขาได้อย่างใกล้ชิด”
อืม เป็เื่จริงที่้าคน แต่ความ้าอื่นนางเพิ่มขึ้นเอง อย่างไรตอนนี้หรงจิ่งก็โผล่ออกมาคัดค้านไม่ได้อยู่แล้ว
ท่านจ้าวได้ยินเช่นนั้นก็สดใสขึ้นมาทันที แล้วจัดการเื่นี้ให้อย่างมีชีวิตชีวา
เพื่อส่งทหารสองนายไปที่บ้านซ่งอย่างเรียบง่ายที่สุด ท่านจ้าวส่งจดหมายกลับไปที่ต้นตระกูลโดยเฉพาะ แล้วเอาจดหมายให้ผู้นำตระกูลกับมือ แค่ผู้นำตระกูลเห็นเนื้อหาในจดหมายก็จะเข้าใจทุกอย่างเอง
ถึงอย่างไรร้านยาถงอันในเมืองก็เป็เพียงสาขาเล็กๆ เท่านั้น ไม่มีคนที่มีความสามารถเลยจริงๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามีประวัติที่ขาวสะอาดและทักษะฝีมือดีเยี่ยม จึงทำได้เพียงไปขอกับต้นตระกูล
ตระกูลหรงห่างจากที่นี่ราวๆ หนึ่งวัน พวกเขานัดกันไว้แล้ว พรุ่งนี้จะส่งคนกลับไป
ในขณะเดียวกัน ที่เรือนตระกูลซ่งก็ต้องต้อนรับแขกอีกครั้ง
“เป็อะไรเล่า? ครั้งนี้ข้ามาหาหมอก็ไม่ให้ข้าเข้าประตูหรือ! ”
แม่สื่อจ้าวเอามือเท้าเอวยืนตรงหน้าประตูบ้านซ่งอวี้ ใบหน้ากลมมนแฝงด้วยความดุร้ายเล็กน้อย ดูเหมือนว่าการปิดประตูไม่รับแขกอย่างต่อเนื่องจะทำให้นางรู้สึกไม่พอใจแล้ว
อาฝูเฝ้าอยู่หน้าประตูอย่างซื่อตรง รอยยิ้มบนใบหน้าดูฝืนยิ่งนัก “เมื่อครู่ข้าก็บอกไปแล้ว วันนี้คุณหนูไปซื้อยาสมุนไพรในเมือง พรุ่งนี้เ้าค่อยมาเถอะ”
แม่สื่อคนนี้ช่างน่าเบื่อเหลือเกิน เหตุใดถึงมาบ่อยขนาดนี้ มองไม่ออกหรือว่าพวกเราไม่ต้อนรับเ้า เกิดเป็แม่สื่อ ไม่มีตาทิพย์เลยแม้แต่น้อย