จูหงอียกทัพมารมาร่วมพัน จำนวนชวนขนลุกนี้ทำให้ศิษย์พรรคอีกาทองคำต่างสิ้นหวัง! ธรรมะอธรรมไม่อาจอยู่ร่วมฟ้า! เวลานี้พวกมันทุกคนาเ็สาหัสอยู่แล้ว พอเริ่มเปิดศึก พวกมันคงไม่พ้นตกตายอนาถ!
หวังเค่อในฐานะลูกศิษย์ของเฉินเทียนหยวนยิ่งต้องพบเจอชะตากรรมเลวร้ายกว่าพวกมันแน่
ใน่เวลาอันสิ้นหวังนี้เอง ขณะมองดูหวังเค่อเดินเข้าหาฝูงมารร้ายอย่างไม่กลัวเกรง ท่าทีนิ่งเฉยของชายหนุ่มทำให้จางเสินซวีที่เคยคิดว่าหวังเค่อเป็พวกหน้าด้านไร้ยางอายต้องรู้สึกนับถือเลื่อมใสขึ้นมาเล็กน้อย คนที่สามารถเผชิญหน้ากับความเป็ความตายได้อย่างสงบนิ่งเช่นนี้ก็คือยอดนักรบ!
ทว่า ใครจะคาดคิดว่าสิ่งที่หวังเค่อกล่าวกลับเป็…
“ท่านเ้าตำหนัก ข้าเป็พวกท่าน!”
ได้ยินวาจาของหวังเค่อ ศิษย์พรรคอีกาทองคำพลันรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมา ไอ้หน้าด้านนี่ ยังกล้าพูดจาแบบนี้อีก? ประเด็นคือเ้าขอเข้าร่วมกับฝ่ายศัตรูตอนนี้จะไม่สายเกินไปรึ?
ทว่าท่าทีของจูหงอีและมารร้ายทั้งหลายกลับสอนบทเรียนให้แก่ศิษย์พรรคอีกาทองคำทุกคน
พวกมารทั้งหลายไม่มีท่าทีเคลือบแคลงสงสัยแม้แต่วินาทีเดียว สายตาที่พวกมันใช้มองหวังเค่อพลันอ่อนโยนขึ้นมากะทันหัน
นี่เื่บ้าบออะไรกัน? พวกเ้าตาบอดเรอะ? มันเป็ลูกศิษย์ของเฉินเทียนหยวน เป็ผู้ยึดมั่นในวิถีธรรม แล้วพวกเ้าเป็บ้าอะไรขึ้นมา? จางเสินซวีกับศิษย์พรรคอีกาทองคำที่เหลือไม่อาจเข้าใจภาพที่เห็นตรงหน้าได้เลย ทำไมถึงเป็แบบนี้? พวกมารตกลงปลงใจกันลด IQ ตัวเองหรือไง? หรือหวังเค่อเป่ามนต์วิเศษอะไรใส่พวกมัน?
จะกล่าวโทษพวกมารที่ยอมรับหวังเค่อโดยง่ายก็คงไม่ถูก ประเด็นสำคัญก็คือหวังเค่อวันนี้สวมชุดเครื่องแบบมาตรฐานของลัทธิมาร เสื้อผ้าสีดำ! ชุดสีดำที่เดิมสวมเพื่อ ‘ไว้อาลัย’ ให้แก่ลูกหลานตระกูลหวังกลับกลายเป็เครื่องพิสูจน์ตัวตนให้หวังเค่อไปเสียอย่างนั้น
อีกอย่าง ซากศพมารที่กระจัดกระจายเต็มพื้นที่รอบด้านนี้ก็เป็เครื่องพิสูจน์ว่าหวังเค่อสมควรเป็หนึ่งในพวกมัน
ภาพมันฟ้องชัดเจนขนาดนี้ยังจะต้องคิดวิเคราะห์มากมายไปทำไมอีก? เ้าสติไม่สมประกอบหรือไง? ยังจะคิดสงสัยสถานะของคนตรงหน้าอีก? เ้าไม่ได้ยินมันพูดว่า “ท่านเ้าตำหนัก ข้าเป็พวกท่าน” เมื่อกี้เรอะ?
“เ้ามาจากสังกัดไหน?” จูหงอีถามเสียงเข้ม
ฝูงมารที่ถูกบั่นคอดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ใต้อาณัติของจูหงอี ตัวจูหงอีเองก็ไม่รู้ว่าพวกมันเป็มารจากที่ไหน
“ผู้เยาว์เพิ่งได้พวกพี่ใหญ่พาเข้าร่วมลัทธิมารจึงไม่ค่อยมั่นใจนักขอรับ เมื่อไม่กี่วันก่อน พวกพี่ใหญ่บอกว่าอ๋องชิงเชิญชวนพวกเราพี่น้องจากพรรคให้มาพูดคุยเื่งานชุมนุมมารปรโลกที่เมืองจูเซียน ผู้น้อยจึงติดตามมาด้วย แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับถูกศิษย์พรรคธรรมะดักซุ่มโจมตีจนล้มตายเกือบหมด ครั้งนี้หากไม่ได้ท่านเ้าตำหนัก ผู้น้อยเองก็คง…!” หวังเค่อสะอื้นไห้อยู่ในคอด้วยความโศกเศร้า
สังกัดรึ? หวังเค่อจะไปรู้เื่สังกัดพวกมารได้อย่างไร? ตอนนี้ทำได้เพียงอาศัยหัวข้อสนทนาอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ สามหัวข้อพูดคุยอันได้แก่ “อ๋องชิง” “ชุมนุมมารปรโลก” และ “ถูกดักซุ่มโจมตี” เชื้อเชิญหวังให้ทุกท่านเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยกัน!
“ถูกพวกพรรคฝ่ายธรรมะดักซุ่มโจมตี? เ้าพวกพรรคอีกาทองคำ สมควรตายนัก!”
“ชุมนุมมารปรโลก? หรือพวกมันจะมาเพื่อฉวยโอกาสชิงตัวทารกร่างมารไปก่อน? แล้วมันรู้ได้ยังไงว่าเป็ที่นี่?”
“อ๋องชิง? อ๋องต้าชิงเป็คนชักชวนมา?”
.........
.........
......
......
...
...
เป็ดังคาด ฝูงมารพากันถกเถียงพูดคุยอย่างดุเดือด พวกมันไม่สนใจว่าหวังเค่อเป็มารสังกัดไหนอีกแล้ว อย่างไรเสีย หัวข้อสนทนาทั้งสามเื่ก็ล้วนแต่สำคัญกว่าสังกัดของหวังเค่อมาก
“จูเยี่ยนรึ? มันรู้ได้อย่างไรว่าองค์หญิงโยวเยว่อยู่ที่นี่ แล้วมันรู้เื่งานชุมนุมมารปรโลกได้ยังไง? มันเป็คนพาเ้ามาที่นี่?” จูหงอีถามด้วยแววตาเ็า
เหล่ามารรอบด้านพากันเงียบเสียงจ้องมองหวังเค่อเป็ตาเดียว
ถึงแม้จูหงอีจะตั้งคำถามกับหวังเค่อ แต่หวังเค่อก็รู้สึกยินดีในใจเป็ล้นพ้น ท่านไม่สนใจว่าข้ามาจากสังกัดใดแล้วใช่หรือไม่ ท่านถูกข้าต้มแล้วใช่ไหม?
งานชุมนุมมารปรโลก? หวังเค่อก็ไม่รู้เื่เหมือนกัน แต่ตอนจูเยี่ยนถูกแส้ฟาดอยู่ในตำหนักครั้งก่อนมันเคยพูดคำนี้ออกมา
“ข้าก็ไม่ค่อยแน่ใจนักขอรับ แต่ข้าว่าข้าได้ยินจูเยี่ยนหลุดปากว่ามันได้ยินจากนางเซียนชิงตอนมันลอบแอบดักฟังนางขอรับ!” หวังเค่ออธิบาย
“นางเซียนชิง?” เหล่ามารรอบด้านพากันสับสน
“ฮึ่ม!” จูหงอีแค่นเสียงเย็น “แล้วจูเยี่ยนอยู่ที่ไหน?”
“จูเยี่ยน? เพิ่งแลกชีวิตตายไปกับเนี่ยเทียนป้าเมื่อครู่นี้เองขอรับ อยู่ตรงนั้น!” หวังเค่อชี้นิ้วไปทางซากศพไหม้เกรียมสองร่างไม่ไกลออกไปนัก
จูหงอีหน้ากระตุกอยู่พักใหญ่ โทสะเกรี้ยวกราดที่คิดระบายใส่จูเยี่ยนพลันฟีบลงทันที ตายแล้ว? นั่นคือเืเนื้อเชื้อไขเพียงคนเดียวที่พี่ข้าเหลือเอาไว้ ต่อให้ข้าไม่ค่อยชอบหน้ามันนัก แต่ก็ไม่ควรต้องตาย!
“เ้าเพิ่งบอกว่าเนี่ยเทียนป้ารึ?” จูหงอีถามอีกครั้งด้วยใบหน้าบูดเบี้ยว
“ใช่ขอรับ อยู่ตรงโน้น พวกมันทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด สุดท้ายแล้วเนี่ยเทียนป้าก็เลยะเิกระบี่บินตัวเองทิ้ง หลังจากนั้น…! ข้าอยากหยุดพวกมัน แค่ตัวข้าฝีมืออ่อนด้อยไร้กำลัง ไม่อาจทำสิ่งใดได้!” หวังเค่อปั้นหน้าเสียใจ
องค์หญิงโยวเยว่และศิษย์พรรคอีกาทองคำที่อยู่ห่างไปไม่ไกลล้วนต่างสูดลมหายใจเย็นเยือก
เนี่ยเทียนป้ากับจูเยี่ยนแลกชีวิตตกตายตามกัน? เ้าอยากห้ามไว้? บนโลกนี้ยังมีใครโกหกหน้าตายขนาดนี้ได้อีก? ถ้าหากพวกเราไม่ได้เห็นเ้าฆ่าพวกมันสองคนกับตา พวกเราก็คงหลงเชื่อไปแล้วเหมือนกัน!
มารกลุ่มหนึ่งพลันรีบเร่งรุดไปยังศพไหม้เกรียมทั้งสองร่างเพื่อตรวจสอบ
“ท่านเ้าตำหนัก พวกมันทั้งคู่ยังไม่ตายขอรับ ถึงพวกมันจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็าเ็สาหัสเหลือเกิน!” มารตนหนึ่งพลันะโขึ้นมา
เนี่ยเทียนป้ากับจูเยี่ยนยังรอดอยู่อีก? หวังเค่อหัวใจดิ่งวูบ จูหงอีตรงหน้ามันสูดหายใจลึก
“ยังมีชีวิตอยู่รึ? ประเสริฐนัก! ไม่อย่างนั้นข้าคงอธิบายให้ชิงเอ๋อร์ฟังลำบาก! พาพวกมันทั้งคู่กลับไปด้วย!” จูหงอี้สั่งการ
“ขอรับ!” ฝูงมารขานรับ
จูหงอีหันกลับมามองหวังเค่ออีกครั้งด้วยสีหน้าเ็า “เ้าพยายามจะกินองค์หญิงโยวเยว่ก่อนงานชุมนุมมารปรโลกจะเริ่มต้นรึ?”
“ว่าอะไร? ท่านเ้าตำหนักห้าเป็คนจัดงานชุมนุมมารปรโลกขึ้น! เ้ากลับคิดกลืนกินทารกร่างมารเพียงคนเดียว? คิดล่มงานชุมนุมมารปรโลกหรือไร?” มารทั้งหลายพากันจ้องหวังเค่อเขม็ง
ขณะหวังเค่อกำลังคิดแก้ตัว องค์หญิงโยวเยว่ทางด้านหลังพลันะโขึ้นมา “พวกเ้าเข้าใจผิดแล้ว มันคอยปกป้องข้ามาตลอด ไม่อย่างนั้นข้าคงตายไปนานแล้ว!”
“หา?” ทุกคนต่างมองไปทางองค์หญิงโยวเยว่
แน่นอนว่ามารส่วนใหญ่ไม่รู้จักองค์หญิงโยวเยว่ มีเพียงจูหงอีที่เคยเห็นภาพเหมือนของนางมาก่อน
“เ้าก็คือองค์หญิงโยวเยว่? เ้าบอกว่าเด็กน้อยนี่ปกป้องเ้ามาตลอด?” จูหงอีถามเสียงเข้ม
“ใช่แล้ว!” องค์หญิงโยวเยว่พยักหน้ารับ
พอมารร้ายทั้งหลายรู้ตัวตนขององค์หญิงโยวเยว่แล้ว ดวงตาพวกมันก็กลายเป็แดงฉาน คล้ายมองเห็นอาหารอันโอชะ
พอหวังเค่อเห็นท่าทีของเหล่ามาร มันก็รู้สึกโชคดีขึ้นมา โชคดีที่เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยขังองค์หญิงโยวเยว่ไว้ที่เมืองจูเซียน ถ้าหากนางถูกขังไว้ที่วังหลวงต้าชิงล่ะก็ นางคงถูกลักพาตัวจับไปกินนานแล้ว
แต่ว่า วันนี้กลับโชคไม่ค่อยดีเท่าไหร่!
“เ้าไม่้ากินองค์หญิงโยวเยว่ แต่กลับปกป้องนาง? งั้นเ้ามาทำอะไรที่นี่กัน?” จูหงอีถามเสียงเข้ม
“ขะ ข้าก็ไม่ทราบขอรับ เป็พวกพี่ใหญ่พาข้ามาที่นี่! อ้อ จริงด้วย อ๋องชิงพูดถึงนางเซียนชิงว่าอะไรนะ ศิษย์พรรคฝ่ายธรรมะพวกนี้หมายตาคิดสังหารองค์หญิงโยวเยว่ พวกเราจึงพยายามปกป้องนางไว้สุดความสามารถ ผลสุดท้ายก็คือ…!” หวังเค่อยิ้มอย่างขมขื่น
หวังเค่อพูดจาวกวนกำกวม พร้อมกับโยนหัวข้อสนทนาเื่ ‘นางเซียนชิง’ กับ ‘ฝ่ายธรรมะคิดสังหารองค์หญิงโยวเยว่’ ไปให้พวกมารได้ถกเถียงกันอีกรอบ
แน่นอนว่ามารทุกตนต่างพากันระดมสมองถกเถียงหารือกันอีกยก
ส่วนสายตาที่จูหงอีใช้มองหวังเค่อก็ยิ่งมายิ่งอ่อนโยน!
ไม่นานนัก จากกลุ่มมารที่คิดล่มงานชุมนุมมารปรโลกอย่างหวังเค่อก็กลายเป็กลุ่มคนผู้ปกป้องงานชุมนุมเอาไว้ นี่ไม่ใช่ทุกคนพูดจาเหลวไหลไปเอง องค์หญิงโยวเยว่ก็ยืนยันกับตัว ยังจะมีตรงไหนไม่จริงอีก?
“ลำบากเ้าแล้ว!” จูหงอีในที่สุดก็ถอนหายใจพร้อมตบบ่าหวังเค่อ
การที่มันตบบ่าหวังเค่อ เท่ากับยอมรับหวังเค่อโดยหมดใจ ปฏิบัติต่อหวังเค่ออย่างพวกเดียวกัน
ภาพตรงหน้านี้ตรงข้ามกับที่ศิษย์พรรคอีกาทองคำคิดไว้โดยสิ้นเชิง! นี่ นี่ หวังเค่อมันแฝงตัวเข้าร่วมลัทธิมารได้แล้วจริงๆ? ข้าต้องตาฝาดไปแน่ๆ! ปกติมีแต่มารร้ายแฝงตัวเข้าไปในพรรคเซียนธรรมะ มีเซียนธรรมะที่ไหนเขาแฝงตัวเข้าไปในลัทธิมารกัน? นี่มันแค่อ้าปากโม้ไม่กี่คำก็แฝงตัวเข้าไปได้แล้ว?
หวังเค่อบีบน้ำตาสองหยดออกมาเล่นละครต่อ
“ท่านเ้าตำหนัก ตอนข้ายังฝึกตนด้วยตัวเอง ข้าเคยได้ยินคนมากมายด่าทอสาปส่งลัทธิมาร เดิมทีข้าก็หวาดกลัวนัก แต่เป็พวกพี่ใหญ่ที่คอยช่วยเหลือดูแลข้า ทำให้ข้าได้พบความอบอุ่นในลัทธิมาร! ข้าไร้ความสามารถจนไม่อาจช่วยชีวิตพวกเขาไว้ได้ ข้าขอร้องท่านเ้าตำหนักให้ข้าได้มีโอกาสรวบรวมซากสังขารของพวกพี่ใหญ่ข้าด้วยเถอะขอรับ! ข้าไม่อยากปล่อยซากสังขารพวกเขาเอาไว้กลางแดดกลางฝน ไม่อยากให้พวกเขาต้องตายโดยไร้ดินกลบหน้า ข้าอยากจะฝังศพพวกเขาอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม! ขอร้องท่านเ้าตำหนักสั่งการ ไม่ให้ผู้ใดแตะต้องซากร่างของพวกพี่ใหญ่ข้าด้วย ข้าอยากจัดงานศพให้พวกเขา ขอร้องท่านเ้าตำหนักด้วยขอรับ!” หวังเค่อตีหน้าเศร้า
ศิษย์พรรคอีกาทองคำต่างเบิกตากว้างทีละคน ในใจคิดสงสัยว่าละครโศกเคล้าน้ำตาของหวังเค่อฉากนี้ที่แท้มีเป้าหมายใดแฝงไว้?
มารบางตนส่งสายตาไม่ยินยอม แต่ต่อหน้าจูหงอีจะมีผู้ใดกล้าเปิดปาก?
“เ้านับว่าถือน้ำใจไม่น้อย?” จูหงอีมองหวังเค่ออย่างคาดไม่ถึง
“ั้แ่ข้ายังแบเบาะ ท่านพ่อท่านแม่สอนข้าว่าความรักและคุณธรรมมีค่าดั่งทองขอรับ! พวกพี่ใหญ่จากไปก่อนข้า ข้าไม่อาจทำสิ่งใดเพื่อตอบแทนพวกเขาได้อีก บางทีอารมณ์อ่อนไหวนี้อาจเป็เพียงจุดอ่อนเดียวของข้า! ได้โปรดขอร้องท่านเ้าตำหนักส่งเสริมด้วยขอรับ!” หวังเค่อขอร้องอย่างเศร้าสร้อย
“ดี! ห้ามผู้ใดเคลื่อนย้ายแตะต้องศพพวกนี้ ทุกอย่างให้เ้าเป็คนจัดการ!” จูหงอีตบบ่าหวังเค่ออีกครั้งคล้ายชื่นชมยิ่ง
“ขอบคุณท่านเ้าตำหนัก!” หวังเค่อเอ่ยอย่างซาบซึ้ง
ขณะกำลังขอบคุณ หวังเค่อก็ะโไปทางชาวเมืองจูเซียนห่างออกไป “เฒ่าแก่เรือนน้ำชากงอี้? วานท่านเตรียมคนจัดหาโลงศพที่ดีที่สุดในเมืองมาให้ข้าที! เร็วเข้า!”
“ได้เลย!” เสียงขานรับของเฒ่าแก่เรือนน้ำชากงอี้ดังแว่วมาไกลๆ
ชาวเมืองจูเซียนล้วนอยู่ห่างเกินกว่าจะได้ยินบทสนทนาของพวกมัน แน่นอนว่าในสายตาของมารฝูงนี้ เมืองจูเซียนเล็กจ้อยนี่ไม่ต่างอะไรจากสลัม คนรวยมีหรือจะสนใจดูแลขอทานในสลัม? พวกมันไม่แม้แต่จะเข้าใกล้ด้วยซ้ำ
เพียงหวังเค่อเอ่ยปาก กลับเปิดทางให้เฒ่าแก่เรือนน้ำชากงอี้และลูกน้องยกโลงศพมาบรรจุร่างของเหล่ามารอย่างระมัดระวัง
ศิษย์พรรคอีกาทองคำต่างพูดไม่ออก ไอ้หวังเค่อมันเล่นละครจนลืมตัวไปแล้วหรือไง? ถึงกับช่วยจัดงานศพให้พวกมารด้วย?
จางเสินซวีและคนที่เหลือไม่เข้าใจเจตนาของหวังเค่อ แต่มีใครบางคนมองออก บนเนินเขาห่างจากเมืองจูเซียนไม่ไกล จางเจิ้งเต้าลอบขุดดินหลบหนีมา แต่มันก็กลัวเกินกว่าจะเข้าใกล้ฝูงค้างคาวดำและมารร้ายนับไม่ถ้วน จึงทำเพียงเฝ้าดูจากที่ห่างไกล
พอเห็นหวังเค่อตีเนียนเข้าร่วมลัทธิมาร มันก็ตะลึงไปก่อนจะสาปแช่งหวังเค่อว่าเป็ปีศาจมารร้าย
พอเห็นหวังเค่อบีบน้ำตาออกมาสองหยด ก่อนได้รับอนุญาตให้รับผิดชอบดูแลรวบรวมซากสังขารของเหล่ามาร จางเจิ้งเต้าก็แทบะโโลดเต้น
“หวังเค่อ สถานการณ์แบบนี้เ้ากลับยังมีหน้ามาหาเงินอีก? แม้แต่เงินคนตายเ้าก็ไม่เว้น? ทำไมเ้าถึงไม่ถูกฟ้าลงโทษบ้าง!” จางเจิ้งเต้าแช่งชักหักกระดูก
เพราะซากศพของพวกมารที่ตายล้วนแต่มีกำไลมิติ กระเป๋ามิติ อาวุธวิเศษ รวมถึงเงินทองมากมาย! ตอนนี้หวังเค่อกลับฮุบเงินทั้งหมดเข้ากระเป๋าตัวเองไป?
ทำไมกัน? ทำไม? ข้าโดนมันล่อลวงให้กินเนื้อนกกระเรียนจนเหนื่อยสายตัวแทบขาด โดนตามไล่ฆ่าจนเกือบเอาตัวไม่รอด แต่หวังเค่อต่อหน้าสายตาผู้คนทั่วหล้ากลับตกปลาทำกำไรจนตัวบวมเป่ง? พวกชาวเมืองที่ไปจัดแจงเก็บศพนั่นไม่ต้องพินิจดูก็รู้ว่าเป็ลูกน้องหวังเค่อแน่นอน!
“ไม่ได้การ กำไรในนั้นครึ่งหนึ่งเป็ของข้า ของข้า!” จางเจิ้งเต้าเอ่ยอย่างอิจฉา
ขณะกำลังอิจฉาตาร้อน จางเจิ้งเต้าก็เห็นหวังเค่อเดินเข้าไปหากลุ่มศิษย์พรรคอีกาทองคำ
“หวังเค่อ? นี่เ้าลืมตัวหรือไร? หรือเ้าเชื่อสนิทใจไปแล้วว่าตัวเองเป็ศิษย์ลัทธิมาร? เ้าเดินเข้าไปหาศิษย์พรรคอีกาทองคำซึ่งหน้า? ขอแค่พวกมันปากโป้งขึ้นมา เ้าไม่รอดแน่ เ้าเป็ลูกศิษย์ของเฉินเทียนหยวน ถ้าเื่นี้ถูกเปิดเผยออกมา ก็ไม่มีใครช่วยเ้าได้ทั้งนั้น! นี่เ้าเล่นอะไรอยู่?” จางเจิ้งเต้าเบิกตามอง
ขณะเฝ้ามอง จางเจิ้งเต้าเป็ต้องอ้าปากค้างอีกครั้ง
“แม่งเอ๊ย เ้ากินลัทธิมารเสร็จก็จะกินพรรคธรรมะต่อ? ขนาดศิษย์พรรคอีกาทองคำเ่าั้เ้าก็ยังคิดจะรีดไถ?” จางเจิ้งเต้าเบิกตาโตอย่างตื่นตะลึง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้