“พวกเ้าอีกแล้วหรือ?”
เสิ่นม่านถือทัพพีขวางอันธพาลที่ยื่นมือมา “อะไรกัน ครั้งที่แล้วยังถูกสั่งสอนไม่พออีกหรือ ยังกล้ามาอีก วันนี้ข้ามีผู้ช่วยมาด้วย หากว่าอยากสู้กันคงรับประกันไม่ได้ว่าจะสั่งสอนพวกเ้าจนอยู่ในสภาพใด”
ลูกพี่ใหญ่ตัวอ้วนมีปฏิกิริยาหวาดหวั่นเล็กน้อย เพียงแต่ต่อหน้าผู้คนมากมาย เขาไม่อาจทำให้ตนเองเสียหน้าได้ จึงแข็งใจตอบ
“ข้า... ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่า เรามาช่วยดูแลการค้าขายของเ้า”
ดูแลการค้าขาย? เมื่อครู่ยังบอกอยู่ว่าขอค้างจ่ายไม่ใช่หรือ?
เสิ่นม่านหงายมือยื่นให้เขา “ดูแลการค้าขาย? เอาเงินมาสิ เ้าจ่ายเงินแล้วถึงจะซื้อของกินได้ ร้านข้ามีกำไรน้อย ไม่รับค้างจ่าย”
ลูกพี่ใหญ่ตัวอ้วน “...”
ทั้งที่วันนี้ตั้งใจออกมาหาเื่ เหตุใดพอเจอกับผู้หญิงคนนี้กลับรู้สึกหวาดกลัว? แม้จะไม่เต็มใจแต่เขาก็มอบเงินให้ เสิ่นม่านจึงตักเต้าฮวยให้พวกเขาคนละหนึ่งถ้วย
ทุกคนดูงงงวย แม้จะไม่กระจ่าง แต่ในเมื่อลูกพี่ใหญ่ไม่ส่งสัญญาณบอก พวกเขาก็ไม่กล้าหาเื่ หลังจากได้ชิมเต้าฮวยไปหนึ่งคำ ฉับพลันนั้นดวงตาก็เปล่งประกาย
โอ้โฮ! นี่มันของมหัศจรรย์อะไรกัน? เหตุใดถึงได้อร่อยเช่นนี้!
อาหารรสเลิศอยู่ในมือ ทุกคนไม่สนใจที่จะก่อเื่ แต่ละคนหาที่นั่งข้างทางและเริ่มสวาปาม
ลูกพี่ใหญ่ตัวอ้วนกินไปเยอะที่สุด เขากินหมดถ้วยแล้วต่ออีกหนึ่งถ้วย ปรากฏขณะกินถ้วยที่สองได้เพียงครึ่งเดียว จู่ๆ ก็จับคอและล้มลงบนพื้นด้วยใบหน้าแดงก่ำ จนเกือบล้มใส่แผงลอยของเสิ่นม่าน
ฉากที่กะทันหันนี้ทำให้ทุกคนต่างก็สะดุ้งใ
ทุกคนมองไปยังพื้น ลูกพี่ใหญ่ตัวอ้วนที่ริมฝีปากเดี๋ยวอ้าเดี๋ยวหุบ สีหน้าที่เริ่มเปลี่ยนจากแดงเป็เขียว ใบหน้าของลูกพี่ใหญ่ตัวอ้วนดูทรมานจับจิต จากนั้นวางตะเกียบลง มีบางคนที่ขี้กลัวถึงกับะโ
“เต้า… เต้าฮวยนี้มีพิษ!”
มีพิษบ้าบอน่ะสิ! เห็นทีวันนี้คงมาหาเื่กันสินะ?
เสิ่นม่านไม่อาจทนดูลูกไม้ชั้นต่ำของคนเหล่านี้ได้ มีใครบางคนไม่อยากปล่อยให้นางได้ทำการค้าขายดีๆ จึงคิดตัดหนทางทำมาหากิน นี่เหมือนกำลังเอาชีวิตนางเลยก็ว่าได้!
นางเดินไปข้างกายลูกพี่ใหญ่ตัวอ้วนพร้อมตวาดอย่างไม่แยแส
“เ้าพอได้แล้ว รั้นจะหาเื่กันให้ได้ใช่หรือไม่? ข้าจะหิ้วเ้าไปส่งทางการเดี๋ยวนี้!”
ลูกพี่ใหญ่ตัวอ้วนไม่ตอบ เพียงแต่สองมือยังคงจับคอของตนเอง ท่าทางเหมือนหายใจไม่สะดวก
จะว่าไปแล้ว เขาแกล้งได้เนียนมาก! กระทั่งลูกน้องที่ตามมาด้วยถึงกับมึนงง
นี่มัน… ไม่เห็นเหมือนแผนที่ลูกพี่บอกไว้ก่อนหน้านี้เลยนี่นา? หรือว่าจะเปลี่ยนแผนกะทันหัน?
บรรดาลูกน้องรับรู้ได้อย่างรวดเร็วและขยับมาล้อมแผงของเสิ่นม่านไว้ทันใด จากนั้นวางมาดอันธพาลหาเื่เช่นยามปกติ
“เต้าฮวยของเ้ามีพิษ! หากวันนี้ไม่จ่ายเงินรับผิดชอบ เราจะไปแจ้งความและจับครอบครัวเ้าทั้งหมดไปขอให้ทางการลงโทษ”
การกระทำเช่นนี้ขู่จนแขกทั้งหมดสะดุ้งหนีหายไป กระทั่งเด็กน้อยทั้งสามก็อดไม่ได้ที่จะเขยิบเข้าใกล้เสิ่นม่าน
เสี่ยวตงค่อนข้างสุขุมใจเย็นและเป็คนแรกที่ออกมาช่วยท่านอาพูด “ชัดเจนว่าพวกเ้า้าโกงพวกเรา! พวกคนขี้โกง! เต้าฮวยที่ท่านอาทำไม่ผิดปกติอะไรสักหน่อย”
ต้าเป่าและเสี่ยวหลานก็มีความกล้าหาญ “ใช่แล้ว! พวกเ้าต่างหากที่ขี้โกง!”
เสิ่นม่านก็ตกตะลึงเช่นกัน จากนั้นเหลือบมองหนิงโม่ เขากำลังจ้องชายหนุ่มที่กองอยู่กับพื้นและเอ่ยอย่างเชื่องช้า “ริมฝีปากของเขาเริ่มม่วงคล้ำ ไม่เหมือนเสแสร้ง”
ทันใดนั้นเสิ่นม่านก็ได้สติและจ้ำอ้าวไปข้างกายลูกพี่ใหญ่ตัวอ้วน ซึ่งขณะนี้ใกล้จะหมดสติอยู่รอมร่อ นางเปิดหนังตาของเขาดู พบว่าม่านตากำลังขยายใหญ่ชัดเจน
นี่เป็อาการของคนขาดอากาศหายใจ
เสิ่นม่านไม่มีเวลาคิดอะไรมากจึงรีบเรียกลูกน้องของเขา
“เร็วเข้า รีบพยุงลูกพี่พวกเ้าขึ้นมา ให้เขานอนลงบนโต๊ะของข้า!”
เหล่าลูกสมุนได้ยินว่าลูกพี่ใหญ่ไม่ได้แกล้งป่วย จึงไร้ซึ่งความคิดเป็ของตนเอง ตอนนี้เสิ่นม่านว่าอย่างไรก็ปฏิบัติตามนั้นทันที
เสิ่นม่านไม่มีเวลาสนใจอะไรมากนัก นางกวาดข้าวของบนแผงออกและทำการปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐานตามที่เคยเรียนรู้มา โดยการนวดแถวหน้าท้องของลูกพี่ใหญ่ตัวอ้วนครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อให้เขาสำลักสิ่งที่ติดคออยู่ออกมา
สองนาทีผ่านไป ก้อนวัตถุสีขาวขนาดไม่เล็กก็ออกมาจากปากของลูกพี่ใหญ่ตัวอ้วน วินาทีถัดมาชายหนุ่มก็อ้าปากเอาอากาศเข้าปอดคำใหญ่จนเริ่มไอค่อกแค่ก
ไม่ง่ายดายเลยกว่าจะได้สูดอากาศแสนบริสุทธิ์นี้อีกครั้ง ใบหน้าของลูกพี่ใหญ่ตัวอ้วนที่เดิมทีออกม่วงตอนนี้ดูดีขึ้นไม่น้อย เมื่อเขาเริ่มอาการดีขึ้นก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจออกมา
“เต้าฮวยนี้หอมเหลือเกิน!”
เสิ่นม่านที่อยู่ด้านข้างรู้สึกขบขันจนเผลอหัวเราะออกมา
ลูกพี่ใหญ่ตัวอ้วนรู้ว่าเสิ่นม่านคือผู้ช่วยชีวิตเขา จากนั้นคุกเข่ากับพื้นเสียงดังตุบและโค้งศีรษะคำนับกับพื้นอย่างจริงจัง
“ผู้มีพระคุณ โปรดน้อมรับการคำนับจากน้องชายผู้นี้ด้วยเถิด!”
เวลานี้เอง ลูกน้องอีกสิบกว่าคนก็คุกเข่าลงและทำตามอย่างพร้อมเพรียง
“คำนับลูกพี่หญิงผู้มีพระคุณ!”
เสิ่นม่าน “...”
ข้าเพียงช่วยชีวิต เหตุใดจึงกลายเป็ลูกพี่หญิงไปได้?
นางเห็นภาพเลือนรางเหมือนมีเด็กมาคำนับ่ตรุษจีนเพื่อขออั่งเปา จากนั้นรีบพยุงลูกพี่ใหญ่ตัวอ้วนขึ้นมา
“อย่าคุกเข่าแบบนี้เลย ข้าไม่ชิน มีอะไรก็พูดคุยกันดีๆ โชคดีที่ตอนนี้ไม่ใช่ปีใหม่ มิเช่นนั้นข้าคงต้องแจกอั่งเปาให้พวกเ้าแล้ว”
ลูกพี่ใหญ่ตัวอ้วนมองนางด้วยแววตาซาบซึ้งจนน้ำตาคลอเบ้า
“ผู้มีพระคุณ ท่านช่วยชีวิตของเหล่าเกิงไว้ ต่อไปท่านก็คือพ่อแม่คนที่สองของเหล่าเกิง ขอเพียงท่านพูดคำเดียว พรรคหัวัของเราก็พร้อมจะสละชีวิตเพื่อท่าน!”
“โอ้ ไม่ต้องๆ ข้าจะเอาชีวิตพวกเ้าไปทำอะไร? ข้าเป็เพียงคนขายเต้าฮวย...”
ศีรษะของเสิ่นม่านส่ายรัวราวกับกลองกระดิ่ง ฉับพลันเหล่าเกิงก็คว้าตัวลูกน้องที่เคยขโมยเงินของชายวัยกลางคนก่อนหน้านั้นมาโยนตรงหน้าเสิ่นม่าน
“เ้านี่เองที่สมัยก่อนเคยล่วงเกินผู้มีพระคุณ วันนี้ข้าจะให้เขาขอขมาท่าน ผู้มีพระคุณโปรดเมตตา!”
เ้าหัวขโมยตกตะลึงและรีบคำนับขอขมาเสิ่นม่าน เสิ่นม่านรีบคว้าตัวเขาไว้ไม่ให้เขาคุกเข่าลง
“พอเถิด ทำผิดรู้แก้ไขนับเป็เื่ดี ต่อไปอย่าได้ขโมยข้าวของผู้อื่นอีก”
เสิ่นม่านซึ่งตกตะลึงกับสถานการณ์นี้ นางเหลือบมองลูกๆ โดยไม่รู้ตัวและพบว่าพวกเขาอ้าปากค้างตามๆ กันไป แต่ละคนใและยังดึงสติกลับมาไม่ได้
นางยกกำปั้นวางทาบริมฝีปากพร้อมกระแอมเบาๆ จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“คือว่า เหล่าเกิง พวกเ้าไม่จำเป็ต้องป่าวร้องอะไรเช่นนี้ ข้าแค่ทำสิ่งที่ทำได้ก็เท่านั้น หากพวกเ้าหมดธุระแล้วก็รีบกลับไปหางานหาการทำดีกว่า ต่อไปอย่าได้รังแกคนบ้านเดียวกัน ทุกคนล้วนเป็เพื่อนบ้านกันทั้งนั้น แบบนี้ไม่ดี”
“ผู้มีพระคุณพูดถูก วันรุ่งขึ้นเราจะไปหาที่ทำงาน นับแต่นี้จะกลับตัวเป็คนดี!”
เสิ่นม่านสงสัยว่าตนเองหูฝาดไป คนเหล่านี้ ใช่พวกอันธพาลที่หลายวันก่อนล้อมตัวนางหมายจะปล้นเงินกันหน้าด้านๆ จริงหรือ?
นางไม่คิดไม่ฝันว่าตนเองจะสามารถแก้ไขปัญหายุ่งยากนี้ได้อย่างง่ายดาย ที่สำคัญคือ เหล่าเกิงถึงขั้นไม่สงสัยนางแม้แต่น้อย ทั้งยังพาลูกน้องช่วยนางตั้งแผงใหม่อีกครั้ง
เสร็จแล้วก็ยังไม่ลืมป่าวประกาศให้ผู้ชมโดยรอบได้รับรู้
“ทุกคนเห็นหรือไม่? นี่คือผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ของพรรคหัวัของเรา! ต่อไปหากใครกล้ามาหาเื่แผงร้านค้าของนาง ก็ต้องถามก่อนว่าข้า เหล่าเกิง ยินยอมหรือไม่!”
เสิ่นม่านตะลึงจนอ้าปากค้าง “...”
ที่แท้การเป็ลูกพี่หญิงของหัวหน้าอันธพาลก็ไม่เลวแฮะ
-----
