ตอนที่ 2
จักรพรรดิคนแผนสูง
บรรยากาศภายในรถตกอยู่ในความเงียบจนน่าอึดอัด จื๊อที่ถูกคำพูดจี้ใจกระแทกหน้าจนสร่างเมาได้แต่นั่งตัวแข็งมาตลอดทั้งทาง ชายหนุ่มแอบเหลือบสายตามองคนข้างกายได้เพียงไม่นานก็รีบหันหนีไปมองทิวทัศน์นอกกระจก...ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน เขาได้นั่งอยู่ในรถของจักรพรรดิถึงสองครั้งเข้าไปแล้ว
ตลอด่เวลาที่ผ่านมา แม้จะอยู่ใกล้กันแต่ก็ไม่เคยจะเจอกันเลยสักครั้ง ่นี้ดูจะบังเอิญเกินไปหน่อยหรือเปล่านะ
กระทั่งรถมาจอดอยู่ที่หน้าบ้าน เขาลอบพรูลมหายใจ เอ่ยพึมพำขอบคุณเสียงแ่แล้วทำท่าจะเปิดประตูออกไป ทว่าตัวเ้าของรถกลับไม่ยอมปลดล็อกประตูให้เสียอย่างนั้น ครั้นเมื่อหันไป จึงเห็นจักรพรรดิกำลังมองกันอยู่ก่อนแล้วด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“อะ...อะไรล่ะ”
“ทำไข่เจียวให้กินหน่อยได้ปะ”
ฮะ...
“...”
จื๊อได้แต่อ้าปากค้าง ทำหน้างงเป็ไก่ตาแตก ไม่เหมือนประโยคขอร้อง แต่ฟังดูเหมือนเป็ประโยคบังคับกันเสียมากกว่า เ้าของดวงตาคมสีน้ำตาลปรายมองกันเล็กน้อย ป้องปากหาวหวอด ๆ ก่อนจะอธิบายขยายความให้
“กูอุตส่าห์นั่งเฝ้าเธอในร้านเหล้าจนกว่าจะตื่น แถมยังขับรถมาส่งถึงหน้าบ้านอีก”
“...”
“คิดเอาเองก็แล้วกัน”
“นายพูดเหมือนกำลังทวงบุญคุณกันอยู่เลย”
“รู้ตัวก็ดี เจียวไข่ให้กินหน่อย หิวแล้ว”
ว่าจบก็เปิดประตูรถเดินลงไปก่อน ปล่อยให้เล่าจื๊อนั่งเคี้ยวลิ้นคนเดียวอยู่ที่เดิม นึกอยากจะเอาหัวโขกคอนโซลรถสักหลาย ๆ ที หากไม่ติดว่าตนไม่มีเงินมากพอจะชดใช้ให้กับรถหรูในระดับนี้
ผู้ชายคนนี้...เป็พวกกวนประสาทในสายเืเลยสินะ!
หงุดหงิดไปก็เท่านั้น สุดท้ายแล้วก็ต้องพาร่างเปื่อย ๆ ของตัวเองลงจากรถทั้งใบหน้างอง้ำ มองจักรพรรดิที่ยืนกอดอกรออยู่ที่ประตูหน้ารั้วด้วยสายตาคล้ายอยากจะะโเข้าไปกินหัวกันสักที...เอาเถอะ เพราะว่าติดบุญคุณที่อุตส่าห์ขับรถมาส่งหรอกนะ แค่เจียวไข่ให้กินก็คงไม่ใช่เื่ยากอะไรมากมายนักหรอก
ภายในบ้านที่เงียบเหงาอยู่ตลอดมีสมาชิกเข้ามาอยู่ด้วยชั่วคราวในคืนนี้ ชายหนุ่มตอกไข่ใส่ชามเล็ก ๆ แล้วใช้ตะเกียบคนจนขึ้นฟอง แอบชะโงกหน้ามองไปทางห้องนั่งเล่น เห็นจักรพรรดิกำลังยืนหันหลังคุยโทรศัพท์ ก่อนจื๊อจะเริ่มนึกอะไรบางอย่างได้ แล้วตัดสินใจเดินไปหยิบเห็ดหอมออกมาจากตู้เย็น
พอหยิบออกมาได้แล้วก็เอาแต่จ้องอยู่อย่างนั้นด้วยความลังเล ไม่รู้ว่านั่งจ้องอยู่นานเท่าไร ครั้นเมื่อรู้ตัวอีกที จักรพรรดิก็วางสายโทรศัพท์มายืนกอดอกพิงประตูมองกันเสียแล้ว
“...”
นี่มันวันอะไรของเขากันนะ! รู้อย่างนี้กลับไปเมาอย่างเดิมเสียก็ดี
เล่าจื๊อกลอกตาล่อกแล่กคล้ายกับคนมีพิรุธ ตัดสินใจหอบเห็ดหอมไปหั่นเพื่อใส่ในไข่เจียว แม้จะหันหลังให้อยู่ แต่ก็ไม่วายรู้สึกเหมือนถูกสายตาคู่นั้นจับจ้องอยู่ตลอดเวลาจนเสียวสันหลังวาบ เอ่ยอ้อมแอ้มถามเสียงเบาทำลายความเงียบ
“ชอบกินไข่เจียวใส่เห็ดหอม...ใช่ไหม”
บรรยากาศระหว่างกันนั้นยิ่งแปลกประหลาด เมื่อจักรพรรดิยังไม่ยอมตอบคำถามในทันที...เพราะเอาแต่ก้มหน้าก้มตาหั่นเห็ด จึงไม่ทันได้รู้ตัวว่าถูกใครอีกคนค่อย ๆ มายืนซ้อนกันจากทางด้านหลังอย่างแเี บดบังร่างกายของจื๊อเอาไว้จนแทบมิด
“จำได้ด้วยเหรอ”
“!!!”
น้ำเสียงทุ้มต่ำกระซิบชิดข้างใบหู ทั้งลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารินรดผิวเนื้อบริเวณนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ พลันเล่าจื๊อสะดุ้งโหยง รีบยกมือขึ้นปิดใบหูข้างดังกล่าวแล้วหันขวับไปมองกัน หมายจะต่อว่าที่มากลั่นแกล้งกันเช่นนี้...ก่อนทุกอย่างจะถูกกลืนหายลงคอ เมื่อพบว่าระยะห่างระหว่างกันเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย
ปลายจมูกโด่งเฉียดัักันไปครั้งหนึ่ง ร่างขาวยืนห่อไหล่ตัวเกร็ง จักรพรรดิยอมถอยหลังหนึ่งก้าว ดวงตาคมกริบจ้องพิจารณาใบหน้าและรูปร่างของคนที่ยืนอยู่ใต้เงาของตนอย่างละเอียด
“เธอตัวหดลงนะจื๊อ”
“...”
จื๊อหน้าดำหน้าแดง แอบถกเถียงในใจว่าเป็อีกฝ่ายต่างหากที่เอาแต่สร้างกล้ามเนื้อจนดูตัวใหญ่กว่าชาวบ้านชาวช่อง ขนาดตัวของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเสียหน่อย ครั้นเมื่อตั้งสติได้ก็ผลักอกคนตรงหน้าออกแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทว่าดันได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังกลับมาเสียอย่างนั้น
“หลบไปนะ คนจะทำไข่เจียว...”
นอกจากจะทำไข่เจียวให้แล้ว จื๊อไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดที่ตนต้องรับหน้าที่มาเป็คนนั่งเฝ้าด้วย เขามองจักรพรรดิที่ตักข้าวและไข่เจียวเข้าปากทั้งเรียวคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน...หากรู้ว่าเมาแล้วจะนำมาสู่เหตุการณ์เช่นนี้ รู้อย่างนี้นอนดื่มน้ำส้มอยู่ที่บ้านก็ดีแล้ว
“กลับได้แล้ว”
ทันทีที่ตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก เ้าของบ้านก็เอ่ยปากไล่ทันที ทว่าอีกคนหนึ่งเพียงไหวไหล่โคลงศีรษะ บิดี้เีแล้วนั่งเท้าคางมองกัน
“ทำไม เหม็นหน้ากันหรือไง”
จื๊อกลอกตาล่อกแล่กไปมา แล้วเลือกโกหกกลับไป
“...เช้าต้องรีบไปทำงาน”
คราวนี้ผู้ฟังกดยิ้มล้ำลึกข้างมุมปาก เอ่ยถามต้อนอย่างรู้ทัน
“ปิดกิจการแล้วไม่ใช่เหรอ”
“...”
จื๊อปิดปากเงียบ รู้สึกเหมือนถูกแทงใจเข้าอย่างจังจนหน้างอหนักกว่าเก่า เขาลืมไปได้อย่างไรนะ อย่างน้อยจักรพรรดิก็เคยทำงานอยู่ที่บริษัทดังกล่าว เื่ใหญ่ขนาดนี้จะไม่รู้ได้อย่างไร
เมื่อเถียงต่อไม่ได้แล้วก็ตัดบทด้วยการเดินลงเท้าหนัก ๆ ไปเปิดประตูรั้วหน้าบ้าน โชคดีที่จักรพรรดิเบื่อที่จะทำตัวเป็คนหน้าหนาต่อไปแล้ว จึงยอมเดินผิวปากตามมาแต่โดยดี ทว่าในจังหวะที่กำลังจะปิดประตูหนี เ้าตัวกลับจับยื้อประตูเอาไว้ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่คล้ายกับกำลังล่อลวงกัน
“มีงานมานำเสนอ”
“...”
“ที่บาร์ขาดฝ่ายบัญชีอยู่พอดี...ให้เงินเดือนเท่ากับบริษัทเก่า ถ้าขยันทำโอทีก็มีให้เพิ่ม”
ฝ่ายเล่าจื๊อที่แม้จะทำเป็ไม่สนใจ แต่ก็แอบหูผึ่งเต็ม เขากลัวว่าจะถูกจับได้ จึงรีบหันหลังใส่กัน
“ทำงานตอนกลางวัน แต่บางวันก็อาจจะต้องทำยาวถึงตอนกลางคืน เช่น ่ปิดยอดของแต่ละเดือน...แต่จ่ายเงินให้เพิ่มนะ”
“...”
“ถ้าสนใจก็มาสมัครที่หน้าร้าน”
จื๊อเม้มปากเข้าหากัน ข้อเสนอน่าสนใจจนหูผึ่งตาโตไปหมด ทว่าเมื่อตั้งสติได้ว่าหากไปสมัครแล้วจะต้องเจอกันทุกวัน แถมได้อีกฝ่ายเป็เ้านายอีกก็รีบสะบัดศีรษะเรียกสติ ไม่วายหันกลับไปเชิดหน้ามองกันแล้วกล่าวตบท้ายอย่างถือดีอีกต่างหาก
“ไม่สนใจหรอก ไม่มีวันสนใจด้วย”
...
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
ตุบ!
ทันทีที่พาตัวเองเข้ามาในห้องนอนได้ จื๊อก็รีบเทร่างของตัวเองลงนอนหงายบนเตียงทันที ดวงตาใต้กรอบแว่นมองเพดานอย่างเหม่อลอย ก่อนจะรีบพลิกตัวนอนคว่ำแล้วกระชากผ้าห่มมาคลุมศีรษะ
ก็ไม่อยากจะบอกว่าตัวเองเป็พวกเห็นแก่เงินหรอกนะ แต่เขาคงรับไม่ได้แน่ ๆ หากต้องไปเริ่มทำงานใหม่ด้วยอัตราเงินเดือนเท่านักศึกษาจบใหม่ ลำพังแค่บริษัทเก่าก็ใช้เวลานับหลายปีกว่าจะได้รับค่าจ้างที่น่าพอใจ ถึงอย่างนั้นก็ยังใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก โดยเฉพาะ่สิ้นเดือนอยู่ดี
และใช่ ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้จะตระเวนหางานอย่างสุดความสามารถอย่างไร จื๊อยังไม่เห็นบริษัทไหนที่จะใจดีกับอดีตมนุษย์เงินเดือนที่กำลังตกงานอย่างเขาเลยแม้แต่น้อย
ปัจจุบันเล่าจื๊อคือหนุ่มอายุใกล้สามสิบที่มีภาระเต็มบ่า มีเงินออมแต่ก็ยังไม่พอให้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยได้อย่างสบายใจ ่ที่เลิกกับแฟนเก่าเมื่อไม่นานมานี้ก็ขุดเงินออมมาใช้จ่ายเพื่อย้อมใจเสียมากมาย...หรือเขาควรจะก้มหน้ายอมรับชะตากรรมดีนะ ทำอย่างกับว่าตัวเองมีตัวเลือกมากมายอย่างนั้นล่ะ
อา...ทำไมชีวิตของไอ้จื๊อมันถึงหดหู่ขนาดนี้นะ
RRRRRRRRRRRRR
“!!!”
คนที่นอนเป็ผักเปื่อยสะดุ้งโหยง เมื่อเสียงเรียกเข้าวิดีโอคอลดังขึ้นกะทันหัน ครั้นเมื่อหยิบมาดู จึงได้รู้ว่าเป็สายจาก ‘ไฉ่หง’ น้องสาวของเขาเอง
(พี่จื๊อ! คิดถึงจังเลยค่ะ)
ทันทีที่กดตอบรับ เสียงเจื้อยแจ้วจากปลายสายก็ดังทะลุลำโพงมาทันที ภาพที่เห็นเป็อันดับแรกคือเด็กสาวหน้าตาคล้ายคลึงกับเขา เธอสวมชุดมัธยมปลาย เกล้าผมหางม้าดูเรียบร้อย จื๊อส่งยิ้มบาง
“ไม่ได้คุยกันนานเลย”
(หงมีอะไรมาอวดด้วยแหละ)
ว่าแล้วก็เดินไปหาอะไรบางอย่างที่มุมหนึ่งของห้องเสียงดังกุกกัก จื๊อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย รอดูอย่างตั้งใจ ก่อนไฉ่หงจะเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมกับใบแสดงผลการเรียนในมือ กล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
(หนูสอบได้ที่หนึ่งของห้องเชียวน้า)
“น้องสาวของพี่เก่งที่สุดเลย”
เห็นอีกฝ่ายได้ผลการเรียนสมกับที่พยายามตั้งใจอย่างหนัก ตัวจื๊อเองก็พลอยรู้สึกยินดีไปด้วย เขามองกระดาษใบนั้นอยู่นาน เข้าใจความรู้สึกของพ่อแม่ที่อยากจะอวดเื่ลูกให้ข้างบ้านฟังก็วันนี้...เขาเงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าปีหน้าไฉ่หงก็จะจบชั้นมัธยมแล้วจึงถามต่อ
“หงอยากเรียนต่อที่ไหนล่ะ”
“แหะ...”
คราวนี้เด็กสาวยิ้มแห้ง ท่าทางดูคล้ายอยากจะพูดแต่ก็ลังเล ทว่าเมื่อถูกพี่ชายคะยั้นคะยอหนักเข้าก็ยอมโชว์ชื่อมหาวิทยาลัยที่ตนหมายตา พลันคนอายุมากกว่าอ้าปากค้าง
(ทะ ที่นี่ค่ะพี่จื๊อ)
“เอกชนเหรอ”
(อื้อ หงอยากเข้าคณะนิเทศฯ ของมหาลัยนี้น่ะ)
“...”
จื๊อแอบเหงื่อตก ก็ค่าเทอมของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไม่ใช่เล่น ๆ เลยน่ะสิ...หากเขายังคงทำงานอยู่ที่บริษัทเดิมก็อาจจะพอถูไถได้อยู่บ้าง แต่สถานการณ์ตอนนี้คงเรียกได้ว่าค่อนข้างตึงมือทีเดียว ฝ่ายไฉ่หงที่เห็นพี่ชายเงียบไปก็เริ่มใจไม่ดี
(พะ พี่จื๊อโอเคหรือเปล่าคะ ถ้าพี่ลำบากใจ...)
พอเห็นอีกฝ่ายหน้าหงอยลง ชายหนุ่มก็รีบส่ายหน้าเร็วรัว น้องสาวอุตส่าห์พยายามตั้งใจเรียนและเป็เด็กดีมาโดยตลอด จะทำให้เ้าตัวรู้สึกผิดหวังไม่ได้ การทำลายฝันของเด็กคนหนึ่งเป็เื่ที่จื๊อยอมรับไม่ได้เลยทีเดียว!
“ไม่ลำบากใจเลย น้องอยากเรียนที่ไหนพี่ก็ตามใจ”
ไฉ่หงยังคงไม่วางใจ เธอช้อนสายตาขึ้นมองสบกันผ่านหน้าจอโทรศัพท์แล้วอ้อมแอ้มถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่ค่อยจะแน่ใจนัก
(...จริงเหรอคะ)
“อื้อ จริงสิ!” เห็นคู่สนทนาพยักหน้ารับด้วยความมั่นใจ ไฉ่หงจึงเริ่มโล่งใจและผ่อนคลายลง ก่อนจะเริ่มหัวข้อใหม่
(แล้วงานเป็ยังไงบ้างคะพี่จื๊อ)
มาจนได้ หัวข้อที่เล่าจื๊อไม่อยากจะพูดถึงมากที่สุด แค่คิดว่าตนกำลังตกงานก็รู้สึกเหมือนถูกกระทืบหัววันละร้อยรอบ คนอายุมากกว่ากลอกตาล่อกแล่กไปมา ลากเสียงยาวในลำคอเพื่อยื้อเวลา แล้วเลือกที่จะตอบให้น้องสาวสบายใจ
“อื้อ ก็เหมือนเดิมนะ ไม่มีอะไรเป็พิเศษ”
ไฉ่หงหรี่ตาเล็กน้อย ทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ถูกแม่เคาะประตูเรียกเสียก่อน จับใจความได้แว่ว ๆ ว่ามีเพื่อนมารออยู่ที่หน้าบ้าน
“ไปหาเพื่อนเถอะ ไว้คุยกันวันหลังนะ”
(ก็ได้ค่ะ ไว้คุยกันใหม่นะคะ รักพี่จื๊อ!)
ไม่วายทำท่าส่งหัวใจดวงโตให้อย่างน่ารักน่าเอ็นดู จื๊อส่งเสียงหัวเราะให้กับท่าทางดังกล่าว กระทั่งสายถูกตัดไป ชายหนุ่มก็ยังคงยิ้มค้างเอาไว้ ทว่ากลับเริ่มมีสีหน้าคล้ายคนอยากจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
เขารีบหยัดกายลุกขึ้นจากเตียงแล้วตรงดิ่งไปหยิบสมุดบัญชีมาเปิดดู โชคดีเหลือเกินที่ตนมีนิสัยชอบเก็บหอมรอมริบ ทว่าเมื่อลองคิดคำนวณถึงค่าเทอมและค่าครองชีพที่จำเป็เมื่อเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งนั้นแล้ว เขาก็ได้แต่นั่งเหม่อ
...ตายแน่...
ในหัวที่เคยชินกับการทำงานราวกับเป็หุ่นยนต์เริ่มคิดหาแนวทางที่จะทำให้น้องสาวได้เรียนในที่ที่ใฝ่ฝัน ในขณะที่ตัวเขาก็ต้องอยู่ได้โดยไม่ต้องถึงขั้นกินข้าวคลุกน้ำปลาทุกมื้อ...พลันคำพูดของจักรพรรดิเมื่อสัปดาห์ก่อนก็ลอยเข้าหัวมาอีกครั้ง
ราวกับเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ก่อนที่มันจะดับวูบไป เมื่อชายหนุ่มรีบส่ายหัวไปมาจนแว่นแทบจะกระเด็นหลุดจากหน้า
คิดว่าคนอย่างเล่าจื๊อจะยอมให้ศัตรูซื้อตัวได้ด้วยจำนวนเงินอย่างนั้นเหรอ...ไม่มีทาง!!
…
สามวันต่อมา
THE EMPEROR
…จื๊อไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะมายืนอยู่ตรงนี้
เขามายืนอยู่ที่หน้าสถานบันเทิงชื่อดังแห่งนี้ได้สักพักใหญ่แล้ว ทำท่าจะเดินเข้าไป ไม่นานก็ก้าวถอยออกมาเสียอย่างนั้น สุดท้ายก็ได้แต่ยืนปาดเหงื่ออยู่ที่เดิม ท่ามกลางแสงแดดประเทศไทย่เที่ยงตรงที่ร้อนระอุ
จื๊อก้มลงมองใบเรซูเม่ในมือ มีข้อมูลการศึกษาและประสบการณ์การทำงานเกี่ยวกับฝ่ายบัญชีอัดแน่นอยู่เต็มพื้นที่...แม้จะเตรียมตัวมาจนพร้อมมากเพียงใด พอมาถึงสถานที่จริงก็ดันกระอักกระอ่วนเสียอย่างนั้น นอกจากจะเคยมาทำตัวเป็ไก่อ่อนที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว เ้าของร้านก็ยังเป็คนที่เขาไม่ถูกชะตาด้วยอย่างแรงอีกต่างหาก
“มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”
“!!!”
เขตที่เห็นว่ามีคนมายืนด้อม ๆ มอง ๆ ที่หน้าร้านอยู่นานจึงเปิดประตูหน้าร้านแล้วชะโงกหน้าออกไปถาม พลันคนที่ยืนใจลอยอยู่สะดุ้งโหยง ขวัญแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง
พนักงานหนุ่มหรี่ตามองคนตรงหน้าอย่างจับผิด อีกฝ่ายสวมแว่นหนา อยู่ในชุดกางเกงขายาวและเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบ ติดกระดุมถึงเม็ดบนสุดจนแอบรู้สึกอึดอัดแทน พอเห็นเขาก็ยืนตัวเกร็งทันที
“สรุปว่ามีอะไรหรือเปล่าครับ”
“มา เอ่อ มาสมัครงานครับ”
เขตเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่ยักรู้ว่าลูกพี่เปิดรับสมัครโฮสต์่นี้ด้วย
“โฮสต์เหรอครับ”
พลันจื๊อเบิกตากว้าง รีบส่ายหน้าพรืด
“มะ ไม่ใช่!!”
“มีอะไรไอ้เขต”
“...”
“โวยวายห่าอะไรกันนักหนา กูจะนอ---”
เสียงง่วงงุนเจือความหงุดหงิดของเ้าของร้านดังขึ้นจากทางด้านหลัง ก่อนจะเงียบไปเมื่อเห็นว่ามีใครมายืนตัวแข็งเป็หุ่นอยู่ที่หน้าร้าน อีกทั้งยังกอดแฟ้มแนบอกเอาไว้แน่น พนักงานหนุ่มรีบหลบทางให้ทันที ก่อนจะรายงาน
“มีคนมาสมัครงานครับลูกพี่”
“...”
คนทั้งสองมองสบตากันท่ามกลางความเงียบ จื๊อลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ แล้วกลอกตาล่อกแล่ก ทว่าสักพักหนึ่งก็กลับมานิ่งสงบแล้วกระแอมกระไอเรียกสติ เอาล่ะ จะถอยก็ไม่ได้แล้ว ขืนทำตัวเอิกเกริกคงไม่วายถูกล้อเลียนเป็แน่ คิดเสียว่าจำเป็ต้องมาที่นี่ก็เพราะเงินเดือนดีแล้วกัน
...อีกอย่าง จะให้คนอื่นรู้ว่าพวกเขารู้จักกันไม่ได้
“ผมมาสมัครงานครับ...ฝ่ายบัญชี”
จื๊อกล่าวด้วยท่าทางสุขุมแล้วยื่นแฟ้มเอกสารซึ่งเก็บข้อมูลส่วนตัวและประวัติการทำงานของตนให้ ไม่วายรีบเน้นย้ำตำแหน่งที่ตน้าจะสมัครอีกด้วย
“...”
จักรพรรดิไม่เอ่ยสิ่งใด เพียงหลุบสายตาลงมองแฟ้มที่ถูกยื่นมาให้ตรงหน้านิ่งงัน ทว่าไม่ยอมรับไปเสียที...ร่างสูงยืนกอดอก พิงไหล่อิงประตู ก่อนจะกดรอยยิ้มล้ำลึกข้างมุมปาก ใช้ปลายนิ้วจิ้มปลายจมูกเล่าจื๊อเบา ๆ คล้ายหยอกเย้า ไม่วายส่งคำถามเสียงยียวนกระตุ้นอารมณ์อีกต่างหาก
“รับดีไหมนะ?”
พลันร่างขาวหน้าหงิก รีบถอยหลังหนีแล้วขยับแว่นให้เข้าที่ ในขณะที่ร่างสูงเห็นคนถูกแกล้งสะบัดหน้าหนีแล้วส่งเสียงฟึดฟัดในลำคอก็ยิ่งได้ใจ ทั้งยังขยันราดเชื้อเพลิงเข้าไปในกองไฟเรื่อย ๆ อีกต่างหาก
“คงต้องให้ฝึกงานก่อน...ต้องหัดประจบเ้าของร้านเข้าไว้นะครับน้อง จะได้ผ่านโปรไว ๆ”
“...”
“เผื่อพี่ให้ทิปพิเศษเพิ่มด้วย”
จื๊อได้แต่ยืนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน มองรอยยิ้มยียวนตรงหน้าด้วยอาการคันไม้คันมือแต่ทำอะไรไม่ได้
จักรพรรดิไอ้คนนิสัยไม่ดี
นิสัยไม่ดี!!!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้