ณ ชั้นเจ็ดของวังผ่านภา บนแท่นหินโบราณมีแสงแวววาวปรากฏขึ้นก่อนจะเข้าห่อหุ้มร่างของหนิงเทียน
ชิงผีซานทั้งตกตะลึง ประหลาดใจ และแทบไม่เชื่อในสายตาของตนเอง สถานการณ์ของหนิงเทียนนั้นแปลกเกินไปแล้ว
ครั้งแล้วครั้งเล่า ซ้ำแล้วซ้ำอีก นี่เป็ไปได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น ในครั้งแรกเขาสื่อสารกับอาวุธิญญาได้หนึ่งชิ้น แต่ครั้งที่สองเพิ่มเป็สองชิ้น และครั้งที่สามก็เพิ่มเป็สี่ชิ้น นี่ไม่ใช่แค่สัตว์ประหลาดเท่านั้น แต่ยังเข้าใจยากอีกด้วย!
หนิงเทียนเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขารู้สึกว่าจิตสำนึกของตนถูกแบ่งออกเป็สี่ส่วน จากนั้นฉากในห้วงมิติที่แตกต่างกันสี่ฉากก็ปรากฏขึ้นในใจ
เหตุใดถึงเกิดเื่เช่นนี้ขึ้นได้?
หนิงเทียนกำลังคิดหาคำตอบ แต่คำตอบที่ได้กลับทำให้เขาต้องประหลาดใจ เพราะสาเหตุที่จิตสำนึกและจิตใจของหนิงเทียนสามารถแบ่งออกเป็สี่ส่วนได้นั้นสืบเนื่องมาจากไหมสีเขียวยาวหนึ่งชุ่น
ไหมสีเขียวหนึ่งชุ่นสามารถสื่อถึงจิตสำนึกของหนิงเทียนได้ ทั้งยังสามารถบรรจุจิตสำนึกได้สามประการ เมื่อเพิ่มจิตสำนึกดั้งเดิมของเขาเข้าไปจึงกลายเป็จิตสำนึกที่แบ่งได้สี่ส่วน และขณะเดียวกันพวกมันก็ได้แยกออกไปในห้วงมิติเวลาที่แตกต่าง
ฤดูวสันต์ปีที่สามแสนหนึ่งหมื่นแปดพันหกร้อยสิบสามของปฏิทินหลิงฮวง กองทัพหยวนซิวบุกรุกพื้นที่ใจกลางของหลิงฮวง ณ ดาวหวาเฉินบนดินแดนลวี่เหยี่ย
ฤดูเหมันต์ปีที่สามหมื่นสองพันหนึ่งร้อยเก้าสิบสี่ของปฏิทินหลิงฮวง กองทัพซิงซิวบุกโจมตีดินแดนชีเจียงบนดาวสุ่ยอวิ๋น ซึ่งอยู่ทางทิศประจิมของหลิงฮวง
ฤดูคิมหันต์ปีที่สามแสนสี่หมื่นหกพันห้าร้อยยี่สิบเก้าของปฏิทินหลิงฮวง กองทัพหยวนซิวบุกโจมตีดินแดนเสวียนหั่วบนดาวหั่วเฮ่อ ซึ่งอยู่ทางทิศบูรพาของหลิงฮวง
และฤดูสารทปีที่สามแสนเจ็ดหมื่นหนึ่งพันสี่ร้อยหกสิบเจ็ดของปฏิทินหลิงฮวง กองทัพซิงซิวบุกทะลวงดินแดนจิ่วหลิงบนดาวเตอหวา ซึ่งอยู่ทางทิศอุดรของหลิงฮวง
ภาพต่างกัน เวลาต่างกัน สถานที่ต่างกัน แต่กลับมีการบุกรุกและการสังหารหมู่ที่ดำเนินไปในรูปแบบเดียวกัน
จิตสำนึกของหนิงเทียนมาเยือนสถานที่ทั้งสี่แห่งตามลำดับ เขาได้ประสบกับยุคที่มืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกแห่งจิติญญา และได้เห็นการต่อสู้อันโหดร้ายที่กินเวลาหลายชั่วอายุคนด้วยตาของตนเอง
บนดินแดนลวี่เหยี่ย หนิงเทียนกลายเป็ไม้เลื้อย
บนดินแดนชีเจียง เขากลายเป็จิติญญาแห่งสายน้ำ
บนดินแดนเสวียนหั่ว เขาเป็ิญญาแห่งไฟ
และบนดินแดนจิ่วหลิง เขาได้กลายร่างเป็ิญญาแห่งพื้นดิน
สิ่งเหล่านี้สอดคล้องกับเถาวัลย์เขียวในเส้นลมปราณที่สี่ ลำธารวงแหวนในเส้นลมปราณที่ห้า เปลวเพลิงเก้าสีในเส้นลมปราณที่หก และเนินเขาในเส้นลมปราณที่เจ็ด
หนิงเทียนจุติเป็ิญญาต่างแดนผู้ยิ่งใหญ่ถึงสี่ตนในเวลาและสถานที่ที่ต่างกัน พร้อมเข้าต่อสู้ในศึกนองเืกับซิงซิวและหยวนซิวที่แข็งแกร่งที่สุด ทั้งยังพยายามพลิกสถานการณ์ แต่น่าเสียดายที่กาลเวลาไม่สามารถย้อนกลับได้
หนิงเทียนมีขวัญกำลังใจสูงและไม่เคยยอมแพ้ เขาผสานจิตสำนึกของตนเข้ากับร่างของิญญาต่างแดน แล้วต่อกรกับซิงซิวและหยวนซิวข้ามกาลเวลาและห้วงมิติ
เขาผ่านความยากลำบากอย่างไม่คิดยอมอ่อนข้อ ล้มแล้วลุกขึ้นใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า ใช้ทักษะเก้าร่างเถาวัลย์ั แหล่งกำเนิดชีวิต เก้าเนตร์ และบรรเลงบทเพลงฝังบุปผาอย่างสุดกำลังด้วยศรัทธาอันไม่สิ้นสุด ในที่สุดเขาก็สังหารคู่ต่อสู้ของตนได้ และในการทำลายล้างนั้นก็ได้สร้างเศษเสี้ยวความทรงจำอันไม่อาจลบล้างไว้ด้วย
หนิงเทียนจะไม่มีวันลืมการต่อสู้เหล่านี้ เขาได้เห็นยุคที่มืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์อันยาวนาน และค้นพบสาเหตุที่จื๋อซิวถูกเหยียดหยามจากรุ่นสู่รุ่นแล้ว
เพียงแต่หนิงเทียนไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าความสัมพันธ์ของดินแดนหยวนซิงกับหลิงฮวงเป็อย่างไร?
อะไรคือความแตกต่างระหว่างหลิงฮวงและอาณาจักรจิติญญา?
เมื่อจิตสำนึกของหนิงเทียนกลับสู่วังผ่านภา แท่นหินก็ส่งเสียงกึกก้อง อาวุธิญญาทั้งสี่รอบตัวเขาต่างเรืองแสงอันเจิดจรัสไร้ผู้เทียบเทียมก่อนจะแตกสลายไป ความสุกใสกลายเป็เส้นไหมสีเขียวยาวหนึ่งชุ่นพร้อมเจาะเข้าไปในเส้นลมปราณของเขา และฝังอยู่ในแผนที่จิติญญา
แผนที่จิติญญาทั้งเจ็ดของหนิงเทียนล้วนมีเส้นไหมสีเขียวยาวหนึ่งชุ่นอยู่ภายใน ยามนี้ราวกับมีจิติญญาถูกปลูกฝังไว้ในนั้น นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?
หนิงเทียนไม่รู้คำตอบ เขายังคงสับสนอยู่มาก แต่ชิงผีซานกลับตื่นเต้นเป็อย่างยิ่ง ชัยชนะเจ็ดครั้งติดต่อกัน นี่เป็ความรุ่งโรจน์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในวังผ่านภา!
ยามนึกถึงความพ่ายแพ้สี่สิบเก้าครั้งของตนก็มีแต่จะทำให้เศร้าโศก ขุ่นข้อง และสิ้นหวัง เมื่อเทียบกับชัยชนะเจ็ดครั้งติดต่อกันของหนิงเทียนแล้วจะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้อย่างไร?
หนิงเทียนมองเขาแล้วยิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นก็หลับตาลงและนั่งขัดสมาธิบนแท่นหินเป็เวลาสามวัน
เขานึกถึงทุกการต่อสู้ ทุกรายละเอียด ทุกความล้มเหลว และเขา้าเรียนรู้จากมัน ทั้งยังวิเคราะห์ลักษณะของซิงซิวและหยวนซิวว่าสิ่งใดควรค่าแก่การเรียนรู้ สิ่งใดควรค่าแก่การอ้างอิง และสิ่งใดที่ต้องให้ความสนใจไปพร้อมๆ กัน
เมื่อลืมตาขึ้น หนิงเทียนก็ลุกเดินลงไปตามแท่นหิน “ไปต่อกันเถอะ”
ชิงผีซานสงบสติอารมณ์ลงแล้วมองหนิงเทียนอย่างละเอียด ก่อนจะพูดเบาๆ ว่า “ขอบคุณที่ช่วยเติมเต็มความฝันของข้า นี่คือสิ่งที่เ้าสมควรได้รับแล้ว”
“เ้าไม่ได้จะให้ข้าเพียงหนึ่งผลหรอกหรือ?” หนิงเทียนมองผลไม้ิญญาในมือของชิงผีซาน แต่ไม่ได้หยิบมันขึ้นมา
“นี่คือสิ่งที่มอบให้เ้าในนามของจื๋อซิวทั้งหมด ข้าหวังว่าเ้าจะเติบโตขึ้นในไม่ช้าและสนับสนุนยึดนภาให้กับจื๋อซิว!”
หนิงเทียนแสดงสีหน้าซับซ้อนแล้วพูดอย่างแ่เบาว่า “มันหนักเกินไป ข้าเกรงว่าในอนาคตอาจทำไม่สำเร็จ”
ชิงผีซานยัดผลไม้ิญญาใส่มือหนิงเทียนพร้อมให้กำลังใจ “เอาน่า ข้าไว้ใจเ้า!”
หนิงเทียนได้ยินดังนั้นก็เก็บผลไม้ิญญาไปด้วยสายตามุ่งมั่น
สถานการณ์บนชั้นแปดของวังผ่านภาค่อนข้างเกินความคาดหมาย ที่แห่งนี้แตกต่างจากชั้นห้า หก และเจ็ดอย่างสิ้นเชิง
ชั้นแปดเป็พื้นที่ปิดซึ่งมีเตาอยู่สามเตา และมีตัวอักษรลอยโฉบไปมาอยู่กลางอากาศ
“เ้ารู้หรือไม่ว่าพวกมันเป็ตัวแทนของสิ่งใด?” ชิงผีซานกำลังทดสอบความสามารถในการสังเกตของหนิงเทียน
หนิงเทียนใช้ทักษะดวงเนตรและมองเห็นความแตกต่างของเตาทั้งสามอย่างรวดเร็ว “เตายา เตาเพลิง และเตาภาชนะ สิ่งนี้สื่อถึงการเล่นแร่แปรธาตุ การปรับแต่งร่างกาย และการขัดเกลาอาวุธของหยวนซิวใช่หรือไม่?”
ชิงผีซานกล่าวว่า “ถูกต้อง นี่คือการปรับแต่งสามประการของหยวนซิว ได้แก่ ยา อาวุธ และร่างกาย แต่น่าเสียดายที่จื๋อซิวไม่สามารถปรับแต่งอาวุธได้”
หนิงเทียนไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ เขารู้สึกว่าจื๋อซิวต้องทนทุกข์ทรมานมากเกินไป “เตาทั้งสามเป็ตัวแทนของมรดกสามประการ แล้วเหตุใดจึงรวมอยู่ในวังผ่านภา ไม่มียอดฝีมือหยวนซิวคนใดมาแย่งมันไปเลยหรือ?”
“ยอดฝีมือหยวนซิวสามารถบุกเข้ามาได้ เพียงแต่มันเป็เื่ยากมาก”
หนิงเทียนอยู่บนชั้นแปดครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินตามชิงผีซานไปยังชั้นเก้า
สภาพแวดล้อมที่นั่นค่อนข้างคล้ายกับชั้นแปด เครื่องมือวิเศษสามชิ้นลอยอยู่ในพื้นที่ปิดสนิท พวกมันคือแผนที่ดารา ธง และแหวนดารา
“นี่คือมรดกซิงซิว แต่ละชิ้นเป็ตัวแทนของอะไรหรือ?” หนิงเทียนรู้จักของวิเศษเ่าั้ แต่เขาไม่รู้ความหมาย
ชิงผีซานกล่าวว่า “นี่คือสมบัติสามประการของซิงซิว ได้แก่ โหราศาสตร์ ค่ายกล และการกลั่นดารา”
หนิงเทียนจับจ้องของวิเศษทั้งสามอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปยังชั้นต่อไป
“เ้าอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึก ชั้นที่สิบเป็ขีดจำกัดแล้ว และชั้นที่หนึ่งถึงสิบของวังผ่านภาก็ถือเป็ตัวแทนของทั้งหมดเช่นกัน”
ระหว่างทางเดินจากชั้นเก้ามาชั้นสิบ หนิงเทียนรู้สึกถึงความกดดันที่รุนแรงมาก มีการปราบปรามขอบเขตจิตหยั่งลึกเกิดขึ้น และต้องใช้ความเข้มแข็งอย่างยิ่งในการก้าวไปข้างหน้า
เมื่อหนิงเทียนหมุนเวียนยุทธศาสตร์ครอง์ เส้นลมปราณหลักทั้งเจ็ดในร่างของเขาก็สั่นะเืและร้องคำราม แผนที่จิติญญาเปล่งประกายเจิดจ้า ร่างกายของเขาทะยานขึ้นไปบนนภาราวกับสายฟ้า พร้อมฉีกกระชากสิ่งกีดขวางก่อนจะเข้าถึงชั้นที่สิบของวังผ่านภาได้สำเร็จ
หนิงเทียนพบว่าชั้นสิบแตกต่างจากชั้นแปดและเก้าเล็กน้อย ที่นี่ไม่มีอาวุธิญญาลอยอยู่กลางอากาศ แต่มีเพียงต้นไม้เก่าแก่ต้นหนึ่งอยู่ในมุมที่ไม่สะดุดตา โดยมีใบไม้เขียวเหลืองประดับเต็มกิ่งก้าน
“ชั้นนี้สอดคล้องกับจื๋อซิว” ชิงผีซานยืนอยู่ข้างหลังหนิงเทียนและเอ่ยเตือนเบาๆ
หนิงเทียนมองต้นไม้โบราณและนึกถึงสถานการณ์ั้แ่ชั้นหนึ่งจนถึงชั้นสิบ
ชั้นหนึ่ง สี่ เจ็ด และสิบสอดคล้องกับจื๋อซิว ชั้นสอง ห้า และแปดสอดคล้องกับหยวนซิว ส่วนชั้นสาม หก และเก้าสอดคล้องกับซิงซิว รูปแบบเหล่านี้ชัดเจนมาก
“สองชั้นด้านล่างมีมรดกของหยวนซิวและซิงซิวตามลำดับ เช่นนั้นที่ชั้นสิบนี้จะมีมรดกจื๋อซิวด้วยหรือไม่?” หนิงเทียนหันกลับมาและถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของที่นี่
ชิงผีซานมีสีหน้าลังเลโดยพลัน ซึ่งปฏิกิริยานี้ทำให้หนิงเทียนสับสนมากและถามต่อ “ที่นี่มีอะไรพิเศษหรือไม่?”
ชิงผีซานเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ที่นี่มีมรดกของจื๋อซิวจริงๆ แต่จื๋อซิวทุกคนที่ได้รับมรดกในอดีตล้วนพบจุดจบที่ไม่ดี”
“พบจุดจบที่ไม่ดีหรือ?” หนิงเทียนตกตะลึงไปชั่วขณะ มันเป็เพียงอาการตื่นตระหนกหรือยังมีเหตุผลอื่นอีก?
“เ้าสามารถตรองด้วยตัวเองว่าจะเลือกอย่างไร” ชิงผีซานไม่อยากพูดมากไปกว่านี้ ขณะที่หนิงเทียนจ้องมองต้นไม้โบราณและรู้สึกว่ารากบ่มเพาะในร่างกำลังตื่นเต้น ใบอ่อนทั้งสามเต็มไปด้วยแสงแห่งความโกลาหล มันปล่อยคลื่นพลังอันแรงกล้าและชี้ไปที่ต้นไม้นั้น
หนิงเทียนครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะเดินไปที่ต้นไม้โบราณ พลันดวงตาสีเขียวทั้งสามดวงก็ส่องแสงแปลกๆ ซึ่งเต็มไปด้วยความคาดหวังและความกังวล
มันเป็ต้นไม้ที่เก่าแก่มาก มีความสูงมากกว่าหนึ่งจั้ง กิ่งก้านและใบเปรียบเสมือนร่ม ใบของมันสีเขียวผสมกับสีเหลือง ซึ่งมีร่องรอยความเสื่อมโทรมจากโบราณกาล
ทันใดนั้นกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตของหนิงเทียนก็สั่นะเือย่างรุนแรง ยิ่งเขาเข้าใกล้ต้นไม้โบราณมากเท่าใด กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตก็ยิ่งตื่นตัวมากขึ้นเท่านั้น
นอกจากนี้ลำธารวงแหวนข้างกายยังมีบางสิ่งแปลกๆ ปรากฏขึ้น และดูเหมือนยันต์เต๋าอนันต์จะััได้ถึงบางอย่าง จึงตื่นขึ้นมาด้วยตนเอง
ต้นไม้โบราณอันเงียบสงบมีสีสันเล็กน้อย แสงสลัวๆ สาดส่องไปทุกใบและไหลไปทั่วลำต้น อบอวลไปด้วยเสน่ห์แบบโบราณราวกับเทพเ้าโบราณกำลังฟื้นคืนชีพ
หนิงเทียนหยุดเคลื่อนไหวและแสดงสีหน้าประหลาดใจ ต้นไม้โบราณต้นนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ราวกับว่ามีเหตุและผลบางอย่างที่ทำให้พวกเขามาพบกันที่นี่
หนิงเทียนใช้ยุทธศาสตร์ครอง์พร้อมเปิดใช้ทักษะควบคุมิญญา เขาพยายามสื่อสารกับต้นไม้โบราณ แต่กลับถูกสะท้อนกลับด้วยพลังที่ไม่อาจอธิบายได้
รอยประทับิญญารวมกับทักษะยุทธศาสตร์ครอง์ไม่สามารถรุกรานต้นไม้โบราณนี้ได้ ดูเหมือนว่ามันจะมีพลังมากกว่าที่หนิงเทียนจินตนาการไว้มาก
ชิงผีซานไม่พูดอะไรและมีท่าทีประหม่า เห็นได้ชัดว่าเขารู้อะไรบางอย่างแต่กลับไม่พูดอะไรสักคำ
หนิงเทียนพยายามสื่อสารกับต้นไม้โบราณ แต่เขาลองหลายวิธีแล้วก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใด
“ข้าจะรับมรดกของต้นไม้นี้ได้อย่างไร?” เมื่อหนิงเทียนประสบปัญหา กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตก็ปล่อยคลื่นพลัง พลันเส้นไหมสีเขียวในแผนที่จิติญญาทั้งเจ็ดก็ลอยออกมา ก่อนจะผสานสร้างเป็ตัวอักษร 言 ขึ้นต่อหน้าต่อตาหนิงเทียน พร้อมส่องแสงสว่างราวกับภาพฝันลงบนลำต้นของต้นไม้
ขีดเจ็ดขีดของอักษร 言 สลักไว้บนลำต้นเหมือนตราสัญลักษณ์ และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด
ต้นไม้โบราณสั่นไหว ใบไม้ทุกใบเบ่งบานด้วยแสงเจิดจ้า เส้นสายเริ่มปรากฏขึ้น จากนั้นเสียงที่คลุมเครือก็ดังก้องไปทั่วบริเวณ
ดวงตาของหนิงเทียนลุกเป็ไฟ เขาจ้องมองลำต้นของต้นไม้ก่อนจะเห็นว่าอักษร 言 สลายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเส้นไหมทั้งเจ็ดก็แปรเปลี่ยนเป็อักษร 连 พร้อมกับพลังทางจิติญญาลึกลับที่พุ่งเข้ามาในจิตใจ
“มารบกวนความสงบสุขของข้าเช่นนี้ เ้า้าอะไรจากข้าหรือ?” เสียงชราดังก้องอยู่ในหูของหนิงเทียน ทำให้เขาตื่นเต้นอย่างมาก
หนิงเทียนไม่เคยคิดเลยว่าเส้นไหมทั้งเจ็ดจะกลายเป็สะพานเชื่อมโยงระหว่างเขากับต้นไม้โบราณ โดยตัวอักษร 言 แสดงถึงภาษาและสื่อถึงความเต็มใจในการสื่อสารของหนิงเทียน ส่วนตัวอักษร 连 คือคำตอบของต้นไม้โบราณที่บ่งบอกว่าพวกเขาสามารถสื่อสารกันได้
