"มู่เอ๋อร์ เหตุใดเ้าจึงหลับในอ่างอาบน้ำเล่า รีบลุกขึ้นมาเร็ว เ้านี่ไม่รู้จักกลัวว่าร่างกายจะได้รับความเย็น"
หากมิใช่เพราะการเร่งรัดของหยางซื่อ หลิงมู่เอ๋อร์ยังคงจมอยู่ในความเ็ปสิ้นหวังนั้น เมื่อลืมตาขึ้นมา จึงตระหนักได้ว่าเมื่อครู่เป็เพียงฝันร้ายฉากหนึ่งเท่านั้น
นางอ้าปากหอบหายใจ กระหายที่จะขจัดความตื่นตระหนกเมื่อสักครู่ลงไป แต่ความฝันนี้เหมือนจริงเกินไปแล้ว
“ท่านแม่ ในยามที่พี่ใหญ่จากไปได้บอกหรือไม่ว่าไปกี่วัน เหตุใดข้าจึงจำมิได้แล้ว” เหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง หลิงมู่เอ๋อร์ก็เกาะแขนหยางซื่อ เสียงสั่นเล็กน้อยอย่างไม่สบายใจ
หยางซื่อลูบหน้าผากของนาง ยังเข้าใจว่านางอาบน้ำเย็นจึงเป็ไข้ “ก็มิได้เป็ไข้จนเลอะเลือนนี่นา เหตุใดจึงกล่าววาจาเหลวไหลได้เล่า มู่เอ๋อร์ แม่รู้ว่าเ้ากับเ้าเด็กเฉินนั่นใจตรงกัน แต่มีหญิงสาวที่ไหนทั้งวันเอาแต่คิดถึงบุรุษกัน ยังไม่รู้จักอายบ้าง”
ถูกหยางซื่อจิ้มหน้าผากเตือนสติ หลิงมู่เอ๋อร์จึงได้สติแลบลิ้นออกมา เมื่อครู่นางเป็ห่วงซั่งกวนเซ่าเฉินเกินไปแล้ว
เพราะนางมีความรู้สึกว่า ฝันนั้นอีกไม่นานก็จะกลายเป็ความจริงขึ้นมา
“ท่านแม่ ท่านก็เย้าข้าอีกแล้ว” ปล่อยให้หยางซื่อลากนางขึ้นมาจากน้ำ หลิงมู่เอ๋อร์ห่อเสื้อคลุมอาบน้ำจนมิดชิด คลอเคลียไหล่ของนาง
ที่แท้ ภายใต้เปลือกนอกที่แข็งแกร่งของบุตรสาวนางก็มีด้านที่เขินอายเช่นนี้อยู่ด้วย แต่ไหนแต่ไรมา นางคิดเสมอว่า บุตรสาวเป็การคงอยู่ที่ยิ่งใหญ่ไร้ผู้ต่อกร เพราะได้นำพวกเขาจากชนบทที่ทรุดโทรมแห่งนั้นมายังเมืองหลวง บัดนี้ ยังมีชีวิตที่ดีเช่นนี้ ล้วนพึ่งพาบุตรสาวที่ไม่มีสิ่งใดที่ไม่สามารถผู้นี้ ยังเข้าใจว่า นางแข็งแกร่งจนไม่มีผู้ใดสยบได้แล้ว
“เ้าสาวน้อยคนนี้ ยังรู้ว่าข้าเป็แม่ของเ้าหรือ ่นี้เ้าใกล้ชิดกับเ้าเด็กเฉินเกินไป แม่ไม่ได้ตำหนิเ้า แต่เ้าต้องระลึกให้ดี พวกเ้าทั้งสองอย่างไรก็ยังมิได้แต่งงาน มีบางเื่ยังคงต้องยึดธรรมเนียมไว้” แม้หยางซื่อจะกล่าวเช่นนั้น แต่ยังคงใช้ผ้าเช็ดผมให้นางอย่างเมตตา
ในกระจกทองแดง ใบหน้าของสาวน้อยที่แดงระเรื่อขึ้นมาเพราะแช่น้ำร้อน ในความเขินอายผสานไปด้วยเสน่ห์อันเย้ายวน นี่เป็ครั้งแรกที่หลิงมู่เอ๋อร์รู้สึกว่า นางอาจจะเติบโตแล้ว “วางใจเถอะท่านแม่ ข้ารู้ขอบเขตเ้าค่ะ แต่ว่า เฉินได้ขอข้าแต่งงานแล้วเ้าค่ะ ”
“ขอแต่งงาน? อะไรคือขอแต่งงานกัน?”
“ก็คือ เขาใช้ฐานะของฝ่ายชายออกคำเชิญให้ข้าออกเรือนด้วย หวังว่าข้าจะเป็ภรรยาของเขา และเขายังกล่าวอีกว่า หลังจากกลับจากภารกิจในครั้งนี้ก็จะมาขอแต่งงานที่บ้าน” เป็ครั้งแรกเช่นกันที่หลิงมู่เอ๋อร์รู้สึกว่า เสียงสูงต่ำของเขาช่างน่าฟังถึงเพียงนั้น ก็ราวกับนกกางเขนบนกิ่งไม้ในฤดูร้อน ทำให้คนได้ยินแล้วรู้สึกสบาย
“จริงหรือ? เช่นนั้นก็ดี!” นี่ดูเหมือนจะเป็ข่าวดีที่สุดที่หยางซื่อได้ยินมาในรอบครึ่งปีนี้แล้ว
เมื่อก่อนที่บ้านยากจน ลำบากเด็กคนนี้แล้ว มักจะกังวลว่าร่างกายที่อ่อนแอผ่ายผอมของนางนั้นจะไม่อาจทนผ่านฤดูหนาวไปได้ กลัวว่า ในวันใด ในที่ใดสักแห่ง นางจะหิวตาย หนาวตาย ผลกลับไม่คิดว่า ทั้งครอบครัวจะเป็นางที่แบกยกขึ้นมา
นางซึ่งเป็เพียงสตรีที่มาจากชนบทนางหนึ่ง จะเคยหวังได้อย่างไรว่าคนทั้งบ้านจะสามารถมาที่เมืองหลวงได้ ยังทำการค้าขาย? และจะไปกล้าคิดได้อย่างไรว่า บุตรเขยในอนาคตจะเป็ถึงราชองครักษ์หลวงแห่งเมืองหลวง
“ข้าต้องรีบเอาข่าวดีนี้ไปบอกกับท่านยายของเ้า” หยางซื่อราวกับเด็กน้อยที่เก็บลูกอมได้ ะโโลดเต้นพุ่งออกไป ก่อนจากไปยังได้ยินนางพึมพำกับว่า “ท่านยายของเ้า หลายวันก่อนยังพูดว่าจะทำชุดแต่งงานให้เ้า ข้ายังคิดว่าเร็วเกินไป แต่เห็นแล้วว่ายังคงเป็นางที่มองการณ์ไกล ”
ราวกับพรุ่งนี้ก็จะแต่งไปเป็ภรรยาผู้อื่นแล้ว กลายเป็เ้าสาวที่งดงามที่สุด หลิงมู่เอ๋อร์ถูกความยินดีของมารดาส่งผลไปด้วย มุมปากยกขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ ริมฝีปากทั้งสองที่แม้ไม่แต่งแต้มก็แดงชาดโค้งขึ้นอย่างน่ามอง
“รีบมาลองเร็วเข้า ดูว่าความยาวสั้นนี้เพียงพอหรือไม่ หากเป็ไปได้ ข้ากับแม่ของเ้าจะรีบปักหงส์คู่ หวังว่าจะสามารถทำเสร็จก่อนวันแต่งงานของเ้า” ท่านยายจูงหลิงมู่เอ๋อร์ที่พึ่งกลับมาจากโรงหมอ นำชุดแต่งงานสีแดงสดที่ทำได้ครึ่งหนึ่งคลุมลงบนร่างของนาง เปรียบเทียบซ้ายขวา แอบจดจำจุดที่ต้องทำการแก้ไข
หลิงมู่เอ๋อร์ตกตะลึงไปแล้ว “ท่านยาย ความไวของพวกท่านใช่เร็วเกินไปแล้วหรือไม่ พี่ใหญ่ยังมิได้กลับมา พูดอะไรก็ยังไม่ได้พูด หากให้เขารู้ว่าพวกท่านทำชุดแต่งงานเสร็จแล้ว ข้ามิใช่จะถูกคนหัวเราะเยาะเอาหรือ”
แม้คำพูดจะกล่าวเช่นนั้น แต่ในยามที่สายตาของหลิงมู่เอ๋อร์วาดผ่านชุดแต่งงานนั้น ในใจก็มีกระแสความอบอุ่นสายหนึ่งไหลผ่าน ทำให้นางสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
ชาติก่อน นางยังไม่ทันได้ลิ้มรสชาติของการเป็เ้าสาวก็ตายเสียแล้ว ในชาตินี้ นางก็จะแต่งงานแล้ว? แต่งให้บุรุษที่นางรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ด้วยมากที่สุด
“ดูปากนี้ของเ้าสิ จะกระดกขึ้นไปบนฟ้าแล้ว ในใจไม่รู้ว่ายินดีถึงเพียงใด ยังโทษที่พวกเราทำเร็วเกินไปอีก” ท่านยายหัวเราะค้อนนางทีหนึ่ง ประคองชุดแต่งงานกลับไปยังเก้าอี้ ทางหนึ่งเดินไปอีกทางก็บ่นว่า “จะถึงปีใหม่แล้ว หลังปีใหม่จะเป็่ที่กิจการวุ่นวาย หากรอให้เ้าหนุ่มเฉินกลับมาขอแต่งงานค่อยทำชุดนี้ ก็จะไม่ทันการณ์แล้ว”
ในยามที่หยางซื่อจัดการเื่ในเรือนด้านหน้าเสร็จแล้วกลับมานั้น ก็ได้ยินคำพูดนี้เข้าพอดี รีบดึงหลิงมู่เอ๋อร์มายังหน้าโต๊ะ ให้นางดูแบบภาพบนนั้น “เ้าดูหงษคู่นี้ เห็นความผิดปกติใดหรือไม่? นี่เป็การปักสองหน้าที่มีชื่อเสียงของเจียงหนาน นอกจากท่านยายของเ้าแล้ว ผู้อื่นล้วนทำไม่เป็”
เื่ของงานปักหลิงมู่เอ๋อร์ไม่มีความรู้ แต่เมื่อนางดูหงส์ที่มีชีวิตชีวาคล้ายดั่งมีชีวิตบนภาพนั้น ก็เห็นได้ว่างานปักชิ้นนี้มีความซับซ้อนเพียงใด ท่านยายมักจะ้ามอบสิ่งที่ดีที่สุดให้นาง ความรู้สึกได้รับความรักที่ชาติที่แล้วไม่เคยได้ััมาก่อนนั้น ช่างดีเหลือเกิน
“ท่านแม่ ท่านยาย พวกท่านดีกับข้าเหลือเกิน!”
หลิงมู่เอ๋อร์ราวกับเป็เด็กเล็ก กอดคนทั้งสองไว้ไม่ยอมปล่อยมือ ยังมีที่ใดที่เหลือความเป็แม่นางเซียนแพทย์ผู้สงบเยือกเย็นเช่นยามที่อยู่ภายนอกอีก
“เ้าเป็ลูกสาวของแม่นี่นา และก็เป็ดาวนำโชคของบ้านนี้ พวกเราคาดหวังมานานแล้วให้เ้าได้แต่งงานมีบุตรโดยไว ภายหน้ามีเ้าหนุ่มเฉินคอยดูแลเ้า พวกเราก็วางใจแล้ว” หยางซื่อพูดไปพูดมา ก็รู้สึกะเืใจขึ้นมา ทั้งที่ยังมาถึงนาทีที่จะแต่งบุตรสาวออกไป แต่นางก็อยากจะร้องไห้ในงานแต่งล่วงหน้าแล้ว
กลับเป็ท่านยายที่สังเกตเห็นผ้าสีดำผืนหนึ่งที่นางถืออยู่ในมือโดยตลอด “มู่เอ๋อร์ ที่เ้าถืออยู่ในมือคือสิ่งใดกัน เหตุใดลักษณะจึงได้ประณีตเช่นนั้น? คล้ายผ้าแต่ก็ไม่เหมือน คล้ายกลับเป็ไหมทองแดง?”
ยามหลิงมู่เอ๋อร์กล่าวถึงของชิ้นใหม่ที่ทำขึ้นในมือ มุมปากประดับด้วยความภาคภูมิใจบางส่วนอย่างอดไม่ได้ “นี่เป็สิ่งที่ข้าให้ช่างเหล็กในเมืองตีขึ้นเป็พิเศษ ข้าอยากมอบมันให้พี่ใหญ่ เขาทำงานให้ฮ่องเต้ มักจะเผชิญกับการาเ็และความตาย เสื้อกั๊กนี้หอกดาบมิอาจกล้ำกราย ในยามจำเป็สามารถรักษาชีวิตได้ ”
“สตรีโตแล้วมิอาจเก็บไว้ได้จริงๆ มู่เอ๋อร์จิจใจละเอียดอ่อนเช่นนี้ เป็บุญของซั่งกวนเซ่าเฉินจริงๆ แต่ว่า เมื่อเปรียบกันแล้ว ครั้งนี้ซูเช่อถือว่าไปหาเื่ที่เป็ปัญหาใหญ่เข้าแล้ว”
หลิงจือเซวียนเล่าเื่ทุกอย่างที่ได้ยินมาจากภายนอกให้หลิงมู่เอ๋อร์ฟังอย่างละเอียด
ที่แท้ วันนี้ตอนเช้าในยามที่ซูเช่อเข้าประชุมราชสำนัก ได้กล่าวต่อหน้าทุกคนอย่างตรงไปตรงมาว่า ขอให้ฝ่าาอย่าได้ประทานสมรสให้เขากับบุตรสาวของอัครมหาเสนาบดี และได้กล่าวอย่างเด็ดขาดว่าตนเองไม่พึงใจในตัวหลันเชี่ยนหยิ่ง
ในยามนี้ ทั่วทั้งเมืองหลวงมีผู้ใดไม่ทราบว่า จวนอัครมหาเสนาบดีและจวนจวิ้นอ๋องจะเชื่อมความสัมพันธ์เป็ทองแผ่นเดียวกัน ได้ยินว่าจวนอัครเสนาบดีได้เตรียมเทียบชะตาเรียบร้อยแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะส่งไปที่จวนจวิ้นอ๋อง ส่วนซูเช่อในฐานะฝ่ายชาย ถึงกลับปฏิเสธงานแต่งที่ยังไม่เป็รูปร่างนี้ต่อหน้าเหล่าขุนนางบุ๋นบู๋ทั้งหลาย เท่ากับเป็การเปลี่ยนวิธีตบหน้าหลันเชี่ยนหยิ่งในอีกรูปแบบหนึ่ง
สิ่งนี้ทำให้คนรู้สึกอัปยศยิ่งกว่าหนังสือหย่าเสียอีก !
“เป็ตัวนางเอง นางหลังเชี่ยนที่ทำเองต้องรับผลเอง” หลิงมู่เอ๋อร์ยกริมฝีปาก เห็นได้ชัดว่าพึงพอใจกับวิธีการนี้ของซูเช่อมาก
แม้นางจะเป็แพทย์ ไม่อาจทนเห็นผู้คนในใต้หล้าได้รับทุกข์เวทนา แต่ก็มิใช่ผู้เมตตาที่ตรัสรู้แล้ว
หลันเชี่ยนหยิ่งสั่งการจางต้าสองสามีภรรยามาทำการใส่ร้ายป้ายสีที่หน้าโรงหมอ ก็เพื่อให้นางชื่อเสียงย่อยยับ หากมิใช่ครึ่งปีมานี้นางได้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีไว้ในเมืองหลวง คงถูกขังเข้าคุกที่ทำการไปนานแล้ว ผู้เป็คุณหนูแห่งจวนอัครเสนาบดีมีเครือข่ายคนรู้จักมากมาย ขอเพียงใช้ความสัมพันธ์ นางอยู่ในคุกจะตายอย่างไรก็ไม่อาจรู้ได้
“แต่ว่ามู่เอ๋อร์ เมื่อเป็เช่นนี้ เ้าก็กลายเป็ศัตรูของจวนอัครเสนาบดี อย่าพูดถึงหลันเชี่ยนหยิ่ง อัครเสนาบดีก็ไม่มีทางปล่อยเ้าไป” หลิงจือเซวียนกังวลอยู่บ้าง
หลายวันมานี้ เขาติดตามเรียนวิชากับอาจารย์ เื่ในราชสำนักก็พอเข้าใจอยู่บ้าง ได้ยินว่าอัครเสนาบดีเป็ผู้มีนิสัยคิดแค้น ส่วนหลันเชี่ยนหยิ่งก็เป็ไข่มุกในอุ้งมือของเขา ปฏิเสธการแต่งงานต่อหน้าผู้คนมากมาย การเหยียดหยามนี้เขาไม่มีทางยอมความแน่
“ตัวข้าหลิงมู่เอ๋อร์ แต่ไรมา คนไม่ระรานข้า ข้าไม่ระรานคน เป็นาง หลันเชี่ยนหยิ่งใช้กลอุบายก่อน ข้าเพียงป้องกันตนเองเท่านั้น อีกทั้ง ที่ปฏิเสธการแต่งงานก็เป็ซูเช่อไม่ใช่ข้า ใครก็รู้ว่า ข้าอยู่ในเมืองหลวงก็มีอาณาเขตของตนเองเช่นกัน เื้ัมีจวิ้นอ๋องน้อยคอยดูแล พูดตามหลักแล้ว เขายังเป็หนึ่งในหุ้นส่วนของโรงหมอเราด้วย หลันเชี่ยนหยิ่งเล่นงานข้า ก็เท่ากับเล่นงานกับจวิ้นอ๋องน้อย ต่อให้ข้าไม่ไปหาซูเช่อ หลังจากที่ซูเช่อรู้แล้วก็ไม่มีทางปล่อยนางไป”
ดังนั้นพูดไปแล้ว ที่ครั้งนี้หลันเชี่ยนหยิ่งขายหน้า ก็เป็นางที่หาเื่ใส่ตัวเอง
“คุกเข่าลง!”
ซูเหล่าฟูเหรินมองชายผู้หล่อเหลางดงามเบื้องหน้าด้วยความโมโหที่คุกรุ่น หายใจไม่ทันเกือบจะเป็ลมหมดสติไป “เ้า เ้าลูกหลานอกตัญญู เ้ารู้หรือไม่ว่าวันนี้เ้าทำสิ่งใด?”
ซูเช่อไม่เพียงไม่คุกเข่า แต่กลับยิ่งสงบมั่นคง “ท่านย่า เื่การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับจวนอัครเสนาบดีนั้น เดิมข้าก็ไม่ได้รับปาก วันนี้ต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าา ข้าก็เพียงแสดงความในใจออกมาเท่านั้น หลานไม่ทราบว่ามีความผิดที่ใด?”
“เ้า…” ซูเหล่าฟูเหรินยื่นมือออกมาชี้หน้าเขา สั่นสะท้านจนแม้แต่ร่างกายก็จะล้มลงไปด้วยแล้ว “ก็เพื่อเด็กสาวคนนั้น? เพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว เ้าทำลายอนาคตของตนเอง!”
ตระกูลซูมีเพียงบุตรชายและบุตรสาวอย่างละคน เจาหยางเกิดเป็สตรี ช้าเร็วก็จะต้องแต่งออกไปเป็ภรรยาของผู้อื่น ส่วนซูเช่อจึงจะเป็ชีพจรชีวิตของตระกูลซู ในอนาคต ช้าเร็วย่อมต้องสืบทอดตำแหน่งจวิ้นอ๋องต่อ การเชื่อมสัมพันธ์กับจวนอัครเสนาบดี สนับสนุนรัชทายาทอย่างเต็มกำลัง เป็การตัดสินใจที่พวกเขาทั้งสองฝ่ายได้ปรึกษากันเรียบร้อยนานแล้ว บัดนี้ ไม่เพียงเชื่อมความสัมพันธ์ดองเป็ญาติไม่สำเร็จ แต่กลับกลายเป็ศัตรูไปอีก สำหรับตระกูลซูแล้ว มีแต่ผลเสียมากมาย ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย
“เหล่าฟูเหริน” มัวมัวชราอุทานด้วยความใ เห็นว่าเหล่าฟูเหรินกำลังจะล้มลง รีบพุ่งเข้าไปประคองนางให้นั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นมองจวิ้นอ๋องน้อยอีกครั้ง มัวมัวกล่าวอย่างลำบากใจว่า “จวิ้นอ๋องน้อย เหล่าฟูเหรินก็เพราะเป็ห่วงท่าน การตัดสินใจในวันนี้ของท่านมุทะลุไปบ้างจริงๆ เหล่าฟูเหรินอายุมากแล้ว ไม่อาจทยรับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเช่นนี้ได้นะเ้าคะ”
“ท่านย่า…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว เช่อเอ๋อร์ ข้า้าให้เ้าเข้าวังเดี๋ยวนี้ ให้ฝ่าาพระราชทานสมรสให้เ้ากับหลันเชี่ยนหยิ่ง อีกไม่กี่วันก็ประกอบพิธี” ซูเหล่าฟูเหรินมีท่าทีเด็ดขาด มิให้ซูเช่อได้มีพื้นที่ปฏิเสธแม้แต่น้อย “แน่นอนว่า หากเ้าไม่ไป เช่นนั้นก็เป็การทำร้ายหลิงมู่เอ๋อร์แล้ว!”
ในใจกระตุกครั้งหนึ่ง ซูเช่อพลันลุกขึ้นยืน เดิมความรู้สึกผิดบางส่วนที่แขวนอยู่บนหน้าก็มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเ็าและเยาะหยันอันไร้ที่สิ้นสุด “ท่านย่ากำลังข่มขู่หลาน”
“นี่ข้ากำลังทำเพื่อเ้า” ซูเหล่าฟูเหรินยืนกรานอีกครั้ง
“การต่อสู้ในราชสำนัก ท่านย่าคิดจะช่วยท่านผู้นั้นในวัง หลานไม่มีความเห็นอื่น แต่มีบางคนไม่ได้รับความเห็นชอบจากข้า ทำร้ายคนข้างกายข้า ฝีมือของข้าก็มิได้มีเพียงที่พวกเขาได้เห็นเท่านั้นแล้ว” ซูเช่อหลี่ดวงตาสีนิลลงครึ่งหนึ่ง มุมปากประดับรอยยิ้มเ็าที่คล้ายมีคล้ายไม่มีไว้ น้ำเสียงเย็นยะเยียบราวกับพญามารในรัตติกาล “หากท่านย่ายังคิดจะช่วยท่านในวังผู้นั้นฟื้นคืนคนวิปลาสในเรือนร้างผู้นั้น ก็อย่าได้แตะต้องหลิงมู่เอ๋อร์”