ผมมองตามการเคลื่อนไหวของเขาอย่างเงียบ ๆ เห็นเขาก้มลงหยิบอุปกรณ์อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทุกการกระทำของเขาดูเป็มืออาชีพและจริงจัง หมอนาวินนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้า ดึงมือผมไปวางบนหน้าขาของเขาอย่างเบามือ
และเริ่มลงมือเช็ดทำความสะอาดแผล ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างระมัดระวัง แม้ผมจะเจ็บจนต้องเม้มปากแน่น แต่เขาก็ไม่ได้หยุดพัก หรือเอ่ยถามว่าเจ็บไหม ััของเขาเบาและแม่นยำ พร้อมแสงตะเกียงส่องกระทบใบหน้าของเขา เห็นความมุ่งมั่นในแววตาขณะกำลังเย็บแผลให้ผม เส้นด้ายสีดำปรากฏขึ้นบนิัของผมอย่างรวดเร็ว
“ต่อไปนี้ทำอะไรระวังตัวด้วย” เขาพูดขึ้นลอย ๆ ขณะที่กำลังผูกปมไหมเส้นสุดท้าย
“ถ้าเจ็บป่วยหรือาเ็กลางป่ากลางเขาแบบนี้ จะลำบาก” น้ำเสียงของเขาฟังดูดุ แต่ก็แฝงด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด เมื่อทำแผลเสร็จ เขาก็พันผ้าก๊อซอย่างประณีต ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม
“เสร็จแล้ว ห้ามโดนน้ำ พรุ่งนี้ผมจะทำแผลให้” ก่อนจะหยุดพูด แล้วก้มมองแผลผมครู่หนึ่ง
“แสบไหม?” น้ำเสียงเริ่มอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่เท่าไร” เขาพยักหน้า แล้วลุกขึ้นเก็บอุปกรณ์ทั้งหมด พลันพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
จังหวะนั้นผมมองตามแผ่นหลังของเขา รู้สึกถึงความแสบที่นิ้ว แต่ไม่เท่ากับความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจ เขายังคงเ็า แต่ท่าทีกลับแฝงความเป็ห่วงออกมาอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าหมอนาวิน ไม่ได้เป็เพียงแค่เงาของภูมิพล แต่เขามีด้านที่แตกต่างออกไป ด้านที่ทำให้หัวใจของผมเริ่มเต้นผิดจังหวะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้แผนการแก้แค้นที่วางไว้พร่าเลือนหายไป
จากนั้นไม่นานหมอนาวินก็ช่วยป้าคำแปงทำอาหารจนเสร็จ หลังจากนำอาหารไปให้กับเ้าหน้าที่ใกล้ ๆ เสร็จแล้ว เขาก็ยกอาหารบางส่วนขึ้นมายังบ้านไม้ที่พักอาศัย
คืนนี้เป็คืนที่ท้องฟ้าเปิดโล่ง เห็นดวงดาวระยิบเต็มไปหมด ผมที่เอาแต่เงยหน้ามองความงดงามบนนั้นจนลืมทุกอย่างไปชั่วขณะ ก่อนได้สติกลับมาจากเสียงเรียกของหมอนาวิน
“คีย์” เสียงทุ้มต่ำ ทำให้ผมก้มหน้าลงมาเล็กน้อย
“ครับ”
“มานั่งนี่สิ” หมอนาวินตบเบาๆ ที่พื้นไม้ข้างตัวเขา ซึ่งเป็จุดที่ใกล้กับตะเกียงอันเล็กที่ส่องไสวอยู่ ผมเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง มีเพียงเสียงจิ้งหรีดร้องคลอเป็ระยะ
อาหารที่ป้าคำแปงเตรียมไว้ เป็กับข้าวพื้นเมืองหลายอย่างที่ผมไม่เคยเห็น ถูกวางอยู่บนโต๊ะไม้เล็กๆ ใต้แสงตะเกียงที่ส่องสว่าง หมอนาวินตักข้าวใส่จานให้ผมก่อน แล้วถึงตักให้ตัวเอง เขาไม่ได้พูดอะไร แต่การกระทำนั้นกลับให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก คำถามผุดขึ้นมาอีกครั้ง
‘ทำไม เขาไม่เคยดีกับมยุราอย่างนี้บ้าง’
“กินสิ” เขาเอ่ยเรียบ ๆ ก่อนผมก้มหน้ากินข้าว พลางเหลือบมองเขาเป็ระยะ ท่าทางการกินของเขาดูเรียบง่าย แต่ก็ยังคงความสง่างามอยู่เสมอ
คืนนี้เป็คืนที่ท้องฟ้าเปิดโล่ง เห็นดวงดาวระยิบระยับเต็มไปหมด ผมที่เอาแต่เงยหน้ามองความงดงามบนนั้นจนลืมทุกอย่างไปชั่วขณะ
“คุณชอบดูดาวเหรอ?”
“ไม่เคยเห็นดาวเยอะแบบนี้มาก่อน สวยมากจริง ๆ” หมอนาวินเงยหน้ามองท้องฟ้าตามผม ดวงตาคมกริบคู่นั้นสะท้อนแสงดาวระยิบระยับ แสงดาวนับพันดวงบนท้องฟ้ามืดมิด ช่างแตกต่างจากแสงไฟนีออนของเมืองใหญ่ลิบลับ
“ที่นี่เงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อนจริง ๆ” ผมหันมองเขาแล้วถามกลับ
“หมอไม่เหนื่อยเหรอ ทำงานฟรีไม่ได้ค่าตอบแทนอะไร” ผมตักข้าวเข้าปาก มองเขาที่นั่งอยู่ข้างกันในชุดลำลอง แต่ไม่ว่าจะใส่อะไร เขาก็ยังดูดีเกินกว่าคนทั่วไป
“เหนื่อย แต่เห็นรอยยิ้มของชาวบ้านแล้วก็หายเหนื่อย”
“พูดเหมือนพระเอกหนัง”
“ผมไม่เหมือนเหรอ?” เขาย้อน
“ถ้าเป็พระเอกจริงก็ต้องใจดีกว่านี้หน่อย”
“ทำแผลให้ ทำอาหารให้ นี่ยังไม่ใจดีอีก?” เขาเลิกคิ้วถาม ก่อนผมจะวางช้อนแล้วตั้งใจส่งสายตาหวานให้
“ขอบคุณครับ คุณหมอ” หน้าเรียบ ๆ ของเขาเผยรอยยิ้มกว้างออกมา เราสองคนหัวเราะเบา ๆ แล้วนั่งกินข้าวกันไปอย่างเงียบ ๆ ใต้แสงดาว มีเพียงเสียงช้อนกระทบจานเบาๆ และเสียงลมพัดเอื่อยๆ ความเงียบนี้ไม่ได้อึดอัดอีกต่อไป แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดยามเช้าทอดผ่านยอดไม้ลงมากระทบพื้นดินชื้น ไอหมอกจาง ๆ ขยับปกคลุมหุบเขาอย่างงดงาม ผมที่เดินออกมาล้างหน้า ยืนมองทิวเขาพวกนั้นอย่างผ่อนคลาย ก่อนหมอนาวินที่ยืนอยู่บนบ้านไม้จะเอ่ยขึ้น
“อย่าให้แผลโดนน้ำนะ”
“ผมรู้แล้วน่า” ผมตอบกลับไปพลางแปรงฟันต่ออย่างสบายอารมณ์
หลังจากนั้นเราสองคนก็เดินไปยังโรงเรียนที่หน่วยแพทย์จัดไว้ วันนี้คนเยอะกว่าเมื่อวาน มีทั้งเด็กเล็ก คนแก่ และคนป่วยต่อแถวลงทะเบียน ผมนั่งอยู่ด้านหลังคุณหมอ คอยช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ มือที่พันผ้าก๊อซยังคงรู้สึกตึงๆ แต่ก็ไม่ได้เป็อุปสรรคต่อการทำงานของผมมากนัก
หมอนาวินกำลังง่วนอยู่กับการตรวจคนไข้รายแรก เขาตรวจอย่างละเอียด ถามอาการอย่างใจเย็น และให้คำแนะนำที่เข้าใจง่าย ผมมองแผ่นหลังของเขา แล้วปล่อยความรู้สึกสบาย ๆ ออกมา
“พี่ชื่ออะไรคะ” เสียงหวานใสดังขึ้นข้างหู ผมหันไปมอง พบกับนักศึกษาหญิงคนหนึ่ง หน้าตาน่ารัก ตัวเล็ก ผมยาวประบ่า เธอสวมชุดนักศึกษาพยาบาล ดูเป็มิตรและสดใสมาก
“คีย์ครับ” ผมตอบพร้อมรอยยิ้ม
“พี่คีย์” เธอยิ้มกว้าง
“หนูชื่อปิ่นค่ะ เป็นักศึกษาพยาบาล มาช่วยหน่วยแพทย์เหมือนกัน” ปิ่นพูดพลางยื่นมือมาข้างหน้า ผมก็ยื่นมือขวาออกไปจับทักทาย ปลายนิ้วัักันเพียงชั่วครู่ก่อนที่เธอจะดึงมือกลับ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงเป็กันเอง
“พี่คีย์มากับหมอนาวินใช่ไหมคะ เห็นหมอบอกว่ามีคนติดตามมาช่วยงาน” ปิ่นถามพลางมองเลยไปทางหมอนาวินที่กำลังตรวจคนไข้อยู่
“พอดีหนูเห็นพี่คีย์เดินอยู่กับหมอั้แ่เมื่อวานแล้ว”
“อ่อ ครับ พอดีว่าติดตามคุณหมอมาช่วยงานน่ะ”
“ดีจังเลยค่ะ หมอนาวินนี่เก่งมากๆ เลยนะคะ เมื่อวานคนไข้ชมกันไม่ขาดปาก” ปิ่นพูดพลางดวงตาเป็ประกายอย่างชื่นชม
หมอนาวินหันหน้ามองมาทางผมและปิ่นเล็กน้อย แววตาคมกริบคู่นั้น กวาดมองเราสองคน ก่อนจะกลับไปสนใจคนไข้ตรงหน้าอีกครั้ง ผมรู้สึกเหมือนถูกจับตามอง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
“พี่คีย์เพิ่งมาเป็อาสาครั้งแรกเหรอคะ” ผมพยักหน้าขึ้นลงช้า ๆ
“ใช่ครับ”
“ครั้งแรกเก่งกว่าปิ่นอีกนะคะ จัดระเบียบคนไข้ได้ดีเลย” ดวงตาของเธอหันมองผมด้วยความจริงใจ
“ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะเลย” ผมตอบพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่หรอกค่ะ หนูว่าพี่คีย์ เหมาะกับการเป็ผู้ช่วยหมอเลยแหละ” ปิ่นพูดอย่างจริงจัง
“โดยเฉพาะกับชาวบ้านที่นี่ บางทีเขาไม่กล้าคุยกับหมอตรง ๆ การมีคนกลางอย่างพี่คีย์ช่วยอำนวยความสะดวกเื่คิว หรือสอบถามอาการเบื้องต้นแบบเป็กันเอง ก็ช่วยได้เยอะเลยค่ะ”
ผมรู้สึกแปลกใจที่ปิ่นสังเกตเห็นอะไรแบบนี้
“น้องปิ่นนี่ช่างสังเกตจังเลยนะครับ” ผมชมไปตามตรง
“ก็ต้องสังเกตค่ะพี่คีย์ งานพยาบาลต้องละเอียดอ่อน ถ้าพลาดไปนิดเดียวอาจส่งผลถึงชีวิตคนไข้ได้เลยนะคะ” เธออธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง
ระหว่างที่เราคุยกัน ปิ่นก็ยืนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ด้วยความเป็กันเองแบบไม่รู้ตัว มือเธอแตะเบา ๆ ที่แขนผมระหว่างคุยกันผมเองไม่ได้ผละออก รู้สึกผ่อนคลายที่มีคนคุยเล่นด้วยในบรรยากาศจริงจังแบบนี้ แต่แล้วเสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้น
“คีย์” ผมหันไปทันที เห็นหมอนาวินมองด้วยสีหน้าราบเรียบ แต่ดวงตาคู่นั้นเหมือนซ่อนอะไรบางอย่าง
“มาช่วยผมถือแฟ้มหน่อย”
“ครับ” ผมตอบรับทันที แล้วหันมาหาปิ่น
“เดี๋ยวไว้คุยกันต่อนะ”
“ค่ะพี่คีย์” เธอยิ้มกว้าง พลางโบกมือน้อย ๆ ส่งท้าย
ผมเดินกลับมายังโต๊ะตรวจ แฟ้มคนไข้กองใหม่ถูกวางตรงหน้า เขาชี้ให้ผมหยิบขึ้นมาทีละเล่ม แล้วพูดเสียงเรียบ
“นั่งอยู่กับผมตรงนี้แหละ ไม่ต้องไปไหน” ผมนั่งลงข้างเขาเงียบ ๆ หยิบแฟ้มใหม่มาเตรียมให้