ตู้เ้าฮุยกับรองหัวหน้าหวังไม่สามารถตกลงกันได้
คุณชายใหญ่ตู้นั้นยังไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของแผ่นดินใหญ่ ที่ผ่านมาทังหงเอินไม่ได้จงใจกลั่นแกล้งเขา แต่เพราะเขามีจุดยืนที่เข้มแข็ง
ทว่าเมื่อไรที่มีคนกลั่นแกล้งคุณชายใหญ่ตู้จริง เขาก็คงพบว่าวิธีการเ่าั้ช่างน่าสะอิดสะเอียนเหลือเกิน
อยู่ฮ่องกงคนมีเงินคือพระเ้า แต่เมื่ออยู่แผ่นดินใหญ่คนมีอำนาจต่างหากที่คือพระเ้า คุณชายใหญ่ตู้คิดว่ารองหัวหน้าฝ่ายอุดมศึกษาจากกระทรวงศึกษาธิการคนหนึ่งไม่มีความสำคัญแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรที่เครือเชิงหรงบริจาคเงินก็เพราะอยากได้ชื่อเสียง ไม่ได้อยากพัฒนาการศึกษาของแผ่นดินใหญ่จริงๆ นี่นา แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฝ่ายอุดมศึกษากัน?
ทว่าฝ่ายอุดมศึกษาสามารถแทรกแซงมหาวิทยาลัยได้!
มหาวิทยาลัยหัวชิงอยู่ภายใต้สังกัดของกระทรวงศึกษาธิการ ถือเป็สถาบันอุดมศึกษาที่ถูกกำกับดูแลโดยหน่วยงานของรัฐ
เลขาธิการกรรมการบริหารพรรคกับอธิการบดีคือตำแหน่งข้าราชการภายใต้สังกัดโดยตรง รองเลขาธิการคณะกิจการถาวรมีตำแหน่งเทียบเทียบเคียงกับรองคณะกิจการถาวรของมหาวิทยาลัย และรองเลขาธิการก็เทียบเคียงกับรองอธิการบดีนั่นเอง
ตำแหน่งของหวังก่วงผิง หากดูตามลำดับขั้นแล้วนั้น ตำแหน่งของเขาเทียบเท่ากับรองอธิการบดีของหัวชิง
แต่ฝ่ายอุดมศึกษาไม่ใช่หน่วยงานทั่วไป พวกเขารับผิดชอบด้านงานบริหารของสถาบันอุดมศึกษาองค์รวม... ขอบเขตของงานจึงค่อนข้างกว้าง ดังนั้นหากฝ่ายอุดมศึกษา้า พวกเขาก็สามารถเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของมหาวิทยาลัยหัวชิงได้โดยชอบธรรม
อำนาจของหวังก่วงผิงมีมากกว่าที่คุณชายใหญ่ตู้คิด การที่ตู้เ้าฮุยไม่ให้เกียรติเช่นนี้ ถือเป็การทำผิดต่อหวังก่วงผิงแล้ว
แต่กระนั้นคุณชายใหญ่ตู้ก็หาได้เห็นความสำคัญไม่ เห็นแก่ค่าตอบแทนที่ไม่ธรรมดา ไกด์จึงกล่าวเตือนตู้เ้าฮุย ทันทีที่ได้ยินคำเตือน ตู้เ้าฮุยก็หยุดคิดทันที อย่างไรเขาก็คงไม่ต้องให้กระทรวงศึกษาธิการมาคอยช่วยเหลือ เพราะกิจการของเครือไม่มีทางเฉียดเข้าใกล้อำนาจของพวกเขาแน่นอน ตู้เ้าฮุยจึงไม่เก็บเื่เหล่านี้มาใส่ใจ
ตู้เ้าฮุยรอแล้วรอเล่า แต่เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ได้มาหาเขาเพื่อบอกว่าเปลี่ยนใจแล้ว
เธอทิ้งศักด์ศรีไม่ได้อย่างนั้นหรือ?
ศักดิ์ศรีของนักศึกษาหัวชิงมันน่าภาคภูมิขนาดนั้นเลยหรืออย่างไร ถ้าผลการเรียนดีก็ต้องรับทุนการศึกษาจากเครือเชิงหรงอยู่ดีไม่ใช่รึ!
ทุนการศึกษาได้เยอะแค่ไหน อย่างมากก็ได้แค่ไม่กี่ร้อยหยวนต่อปีเท่านั้น
จากความคิดของตู้เ้าฮุย ปีละไม่กี่ร้อยหยวนจะสามารถทำอะไรได้! แต่จากความหมายของหัวชิง คงไม่สามารถนำดอกเบี้ยที่ได้จากเงินบริจาคนี้มาใช้ทั้งหมดได้ ในเมื่อ้าสร้างกองทุนที่ยั่งยืน ยิ่งมีคนได้เงินสนับสนุนมากเท่าไรก็ยิ่งดี
นำเงินห้าล้านไปฝากธนาคาร ดอกเบี้ยต่อปีคือ 414,000 หยวน!
เงินก้อนนี้ถ้านำมาเป็ทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโทจำนวน 1,000 คน จะสามารถให้ได้คนละ 400 กว่าหยวน
ทว่าความจริงคงมีคนได้ทุนการศึกษาไม่เยอะขนาดนั้น ในเมื่อเรียกว่าทุนการศึกษาก็ควรทำให้เหล่านักศึกษาเพียรพยายามและกระตือรือร้นมากขึ้น หากได้มาโดยง่ายแล้วจะกระตุ้นให้พวกเขาขยันเรียนมากขึ้นได้อย่างไร
ดังนั้นมหาวิทยาลัยจึงทำการแบ่งระดับทุนการศึกษาเหมือนเงินช่วยเหลือ
โดยจะมีการประเมินหนึ่งครั้งต่อปี และทุนการศึกษาชั้นหนึ่งจะได้เงินจำนวน 500 หยวน
เงินไม่กี่ร้อยยังไม่พอให้ตู้เ้าฮุยเลี้ยงอาหารแฟนสาวที่โรงแรมสักมื้อเลย แต่ที่แผ่นดินใหญ่ในปี 1985 หากนักศึกษาคนไหนได้เงิน 500 หยวนขณะเรียนหนังสือ ไม่ว่าจะเป็สำหรับตัวนักศึกษาเองหรือว่าครอบครัวของพวกเขาก็ถือว่าเป็รายได้จำนวนมากแล้ว อีกทั้งเงินก้อนนี้ยังได้มาอย่างถูกต้อง ได้จากความพยายามของตัวเอง ทั้งยังสามารถเลี้ยงดูครอบครัวในขณะที่ยังเรียนมหาวิทยาลัย สำหรับนักศึกษาที่ครอบครัวยากจนแล้วนั้น สิ่งนี้ถือเป็การให้ความช่วยเหลือในยามคับขันนั่นเอง
ไม่ว่าจุดประสงค์ของตู้เ้าฮุยจะเป็อะไร หรือตระกูลตู้ทำธุรกิจมืดที่ฮ่องกงหรือไม่ เซี่ยเสี่ยวหลานก็รู้สึกว่าการที่เครือเชิงหรงก่อตั้งกองทุนเพื่อการศึกษาขึ้นมานั้นเป็สิ่งที่ถูกต้อง ควรค่าแก่การชื่นชม
เงินไม่ได้ทำอะไรผิด เงินของตระกูลตู้แปดเปื้อนหรือไม่ล้วนเป็หน้าที่ของระบบกฎหมายฝั่งฮ่องกงที่เป็คนตัดสิน
นอกจากว่าพวกเขาทำผิดกฎหมายในแผ่นดินใหญ่ ถึงจะเป็หน้าที่ของทางแผ่นดินใหญ่ที่ต้องเข้าไปดูแล!
ตระกูลตู้บริจาคเงินเพื่อการศึกษาเป็เื่ที่ถูกต้อง เซี่ยเสี่ยวหลานคงไม่อาจทำตัวสูงส่งแล้วตำหนิตระกูลตู้ได้ ต่อให้พวกเขาจะบริจาคเงินเพื่อหวังผลประโยชน์ที่ใหญ่กว่า แต่คนที่ได้รับอานิสงค์คือเหล่านักศึกษา แล้วมันไม่ดีตรงไหนเล่า การทำเช่นนี้ดีกว่าตระกูลตู้เอาเงินไปติดสินบนเ้าที่รัฐอีกไม่ใช่หรือ?
เครือเชิงหรงคงได้รับบทเรียนจากทังหงเอินแล้ว และพบว่าข้าราชการส่วนมากของแผ่นดินใหญ่มีจุดยืนที่มั่นคง ถึงได้เปลี่ยนมาใช้วิธีการบริจาคเงินช่วยเหลือด้านการศึกษาเช่นนี้
เซี่ยเสี่ยวหลานเคยพูดคุยกับตู้เ้าฮุยมาแล้ว โดยมีสาเหตุมาจากเซี่ยต้าจวิน ดังนั้นพวกเธอคงไม่ได้เจอกันแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวอย่างแน่นอน
เธอต้องวิเคราะห์ตู้เ้าฮุยผู้นี้เผื่อไว้
เขาคือทายาทเศรษฐีตามแบบฉบับทุกอย่าง และคนพวกนี้เวลามองคนอื่นสายตามักจะไม่มีความซื่อตรง
ภายใต้ความไม่จริงใจล้วนเต็มไปด้วยแผนการมากมาย
ตู้เ้าฮุยเพิ่งอายุยี่สิบปีกว่าสินะ
ทว่ากลับได้เป็ผู้รับผิดชอบงานเครือเชิงหรง ถือว่าเขานั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
คนประเภทนี้คงเป็คนขี้ระแวง ฉะนั้นการที่เซี่ยต้าจวินได้รับความไว้ใจจากชายคนนี้ถือว่าโชคดีมาก
เื่อย่างโอกาสใครก็ไม่อาจคาดเดาได้ ถ้าเซี่ยต้าจวินอยู่ที่หมู่บ้านต้าเหอคงพอเดาออกว่าชีวิตที่เหลือจะเป็เช่นไร เขาอาจจะแต่งงานใหม่ ถูกคนตระกูลเซี่ยคอยบงการ และคอยรับใช้คนตระกูลเซี่ยตลอดไป!
ทันทีที่เซี่ยต้าจวินหายตัวไปจากโรงพยาบาล และเดินทางออกจากหมู่บ้านต้าเหอ โอกาสของเขาก็มาถึง
ไม่รู้ว่าเซี่ยต้าจวินเจอเื่อะไรมา เขาถึงได้มีโอกาสเป็ผู้คุ้มกันของตู้เ้าฮุย แต่ไม่ว่าเซี่ยต้าจวินจะเกาะคุณชายจากเครือใหญ่ได้หรือไม่ หรือต่อให้เซี่ยต้าจวินกลายเป็เศรษฐีก็ตาม เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่มีวันอยากสุงสิงกับผู้ชายคนนั้นอีกเด็ดขาด
เธอจะไม่ดูแลเขา และไม่คิดอยากได้ทรัพย์สมบัติของเขาด้วยเช่นกัน
ตู้เ้าฮุยนึกว่าหลังเซี่ยเสี่ยวหลานเห็นพิธีการมอบเงินบริจาคแล้วจะเปลี่ยนใจกลับมาหาเขา แต่เขาคงต้องผิดหวัง!
บารมีของคุณชายใหญ่ตู้ถือกำเนิดจากเงินของเครือเชิงหรง หาใช่ความพยายามของเขาเอง
ชีวิตของเซี่ยเสี่ยวหลานมีเื่มากมายให้ต้องทำ กว่าโจวเฉิงจะสามารถแทรกเข้ามาในชีวิตของเธอได้ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เทียบกับคนไม่จริงใจอย่างตู้เ้าฮุยแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดจะปรายตามองให้เสียเวลาด้วยซ้ำ สรุปคือเวลาเธอมองตู้เ้าฮุยนั้นเธอมองอย่างวิเคราะห์ ว่าอีกหน่อยผู้ชายคนนี้จะนำพาเื่ยุ่งยากมาให้หรือไม่ ไร้ซึ่งความรู้สึกอื่นใดอย่างสิ้นเชิง
อย่างมากที่สุดก็คงมีแค่ความรู้สึกนับถือ แต่แน่นอนว่าเธออยากอยู่ให้ไกลจากเขาที่สุด
เป็อีกครั้งที่เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าตนยังเก่งไม่พอ
ทว่าเื่แบบนี้ใจร้อนไปก็เท่านั้น ั้แ่ปี 1983 จนถึงมกราคมปี 1985 ชีวิตของเธอเพิ่งผ่านมาได้เพียงหนึ่งปีกว่าเท่านั้น เริ่มต้นจากศูนย์จนกระทั่งมีวันนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าตนคงยังทำได้ไม่ดีพอ แต่เธอรู้ว่าจะให้ก้าวหน้าเร็วกว่านี้ก็คงไม่ได้ ฐานะทางสังคมของตระกูลจี้ได้มาจากการสะสมบารมีหลายสิบปี ความร่ำรวยของตระกูลตู้เองก็เช่นกัน ความมั่งคั่งในวันนี้ได้มาจากหยาดเหงื่อในอดีตของตู้เชิงหลง อย่างไรก็ตามเซี่ยเสี่ยวหลานไม่เคยอยากใช้ทางลัด เธอ้าทำธุรกิจอย่างถูกต้อง ดังนั้นหากอยากโตเร็วกว่านี้ก็คงจนปัญญา
แม้จะคิดเช่นนั้น แต่การปรากฏตัวของตู้เ้าฮุยเป็การกระตุ้นเซี่ยเสี่ยวหลานให้พยายามมากขึ้น
—----------------------------------------------------
ในที่สุดเซี่ยเสี่ยวหลานก็หาเวลาว่างไปคุยเื่สินเชื่อกับผู้จัดการใหญ่อู่ได้
เมื่อลูกค้าชั้นหนึ่งมาขอสินเชื่อ ผู้จัดการใหญ่อู่ย่อมยินดีต้อนรับอย่างยิ่ง
ลูกค้าชั้นหนึ่งไม่ได้วัดที่ความสามารถในการชำระหนี้ตามกำหนด แต่ขึ้นอยู่กับว่าช่วยแก้ปัญหาความกลุ้มใจของผู้จัดการใหญ่อู่ได้หรือเปล่า
เซี่ยเสี่ยวหลานใช้บ้านที่สือช่าไห่กับร้านที่กำลังจะเปิดเป็หลักค้ำประกันเพื่อขอสินเชื่อ ดังนั้นผู้จัดการใหญ่อู่ไม่กลัวสักนิดว่าเธอจะไม่มีเงินมาชำระหนี้
“สองแสนหยวนพอไหมครับ!”
ทั้งบ้านและร้านรวมๆ กันแล้วมูลค่าไม่ถึงสองแสนหยวน อีกทั้งโฉนดร้านก็ไม่ใช่ของเซี่ยเสี่ยวหลาน ในอนาคตถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีเงินใช้หนี้ นั่นเท่ากับว่าธนาคารจะมีหนี้สูญเพิ่มมาอีกหนึ่งรายการ
แต่ผู้จัดการใหญ่อู่หาได้สนใจไม่ หนี้สูญของธนาคารมีอยู่ถมไป หน่วยงานรัฐที่ทำกำไรไม่ได้เ่าั้ยังต้องรอธนาคารปล่อยสินเชื่อเพื่อจ่ายเงินเดือนลูกจ้างด้วยซ้ำ ทั้งที่รู้ดีว่าหน่วยงานรัฐเ่าั้ไม่มีเงินชำระหนี้ แต่ธนาคารก็ยังต้องยอมปล่อยสินเชื่อให้เพราะเหตุผลนานัปการ
เซี่ยเสี่ยวหลานนึกไม่ถึงว่าผู้จัดการใหญ่อู่จะตรงไปตรงมาเช่นนี้
หากมีเงินสองแสนหยวน เธอสามารถเปิดร้านพร้อมกันสามสาขาได้เลยด้วยซ้ำ แต่พนักงานเล่าจะพอหรือเปล่า?
ทว่าพอรู้อัตราดอกเบี้ย เซี่ยเสี่ยวหลานก็เลิกคิดเื่พนักงานจะพอหรือไม่ทันที
“...ถ้าอย่างนั้นฉันจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มอีกสองหมื่นหยวน เพื่อสนับสนุนประเทศของเราค่ะ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้