ซุนเฟยฟังนักเวทชุดคลุมสีดำอธิบายจบ ก็มีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในใจ
ที่ตั้งเทพและปีศาจคาดว่าคงไม่ต่างอะไรกับสุสานที่มีขุมสมบัติฝังอยู่ข้างในแบบโลกเก่า ถ้าโชคดีสามารถหาที่ตั้งเทพและปีศาจที่ยังไม่เคยค้นพบได้ ก็จะได้รับอุปกรณ์เวทมนตร์หรือพวกม้วนคัมภีร์ในสมัยเทพปีศาจที่หลงเหลืออยู่ในที่ตั้งนั่น หากใช้อย่างถูกต้องจะเป็ประโยชน์ต่อเมือง ในอนาคตต่อให้ราชอาณาจักรไอนด์โฮเวนตูดหมาอะไรนั่นพบเบาะแสแล้วสืบสาวมาถึงเมือง พวกเราก็ไม่ต้องไปกลัวมันแต่อย่างใด
“เยี่ยม เ้าพูดมาขนาดนั้นแล้วก็เอาแผนที่นั่นออกมาสิ!” ซุนเฟยยืดมือออกไปพลางพูดกลั้วหัวเราะ “ท่านเอแวนส์ เ้าพูดไม่ผิดเลย ดูเหมือนว่าพวกเรายังมีโอกาสได้ร่วมมือกันจริงๆ...อืม แต่ว่าเ้าจะต้องนำแผนที่ออกมาให้ข้าตรวจสอบก่อนว่ามันเป็เื่จริงหรือหลอก จะทำอย่างไรถ้าสิ่งที่เ้าพูดมามันเป็เื่หลอกลวง?”
“ฮ่าๆๆ...แค่กๆ...ฮิๆ เ้าหนุ่ม เ้าคิดว่าข้าโง่เหรอ?” นักเวทชุดคลุมสีดำสำลักเืออกมา ใบหน้าเผยแววเยาะเย้ยแล้วพูดว่า “เกรงว่าวินาทีที่ข้ามอบแผนที่นั้น ข้าก็คงกลายเป็ศพที่เย็นชืดเสียมากกว่า เ้าว่าไหม?”
ซุนเฟยไม่ได้มีท่าทางขึงโกรธ เขาคุกเข่าลงแล้วแตะบ่าของนักเวทชุดคลุมสีดำพลางพูดว่า “ข้าจะทำแบบนั้นได้ย่างไรเล่า? ท่านเอแวนส์ ก่อนหน้านี้ข้าสาบานด้วยเกียรติของราชวงศ์เมืองแซมบอร์ดไปแล้ว พระเ้าก็เป็พยานได้ ทำไมข้าจะต้องโกหกเ้าด้วย? อีกอย่างนะ หากอยากเปิดที่ตั้งเทพและปีศาจอย่างที่เ้าพูด จำเป็ต้องให้นักเวทที่มีพลังแข็งแกร่งมาช่วย ซึ่งข้าขาดยอดฝีมือในด้านนี้ ฮ่าๆๆ พวกเราต่างมีผลประโยชน์เดียวกัน ้าความช่วยเหลือจากกันและกัน แล้วทำไมข้าจะต้องสังหารเ้าเล่า?”
ได้ยินซุนเฟยพูดแบบนี้ นักเวทชุดคลุมสีดำก็เกิดลังเลใจ
ั้แ่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน บนแผ่นดินอาเซรอทมีเกียรติยศอยู่สองประเภทที่คนส่วนใหญ่ไม่อาจทำให้ด่างพร้อยได้ หนึ่งคือกฎระเบียบของอัศวิน สองคือเกียรติยศของาา ยิ่งก่อนหน้านี้ซุนเฟยได้สาบานในนามของาาต่อพระเ้าแล้ว เดิมทีเอแวนส์ก็ควรจะเชื่อ แต่ไม่รู้ทำไม เขารู้สึกว่าาาหนุ่มตรงหน้าชั่วช้าอย่างที่อธิบายไม่ถูก ไม่น่าเชื่อถือสักนิด
ซุนเฟยเห็นแบบนั้น สีหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็เ็า
เขาลุกขึ้นมาพร้อมร้องฮึ ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนเป็ ‘โหมดเนโครแมนเซอร์’ หมอกแห่งความตายปรากฏขึ้นมารอบตัวเขาจางๆ บรรยากาศที่หนาวเย็นและมืดมนก็พลุ่งพล่าน ซุนเฟยยกนิ้วขึ้น มีเสียงดังปึด เื่ที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น นักเวทชุดคลุมสีดำดวงตาเบิกกว้าง ลูกตาแทบถลนออกมาจากเบ้า
ท่ามกลางเืที่สาดกระเซ็นก็มองเห็นโครงกระดูกสีขาวถือโล่กระดูกแล้วกวัดแกว่งมีดกระดูกอย่างดุร้าย ที่จริงแล้วมันปีนออกมาจาด้านในศพของทหารรับจ้างคนหนึ่งที่นอนกองกับพื้น ทั่วร่างของโครงกระดูกจะส่งเสียงดังกึกๆ ในทุกก้าว มีเสียงเสียดสีระหว่างข้อต่อกระดูกดังออกมาให้ผู้คนต้องหนาวจับขั้วหัวใจ บนหัวกะโหลก ดวงตาทั้งสองข้างเหมือนหลุมดำราวกับปีศาจจากนรก
ทักษะเนโครแมนเซอร์ ‘อัญเชิญโครงกระดูก’
“อ่า? เ้า...” นักเวทชุดคลุมสีดำพลันใ “เ้าเป็...เป็...นักเวทแห่งความตาย? ข้า...ข้า...ข้า...”
ซุนเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย
เพราะเขาคาดไม่ถึงว่าเขาจะรู้สึกถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยจากร่างของนักเวทชุดคลุมสีดำ นั่นก็คือกลิ่นอายแห่งความตายหนาแน่นที่ซ่อนอยู่ในร่างของนักเวทชุดคลุมสีดำ แม้ว่ามันจะแ่เบานัก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าซุนเฟยที่มีพลังเนโครแมนเซอร์เลเวล 6 แล้วกลับไม่อาจรอดพ้นไปได้
“ฮ่าๆๆ คาดไม่ถึงจริงๆ ท่านเอแวนส์ คาดไม่ถึงว่าที่จริงแล้วเ้าจะมีความชำนาญด้านเวทมนตร์แห่งความตายด้วย ข้าจะไม่พูดมากอีก หากเ้าเชื่อฟังยอมมอบแผนที่นั้นมา พวกเราก็จะสามารถร่วมมือกันเพื่อเปิดที่ตั้งเทพและปีศาจ...ไม่อย่างนั้น เ้าก็น่าจะรู้ว่าสำหรับนักเวทแห่งความตายแล้ว แม้ว่าเ้าจะตายไปแล้ว แต่ิญญาของเ้าก็ไม่อาจหลบหนีไปจากเงื้อมมือข้าได้ ข้ามีวิธีมากมายที่จะทรมานิญญาเ้า ไม่ช้าก็เร็วเ้าก็ต้องมอบมันให้ข้าอยู่ดี เพียงแต่เ้าอาจจะต้องรับความเ็ปมากเท่านั้น ว่าอย่างไร?”
หมอกความตายสีขาวหมุนวนอยู่ในมือของซุนเฟยอย่างบ้าคลั่ง ซุนเฟยพยายามแสร้งทำสีหน้าให้ดูชั่วช้าที่สุดเพื่อข่มขู่มัน
ในความเป็จริงเขาแอบหัวเราะอยู่ในใจ ความรู้สึกนี้ ทำไมความรู้สึกนี้เหมือนฉากที่พรรคก๊กมินตั๋งกำลังทรมานพวกนักปฏิวัติในคุกในหนังภาพยนตร์ ‘พูดไม่พูด ไม่พูดก็ตาย...’ ฮ่าๆๆ โชคดีจริงๆที่ตัวเองไม่ใช่พวกเผด็จการที่เหี้ยมโหดแบบนั้น นักเวทชุดคลุมสีดำก็ไม่ใช่คนแข็งแกร่งอะไร
นักเวทชุดคลุมสีดำเอแวนส์เห็นโครงกระดูกที่ดุร้ายตัวนั้นก็ลังเลเพียงชั่วครู่ สุดท้ายก็ยอมมอบแผนที่นั้น แม้ว่าเขาจะถูกทรมานไม่น้อย แต่ก็ยังมีพลังเวทมากพอที่จะหยิบแผนที่ในแหวนจัดเก็บ ซุนเฟยใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งควบคู่ไปกับคำพูดและการกระทำ ทำให้เขาทั้งเชื่อทั้งสงสัย สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะลองพนันดู เขายกมือขึ้น กลางอากาศก็พลันปรากฏวัสดุลึกลับค่อยๆ ตกลงมาในมือเขา “เ้าหนุ่ม แผนที่อยู่ในนี้ อย่างที่เ้าพูด ไม่มีนักเวทสี่ดาว เ้าก็ไม่สามารถเปิดที่ตั้งเทพและปีศาจได้ สังหารข้า เ้าก็จะไม่ได้อะไร”
ซุนเฟยรับแผนที่ก่อนจะเปิดตรวจดูอย่างระมัดระวัง
แผนที่นี้ไม่เล็ก หากเปิดออกมาทุกด้านน่าจะยาวประมาณสามเมตร ทั้งหมดทำจากวัสดุสีเหลืองที่ไม่รู้จัก เบามากราวกับไม่มีน้ำหนัก ตัวแผนที่เองก็ลอยขึ้นเล็กน้อย ซุนเฟยค่อยๆ สะบัด แผนที่ก็แผ่ออกมาในกลางอากาศ บนแผนที่เต็มไปด้วยภาพวาดภูมิประเทศูเาและแม่น้ำ มีแม่น้ำที่ราบลุ่มขนาดใหญ่ ทะเลสาบ ป่าลึก เนินเขา และูเามากมาย รวมทั้งพื้นที่กว้างระหว่างูเาที่ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งจะมีจุดแต้มสีต่างๆ นับไม่ถ้วน ฃ หมายเหตุ้าฃมีตัวอักษรแปลกๆ ซึ่งซุนเฟยรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย แต่กลับจำไม่ได้ว่าเคยเห็นตัวอักษรแปลกๆ นี้ที่ไหน
แม้ว่านี่จะเป็ครั้งแรกที่เห็นแผนที่ แต่สัญชาตญาณบอกซุนเฟยว่าเอแวนส์ไม่ได้หยิบแผนที่หลอกให้ตัวเอง
ซุนเฟยโบกมือเสียงดัง ‘พรึ่บ’ โครงกระดูกดุร้ายที่อัญเชิญออกมาก็แตกกระจายกลายเป็กองกระดูก เขาสลับกลับมาจาก ‘โหมดเนโครแมนเซอร์’ เป็ ‘โหมดคนเถื่อน’ หมอกความตายหนาแน่นที่อยู่รอบๆ ร่างเขาก็พลันสลายไปไร้ร่องรอย ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้นักเวทชุดคลุมสีดำมองตาเป็ประกาย
เขาไม่ใช่คนมีความสามารถมากนัก เขาติดตามเฟอร์ดินานด์ที่มีความแข็งแกร่งระดับเก้าดาวมายี่สิบกว่าปี เพิ่งจะได้เลื่อนพลังเป็นักเวทสี่ดาว ในราชอาณาจักรแมนเชสเตอร์ระดับเท่านี้ถืแเป็เื่น่าหัวเราะ ต่อมาเนื่องจากความโลภในอำนาจ ทำให้เขาไม่อาจทนต่อการล่อลวงในการฝีกฝนหนทางนักเวทแห่งความตายที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็วได้ ทว่าพลังเวทมนตร์ของนักเวทแห่งความตายไม่ใช่สิ่งที่โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินใหญ่เห็นชอบด้วย ด้วยความกลัวที่จะถูกสาวกของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์พบเห็นแล้วจับเขาเผา ดังนั้นเขาจึงซ่อนพลังนี้ไว้ตลอด ครั้งนี้เขาตัดสินใจกล่าวลาท่านอาจารย์เฟอร์ดินานด์โดยบอกว่าจะออกไปท่องเที่ยวเก็บประสบการณ์ที่อาณาจักรอื่น ซึ่งความจริงแล้ว มันไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะหลบซ่อนอยู่ในราชอาณาจักรที่เป็ศูนย์กลางของเหล่านักบวชชั้นสูง และการที่ซุนเฟยมีวิธีซ่อนพลังเวทแห่งความตายมันทำให้เขาอดตาเป็ประกายไม่ได้ หากมีวิธีควบคุมแบบนี้ หลังจากนี้เขาก็สามารถฝึกฝนเวทมนตร์แห่งความตายได้อย่างวางใจ และไม่ต้องกลัวว่าพวกโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์จะพบเห็นเข้า
ยิ่งเห็นกระดูกสีขาวแตกกระจายกองบนพื้น ในใจของเอแวนส์ยิ่งตื่นเต้น
ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ได้มีความคิดที่จะฆ่าเขาจริงๆ คาดว่าน่าจะเป็เพราะต้องพึ่งพานักเวทสี่ดาวอย่างเขามาช่วยเปิดที่ตั้งเทพและปีศาจ หากเป็แบบนี้ ขอเพียงเขาฟื้นฟูพลังกลับมาได้แล้วแสร้งทำเป็ร่วมมือกับาาองค์นี้ไปก่อน จากนั้นก็ค่อยๆ ควบคุมเมืองแซมบอร์ดอย่างช้าๆ ระหว่างนั้นก็ค้นหาความลับในการซ่อนพลังเวทแห่งความตาย เมื่อถึงเวลาก็ค่อยสังหารมันอีกที...ฮิๆ แล้วข้าก็จะสมบัติเทพและปีศาจแต่เพียงผู้เดียว
“เ้าหนุ่ม แผนที่ข้าก็มอบให้เ้าแล้ว รีบช่วยรักษาข้าเร็วๆ สิ ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว...” นักเวทสี่ดาวเอแวนส์พูดเตือนออกมา
“เอ๋? ใช่ๆๆๆ ข้าพูดคำไหนคำนั้น...” ซุนเฟยสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะม้วนแผนที่กลับแล้วใส่เข้าไปในเข็มขัดมิติคนเถื่อน จากนั้นก็นำ ‘น้ำยารักษาชีวิต’ ออกมา แล้วคุกเข่าลงพลางพูดว่า “ท่านนักเวทเอแวนส์ พวกเรามาร่วมมือกันอย่างสันติสุข แล้วเราจะได้ที่ตั้งเทพและปีศาจ ฮ่าๆๆ!”
“ฮ่าๆๆ เ้าหนุ่ม เ้ากำลังเลือกทางที่ถูกต้องที่สุด” ในที่สุดเอแวนส์ก็วางใจ เขาเผยรอยยิ้มออกมา แต่ลึกเข้าไปในดวงตากลับเต็มไปด้วยร่องรอยบางอย่างที่ยากจะหยั่งถึง
“น่าเสียดายที่เ้ากลับเลือกทางผิด...” ดวงตาของซุนเฟยก็เย็นะเื ฉับพลันเขาก็คว้าไปที่คอของนักเวทเอแวนส์อย่างรวดเร็ว ออกแรงเบาๆ ก็มีเสียงดังกร๊อบ ทันใดนั้นลำคอและกระดูกสันหลังที่ต้นคอของเอแวนส์ก็หักทันที
“เ้า...”
ประกายแสงชีวิตในดวงตาของนักเวทสี่ดาวก็สลายไป แม้ว่าจะตายแล้วแต่ในดวงตาของเขาก็ยังแสดงท่าทางไม่อยากจะเชื่อ รอยยิ้มบนใบหน้าของเอแวนส์แข็งทื่อ เขาคงคาดไม่ถึงว่าาาหนุ่มตรงหน้าจะกล้าสังหารเขา ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าหากไม่มีนักเวทที่แข็งแกร่งคอยช่วย การเปิดที่ตั้งเทพและปีศาจจะยากลำบากขึ้นไม่ใช่หรือ เมืองแซมบอร์ดเล็กๆ จะไปเชิญนักเวทที่เหมาะสมที่ไหนมาได้?
แน่นอนว่า หากเขารู้ว่าซุนเฟยมั่นใจว่าสามารถเลื่อนเป็นักเวทสี่ดาวได้ในระยะเวลาสั้นๆ ด้วยโลก Diablo คงไม่ส่งแผนที่ให้ง่ายๆ แบบนั้น นอกจากนี้ ซุนเฟยสาบานด้วยจิติญญาของอเล็กซานเดอร์ น่าเสียดายที่เอแวนส์ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วจิติญญาของอเล็กซานเดอร์สลายไปนานแล้ว
“กับงูพิษอย่างเ้า ข้าจะกล้าร่วมมือได้อย่างไร?” ซุนเฟยส่ายหน้าพลางพูดกับตัวเอง
นักเวทที่ชื่อเอแวนส์ไม่เพียงมีพลังที่น่ากลัวยังมีภูมิหลังที่ใหญ่มาก ควบคู่กับจิตใจที่ชั่วร้ายของเขา มีหรือที่ซุนเฟยจะกล้ารักษาเขา? หากเขาประมาทเพียงเล็กน้อยก็คงถูกงูพิษอย่างมันแว้งกัดเอาได้ และเมื่อเวลานั้นมาถึง เมืองแซมบอร์ดก็คงล่มสลายเช่นกัน เขายังจำนิทานอีสปเื่ชาวนากับงูเห่าที่เป็นิทานเล่าขานมาหลายพันปีได้ดี ซุนเฟยไม่โง่พอที่จะไปช่วยงูเห่า
แผนที่ที่ตั้งเทพและปีศาจ ความลับของเมืองแซมบอร์ดและความลับเื่การตายของเคชมัน องค์ชายของราชอาณาจักรไอนด์โฮเวน เื่เหล่านี้จะต้องถูกกลบฝังอยู่ในเรือนจำนี้ตลอดกาล นอกจากซุนเฟยแล้วก็ไม่มีใครรู้ นี่ไม่อาจตำหนิว่าซุนเฟยเป็คนเหี้ยมโหดได้ ในโลกที่ใช้ชีวิตด้วยกฎป่าเถื่อนอย่างแผ่นดินอาเซรอท ซุนเฟยไม่อาจชะล่าใจได้แม้แต่น้อย
“บางทีเราอาจเป็คนแบบเดียวกัน น่าเสียดายที่เ้ามันโชคไม่ดีมาเจอกับข้า”
ซุนเฟยหยิบ ‘น้ำยาฟื้นฟูมานา’ ออกจากเข็มขัดมิติมาดื่ม เพราะก่อนหน้านี้เขาเสียพลังมานาในการใช้ทักษะ ‘ค้นหาน้ำยา’ จึงต้องฟื้นฟูพลังมานาของคนเถื่อนกลับคืนมา จากนั้นก็เอื้อมมือไปััที่ศพของนักเวทชุดคลุมสีดำเอแวนส์ เสียงบางอย่างดังขึ้นอย่างแ่เบา เขาเปิดใช้ทักษะ ‘ค้นหาน้ำยา’ อีกครั้ง
ตึง!
เหมือนเสียง์ลอยเข้ามากระทบหูของซุนเฟย
“สำเร็จ”
ซุนเฟยดีใจมาก ในอากาศปรากฏขวด ‘น้ำยาฮัลค์’ สีเขียวเป็ประกายหนึ่งขวดส่องแสงระยิบระยับ ขวดเล็กๆ นี้เหมือนถูกห่อหุ้มไปด้วยพลังจิติญญาของเด็กแรกเกิดบางเบา ทำให้ซุนเฟยรู้สึกสนิทสนม
ซุนเฟยเก็บ ‘น้ำยาฮัลค์’ ที่ล้ำค่าใส่เข็มขัดมิติ จากนั้นก็ครุ่นคิดบางอย่างเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนเป็ ‘โหมดนักเวท’ แล้วใช้ทักษะ ‘ะุเพลิง’ เผาศพศพบนพื้น รวมทั้งกองกระดูกที่ตัวเองอัญเชิญโครงกระดูกออกมาจนมอดไหม้กลายเป็เถ้าเพื่อทำลายหลักฐาน
เมื่อเผาศพเสร็จ ซุนเฟยก็กวาดสายตามองก่อนจะไปหยุดที่อาวุธเวทมนตร์หลายชิ้นและชุดเกราะเวทมนตร์ที่ถอดออกมาจากร่างชายหน้ากากเงิน นอกจากนี้ท่ามกลางขี้เถ้าบนพื้นก็มีแหวนเก็บของของเอแวนส์ที่ไม่ได้ถูกเผาไปด้วย มันยังคงส่องแสงเป็ประกายแวววาวล่อตาล่อใจ
ซุนเฟยรู้ว่าด้วยพลังนักเวทสี่ดาวของเอแวนส์ควบคู่ไปกับภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ ในแหวนเก็บของจะต้องมีของล้ำค่าไม่น้อยอยู่ด้านใน อีกทั้งชายหน้ากากเงินก็เป็ถึงองค์ชายของราชอาณาจักรไอนด์โฮเวน ชุดเกราะพวกนั้นจะต้องเป็ของมีค่าอย่างมากแน่นอน หากเก็บไว้เป็ของรางวัลให้แก่เหล่าผู้นำเมืองแซมบอร์ดได้ใช้ มันจะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งแก่เมืองแซมบอร์ดอย่างแน่นอน หากไม่ใช้เอง ก็หาลู่ทางขายมันเพื่อแลกเปลี่ยนเป็ทรัพยากรกลับมาเป็จำนวนมากก็ได้
แต่...มันอันตรายเกินไป
ด้วยสถานะของชายหน้ากากเงินและเอแวนส์ สมบัติของพวกเขาจะต้องเรียกความสนใจจากทุกคนอย่างแน่นอน ไม่เพียงจะถูกคนค้นพบ คงจะถูกติดตามตรวจสอบแน่ๆ เหตุการณ์หลายอย่างจะถูกเปิดเผยทันที อันตรายพวกนี้ ไม่ว่าจะเป็ซุนเฟยหรือเมืองแซมบอร์ดก็คงรับผิดชอบไม่ไหว ซุนเฟยจำเป็ต้องยับยั้งความเป็ไปได้ทุกอย่าง ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อให้เมืองแซมบอร์ดเติบโตแข็งแกร่ง ตอนนี้เขายังไม่แข็งแกร่งมากพอที่จะท้าทายราชอาณาจักรไอนด์โฮเวนได้
ซุนเฟยรู้สึกเ็ปนิดๆ
แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะใช้ ‘ะุเพลิง’ เผามัน เปลวเพลิงลุกโชนห่อหุ้มแหวนเก็บของและชุดเกราะ เพื่อจะเผาของล้ำค้าพวกนี้ให้กลายเป็เศษเหล็กและทำลายหลักฐาน
แต่
“หือ ไม่กลัวไฟสักนิด?”
ผ่านไปไม่กี่นาที ซุนเฟยก็พบเื่ประหลาด แม้ว่าจะพยายามใช้ ‘ะุเพลิง’ ในระดับสูงแค่ไหน แต่แหวนเก็บของและชุดเกราะที่อยู่ท่ามกลางเปลวไฟก็ไม่มีร่องรอยหลอมละลายแต่อย่างใด บนชุดเกราะยังมีแสงสีฟ้ากระพริบอยู่ และตัวแหวนเก็บของก็มีแสงสีขาวสว่างไสว อาศัยเพียงเปลวไฟก็คงไม่อาจสร้างความเสียหายได้
“ดูเหมือนว่าจะเป็ของล้ำค่าจริงๆ แต่จะจัดการอย่างไรดีนะ? ของพวกนี้ เก็บเอาไว้ก็มีแต่หายนะ...” ซุนเฟยพยายามใช้ทั้ง ‘ะุน้ำแข็ง’ และ ‘ะุพลังงาน’ แม้กระทั่งเปลี่ยนเป็ ‘โหมดเนโครแมนเซอร์’ ใช้หมอกแห่งความตายที่อยู่รอบกายทำลายมันแต่ก็ไม่อาจสร้างความเสียหายใดๆ ได้ คิดจะใช้พลังน่าเกรงขามของ ‘โหมดคนเถื่อน’ ทุบให้แตก แต่หากทุบมันจนแตกก็จะมีปัญหาตามมาภายหลัง สุดท้ายก็ทำได้เพียงเก็บชุดเกราะและแหวนเก็บของลงในเข็มขัดมิติของคนเถื่อน ซ่อนมันไว้ก่อน รออนาคตพลังเลื่อนระดับขึ้นอีกขั้น ก็ค่อยคิดหาวิธีทำลายมัน
ตอนนี้ภายในห้องปิดตายเหลือเพียงโซ่คล้องไม่กี่เส้นเท่านั้น นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีก ซุนเฟยคำนวณเวลา เวลาผ่านมาสามชั่วโมงกว่าแล้วที่ตัวเองเข้ามาในเรือนจำนี้ เกรงว่าด้านนอกคงจะพลบค่ำแล้ว สมควรที่จะออกจากที่นี่
แต่ก่อนจะออกไป เขายังมีเื่ต้องทำอยู่อีก...เขาเคาะบานประตูที่พัศดีโอเลเกร์ยืนอยู่
“โอเลเกร์ เ้าเข้ามาได้!” ซุนเฟยเรียก
พัศดีโอเลเกร์รีบวิ่งเข้ามา เมื่อเข้ามาในห้องปิดตายเขาก็รู้สึกประหลาดใจ ผู้คนก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้ว บนพื้นมีแค่รอยคราบเืและโซ่ตรวนสามเส้นกับกองขี้เถ้าห้ากอง เขาก็พอจะเดาได้แล้วว่าทหารรับจ้างสามคนนั้น และชายหน้ากากเงินกับนักเวท ตอนนี้คงกลายเป็ขี้เถ้าหมดแล้ว ในใจก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว การลงมือของาาหนุ่มตรงหน้าช่างเด็ดขาดและแยบคาย จนทำให้เขาไม่กล้าหายใจ ซุนเฟยเดินมาหยุดยืนตรงหน้าเขา
“โอเลเกร์ บอกมาสิ ตอนที่เ้าพุ่งเข้ามาก่อนหน้านี้ เ้าเห็นอะไร?” ซุนเฟยถามอย่างไม่ใส่ใจ
แต่โอเลเกร์กลับถูกคำถามที่ทำให้กลัวจนเหงื่อแตกพลั่กทั้งร่าง คิดว่าซุนเฟยอยากฆ่าเขาปิดปาก เขาจึงรีบคุกเข่าลงแล้วอ้อนวอนด้วยความหวาดกลัว “ฝ่าาไว้ชีวิตข้าด้วย! ไว้ชีวิตข้าด้วยขอรับ! ข้าไม่เห็นอะไรเลย เห็นแค่...เห็นแค่ฝ่าากำลังพิจารณาลายเส้นบนกำแพงหินเท่านั้น...ฝ่าาโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!”
ซุนเฟยเห็นท่าทางกระต่ายตื่นตูมของโอเลเกร์ก็พลันหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วพูดอย่างช้าๆ ว่า “เ้าลุกขึ้นเถอะ ข้าเคยพูดเมื่อไรกันว่าจะฆ่าเ้า?”
“ขอบพระทัย!” โอเลเกร์ไม่กล้าต่อต้านคำสั่ง เขาลุกขึ้นมาทั้งที่ตัวสั่นเทิ้ม
“เมื่อสี่วันก่อนพระเ้าได้ทำให้สติปัญญาข้ากลับมาเป็ปกติ สี่วันที่ผ่านมาเกิดเื่ขึ้นมากมาย ทำให้ข้าได้เข้าใจเื่ราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นใน่สามปีที่ผ่านมาของเมืองแซมบอร์ด ไอ้สารเลวบาร์เซิลมันทำให้อาณาจักรต้องเสียหาย ข่มเหงราษฎรของข้าแล้วยังตุลาการคอนก้าที่เข้าร่วมกับพวกชั่วนั่น แล้วตอนนี้มันกำลังหลบหนีอยู่ หากมันถูกจับได้เมื่อไร มันจะต้องตายด้วยมือข้า โอเลเกร์ สามปีก่อนหน้านี้เ้าก็ช่วยบาร์เซิลทำเื่ไม่น้อย โทษพวกนั้นแม้ตายเป็พันครั้งก็ไม่อาจระงับความโกรธของประชาชนได้...”
ซุนเฟยพูดออกมาทีละประโยค โอเลเกร์ได้ยินดังนั้นก็ตัวสั่นเทิ้ม ในใจวูบ ร่างเหมือนถูกแช่อยู่ในน้ำแข็งที่หนาวเย็นจนตัวสั่น เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย เขาก็รีบคุกเข่าร้องขอชีวิต
ซุนเฟยมองหน้าเขาแล้วพูดว่า “ข้าอเล็กซานเดอร์ไม่ใช่ทรราชกระหายเื วันนั้นที่เ้าติดตามข้าไปไล่ฆ่าข้าศึกบนสะพานหิน เ้าสังหารพวกทหารเกราะดำไปสี่สิบห้านาย ตัวเ้าเองก็ได้รับาเ็ไม่น้อยและยังช่วยชีวิตสหายร่วมรบสามสี่นาย สิ่งเหล่านี้ข้าเห็นชัดเจน ถือว่าเ้าได้ชดใช้ความผิดที่เคยก่อไว้แล้ว ดังนั้นข้าจึงไม่คิดจะสังหารเ้า...ทำดีมีรางวัล ทำชั่วถูกลงโทษ นี่เป็จุดมุ่งหมายการปกครองอาณาจักรของข้าอเล็กซานเดอร์ บรู๊ค ดร็อกบา เพียร์ซและคนอื่นๆ ได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่ไปแล้ว มีเพียงเ้าที่ยังคงรั้งอยู่ในตำแหน่งเดิม ไม่ได้รับรางวัลอะไร เ้าโกรธข้าไหม?”
“ฝ่าา โอเลเกร์ไม่กล้า โอเลเกร์ไม่กล้า...ข้าทราบว่าฝ่าาประสงค์จะให้อภัยโอเลเกร์ ดังนั้น เมื่อเช้าจึงได้ส่งให้ท่านบรู๊คมาถ่ายทอดคำสั่งที่เรือนจำ นั่นทำให้ข้ามีเวลาเตรียมตัว ขจัดสิ่งเลวร้ายบางอย่างในเรือนจำ สำหรับความผิดที่ข้าเคยทำไว้ก่อนหน้านี้ ฝ่าายังเมตตากรุณายกโทษให้ข้า แค่นี้โอเลเกร์ก็ซาบซึ้งแล้วขอรับ ข้ายินดีที่จะตายเพื่อท่าน แม้ว่าต้องตายในานองเืก็ตาม!”
“อืม เ้าเข้าใจก็ดีแล้ว” ซุนเฟยพูดต่อไปว่า “เมืองแซมบอร์ดตอนนี้ แม้ว่าบรู๊คจะมีสติปัญญาที่ดี แต่ด้วยนิสัยซื่อสัตย์ของเขาทำให้เขาไม่อาจสอดส่ายไปได้ทั่ว เพียร์ซและดร็อกบาเป็ชายผู้กล้าหาญชำนาญในการออกรบ น่าเสียดายที่สมองของเขาใช้ไม่ได้ ท่านอาแลมพาร์ดไม่ชอบการเมือง ท่านอาเบสท์ถูกผูกมัดด้วยหน้าที่อื่น ตอนนี้ขาดเพียงคนที่มีความคิดกลับกลอกไร้ยางอายอย่างเ้า ที่จะสามารถช่วยจัดการเื่ราวเล็กๆ น้อยๆ ของข้า ข้า้าเ้ามาช่วยข้า
แต่...”
ซุนเฟยพูดถึงตรงนี้ก็จนใช้หยุดค้างไปสองสามวินาที
โอเลเกร์ก็รู้ความนัยของซุนเฟย เขารีบบอกพลางกล่าวสาบานว่า “พระเ้าทรงเป็พยาน ข้าโอเลเกร์ยินดีที่จะกลายเป็สุนัขผู้ซื่อสัตย์ขององค์าาอเล็กซานเดอร์ ฝ่าาชี้ไปที่ไหน โอเลเกร์ก็จะพุ่งไปที่นั่น ไม่กล้าลังเลแม้แต่นิด หากคำพูดและการกระทำไม่สอดคล้องกัน ขอให้ร่างของข้าถูกเหยียบย่ำจนเละ หลังจากตายก็ขอให้ดวงิญญาลงนรก ได้รับการทรมานแสนสาหัสชั่วนิรันดร์”
“เื่สาบานสาปแช่งพวกนี้น่ะ ข้าไม่เชื่อหรอก...” ซุนเฟยไม่ปริปากพูดความคิดตัวเองต่อ เขาพูดว่า “ข้าให้ความสำคัญกับกระทำมากกว่า ข้าอยากให้เ้าจัดการเื่ต่อจากนี้สักสองสามเื่ ข้าจะรอดูการกระทำของเ้า”
“ฝ่าาโปรดรับสั่งมา โอเลเกร์จะทุ่มเทอย่างเต็มที่”
---------------------------------