ลูกศิษย์เหล่านี้ล้วนถูกจางหลงส่งมาโจมตีเสวียนเทียนแน่นอนว่าย่อมดูถูกเสวียนเทียนไม่มีชิ้นดี ยิ่งกว่านั้น ในใจของพวกเขาก็คิดเช่นนั้นด้วย
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกกับขั้นเจ็ดมีช่องว่างระหว่างกันกว้างนักผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดปลดปล่อยปราณกระบี่ได้ ทำร้ายคนจากระยะไกลได้นับว่าก้าวเข้าสู่ทำเนียบยอดฝีมือไปแล้วผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกไม่ทันได้เข้าใกล้ก็ต้องแพ้พ่ายเทียบกับความต่างชั้นระหว่างผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่กับขั้นห้าแล้วเทียบชั้นกันไม่ได้เลย
หนิวจื้อเกาใช้พลังวัตรผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดมาท้าสู้กับเสวียนเทียนแสดงอย่างชัดเจนว่ามาแก้แค้นแทนจางหู่ ้าจะอัดเสวียนเทียนให้ยับสักรอบ
เพื่อไม่ให้เสวียนเทียนปฏิเสธการท้าประลองพวกเขาย่อมมีวิธี
จางหู่ตะคอกกล่าวว่า “หวงเทียน ถ้าเ้าไม่รับคำท้าสู้ จากวันนี้ไปพวกเราเจอหวงสือครั้งหนึ่งก็จะต่อยเขาหนึ่งหมัด ทุกวันละคนหนึ่งหมัดต่อยให้หัวมันกลายเป็หัวหมูถึงจะหยุด”
สำนักกระบี่์แม้จะมีกฎห้ามต่อสู้กันเองแต่ต่อยหนึ่งหมัดก็ไม่ได้รับโทษหนักหนาอันใด แค่ขอโทษแล้วถูกกักบริเวณให้สำนักผิดไม่กี่วันเท่านั้นลูกศิษย์ในอาณัติของของจางหลงอย่างน้อยก็มีหลายสิบคนถ้าหากทำจริงทุกวันหนึ่งคนหนึ่งหมัด หวงสือคงเจ็บหนักแน่
สองตาของเสวียนเทียนหรี่ลง ในดวงตาปรากฏแววคมกล้าอยู่วูบหนึ่งก่อนกล่าวขึ้นเสียงเย็นว่า “ข้าจะไม่รับคำท้าได้อย่างไรในเมื่อศิษย์พี่หนิวใคร่อยากจะเจ็บตัวนัก เช่นนั้นข้าก็จะสนองให้ จะอัดร่างชั้นต่ำของท่านให้สักรอบแล้วกัน”
“เ้าว่าไงนะ”
“กล้าดีอย่างไรพูดกับศิษย์พี่หนิวแบบนี้”
“มันช่างใจกล้าไม่กลัวตาย”
ลูกศิษย์หลายคนพลันโกรธจัด ร้องโวยวายขึ้นมา
หนิวจื้อเกาหน้าเขียวคล้ำความโกรธแล่นพล่านบ้าคลั่งอยู่ในใจ ขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน ส่งเสียงรอดไรฟันออกมา “ไม่ต้องอวดลิ้นคมลมปากไป อยู่บนเวทีประลองเมื่อไรข้าจะให้เ้าได้รู้ว่าใครจะชั้นต่ำ ฮึ!”
พูดจบ หนิวจื้อเกาก็หันกายเดินอย่างว่องไวไปทางลานศิษย์นอก ดูแล้วเขาคงทนรอจะจัดการเสวียนเทียนไม่ไหวลูกศิษย์คนอื่นก็รีบเดินออกไป ะโเสียงดังว่า “ศิษย์ชั้นสูงขึ้นประลอง...”
ศิษย์นอกชั้นสูงชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดขึ้นไปมีสิทธิออกไปนอกสำนักออกล่าสัตว์อสูร ฝึกฝนประสบการณ์หรือทำภารกิจของสำนักปกติแล้วไม่ค่อยปรากฏตัวในหมู่ศิษย์นอกนักการต่อสู้ของศิษย์ชั้นสูงจึงยิ่งหาดูได้ยากยิ่ง
ศิษย์นอกที่ได้ยินเสียงะโ ‘การต่อสู้ของศิษย์ชั้นสูง’ ไม่นานก็ตื่นเต้นราวกับกินเืไก่เข้าไป พากันะโเสียงดังตามๆ กันทั้งยังพากันวิ่งรี่มาที่ลานกว้าง
คนหนึ่งบอกสิบ สิบคนบอกร้อยข่าวการขึ้นประลองของศิษย์นอกชั้นสูง ไม่นานก็แพร่กระจายไปทั่ว
แม้กระทั่งศิษย์นอกชั้นสูงชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดขึ้นไปบางคนได้ยินข่าวก็ตามกันมากับเขาด้วย
รอจนเสวียนเทียนกับหนิวจื้อเกาเดินขึ้นไปยังเวทีประลองลานกว้างก็มีศิษย์นอกมาร่วมตัวกันทั้งสิ้นถึงห้าหกร้อยคนแล้วยังมีศิษย์นอกทยอยกันมาอีกไม่หยุด
ลูกศิษย์ทั้งหลายตื่นเต้นรีบมาดูการต่อสู้ของศิษย์ชั้นสูงพอมาถึงก็ได้รู้ คู่ต่อสู้ทั้งสองฝ่ายคือ เสวียนเทียนชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหก กับหนิวจื้อเกาชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ด
ที่แท้ไม่ใช่การต่อสู้ของศิษย์ชั้นสูงสองคนแต่เป็ศิษย์ชั้นสูงสู้กับศิษย์ธรรมดา นาทีนี้บรรดาลูกศิษย์ต่างผิดหวังมาก
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดปล่อยปราณกระบี่ได้ ทำร้ายคู่ต่อสู้ได้จากระยะไกลผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสิบคนก็ใช่ว่าจะเป็คู่ประมือของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ด เฮ้อการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่ต้องคาดเดาก็รู้ผลนึกว่าจะเป็การต่อสู้น่าตื่นตาระหว่างศิษย์ชั้นสูง ทำให้ข้าตื่นเต้นเสียเปล่า”
“ใช่แล้ว ศิษย์ธรรมดานั่นเป็ใครไปสู้กับศิษย์ชั้นสูงไม่ใช่หาเื่เจ็บตัวหรือไง”
“ได้ยินว่าชื่อหวงเทียน ที่ผ่านมาไม่โดดเด่น พักนี้อยู่ดีๆ พลังวัตรเพิ่มพูนขึ้นจนถึงชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกแล้ว”
“ที่แท้ก็เป็แบบนี้ ดูแล้วคงได้ไปเจอเื่พิสดารนิดหน่อยเข้าพาลมั่นใจในตัวเองจนล้น พลังวัตรของเขาแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหก จะเป็คู่มือของศิษย์พี่หนิวได้อย่างไร”
“ฮ่าๆ โดนอัดเสียที เดี๋ยวความมั่นใจในตัวเองของเขาก็หายไปแล้วล่ะ”
“การต่อสู้ครั้งนี้ต้องเป็การต่อสู้ที่จบลงเร็วที่สุดเป็แน่ ข้าพนันเลยศิษย์พี่หนิวปล่อยปราณกระบี่ออกมาปุ๊บ กระบี่เดียวก็เอาชนะหวงเทียนได้ใครพนันกับข้าบ้าง ข้าพนันหนึ่งต่อสิบ”
“ใครจะไปพนันกับเ้ากัน เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าศิษย์พี่หนิวต้องชนะไหมล่ะ”
“ฮ่าๆ...ก็ไม่น่าแปลกใจละนะ หนึ่งต่อร้อย มีใครพนันกับข้าบ้าง”
“หนึ่งต่อร้อยจริงหรือ” ลูกศิษย์ข้างๆ คนหนึ่งถามขึ้น เขาคือหลินตงเขาเชื่อมั่นในตัวเสวียนเทียนอย่างไม่ลืมหูลืมตาเมื่อครู่ได้ยินข่าวเื่การต่อสู้ของ ‘ศิษย์ชั้นสูง’ หลินตงก็ตื่นเต้นรีบเร่งมา ไม่คิดว่าจะกลับกลายเป็การต่อสู้ของเสวียนเทียนกับผู้อื่นหวงสืออาการาเ็เป็อุปสรรค ตอนนี้มาไม่ได้
“แน่นอนข้าหม่าหวงเื่พนันเรียกข้าเป็ที่สองก็ไม่มีใครกล้าเรียกตนเองว่าที่หนึ่งใครไม่รู้จักบ้าง”
“เช่นนั้นก็ดี ข้าลงร้อยตำลึงเงิน พนันว่าศิษย์พี่หวงเทียนชนะ”
“ศิษย์น้องท่านนี้ ร้อยตำลึงเงินของเ้าคงหายไปกับสายน้ำแน่แล้วศิษย์ธรรมดาจะไปชนะศิษย์ชั้นสูงที่ปล่อยปราณกระบี่ได้ได้อย่างไร” คนข้างๆ คนหนึ่งเตือนขึ้น
“ไม่เป็ไร แพ้ก็แค่ร้อยตำลึงเงิน ชนะได้ตั้งหมื่นตำลึงเงิน” หลินตงหัวเราะเบาๆตัวเขามีเงินไม่มาก แต่ก็ลงพนันไปร้อยตำลึง
“เฮ้ ทุกคนเห็นกันแล้วนะ ศิษย์น้องท่านนี้เต็มใจพนันข้างหวงเทียน” หม่าหวงรีบฉวยเงินร้อยตำลึงของหลินตงไป จากนั้นในใจก็คิดขึ้นว่า ‘แล้วถ้าหวงเทียนเกิดชนะขึ้นมาจริงๆเช่นนั้นข้าต้องจ่ายคืนหมื่นตำลึง แบบนั้นไม่ขาดทุนป่นปี้หรือ’
‘เป็ไปไม่ได้อย่างไรก็เป็ไปไม่ได้ เป็ศิษย์ธรรมดา อย่างไรก็ชนะศิษย์ชั้นสูงไม่ได้’ หม่าหวงปัดความคิดแง่ลบในใจออกไปทันที
บริเวณลานกว้าง ลูกศิษย์รีบเร่งมาไม่ขาดสายบนลานประลอง เสวียนเทียนและหนิวจื้อเกาไม่รีรอ พอทั้งสองขึ้นเวทีสายตาประสานฟาดฟันกัน ความตั้งใจต่อสู้เปี่ยมล้น
“ฮึๆๆๆ...”
หนิวจื้อเกาหัวเราะเย็นเยียบ กล่าวขึ้นว่า “ข้าจะให้เ้าได้รู้ว่า แบบไหนเรียกว่ายอดฝีมือที่แท้จริงแบบไหนคือหาเื่เจ็บตัว”
สิ้นเสียง ได้ยินเพียงเสียง ‘ชิ้ง!’ ดังขึ้น กระบี่ของหนิวจื้อเกาถูกชักออกจากฝักพริบตาก็เปล่งแสงสว่าง กระบี่ยาวเจิดจ้าบาดตา พลันกระบี่ก็พุ่งเข้าไปหาเสวียนเทียนดุจรุ้งยาวพาดผ่านดวงตะวัน หอกวิเศษพุ่งทะยานหาดวงจันทร์
หนิวจื้อเกาไม่ได้ปลดปล่อยปราณกระบี่ทั้งยังรวมพลังภายในเข้าไว้ในตัวกระบี่ตอนนี้บนลานกว้างมีลูกศิษย์วิ่งมารวมกันแล้วหกเจ็ดร้อยคน ต่อหน้าประจักษ์พยานทุกคนเขา้าบอกกับบรรดาศิษย์ว่าต่อให้ไม่ใช้ปราณกระบี่เขาก็เอาชนะหวงเทียนได้อย่างง่ายดาย
“เป็กระบี่ที่เร็วเหลือเกิน”
“กระบี่นี้แข็งแกร่งจริงๆ”
...
ศิษย์นอกข้างล่างเวทีหลุดเสียงพูดคุยด้วยความตื่นตะลึงขึ้นมาศิษย์ชั้นสูงลงมือ ไม่ธรรมดาจริงๆ ออกท่ามาหนึ่งกระบี่ ส่องสว่างเจิดจรัสให้คนรู้สึกว่าหลีกก็หลีกไม่ทัน หลบก็หลบไม่พ้น ยังคงสับสนมึนงงก็ถูกกระบี่เสียบทะลุหัวใจ
แต่ว่ากระบี่นี้ของหนิวจื้อเกาเมื่ออยู่ในสายตาของเสวียนเทียนกลับไม่ได้ร้ายกาจเช่นนั้น
อารมณ์ของเสวียนเทียนกลายเป็เฉยชา พูดดูถูกว่า “เ้าช้าไปแล้ว”
เสียงพูดดังขึ้น กระบี่ออกจากฝักแสงกระบี่สว่างวาบ ลูกศิษย์ด้านล่างเวทีเห็นเพียงแค่เงากระบี่น่าตกตะลึงสายหนึ่งปรากฏขึ้นสวนทะลุเงากระบี่ของหนิวจื้อเกาไป
“อ๊าก...!”
ตอนที่กระบี่ของหนิวจื้อเกายังห่างจากเสวียนเทียนอีกสามนิ้วเขาก็ส่งเสียงร้องเ็ปขึ้น เงาร่างกระเด็นถอยหลัง
เืสดสายหนึ่งพุ่งกระเซ็นไปบนอากาศไหล่ขวาของหนิวจื้อเกาเกิดาแชวนตะลึงงันที่หนึ่ง เืสดไหลริน
หนึ่งกระบี่ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดหนิวจื้อเกาแพ้แล้ว
ชั่วขณะนั้น เสียงสูดหายใจเฮือกใหญ่ของลูกศิษย์ด้านล่างเวทีดังขึ้นอย่างต่อเนื่องดวงตาสองข้างของทุกคนเบิกกว้างราวกับกระดิ่งทองแดง
แค่หนึ่งกระบี่ ก็ทำให้หนิวจื้อเกาแพ้แล้ว
ตื่นตะลึง ทั้งลานตื่นตะลึง
แม้กระทั้งศิษย์ชั้นสูงที่พลังวัตรสูงกว่าชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดเ่าั้ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงงันส่งเสียงใออกมา
ใบหน้าของหลินตงตื่นตะลึง ฉับพลันรอยยิ้มก็ปรากฏร้องขึ้นอย่างดีใจ “ฮ่าๆ ศิษย์พี่หวงเทียนชนะจริงๆ ด้วย”
ได้ยินเข้า สีหน้าของหม่าหวงที่อยู่ข้างๆ ก็พลันห่อเหี่ยวในใจคร่ำครวญไม่หยุด
“ศิษย์พี่หนิว ท่านใช้ไม่ได้เสียเลย” เสวียนเทียนยกนิ้วก้อยขึ้นแล้วชี้ไปที่หนิวจื้อเกาจากนั้นก็ชี้ลงพื้น
นอกจากความตื่นตะลึงด้านล่างเวทีะเิเสียงหัวเราะขึ้นมาครู่หนึ่ง
ศิษย์ธรรมดาคนหนึ่งกลับใช้หนึ่งกระบี่เอาชนะศิษย์ชั้นสูงได้ทำให้ศิษย์ธรรมดาคนอื่นที่ถูกกดดันไม่น้อย ต่างพลอยรู้สึกสมใจหลังจากตื่นตะลึงก็เกิดรู้สึกยินดีขึ้นมา
ใบหน้าของหนิวจื้อเกาเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาว สูดลมหายใจกระชั้นถี่ขึ้นเขาสกัดจุดที่หัวไหล่ หยุดเืที่กำลังไหล
สายตาแปรเปลี่ยนเป็เย็นะเื กล่าวเสียงเย็นว่า “ดี ดี ดี! หวงเทียน เ้าทำให้ข้าต้องมองเสียใหม่ได้จริงๆ แต่ว่า...อย่าได้ใจไปนักเ้าไม่มีวันเป็คู่ประมือของข้าได้ ปราณกระบี่...ตัด”
หนิวจื้อเกาะโเสียงดัง สองมือจับกระบี่ พริบตากระบี่ก็ส่องสว่างมากขึ้นกว่าเดิมเขาวาดกระบี่ฟันออกไป
ฟึ่บ...!
ปราณกระบี่สายหนึ่งตัดผ่านอากาศ ราวกับคลื่นครึ่งวงกลมสายหนึ่งพุ่งไปหาเสวียนเทียนเหมือนลูกธนูคมกริบแหวกอากาศไป
เสียงของบรรดาศิษย์ด้านล่างเวทีเงียบกริบดวงตาไม่กะพริบ จ้องคนทั้งสองบนเวทีไม่ละสายตา
ปราณกระบี่! ยอดฝีมือชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดถึงจะปล่อยปราณกระบี่ได้ตามคำบอกเล่า ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดลงไปไม่อาจต้านทานได้
‘หวงเทียนผู้นี้แม้ชวนให้คนตกตะลึงแต่พลังวัตรยังอ่อนด้อยไปหน่อย หนิวจื้อเกาใช้ปราณกระบี่ออกมาเขาไม่มีทางต้านทานได้ ต้องแพ้แน่แล้ว’ ศิษย์ชั้นสูงจำนวนหนึ่งในใจคิดขึ้นมา
หนิวจื้อเกาพ่ายแพ้แก่เสวียนเทียนพวกเขาในฐานะศิษย์ชั้นสูงย่อมรู้สึกเสียหน้าอยู่เช่นกันแน่นอนว่าหวังให้หนิวจื้อเกาเปลี่ยนจากแพ้เป็ชนะ
ปราณกระบี่ของหนิวจื้อเกาทะยานมาหาเสวียนเทียนอย่างรวดเร็วใบหน้าของเสวียนเทียนไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย เขายังคงเฉยชาทันใดนั้นก็ะโเสียงดังขึ้น “ปราณกระบี่หรือ ข้าก็ทำได้!”
พร้อมกับที่พูดหนึ่งกระบี่ก็ตัดลงมา
ฟึ่บ...!
เพียงพริบตา ปราณกระบี่สายหนึ่งก็วาดออกมาจากปลายกระบี่สว่างยิ่งกว่าของหนิวจื้อเกา ราวกับวงพระจันทร์
รวดเร็วมิอาจบรรยายได้ปราณกระบี่ของทั้งสองส่งออกมา เสี้ยววินาทีนั้นก็พุ่งปะทะกัน
เพล้ง...!
เสียงปริแตกดังขึ้นปราณกระบี่ของหนิวจิ้อเกาถูกปราณกระบี่ของเสวียนเทียนฟันออกเป็สองเสี่ยงสลายหายไปในอากาศ
ส่วนปราณกระบี่ของเสวียนเทียนจางลงเพียงเล็กน้อย ยังคงรูปร่างดั่งสายรุ้งไว้พริบตาก็ฟันเข้าบนร่างของหนิวจื้อเกาที่ยังคงตะลึงงันอยู่
“อ๊าก…!”
เสียงร้องด้วยเ็ปดังขึ้น เืสาดกระเซ็นร่างของหนิวจื้อเกาพลันกระเด็นถอยหลัง บนร่างมีรอยแผลกระบี่เส้นหนึ่งจากหัวไหล่ยาวไปถึงท้องน้อย เสื้อผ้าขาดวิ่น ลึกเข้าไปในเนื้อถึงสามส่วนาแชวนให้คนตื่นตะลึง
หนิวจื้อเการ่วงลงไปที่พื้นเวทีร่างกายได้รับาเ็หนัก ต้องพักไม่น้อยกว่าสองสามเดือนถึงจะหายดี
“เ้า...เ้าใช้ปราณกระบี่ได้อย่างไร?” หนิวจื้อเกาล้มลงไปกับพื้นดิ้นรนลุกขึ้นมาชี้หน้าเสวียนเทียนที่อยู่บนเวที พูดจบประโยคก็เป็ลมสลบไป
“เป็ไปได้อย่างไร หวงเทียนมีพลังวัตรแค่ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกปล่อยปราณกระบี่ออกมาได้อย่างไร”
“คนผู้นี้เป็ใคร พลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหก กลับปล่อยปราณกระบี่ออกมาเอาชนะศิษย์ชั้นสูงได้”
“ชื่อหวงเทียน แต่ก่อนเป็ศิษย์ธรรมดา พักนี้โดดเด่นขึ้นมา”
“หวงเทียน เขาเก่งกาจมาก...”
“ศิษย์พี่หวงเทียนชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกก็ใช้ปราณกระบี่ออกมาได้สู้ชนะศิษย์ชั้นสูงชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ด ความสามารถน่ากลัวนัก”
...
...
วินาทีนั้นศิษย์นอกด้านล่างเวทีพลันวิจารณ์กันเซ็งแซ่ ชื่อหวงเทียนนั้น พริบตาก็แพร่ไปถึงหูศิษย์นอกทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์แม้กระทั่งศิษย์ชั้นสูงก็มองเขาด้วยความตื่นตะลึง สิ่งที่พวกเขาพูดคุยกันก็คือหวงเทียนไม่นานชื่อเสวียนเทียนก็ะเืไปทั้งสำนักชั้นนอก กลายเป็บุคคลในตำนานที่เป็ที่กล่าวถึงในบทสนทนามากที่สุดในหมู่ศิษย์นอกตอนนั้น