ยามนี้ ภาพเปลวเพลิงขนาดั์บนศีรษะของอันอิ่งได้ถูกลำแสงน้ำแข็งแท่งนั้นทิ่มแทงจนแตกกระจุยกระจาย!
เนี่ยเทียนสังเกตเห็นว่าหมอกเย็นสีขาวซีดเข้มข้นที่อยู่รอบด้านกำลังพุ่งเข้ามารวมตัวกันที่ลำแสงน้ำแข็งนั่น
ที่นี่คือเกาะน้ำแข็ง เป็สถานที่ที่งูเหลือมน้ำแข็งั์อยู่อาศัยมานาน ทั้งๆ ที่เป็แค่สัตว์วิเศษระดับสอง ทว่างูเหลือมน้ำแข็งั์กลับสามารถดูดรับเอาปราณิญญาฟ้าดินที่เย็นเยียบสุดขั้วมาเพิ่มอานุภาพให้กับแท่งน้ำแข็งนั้นได้
แท่งลำแสงน้ำแข็งเมื่อได้รับการเพิ่มปราณิญญาที่เย็นอย่างถึงที่สุดจึงขยายใหญ่และยาวมากขึ้น!
ทว่าพละกำลังของอันอิ่งกลับโรยราลงเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าสูญเสียพละกำลังมากเกินไป
“ฟ่อ ฟ่อ!”
งูเหลือมน้ำแข็งั์ตัวนั้นหลังจากที่ใช้ลำแสงน้ำแข็งถ่วงเปลวเพลิงั์ของอันอิ่งไว้ได้แล้ว มันก็ค่อยๆ เลื้อยเข้ามาหานางอย่างช้าๆ
ห่างกันร้อยเมตร เนี่ยเทียนยังสามารถมองเห็นความหดหู่และกระวนกระวายในดวงตาของอันอิ่งได้อย่างชัดเจน
ราวกับตัวนางเองก็รู้ว่านางคงยืนหยัดได้ไม่นานเท่าไหร่นัก
นางที่มอบความหวังไว้ให้กับพันเทาและเจิ้งรุ่ย ไม่สังเกตเห็นว่าตอนนี้พันเทาและเจิ้งรุ่ยหาไม่เจอแม้แต่เงาของกิ้งก่าดิน
ใจของเนี่ยเทียนเปล่งแสงสว่างจ้า รู้ดีว่าการถ่วงเวลางูเหลือมน้ำแข็งั์ของอันอิ่งนั้น ถึงจะถือเป็กุญแจสำคัญที่จะบอกว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดต่อไปหรือไม่
หากอันอิ่งประสบภัย ปล่อยให้งูเหลือมน้ำแข็งั์บุกเข้ามาในกลุ่มพวกเขาได้ ถ้าเช่นนั้นพวกผู้ประลองที่กำลังต่อสู้กับสัตว์วิเศษระดับหนึ่งเ่าั้ก็จะแตกฮือทันที
เมื่อถึงเวลานั้น เนี่ยเทียนก็อย่าหวังว่าจะหนีเอาตัวรอดไปได้ เขาย่อมกลายมาเป็อาหารของสัตว์วิเศษในที่แห่งนี้ไม่ต่างจากคนอื่น
“เป็แบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว” สายตาของเขาแน่วแน่ พยายามหาวิธีแก้ไขปัญหาเพื่อพลิกแพลงเปลี่ยนสถานการณ์ที่อันตรายถึงขีดสุดที่เป็อยู่นี้
นับั้แ่ที่กิ้งก่าดินและงูเหลือมน้ำแข็งั์ปรากฏตัวพร้อมกัน เขาก็ตระหนักได้ว่า หากคิดจะมีชีวิตต่อ เขาจำเป็ต้องร่วมแรงร่วมใจกับพวกอันอิ่ง
และก็ด้วยเหตุนี้ ตอนที่เจียงเหมียวเผชิญกับอันตราย เขาถึงได้ลงมืออย่างไม่ลังเล
แม้ว่าเขาจะไม่ชอบขี้หน้าเจิ้งรุ่ยและพันเทาเท่าไหร่นัก แต่ก็รู้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ เขาจำเป็ต้องให้คนทั้งสองมีชีวิตอยู่ต่อไป
เพราะนอกจากอันอิ่งแล้ว เจิ้งรุ่ยและพันเทาคือผู้ที่มีพลังในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเขาสามารถแบ่งเบาภาระของทุกคนได้ สามารถทำให้กิ้งก่าดินไม่กล้าฆ่าคนไปทั่วอย่างกำเริบเสิบสานอีก
“ความกดดันทางฝ่ายของอันอิ่งมีมากเกินไป พวกเ้าสองคนต้องแบ่งคนหนึ่งออกไปช่วยนาง!” อยู่ๆ เนี่ยเทียนก็พูดขึ้นมากะทันหัน
“เ้าพูดกับพวกเรารึ?” พันเทาตะลึง
“เ้าเป็ใครกัน? ภารกิจของพวกเราคือสังหารกิ้งก่าดิน ควรจะทำเช่นไร ในใจพวกเรารู้ชัดดี ไม่จำเป็ให้เ้ามาบอก!” เจิ้งรุ่ยที่อารมณ์ฉุนเฉียวกล่าวอย่างโกรธเคือง
“สังหารกิ้งก่าดินรึ? มันอยู่ที่ไหนเ้าก็ยังไม่รู้เลย แล้วจะฆ่ามันได้อย่างไรเล่า?” เนี่ยเทียนหัวเราะเสียงเ็า “พวกเ้าอยู่ที่นี่ก็มีแต่จะเสียเวลาเปล่า! ถ้ามันไม่ออกมา พวกเ้าก็จะรอต่อไปจนกว่าอันอิ่งจะถูกงูเหลือมน้ำแข็งั์กัดตายอย่างนั้นหรือ?”
เจิ้งรุ่ยจะตอบโต้กลับ ทว่าพันเทากลับโบกมือ บอกเป็นัยไม่ให้เขาทะเลาะกับเนี่ยเทียน “เ้ามีความคิดเห็นอย่างไรเล่า?”
“ให้เจิ้งรุ่ยไปช่วยอันอิ่ง ทิ้งเ้าไว้ที่นี่คนเดียวชั่วคราวก็พอแล้ว หากกิ้งก่าดินกล้าบุกออกมาจริงๆ ก็ให้มันบุกออกมาเลย” เนี่ยเทียนรู้ว่าทางฝ่ายของอันอิ่งอยู่ในสภาพิ่เหม่เต็มที จึงพูดอย่างรวดเร็วว่า “ข้ารู้สึกว่าตอนที่กิ้งก่าดินโผล่หัวออกมา ข้าพอจะช่วยแบ่งเบาภาระของเ้าได้ มากพอให้เ้ายืนหยัดรอจนเจิ้งรุ่ยกลับมา!”
“เวลากระชั้นชิดเช่นนี้ อันอิ่งใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว พวกเ้ารีบตัดสินใจเร็วเข้า!”
เมื่อเทียบกับเจิ้งรุ่ยแล้ว พันเทามีความรอบคอบมากกว่า และใน่เวลาที่สำคัญก็สามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด
ดังนั้นตอนที่เนี่ยเทียนพูดประโยคนี้จึงเอาแต่มองหน้าเขา
“เจิ้งรุ่ย! ทำตามที่เขาบอก เ้าไปช่วยอันอิ่ง!” พันเทาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง สีหน้าเด็ดเดี่ยว “ไม่ต้องเป็ห่วงข้า หากกิ้งก่าดินตัวนั้นกล้าโผล่หัวออกมาจริงๆ อย่างน้อยข้าก็สามารถยืนหยัดได้ครึ่งชั่วยาม!”
“เ้าเห็นอันอิ่งหรือไม่ นางยังมีเวลาให้เ้าเอามามัวสิ้นเปลืองอยู่อีกหรือ?!” ขณะที่เจิ้งรุ่ยยังลังเลตัดสินใจไม่ได้ เนี่ยเทียนพลันตวาดเสียงดัง
“หากพี่เทาเป็อะไรไป ข้าไม่มีทางปล่อยเ้าไว้แน่!” เจิ้งรุ่ยเหลือบตามองไปทางอันอิ่งหนึ่งที และก็มองออกว่าคงยากที่อันอิ่งจะต้านทานการโจมตีที่ดุเดือดจากงูเหลือมน้ำแข็งั์ได้อีก เขากัดฟันกรอดๆ ถลึงตาดุดันใส่เนี่ยเทียน แล้วจึงจากไปด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด
ส่วนเนี่ยเทียน ตอนนี้ก็เลิกสนใจเข่นฆ่าสัตว์วิเศษระดับหนึ่งพวกนั้นไปแล้ว
เพราะเขาเข้าใจดีกว่า สิ่งที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ได้อย่างแท้จริงมีเพียงกิ้งก่าดินและงูเหลือมน้ำแข็งั์เท่านั้น
โดยเฉพาะกิ้งก่าดิน!
กิ้งก่าดินที่ซ่อนตัวอยู่ในจุดลึกใต้ดิน หลังจากที่กัดจู่ฟางตายไป พวกผู้ประลองที่ต่อสู้อยู่กับสัตว์วิเศษระดับหนึ่ง ท่าทางเคลื่อนไหวเวลาต่อสู้ก็ดูแข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัด
เวลาที่เด็กหนุ่มสาวพวกนั้นต่อสู้ก็มักจะก้มลงมองใต้ฝ่าเท้าอยู่บ่อยๆ กลัวว่ากิ้งก่าดินจะโผล่ขึ้นมากะทันหันแล้วกัดกระชากพวกเขาให้สิ้นชีพ
แม้ว่ากิ้งก่าดินจะไม่ปรากฏตัวอีก ทว่ามันกลับเหมือนะเิที่ถูกฝังอยู่ใต้ดิน สามารถะเิอยู่ใต้ฝ่าเท้าของทุกคนได้ตลอดเวลา
การคุกคามที่รุนแรงที่ซ่อนอยู่ในความมืดเช่นนี้ ทำให้พวกเขาเหมือนกำลังเหยียบอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ ขณะที่สู้กับพวกสัตว์วิเศษก็ต้องตัวสั่นสะท้าน หวาดกลัวว่าตัวเองจะเป็จู่ฟางคนต่อไป
“ใจเย็น ใจเย็น ต้องหากิ้งก่าดินเจอแน่นอน”
เนี่ยเทียนพยายามปรับลมหายใจอย่างต่อเนื่อง หลังจากโยนสถานการณ์อันตรายเบื้องหน้าทิ้งไปชั่วขณะ สมาธิทั้งหมดก็จดจ่ออยู่บนพื้นน้ำแข็งใต้ฝ่าเท้า
“ใจเย็น ใจ เย็น เย็น...”
เขาท่องอยู่ในใจ บอกให้ตัวเองผ่อนคลายไปอย่างช้าๆ เพื่อให้ััถึงความเคลื่อนไหวบนพื้นดินได้อย่างเฉียบคมมากขึ้น
“ตึก! ตึก! ตึก...”
ท่ามกลางขั้นตอนนี้ แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าอัตราการเต้นของหัวใจเขาเปลี่ยนมาช้าลงเรื่อยๆ
อุณหภูมิในร่างกายของเขาลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่ครู่เดียว เขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่าง การไหลเวียนของเืเชื่องช้าอย่างถึงที่สุดไม่ต่างไปจากอัตราการเต้นของหัวใจ
แต่การรับััของเขากลับคล้ายจะเพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราด การเปลี่ยนแปลงของปราณิญญาฟ้าดินรอบด้าน คลื่นความเคลื่อนไหวของพลังิญญาในร่างกายพวกผู้ประลอง การหายใจเข้าออกทุกครั้งของสัตว์วิเศษ เขาแทบจะััได้หมด
ขณะที่พวกผู้ประลองและสัตว์วิเศษเคลื่อนไหว การสั่นะเืเมื่อฝ่าเท้าร่วงกระทบพื้นดิน เขาก็ััได้อย่างชัดเจนผ่านฝีเท้าของตัวเขาเอง
การรับััที่เฉียบไวเช่นนี้ทำให้เขาแอบตะลึงระคนดีใจอยู่กับตัวเอง เพื่อสามารถัักับการสั่นะเืเล็กน้อยบนพื้นดินได้ดียิ่งขึ้น เขาจึงถอดรองเท้าออก ยืนเท้าเปล่าอยู่บนพื้นน้ำแข็งที่แข็งกระด้างและเย็นเฉียบ
ไม่มีรองเท้าและถุงเท้าขวางกั้น เขาที่ยืนเปลือยเท้าก็ยิ่งัักับการสั่นะเืทุกครั้งบนพื้นดินได้ชัดเจนยิ่งกว่าเดิมดังคาด
บนสนามรบอันดุเดือด อยู่ๆ เขาก็หลับตาลง เอาสมาธิและพลังกายพลังใจทั้งหมดไปรวมอยู่ที่ฝ่าเท้า
เขากำลังัักับคลื่นเคลื่อนไหวเล็กน้อยที่ส่งมาจากพื้นดินอย่างตั้งใจ
ทันใดนั้นเขาพลันบังเกิดความรู้สึกมหัศจรรย์ราวกับจิติญญาหลุดออกจากร่าง ลอยล่องออกไปด้านนอก
ราวกับว่ากระแสจิตที่มาจากจิติญญาของเขาแต่ละเส้นได้ผ่านทะลุฝ่าเท้าของเขาออกไป เริ่มล่องลอยลาดตระเวนอยู่ใต้พื้นดิน
ชั่วขณะนั้น เขารู้สึกราวกับว่ามีเขาที่ไร้ซึ่งดวงตาสิบกว่าดวงกำลังลอดทะลุทะลวงไปทั่วใต้ดินที่มืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่าง
ความรู้สึกเช่นนี้ เหมือนกับยื่นมือออกไปในความมืดมิดที่มองไม่เห็นแม้แต่นิ้วมือของตัวเอง ทำได้เพียงใช้มือสองมือคลำหาสิ่งของ...
เมื่อกระแสจิตเส้นนั้นของเขาล่องลอยออกไปจนถึงจุดที่ฝ่าเท้าของผู้ประลองและสัตว์วิเศษเหยียบอยู่บนพื้น เขาก็ได้ยินเสียง “ตึง ตึง” ดังสนั่นหวั่นไหวราวแก้วหูจะดับ
เสียงที่เดิมทีควรเบาแ่ ภายใต้การรับััจากกระแสจิตของเขากลับกลายมาเป็ดังลั่นราวฟ้าผ่า
เสียงนั้นเขาสามารถแยกแยะได้อย่างรวดเร็วว่าเป็ความเคลื่อนไหวซึ่งมาจากจุดที่ผู้ประลองและสัตว์วิเศษยืนอยู่
กระแสจิตของเขาเลี่ยงออกไปทันที ทอดยาวออกไปยังทิศทางอื่น
เขาค้นหาต่อไปอย่างอดทน...
นอกโลก พันเทาที่เคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่อง สายตาที่จับจ้องไปยังเกล็ดน้ำแข็งแต่ละแผ่นเริ่มสังเกตเห็นท่าทีที่แปลกประหลาดของเขา
ตอนที่สถานการณ์การต่อสู้ดุเดือดมากที่สุด เนี่ยเทียนไม่ได้ร่วมสู้ด้วย แต่กลับถอดรองเท้าและถุงเท้าออก หลับตาลง ทำท่าทางราวกับรนหาที่ตาย
พันเทาจ้องเขาเขม็งด้วยสายตาลึกล้ำ จิตสำนึกสั่งให้เขาเขยิบเข้าไปใกล้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สัตว์วิเศษที่อยู่ใกล้ๆ ลอบฆ่าเนี่ยเทียนได้
หลังจากเนี่ยเทียนช่วยชีวิตเจียงเหมียวและเสนอความคิดเห็นของตัวเองออกมา พันเทาก็มองเขาเป็ส่วนหนึ่งของกลุ่มอย่างแท้จริง
ในเมื่อแน่ใจแล้วว่าเนี่ยเทียนจะไม่มีทางก่อความวุ่นวาย และกำลังใช้วิธีการของเขาช่วยหาทางแก้ปัญหาให้กับกลุ่ม พันเทาจึงมองว่าการปกป้องเนี่ยเทียนเป็ความรับผิดชอบของตัวเอง
“พิลึกคนจริงเชียว!”
แม้ว่าปากของเขาจะด่าโฉงเฉง แต่กลับยังคงมองไปยังสัตว์วิเศษที่โอบล้อมรอบกายเนี่ยเทียนด้วยความระวังภัย ตั้งท่าเตรียมพร้อมรับมือ
และเวลานี้เอง เนี่ยเทียนที่แผ่กระแสจิตล่องลอยอยู่ในใต้ดิน อยู่ๆ ก็ััได้ถึงพลังชีวิตที่เข้มข้นอย่างหนึ่ง
“กิ้งก่าดิน!”
เนี่ยเทียนลืมตาโพลง อาศัยการรับััก่อนหน้านั้น เล็งไปยังทิศทางหนึ่งทันที
เขาพร้อมที่จะลงมือเต็มที่ แต่กลับค้นพบอย่างกะทันหันว่าเขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ราวกับไม่ได้นอนหลับมาเจ็ดวันเจ็ดคืน หัวหนักอึ้งง่วงนอนจนจะหลับแหล่มิหลับแหล่
อยู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่าการที่เขาแผ่กระแสจิตลงไปใต้ดินเพื่อใช้การรับััค้นหานั้น ได้ดึงเอาเรี่ยวแรงของเขาไปทั้งหมด
เขารู้ว่าตัวเองในสภาพนี้ไม่สามารถจัดการให้กิ้งก่าดินาเ็หนัก ชดใช้ในสิ่งที่มันกระทำลงไปได้อีก
“พันเทา! ทางนั้น ถงฮ่าว! พื้นดินห่างจากด้านหลังถงฮ่าวไปหนึ่งเมตรครึ่ง กิ้งก่าดินอยู่ตรงนั้น!”
เขาชี้นิ้วไปยังเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังต่อสู้กับแรดเกราะน้ำแข็ง คำรามอย่างร้อนรนใส่พันเทาว่า “ไป! ใช้การโจมตีที่รุนแรงที่สุดกระแทกลงไปตรงน้ำแข็งก้อนนั้น! ได้โปรดเชื่อข้า!”
พันเทาตกตะลึงพูดออกมาอย่างประหลาดใจ “เ้าแน่ใจรึ?!”
เนี่ยเทียนที่สีหน้าซีดขาวพยักหน้าอย่างแรง เอ่ยเร่งเร้าอีกครั้ง “หากข้าพูดผิด ยินดีชดใช้ด้วยชีวิต!”
พันเทาตะลึงพรึงเพริด
“ไปสิ!” เนี่ยเทียนะโก้อง
พันเทาที่ไร้ซึ่งความลังเลใดๆ ถือทวนยาวสีทอง พุ่งพรวดไปราวกับกลายร่างเป็สายฟ้าเส้นหนึ่ง พริบตาเดียวก็มาปรากฏอยู่ด้านหลังถงฮ่าว
ทวนยาวสีทองด้ามนั้นพลันะเิแสงสีทองแสบตา แสงสีทองนั้นจัดจ้าจนเนี่ยเทียนต้องหลับตาลง
“สวบ!”
หลังจากหลับตาลง เขาก็ได้ยินเสียงทวนยาวแทงทะลุพื้นดิน
นาทีถัดมา เสียงคำรามแหบแห้งอย่างคลุ้มคลั่งของกิ้งก่าดินก็ดังลอยมาจากใต้น้ำแข็งผืนนั้น
------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้