ตอนนี้ข้าวราดยังไม่เป็ที่นิยม
เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าใจถึงจุดนี้ในภายหลังไม่ใช่แค่น้าหวงที่คิดว่าไม่คุ้นเคยซางตูยังไม่มีร้านค้าที่ขายข้าวราดโดยเฉพาะเช่นกัน
เพื่อจัดการจางชุ่ย เซี่ยเสี่ยวหลานย่อมสู้ตายทักษะการทำอาหารของเธอเองธรรมดา ทว่า ‘มีประสบการณ์และรอบรู้’ ทั่วประเทศมีอาหารจานด่วนของหนแห่งใดที่เธอไม่เคยรับประทานกัน? ่เช้าเธอไม่ไปตั้งแผง รีบไปตลาดอาหารสดเพื่อซื้อวัตถุดิบกองหนึ่ง และระหว่างทางแวะเรียกหลี่เฟิ่งเหมยมารับประทานอาหารกลางวัน
กลับบ้านล้างๆหั่นๆ จากนั้นก็หุงข้าวหม้อโตอีกด้วย
ฝีมือใช้มีดระดับสามัญ ไม่เร่งรีบเวลายังพอให้หั่นแคร์รอตได้สัดส่วนเธอใช้หอมใหญ่และแคร์รอตเคี่ยวกับเนื้อแพะ
มันฝรั่งตุ๋นเนื้อวัว ทั้งยังมีเท้าหมูถั่วเหลืองที่เซี่ยเสี่ยวหลานโปรดปราน
รสชาติของเครื่องปรุงและเนื้อสัตว์ผสานเข้าด้วยกันกลิ่นหอมหวนลอยข้ามกำแพง ทำคนบ้านใกล้เรือนเคียงท้องร้องหิวโหย
อาหารบ้านย่าอวี๋ช่างดีเหลือเกิน!
คนกวาดถนนกับคนทำธุรกิจอิสระกินดีขนาดนี้เลยหรือ?
หลี่เฟิ่งเหมยเดินมาถึงหน้าประตูแล้วรู้สึกถึงกลิ่นหอม น้าหวงหลังจากที่ถามไถ่ที่อยู่ระหว่างทางจนหาบ้านอวี๋พบได้กลิ่นหอมก็ตื่นตาตื่นใจ
“คุณพี่ คุณคือแขกของเสี่ยวหลานสินะ?”
หลี่เฟิ่งเหมยกำลังสนทนากับน้าหวง เสียงกริ่งกริ๊งๆ ดังขึ้น หลิวเฟินเลิกงาน่เช้าแล้ว
น้าหวงเคยพบหลิวเฟิน ดังนั้นที่นี่ก็คือบ้านเซี่ยเสี่ยวหลานจริงๆทั้งสามคนเข้าบ้านพร้อมกัน เซี่ยเสี่ยวหลานตระเตรียมอาหารไว้พร้อมนานแล้ว เธอคดข้าวสวยใส่ในถ้วยใบน้อยและกดจนแน่นจากนั้นค่อยคว่ำลงในจาน โรยงาดำลงบนก้อนข้าวสวยสักหน่อยรูปลักษณ์ภายนอกจึงดูดีขึ้นทันที
“รีบนั่งรีบนั่ง มาชิมรสชาติกัน”
จานหนึ่งใบ ข้าวหนึ่งถ้วย ช้อนหนึ่งคัน และตักอาหารที่ปรุงเสร็จ ‘ราด’ บนข้าว ทั้งสามคนล้วนเกิดอาการหิวกระหาย
นี่มิใช่เป็เพียงการราดกับข้าวลงบนข้าวสวยหรือ
ครอบครัวใครไม่เคยเหลือเก็บอาหารบ้าง ทุกคนต้องเคยรับประทานแบบนี้กันทั้งนั้นน้ำแกงจากอาหารคลุกเคล้ากับข้าวสวยก็พออิ่มท้องหนึ่งมื้อได้ แต่มีอาหารดีๆดันไม่รับประทาน กลับราดบนข้าวแทน วิธีรับประทานแบบนี้น้าหวงไม่เข้าใจจริงๆ
นี่มันทำเงินได้หรือ?
เธอกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย ทำตามเซี่ยเสี่ยวหลานโดยนำช้อนตักข้าวสวยชุ่มน้ำแกงเข้าปากรสชาติของเครื่องปรุงและเนื้อแพะ เมื่อรับประทานหนึ่งคำก็อดไม่ได้ที่จะรับประทานต่อคำที่สองรับประทานข้าวหนึ่งจานหมดอย่างรวดเร็ว ในจานสะอาดเอี่ยมอ่องน้ำแกงอาหารส่วนสุดท้ายคลุกเคล้าเข้ากับข้าว ไม่เสียของเลยแม้แต่น้อย
เซี่ยเสี่ยวหลานจึงเรียกน้าหวงชิมรสชาติอื่นอีกด้วย
ทุกคนมีความอยากอาหารไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็เนื้อแพะเคี่ยวแคร์รอตมันฝรั่งเนื้อวัว หรือเท้าหมูถั่วเหลืองก็ต้องผลัดชิมหนึ่งรอบ
น้าหวงราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง ทว่าเรียบเรียงคำพูดในใจเป็ประโยคไม่ได้เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่อุบอิบไว้ให้คลุมเครือ
“ข้าวราดหน้าจานนี้ราคา 5 เหมาทั้งข้าวรวมกับข้าวจะมีคนกินหรือไม่?”
น้าหวงพยักหน้าก่อนแล้วส่ายหน้าอีกที “กินน่ะมีคนกินแน่แต่เนื้อแพะเนื้อวัวราคาต่อชั่งตั้งเท่าไรกัน ขาย 5 เหมามีหวังขาดทุนต...”
คำว่า ‘ตาย’ วนเวียนอยู่ที่ริมฝีปากน้าหวงนึกได้ในบัดดล เมื่อครู่แค่น้ำแกงก็รับประทานข้าวจนหมดได้ที่จริงแล้วไม่ได้มีเนื้อสัตว์หลายชิ้นเลยความรู้สึกอิ่มท้องเหมือนตนเองได้รับประทานเนื้อมากมายนั้นมาจากที่ไหนกัน?
มีเนื้อสัตว์เพียงไม่กี่ชิ้น ขายราคาไม่กี่เหมาต่อจานก็จะไม่ขาดทุน
น้าหวงเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานพูดต่อทันที “นอกจากกับข้าวประเภทตุ๋นเคี่ยวพวกนี้ อาหารผัดก็สามารถเอามาทำข้าวราดได้ราดข้าวสวยก็ดี ราดบะหมี่ก็ไม่เลว วิธีปรุงแบบเดียว ทว่ามีรสชาติที่หลากหลาย”
เซี่ยเสี่ยวหลานรับผิดชอบการอธิบาย ส่วนน้าหวงรับผิดชอบพยักหน้ารับ
ขนาดหลี่เฟิ่งเหมยและหลิวเฟินยังฟังจนหลงใหลฟังดูแล้วการเปิดร้านอาหารก็ไม่ยากนี่นา ธุรกิจแบบนี้ทำไมถึงมอบให้คนนอกเก็บไว้ให้คนในไม่ดีกว่าหรือ?
ตอนแรกเซี่ยเสี่ยวหลานก็มีความตั้งใจเช่นนี้
ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกว่าร้านอาหารว่างเหน็ดเหนื่อยเกินไปเธอไม่สนใจธุรกิจนี้แล้ว ทั้งหมดทั้งมวลเป็การสร้างเื่แก่ร้านของจางชุ่ยอบรมน้าหวงอยู่สองชั่วโมง ตอนเ้าตัวจากไปก็พกความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“ถ้าร้านของน้าเปิด ต้องขอบใจเธอเป็อย่างดีแน่นอน”
น้าหวงเอ่ยปากชื่นชมเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ขาดปากไม่รู้ว่าเด็กสาวบ้านอื่นคนนี้เลี้ยงดูมาอย่างไรทั้งฉลาดหลักแหลมและเป็ที่น่าโปรดปราน
น้าหวงจากไปแล้ว เมื่อเห็นว่าหลิวเฟินและหลี่เฟิ่งเหมยต่างพากันงุนงง เซี่ยเสี่ยวหลานจึงอธิบายสถานการณ์รอบหนึ่งเธอไม่ยินดีที่จะทำให้หลิวเฟินนึกถึงพวกคนน่ารังเกียจจากตระกูลเซี่ยอีก จึงไม่ได้กล่าวเื่พบเซี่ยหงเซี๋ยที่หน้าประตูเซี่ยนอีจงขณะนี้เซี่ยเสี่ยวหลานได้เล่าเื่ราวของร้านจางจี้อาหารว่างพร้อมกันจนแจ่มแจ้งหลิวเฟินได้ยินดังนั้นก็รู้สึกหวาดกลัว—ทำไมเหล่าคนตระกูลเซี่ยร้ายกาจไม่เปลี่ยนเลยนะเขตอันชิ่งกว้างใหญ่ขนาดนั้น พวกเขากลับเปิดร้านหน้าประตูเซี่ยนอีจง
จะส่งผลกระทบต่อการเรียนของเสี่ยวหลานหรือไม่?
เซี่ยหงเซี๋ยชอบเปรียบเทียบตนเองกับเสี่ยวหลานเสี่ยวหลานมีเธอไม่มีก็จะอิจฉาตาร้อน ไม่แน่ว่าอาจจะไปพล่ามซี้ซั้วที่โรงเรียนได้
หลิวเฟินร้อนรนจนบนหน้าผากผุดเม็ดเหงื่อ
อุตส่าห์ย้ายมาอาศัยในเมืองซางตูแล้วชื่อเสียเดิมยังจะกระทบต่อเสี่ยวหลานไหม? ไหนจะโจวเฉิงอีกชายหนุ่มอยู่ห่างไกลถึงปักกิ่งจึงยังไม่ทราบ หากได้ยินได้ฟังข่าวลือเกิดถือสากิตติศัพท์เมื่อก่อนของเสี่ยวหลานขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่า!
หลิวเฟินมีนิสัยอมพะนำ พอเจอปัญหาจะกังวลกับตนเองเท่านั้น ตอนนี้มือเท้าเริ่มชาไปหมดแล้ว
ทว่าหลี่เฟิ่งเหมยแข็งแกร่งกว่าเธอ เธอใก็จริงแต่รู้ดีว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้เล่าเื่พวกนี้โดยไร้เหตุผล
เธอค่อยๆ ผ่อนคลายจากความใ “...ที่หลานสอนน้าหวงทำข้าวราดทั้งสนับสนุนน้าหวงเปิดร้านใหม่ตรงข้ามจางจี้อาหารว่าง?”
หลี่เฟิ่งเหมยตะลึงและยินดีในคราเดียว เธอรู้สึกว่าสาแก่ใจยิ่งนัก
ถ้าธุรกิจ ‘หลานเฟิ่งหวง’ กำลังไปได้สวย จากนั้นมีคนเปิดร้านเสื้อผ้าด้านข้างเช่นกันเธอคงกังวลเสียนอนไม่หลับเป็แน่ ทั้งวันได้แต่กลุ้มใจว่าจะโดนคนแย่งชิงลูกค้าไป จะมีกะจิตกะใจไปสนเื่อื่นเสียที่ไหน—พวกตระกูลเซี่ยหน้าไม่อายนั่น ก็ต้องใช้วิธีแบบนี้แหละจัดการ!
หลี่เฟิ่งเหมยลากคนตระกูลเซี่ยทั้งบ้านออกมาด่ายกใหญ่ั้แ่หญิงชราเซี่ยจนเซี่ยจื่ออวี้ ชายหญิงเด็กคนแก่ล้วนไม่ปล่อยไป
“ร้านของพี่หวงจะต้องธุรกิจรุ่งเรืองทำให้ยัยพวกจางชุ่ยไม่มีเวลาเล่นสกปรกกับเสี่ยวหลาน เธอกลัวอะไรกันหากใครกล้ารังแกเทาเทาของฉัน ฉันจะข่วนหน้าให้ลายเลยหรือเธอไม่กล้าจัดการจางชุ่ยหรือ?”
หลิวเฟินพยักหน้าหนักแน่น
ั้แ่เื่เซี่ยต้าจวินถูกกดดันให้หย่าร้างเป็ต้นมาหลิวเฟินก็รู้วิถีความเป็ไปแล้วคนส่วนใหญ่บนโลกนี้ล้วนข่มเหงผู้อ่อนแอแต่หวาดกลัวผู้แข็งแกร่งเธอถูกกลั่นแกล้งน่ะไม่เท่าไร การศึกษาและอนาคตของเสี่ยวหลานเสียเวลาไม่ได้เธอไม่เพียงแต่จะตบตี พร้อมหยิบมีดแทงหัวใจด้วยซ้ำ!
“แม่ ป้า ทั้งสองอย่าเพิ่งเคร่งเครียดไป ด้านบ้านเซี่ยไม่คณามือหรอกชีวิตพวกเราดำเนินอย่างไรก็ไปต่ออย่างนั้น”
----------------------------------------
เซี่ยเสี่ยวหลานจัดการอาหารที่หลงเหลืออยู่ เลี้ยวโค้งระหว่างทางไปยังถนนเอ้อร์ชีหลิวหย่งกำลังนำคนงานจำนวนหนึ่งทำงาน ร้านถูกเก็บกวาดจนสะอาดเรียบร้อยรื้อฝ้าเพดานเดิมทิ้ง ตู้แสดงสินค้าก็ยกออกมาแล้ว
ทางนี้เริ่มงานพร้อมเพรียงกัน ช่างไม้และช่างก่อสร้างต่างไม่รีรอพอทำฝ้าเพดาน ผนัง และพื้นเรียบร้อยแล้ว งานชั้นไม้ชนิดต่างๆ ก็น่าจะเสร็จสิ้นย่นระยะเวลาในการตกแต่งได้มากทีเดียว
หลิวหย่งเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานมาส่งอาหาร เขาฉีกยิ้มแล้วกลับขมวดคิ้ว
“เสี่ยวหลาน ไฟสปอทไลท์ดวงเล็กยังซื้อได้ แต่โคมไฟระย้าแก้วหายาก”
แรกเริ่มเซี่ยเสี่ยวหลานอยากตกแต่งรูปแบบไม้ดิบ ต่อมาลองครุ่นคิดดูเธอชอบรูปแบบการตกแต่งเรียบง่าย ทว่าเหล่าลูกค้าในปี 83 อาจไม่ถูกใจนัก คนในประเทศยุค 80 เห็นความเรียบง่ายจนเคยชินแล้วการตกแต่งแบบยุโรปถึงจะทำให้ผู้คนตกตะลึง
พื้นปาร์เกต์เปลี่ยนเป็กระเบื้องเซรามิกที่โถงใหญ่ภัตตาคารในปัจจุบันจะใช้กันฝ้าเพดานเป็ไม้ ชั้นแสดงสินค้าตั้งพื้นใช้งานเหล็กแบบยุโรปวัสดุตกแต่งไม่กี่อย่างเหล่านี้กดดันหลิวหย่งแทบสิ้นกว่าจะรวบรวมสมบูรณ์ก็วิ่งในซางตูขาเกือบหลุด
เพดานและฝาหนังยังต้องทำลายนูนด้วย คนงานที่หลิวหย่งหามาทำงานนี้ไม่เป็เขาเองก็กำลังครุ่นคิดสุดความสามารถ
ปัญหาพวกนี้สามารถค่อยๆ แก้ไขได้โคมไฟระย้าแก้วนั้นหลิวหย่งซื้อไม่ได้จริงๆ หากไร้ซึ่งไฟลูกนี้ความยุโรปก็ไม่เด่นชัดน่ะสิ
เมื่อปรับรูปแบบการตกแต่งภายในงบประมาณย่อมบานปลายแน่นอนงานช่างไม้ก็เพิ่มมากขึ้น กระเบื้องเซรามิกที่ปูบนพื้นเป็กระเบื้องเสมือนหินไมโครคริสตัลความเงางามนั่นมิใช่ระดับที่กระเบื้องเคลือบขาวทั่วไปสามารถเทียบเคียงได้ราคาก็สูงเช่นกัน ทุกๆแผ่นที่ปูบนพื้นล้วนคือเงินทอง
เดิมทีคำนวณล่วงหน้าไว้ว่า 6000 หยวนเพียงพอในการตกแต่งภายในเสร็จสิ้นตอนนี้ได้เกินไปเท่าตัวแล้ว
“ลุงไม่ต้องร้อนใจ ให้พรรคพวกคนงานกินข้าวก่อนส่วนโคมระย้าแก้วเดี๋ยวฉันคิดหาวิธีนำเข้าสินค้าครั้งหน้าลองดูว่าซื้อกลับมาจากหยางเฉิงได้หรือไม่”
งบตกแต่งภายในบานปลายเป็เื่ปกติมาก ลงทุนคราเดียวจำนวนมากแต่รับประกันว่าไม่ล้าสมัยไปอีกหลายปี
----------------------------------------
เซี่ยเสี่ยวหลานจดจำเื่ซื้อโคมระย้าไว้ในใจจากนั้นไปตั้งแผงด้านนอกเขตอาศัยขององค์การรถไฟดังเดิม
เธอมีกุญแจบ้านหลิวหย่ง ยังไม่ทันขนสินค้าออกมา ก็พบกับหญิงสาวที่เคยซื้อเสื้อนอกตอนเมื่อวานซืนกำลังเมียงมองอยู่ห่างๆ
“ฉันนึกว่าวันนี้คุณไม่ตั้งแผงเสียอีก น้องสาวฉันจะซื้อขนาดเล็กกว่าที่ซื้อเมื่อวานซืน เอาสีน้ำเงินนาวี มีสินค้าหรือไม่?”
