ดวงตาคู่งามของชิงอีจ้องมองไป ทุกคนต่างรู้สึกได้แค่เพียงแรงกดดันที่มองไม่เห็นราวกับคลื่นทะเลที่ซัดเข้าหากัน
ฉู่จุนหนิงกลัวนางเป็อย่างมาก จนพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง พลังที่รุนแรงเช่นนี้ นางเคยััจากท่านพี่ที่ป่วยของนางเท่านั้น
ครู่ต่อมา นางก็ตระหนักได้ว่าตนเองกำลังแสดงท่าทีขี้ขลาดออกไปต่อหน้าฉู่ชิงอี จึงรู้สึกอับอายและกลายเป็โกรธขึ้นมา “ฉู่ชิงอี เ้ากล้านักที่ลงมือโหดร้ายกับข้าเช่นนี้! นี่ถือเป็การลอบสังหารเครือญาติ เ้า...ข้าจะให้เสด็จแม่จัดการกับเ้าแน่!”
“จัดการข้า? ใช้สมองที่เต็มไปด้วยไขมันของท่านหน่อยสิ หากท่านคิดจะฆ่าข้า ท่านคิดว่าข้าจะไว้ชีวิตท่านงั้นหรือ?”
“เ้าบังอาจนัก!” สีหน้าของฉู่จุนหนิงที่เปลี่ยนไปด้วยความใ และรีบเรียกองครักษ์ของตนเองมา “พวกเ้ายังไม่รีบมาคุ้มกันอีก จับนางสารเลวนี่ให้ข้าสิ!”
ก่อนที่องครักษ์จะเข้ามา ชิงอีก็ออกคำสั่งว่า “ชิวอวี่! ใครที่กล้ามาลงมือกับข้า จัดการเขา ข้าจะรับผลที่ตามมาเอง!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ชิวอวี่และคนอื่นๆ ชักดาบออกมาปกป้องรถม้าทันที
สถานการณ์ในตอนนี้ตึงเครียดเป็อย่างมาก และพร้อมที่จะะเิออกมาได้ทุกเมื่อ
เสียงที่แ่เบาของเซียวเจวี๋ยดังขึ้นมาจากข้างใน “ฉู่สือ ยังไม่จัดการกับพวกที่ก่อความวุ่นวายอีกหรือไร”
“พี่เซียว ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านต้องช่วยข้า!” ใบหน้าของฉู่จุนหนิงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น พร้อมกับกำกับฉู่สือว่า “ใช่! รีบไปจัดการพวกสุนัขรับใช้ของฉู่ชิงอีเหล่านี้สิ ทุบตีพวกมันให้ตายไปเลย!”
ฉู่สือเหลือบมองนางอย่างเย้ยหยัน พระมัตถลุงค์ขององค์หญิงใหญ่ทรงใช้การไม่ได้จริงๆ
เสียงร้องคร่ำครวญที่ดังขึ้น ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่จุนหนิงหายไป เป็เพราะเหล่าองครักษ์ที่นางพามาถูกกระแทกลงกับพื้น!
“พี่เซียว ท่านหมายความว่าอย่างไรกัน!” ฉู่จุนหนิงที่ใเป็อย่างมาก
เซียวเจวี๋ยที่อยู่บนรถม้าส่งสายตามาอย่างไม่แยแส “ก็หมายความอย่างที่องค์หญิงใหญ่เห็น”
ฉู่จุนหนิงมองเขาด้วยความชอกช้ำใจ “พี่เซียว เหตุใดท่านถึงทำกับข้าเช่นนี้ ตอนเด็กๆ ...ก็เห็นๆ อยู่ว่าตอนเด็กๆ ท่าน...”
“ท่านอะไรอีก จะมาเสแสร้งแกล้งทำเป็อ่อนโยนอะไรอีกล่ะ?” ชิงอีที่อารมณ์ไม่ดี มองดูการแสดงของนางอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่านลองพูดออกมาอีกสิ มาดูกันว่าข้าจะทำให้ท่านตายตอนนี้ได้เลยไหม!”
“เ้า” ฉู่จุนหนิงที่นึกขึ้นมาได้ ว่าตนเองถูกอีกฝ่ายวางยาพิษ สีหน้าของนางก็ดูซีดเซียวลงไปทันตา
“ยาแก้พิษ! เอายาแก้พิษมาให้ข้า!”
“หุบปาก!” ชิงอีจ้องไปที่นาง “หากระหว่างการเดินทาง ข้าได้ยินเสียงออกมาจากปากของท่านอีกครั้ง สิ่งแรกที่มันจะหายคือลิ้นของท่าน!”
หลังจากพูดจบ นางก็ปลดม่านลง
ฟู่
โลกทั้งใบเงียบสงัด
“ฮึ...”
เสียงหลุดหัวเราะดังขึ้นมาจากข้างๆ เมื่อชิงอีเหล่ตามองไป ก็เห็นชายหนุ่มนั่งเท้าคาง และเอียงศีรษะมองนาง รอยยิ้มอันน่าสับสนปรากฏบนใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับภาพวาด และดวงตาคู่นั้นที่เป็ประกาย
นี่คือสิ่งที่บนโลกมนุษย์ใบนี้มีสินะ ไม่จำเป็ต้องพูดอะไรให้มากเกินไปหรือใช้สำบัดสำนวนงดงาม เพียงแค่เขาอยู่เฉยๆ และแม้จะไม่พูดอะไรสักคำ ทว่า ก็ไม่สามารถละสายตาจากเขาไปได้เลย
ความสว่างไสวของโลกใบนี้ตามรอยเท้าของเขาไปทุกย่างก้าว
จู่ๆ ชิงอีก็คิดได้ว่าไม่แปลกใจเลย ที่พี่สาวใหญ่แสนโง่เขลาผู้นั้นจะหมกมุ่นอยู่แต่กับเขา ผิวหน้าช่างขาวอมชมพูดีจริงๆ
“ท่านยิ้มอะไร?” นางขมวดคิ้วขึ้น พร้อมกับอารมณ์ที่ยังคงหงุดหงิดอยู่
โลกไม่ได้ใหญ่เท่าเื่การนอนของนาง ถูกรบกวนเวลาฝันหวานจะให้มีความสุขได้อย่างไร
เมื่อเทียบกับการนั่งยืดตัวตรงในทุกๆ วัน การนั่งของเซียวเจวี๋ยในตอนนี้ดูไม่ค่อยจริงจังและดูี้เีมากกว่าปกติเล็กน้อย เขามองดูนางด้วยรอยยิ้มที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ก็แค่รู้สึกว่า คนชั่วก็ต้องให้คนชั่วจัดการ”
“เฮอะ ก็เหมือนกับท่านนั่นแหละ”
หากนางเป็คนชั่ว เขาเองก็ไม่ใช่คนดีนักหรอก
ร่างนุ่มนิ่มเอนตัวพิงเบาะหลัง ท่าทางเช่นนั้นราวกับคนไร้ประโยชน์ที่ไร้กระดูก ไม่รู้จะนั่งหรือไม่นั่งดี ทว่า พอเป็นาง ท่าทางที่สง่างามและดวงตาที่สวยงามเช่นนี้ กลับทำให้คนรู้สึกยั่วยวนอย่างมีเสน่ห์
ทันใดนั้น เซียวเจวี๋ยก็นึกถึงเมื่อคืนนางที่มีเสน่ห์ราวกับบุปผาแห่งปรภพริมทางถนนหวงเฉวียน ทั้งยังดูซุกซน ทว่า ฉลาดและเ้าเล่ห์อยู่ไม่น้อยเช่นกัน
ใครไปจะคิดว่านางคือสาวน้อยอวบอ้วนที่เกือบจะถูกฆ่าในเหยาฉือเพราะขโมยอาหาร?
เขาจำได้ว่าในตอนนั้น นางถูกซีหวังหมู่มัดตัวเอาไว้ ร้องห่มร้องไห้เสียงดัง จนเหล่าเซียนต่างพากันปวดหัว
ถึงแม้เย่เหยียนจะมาขอความช่วยเหลือจากเขา ทว่า จริงๆ แล้วเป็เพราะเขารู้สึกรำคาญเสียงร้องไห้ของนางมากกว่า
พอเขาเข้าไปช่วยนาง จึงเป็ผลให้ทั้งน้ำมูกน้ำตาของเด็กสาวตัวเล็กอวบอ้วนเลอะเทอะเต็มไหล่ของเขา เขาที่มีนิสัยรักสะอาด จึงคิดอยากที่จะวางเด็กน้อยคนนี้ลง
ทว่า นางกลับมองมาที่เขาและยิ้มออกมา ทั้งยังเรียกเขาว่าพี่ชายสุดหล่ออย่างเต็มปากเต็มคำ
เวลาที่นางยิ้มก็ดูกลมราวกับก้อนแป้งที่ยัดไส้ด้วยน้ำตาล น่ารักนุ่มนิ่มจนใครก็ไม่กล้าที่จะดุ
ข้างหลังของนางก็ช่างดูน่าขัน...
“นี่! ท่านเหม่ออะไรอยู่?” เสียงหยิ่งผยองและปั่นประสาทดังก้องขึ้นในหู สติสัมปชัญญะของเขาถูกดึงกลับสู่ความเป็จริง
เซียวเจวี๋ยเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่เย่อหยิ่งและมีเสน่ห์ตรงหน้าทับซ้อนกับใบหน้าอวบอ้วนคล้ายก้อนแป้งในความคิดของเขา ดวงตาของเขาสั่นไหวและรู้สึกหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูก
ตอนเด็กๆ ทั้งอ้วน ทั้งโง่เขลา แถมยังโลภมาก ไม่แปลกใจเลยที่โตมาถึงได้ยโสโอหัง หยาบคาย และน่ารำคาญ!
“มีอะไร?” เขาพูดอย่างเ็า พร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจเล็กน้อย
สีหน้าที่มีหน้าเรียบเฉย ชิงอีเองก็เองก็ไม่สามารถที่คาดเดาใจเขาได้ มือขาวของนางยื่นออกไป “ค่าตอบแทนล่ะ!”
เซียวเจวี๋ยมองนางอย่างว่างเปล่า “ไม่มี”
ชิงอีดูเป็ผีประเภทที่ใช้เป็เกราะป้องกันให้กับผู้คนฟรีๆ งั้นหรือ? นางหัวเราะเหอะๆ อย่างเ็า เกือบจะเขียนบนใบหน้าของตนเองตัวโตๆ ว่าข้าผู้นี้ก็จะกลายเป็ปีศาจ หากไม่เ้าจ่ายเงิน
ดวงตาของเซียวเจวี๋ยสั่นไหวเล็กน้อย และถามไปโดยไม่รู้ตัวว่า “ที่องค์หญิงอยากจะถอนหมั้น เป็เพราะท่านมีคนที่อยู่ในใจอยู่แล้วใช่หรือไม่?”
ชิงอีเหลือบมองที่ด้านหลังศีรษะของเขา เขาคงไม่ได้โง่ เพราะหัวกระแทกพื้นเมื่อวันก่อนหรอกใช่ไหม? เหตุใดหนุ่มน้อยถึงได้มีความคิดที่สุดโต่งมากขนาดนี้?
“ข้าพูดไปตั้งกี่ครั้งแล้ว ว่าตู้ิเยวี่ยนั่นโง่เขลา...”
“ข้าก็ไม่ได้บอกว่าเป็ตู้ิเยวี่ย” ในดวงตาของเซียวเจวี๋ยเย้ยหยันเบาๆ “ท่านมีคนอื่นในใจใช่หรือไม่?”
ชิงอีมองมาที่นางด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในความคิดเอาแต่คิดถึงการเผชิญหน้าครั้งแรกกับบุคคลนั้น เมื่อครั้งเยาว์วัย
นางจำใบหน้าของเขาไม่ได้ ทว่า กลับจำความอ่อนโยนของมือทั้งสองในตอนที่ตนเองร้องได้
าาเป่ยอิน
หลังจากเวลาผ่านไปหลายพันปี ตอนนี้เขาจะหน้าตาเป็ยังไงกันนะ?
ใบหน้าที่ดูเหมือนกับภาพวาด ขาวใสดุจยากขาวบริสุทธิ์กำลังผุดขึ้นมาในความคิด
ชิงอีสั่นเทาขึ้นมา พร้อมกับดวงตาที่สั่นไหว ใบหน้าเซียวเจวี๋ยที่อยู่ตรงข้ามก็ทับซ้อนกับร่างของบุคคลนั้นในความคิดของนาง
อ๊าย อ๊าย อ๊าย!
เ้าหนุ่มน้อยผู้นี้เทียบแม้แต่ขาข้างเดียวของาาเป่ยอินของนางไม่ได้เลย นางยังตื่นไม่เต็มตาแน่ๆ ถึงได้เอาใบหน้าของเขาไปซ้อนทับกับาาเป่ยอิน!
มุมปากที่ยกขึ้นและชิงอีที่พูดด้วยสีหน้าที่ไม่มีความสุขว่า “คนอื่นบ้าบออะไรล่ะ ข้าแค่ไม่ชอบท่าน ก็เลยไม่อยากแต่งงานกับท่านก็เท่านั้น”
ราวกับ้าขจัดความขุ่นเคืองของตนเองที่รู้สึกถึงขยะแขยงไปเมื่อครู่ก่อนหน้านี้ นางพูดเสียงดังและพูดออกมาอย่างยาวเหยียด “เกิดมาโง่เง่า นิสัยสาวน้อย บอบบางกว่าหญิงสาว ฉู่จุนหนิงพี่สาวใหญ่ที่โง่เขลานั่นยังมาดแมนกว่าท่านเสียอีก! แต่งงานกับท่านงั้นหรือ? บางทีคนอื่นอาจเข้าใจผิดว่าข้าแต่งงานกับท่าน หรือข้ากับท่านเป็พี่น้องร่วมสาบานกันแน่!”
หลังจากที่พูดติดต่อกันจนจบ ชิงอีก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันใด
“เช่นนั้น ก็ดีเลยสิ” น้ำเสียงของเซียวเจวี๋ยที่ดูราวกับกัดฟันพูดออกมา รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและความเ็า ในดวงตาเองก็ยังมีความเ้าเล่ห์และมีเลศนัย “องค์หญิงอย่าได้ลืมคำพูดในวันนี้เด็ดขาดล่ะ”
ชิงอีที่มองหน้าเขาอย่างดูถูก
พูดราวกับว่า ต่อไปนางจะต้องกลืนน้ำลายคนเองอย่างไรอย่างนั้น?
“ทำไมล่ะ? ท่านยังคิดว่าสักวันหนึ่งข้าจะตกหลุมรักท่านงั้นหรือ?” ชิงอีหลุดขำออกมา
เซียวเจวี๋ยมองมาที่นางอย่างคาดเดาไม่ได้ พร้อมกับยิ้มโดยไม่พูดอะไร
ชิงอีมองไปยังท่าทางที่ราวกับว่าวางแผนไว้อย่างดีของเขา ก็รู้สึกว่ามันน่าขำ ใครกันนะที่ให้ความกล้ากับเขาเช่นนี้?
นางพูดอย่างเย้ยหยัน “หากมีวันนั้นจริงๆ ไม่ต้องให้คนอื่นจัดการหรอก ข้านี่แหละจะควักลูกตาออกมาเอง!”
เซียวเจวี๋ยเลิกคิ้ว เช่นนั้นตอนนี้ก็ทำได้เลย
