“หอกมรณะ!”
แม้เผชิญหน้ากับการโจมตีที่บ้าคลั่งจากิญญาาาาเผิงของซือคงเสวียน แต่เย่เฟิงก็ไม่คิดถอยหนี เขาสำแดงกระบวนที่หนึ่งหอกมรณะของทักษะหอกปลิดชีวี รังสีหอกแปรเปลี่ยนเป็ลำแสงทำลายล้างที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างอันน่าหวาดกลัว ก่อนจะเข้าปะทะกับการโจมตีของิญญาาาาเผิง ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมคลื่นพลังแพร่กระจายไปทั่วพื้นที่ ภายใต้พลังะเืที่แข็งแกร่งนั้นก็ได้ซัดร่างเย่เฟิงกระเด็นถอยหลังจนต้องกระอักเื
ส่วนิญญาาาาเผิงของซือคงเสวียนก็เช่นกัน มันถูกซัดจนกู่ร้องด้วยความเ็ป พร้อมกับร่างอันใหญ่โตสั่นเทาอย่างแรงจนกระทั่งแสงที่เรืองรองบนร่างมันจางลงไม่น้อย
“ตาย!”
ดวงตาของซือคงเสวียนเผยประกายเย็นเยือก เขาอาศัยจังหวะที่เย่เฟิงถูกิญญาาของเขาทำให้ได้รับาเ็ ก้าวออกมาและวาดฝ่ามือโจมตีเย่เฟิงอย่างบ้าคลั่งทันที
เย่เฟิงยกมือขึ้นต้านทาน แต่กลับถูกแรงะเืจากการโจมตีของซือคงเสวียนซัดกระเด็นไปข้างหลัง
“ตายซะเถอะ!”
เมื่อซือคงเสวียนเห็นเย่เฟิงถูกจัดการจนรับมือไม่ทันก็ยกยิ้มมุมปากอย่างเ็า จากนั้นตวัดดาบสีเขียวมรกตต่อเนื่อง พลันปรากฏปราณดาบสีเขียวมรกตมากมายที่กลางอากาศ ทุกดาบล้วนแหลมคมและแม่นยำ ซึ่งเขาไม่คิดจะปล่อยให้เย่เฟิงมีโอกาสใด ๆ
“ซือคงเสวียนพิโรธแล้ว นี่สิถึงจะเป็พลังที่แท้จริงของซือคงเสวียน ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!” ผู้คนเห็นซือคงเสวียนขึ้นเป็ฝ่ายได้เปรียบอย่างช้า ๆ ก็อดใไม่ได้
“ซือคงเสวียนโมโหจริง ๆ แล้ว พลังต้องเปลี่ยนไปน่ากลัวขึ้นมากแน่นอน เกรงว่าเย่เฟิงคงโชคไม่ดีเสียแล้วละ!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งเห็นซือคงเสวียนแข็งแกร่งขึ้นมาก จึงกล่าวเช่นนั้น
“ท่านพ่อ ข้าว่าเย่เฟิงเหมือนจะแพ้แล้ว!” มู่เทียนหลงกล่าวกับผู้เฒ่ามู่
“แพ้ชนะยังไงก็เป็เื่ปกติของนักรบ ยิ่งกว่านั้นตบะของเสี่ยวเฟิงก็ต่ำกว่าอีกฝ่ายมาก แพ้ก็ย่อมเป็เื่ปกติ เมื่อตบะของเสี่ยวเฟิงบรรลุขั้นยุทธ์แท้สูงสุด เขาต้องล้างความอัปยศในวันนี้ได้อย่างแน่นอน” ผู้เฒ่ามู่กล่าวพร้อมในดวงตาคู่นั้นส่องประกายแสงแห่งความพึงพอใจ ต่อสู้ข้ามระดับถึงหกขั้นมาได้ถึงเช่นนี้ หลานชายคนนี้ของเขาก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว
แสงเยือกเย็นวาบประกายในดวงตาของเย่เฟิง เคล็ดวิชาหอกเงินประกายระดับสูงสำแดงอีกครั้ง บนร่างยังเรืองรองด้วยแสงแห่งาจาง ๆ ก่อนจะปรากฏเกราะเทพาหุ้มร่างเย่เฟิง เพื่อเพิ่มการป้องกันของเขาขึ้นอีกหลายชั้นในพริบตา
พลังหอกพวยพุ่งออกจากตัวหอกัเงินประกาย ในนั้นผสานด้วยอำนาจหอกขั้นกายา่ต้น จากนั้นเข้าปะทะกับดาบของซือคงเสวียนต่อเนื่อง พร้อมส่งเสียงการกระทบกันของโลหะที่ดังแสบแก้วหู
“สวะ เ้ารู้ถึงความแตกต่างของข้ากับเ้าแล้วหรือยัง?” ซือคงเสวียนกล่าวกับเย่เฟิงด้วยท่าทีหยิ่งผยอง
“ช่างน่าขัน เ้าอยู่ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดแต่มองหาสิ่งที่เหนือกว่าจากข้าที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 หากข้าอยู่ระดับเดียวกับเ้า การจะฆ่าเ้าจำเป็ต้องออกกระบวนท่าที่ 2 หรือ?” เย่เฟิงกล่าวเย้ยหยัน จากนั้นกระหน่ำแทงหอกไม่ยั้ง รังสีหอกว่องไวและแม่นยำ ทำให้ยับยั้งความเสียเปรียบขอตนไว้ได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ
“รนหาที่ตาย!” ซือคงเสวียนกล่าวเสียงเย็น จากนั้นเห็นเขากวัดแกว่งดาบแล้วแผดเสียงะโออกมาว่า “เงาดาบตามติด!”
ซือคงเสวียนกวัดแกว่งดาบจนปรากฏเงาดาบนับพันหมื่น และทุกเงาดาบล้วนมีพลังเพียงพอที่จะสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุด เมื่อเขาตวัดดาบ จู่ ๆ ปราณดาบอันแหลมคมก็ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ ทำให้ห้วงอากาศแปรเปลี่ยนเป็กรงปราณดาบที่ขังร่างเย่เฟิงไว้ในนั้น ตามมาด้วยเสียงดาบกระทบกันดังต่อเนื่อง ปราณดาบนั้นจู่โจมเย่เฟิงไม่หยุด จนกระทั่งเกราะเทพาที่หุ้มร่างเย่เฟิงปรากฏรอยปริแตก
“ไปตายซะ!”
แต่ขณะเดียวกันมีเสียงะโดังออกจากปากของซือคงเสวียน เงาดาบนับพันหมื่นนั่นโจมตีเย่เฟิงอย่างรวดเร็ว
“จบเห่แน่ เย่เฟิงผู้นี้จบเห่แล้ว เงาดาบตามติดของซือคงเสวียนทรงพลังเกินไป เดิมทีไม่ใช่สิ่งที่เย่เฟิงจะต้านทานได้เลย เขาต้องถูกเงาดาบนั่นสับออกเป็ชิ้น ๆ เป็แน่!”
ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ตกตะลึง แม้พวกเขาจะอยู่ห่าง แต่ก็รับรู้ได้ถึงพลังของปราณดาบนั้นได้ มันเป็สิ่งไร้เทียมทานที่มิอาจต้านทาน
เย่เฟิงเผยสีหน้าดูไม่ได้ขึ้นมา ซือคงเสวียนใช้ข้อได้เปรียบที่มีตบะสูงกว่าคุกคามชีวิตเขาไม่หยุดหย่อน เงาดาบตามติดนี้เรียกได้ว่าเป็การโจมตีปลิดชีวิตเลยก็ว่าได้ ทว่ามีหรือเย่เฟิงจะนิ่งเฉยรอความตายอยู่แบบนี้ ทันใดนั้นเจตจำนงหอกพวยพุ่งออกจากร่างเย่เฟิง ทั้งยังผสานด้วยอำนาจฟ้าดินขั้นกายาที่เชื่อมโยงกับพลังวิถีฟ้าดิน ทำให้พลังของรังสีหอกน่าหวาดกลัวขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะทำลายกรงปราณดาบที่ขังเขาในพริบตา
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง หอกในมือเย่เฟิงเปล่งแสงจ้า ก่อนจะแทงโจมตี พลันรังสีหอกอันเป็พลังโจมตีที่ไร้เทียมทานอย่างแท้จริงทะลวงฝ่าห้วงอากาศ
“หอกปลิดชีวี!”
หอกนี้คือกระบวนที่สามหอกปลิดชีวีของทักษะหอกปลิดชีวี ในหอกนี้ผสานไปด้วยพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเย่เฟิง และจะสำแดงออกมาก็ต่อเมื่อเย่เฟิง้าสังหารคนเท่านั้น การเผชิญหน้ากับเงาดาบตามติดของซือคงเสวียนเช่นนี้ เย่เฟิงจึงจำเป็ต้องใช้หอกปลิดชีวีออกมาเพื่อต่อสู้กับอีกฝ่าย
“ตูม ๆ ๆ!”
วินาทีที่รังสีหอกเข้าปะทะกับเงาดาบไร้ที่สิ้นสุด เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหวต่อเนื่อง หอกของเย่เฟิงไร้เทียมทานจนทำลายเงาดาบพวกนั้นได้อย่างราบรื่น ซึ่งรังสีหอกประหนึ่งสายฟ้าแห่งการทำลายล้าง เมื่อผ่านที่ใดก็จะทำลายทุกสิ่งให้พังราบเป็หน้ากลอง แต่ด้วยความเร็วของรังสีหอกที่ว่องไวอย่างมาก หลังจากทำลายเงาดาบก็ไปเยือนเบื้องหน้าซือคงเสวียนในชั่วพริบตา
ซือคงเสวียนต้องเผยหน้าเขียว จู่ ๆ ร่างกายจางลงเป็ภาพลวงตาหมายหลบหนี แต่กลับช้าไป รังสีหอกนั่นทะลุหัวไหล่ของเขาจนเืพุ่งกระฉูด ทำให้ซือคงเสวียนส่งเสียงร้องด้วยความเ็ป ในดวงตายังเผยประกายความอาฆาต จากนั้นเขาวาดฝ่ามือโจมตีเย่เฟิงอย่างรวดเร็ว
“อั่ก!” เสียงหนึ่งพลันดังขึ้น เย่เฟิงถูกฝ่ามือนั้นซัดกระเด็นจนถอยไปข้างหลัง พร้อมกระอักเืออกมา
“ตายซะ!”
แสงสีเืเจิดจ้าในดวงตาของซือคงเสวียน เขาวาดฝ่ามือโจมตีเย่เฟิงอีกครั้ง ซึ่งการโจมตีนี้แข็งแกร่งกว่าฝ่ามือก่อนหน้านี้หลายเท่า ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อที่จะสังหารเย่เฟิง!
“นี่...” ผู้คนในที่แห่งนั้นเห็นฉากตรงหน้าต่างก็ใ พวกเขาไม่คิดไม่ฝันว่าเย่เฟิงที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 จะสามารถบีบบังคับซือคงเสวียนมาถึงจุดนี้ได้ อีกอย่างฝ่ามือนี้น่าจะเป็ตัวจบศึกนี้ และเย่เฟิงก็คงไม่มีทางที่จะต้านทานได้อีก
เย่เฟิงเผยสีหน้าเ็า เขาระดมพลังที่แข็งแกร่งสุดของตนเอง ก่อนจะอัดอำนาจฟ้าดินขั้นกายาใส่ฝ่ามือ จากนั้นวาดฝ่ามือที่แฝงด้วยพลังทำลายล้างเข้าโจมตีอีกฝ่าย
“รนหาที่ตาย!”
ซือคงเสวียนเห็นเย่เฟิงคิดต่อต้านฝ่ามือของเขาก็แค่นเสียงหัวเราะอย่างเ็า จากนั้นพลังอันแกร่งกล้าปะทุออกจากร่างเขา ซึ่งมีผลต่อฝ่ามือของเขา ทำให้พลังฝ่ามือของเขาเปลี่ยนไปทรงอานุภาพขึ้นหลายเท่า วินาทีที่ฝ่ามือของทั้งสองคนเข้าปะทะกัน จู่ ๆ ฝ่ามือของเย่เฟิงก็มีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมา ทำให้อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นอย่างฉับพลัน ตามมาด้วยเสียงะเิดังกึกก้อง เมื่อฝ่ามือของทั้งสองคนปะทะกัน เย่เฟิงก็ถูกซัดกระเด็นไปข้างหลังอีกครั้ง
“ฟู่!” ทว่านาทีที่ฝ่ามือของทั้งสองคนปะทะกัน เปลวไฟที่ลุกโชนบนฝ่ามือของเย่เฟิงก็ได้ลุกลามไปยังแขนของซือคงเสวียน ทำให้ซือคงเสวียนรู้สึกเ็ปที่ปลายนิ้ว ก่อนไฟจะเผาแขนทั้งแขนในเวลาชั่วพริบตาจนกระทั่งดำเกรียมไปหมดและส่งกลิ่นไหม้
“วูบ!” ขณะนั้นเองเย่เฟิงกลับเคลื่อนไหวต่อทันที พลันเงาร่างกลายเป็ลำแสงดาว ก่อนจะไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้าของซือคงเสวียนในนาทีต่อมา
ซือคงเสวียนเผยสีหน้าเย็นเยียบ เขาอยากวาดฝ่ามือโจมตีอีกครั้ง แต่กลับเห็นดวงตาคู่หนึ่งที่แตกต่างออกไป ซึ่งมีพลังมายาพวยพุ่งออกมาจากดวงตาคู่นั้นราวกับทำให้เขาจมดิ่งลงไปในนั้นเพียงพริบตา
“ข้าซือคงเสวียนเป็ใคร? ข้าจะหลงกลเ้าได้อย่างไร? ไสหัวไปซะ!” ซือคงเสวียนถูกพลังมายานั่นกัดกร่อนจึงแผดเสียงะโดังกังวาน และพยายามทำให้ตัวเองมีสติ
“งั้นหรือ?” เย่เฟิงเหยียดยิ้มเ็าด้วยมุมปากที่มีเืเปื้อน แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเปลี่ยนไปชั่วร้ายมากขึ้น พร้อมกับที่พลังมายาห่อหุ้มร่างซือคงเสวียน ส่วนซือคงเสวียนพยายามต่อต้านอย่างสุดกำลังและลองใช้พลังหยวนของตนขับไล่พลังมายา แต่กลับพบว่าไร้ผล พลังมายานั้นแทรกซึมสู่ร่างเขาอย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่นานซือคงเสวียนที่ดิ้นรนก็สงบนิ่ง ดวงตาพร่ามัว ก่อนจะหลับตาลงในท้ายที่สุด
“เป็ไปได้ยังไง? มันเป็ไปได้ยังไงกัน?” ผู้คนเห็นฉากตรงหน้าต่างก็ใจนหัวใจราวกับหยุดเต้น
ในมิติมายา ร่างซือคงเสวียนค่อย ๆ ก่อตัวจนมองเห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อเขามองไปรอบ ๆ ก็ต้องหน้าเปลี่ยนสีทันที “ที่นี่เป็ที่ใด เหตุใดข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
ซือคงเสวียนต้องประหลาดใจ แม้เขาจะเห็นเว่ยเจิ้นเทียนถูกพลังมายาของเย่เฟิงโจมตีจนพ่ายแพ้ แต่เขาก็เห็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้น มีหรือจะเข้าใจความรู้สึกการถูกพลังมายาโจมตี
“ที่นี่ก็คือความฝันของเ้า” เสียงหนึ่งพลันดังเข้ามาในหูของซือคงเสวียน จากนั้นเห็นเงาร่างหนึ่งค่อย ๆ ปรากฏตัวที่ด้านหน้าซือคงเสวียน นั่นก็คือเย่เฟิง
“เ้าอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 9 แต่พลังจิตกลับอ่อนด้อย ช่างน่าขันนักที่เ้าปลื้มกับอันดับที่หนึ่งในการประลองทดสอบพลังจิตรอบที่หนึ่ง” เย่เฟิงกล่าวพร้อมกับเดินมาหาซือคงเสวียน
ซือคงเสวียนเผยสีหน้าดูไม่ได้ขึ้นมา เขารู้ว่าเย่เฟิงพูดถูก หากตนมีพลังจิตที่แกร่งกล้ากว่าเย่เฟิง เขาก็ไม่มีทางได้รับผลกระทบจากพลังมายาของเย่เฟิง ส่วนสาเหตุที่เขาตกหลุมพรางของเย่เฟิงได้ง่าย ๆ นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพลังจิตของทั้งสองคนห่างชั้นกันมากเพียงใด
“มิติมายาแล้วอย่างไร? ตราบใดที่มีพลังอันแกร่งกล้า ต่อให้เป็มิติมายาที่แข็งทนทาน ก็สามารถทำลายได้เหมือนกัน!”
ดวงตาของซือคงเสวียนเผยประกายเย็นเยือก เขาจะยอมรับชะตากรรมเช่นนี้ได้อย่างไร? จากนั้นเขาโบกสะบัดฝ่ามือหมายจัดการเย่เฟิง
“แกว่งเท้าหาเสี้ยน!” เย่เฟิงกล่าวขึ้น ก่อนจะวาดฝ่ามือโจมตีตัดหน้า นาทีต่อมาได้ยินเสียงดังเพียะ ฝ่ามือนั้นจู่โจมที่ศีรษะของซือคงเสวียน ทำให้ร่างซือคงเสวียนกระเด็นกระดอนไปกองกับพื้น และขยับเขยื้อนตัวไม่ได้
ที่โลกภายนอก ซือคงเสวียนตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ส่วนเย่เฟิงก็มาถึงเบื้องหน้าเขาแล้ว ทั้งยังกวาดตามองเขาด้วยท่าที่เหยียดหยาม “นี่น่ะหรือศิษย์สายตรงของรองเ้าสำนักชิงอวิ๋น นอกจากหยิ่งยโสโอหังวางอำนาจบาตรใหญ่แล้ว ข้าก็หาจุดดีของเ้าไม่ได้เลย ช่างไม่ต่างอะไรกับสวะ!”
เมื่อสิ้นเสียง เย่เฟิงก็วาดฝ่ามือโจมตีร่างซือคงเสวียนทันที ทันใดนั้นพลังทำลายล้างแทรกซึมสู่ร่างซือคงเสวียน แน่นอนว่าซือคงเสวียนที่ถูกกักขังอยู่ในมิติมายาย่อมไม่มีพลังป้องกันใด ๆ แม้เป็เพียงฝ่ามือธรรมดาของเย่เฟิง แต่ก็สร้างความเสียหายให้กับเขาได้อย่างหนักหนาสาหัส
ซือคงเสวียนร้องโอดครวญ เขาถูกฝ่ามือของเย่เฟิงซัดกระเด็นไปกองกับพื้นและต้องอาเจียนออกมาเป็เื
ฉากนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่ในที่แห่งนั้นต่างใจเต้นไม่เป็จังหวะ และหายใจไม่ทั่วท้อง
บรรยากาศเงียบงัน ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบทันที
สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่เย่เฟิงและซือคงเสวียน ขณะที่มองเงาร่างสง่าผ่าเผยนั้นที่ยืนตระหง่านบนเวทีประลอง ในใจของพวกเขาก็มีเพียงความตกตะลึงเท่านั้น
“แพ้แล้ว ซือคงเสวียนพ่ายแพ้ เย่เฟิงอาศัยพลังมายาของตนเอาชนะซือคงเสวียน โดยใช้วิธีการเดียวกับที่จัดการเว่ยเจิ้นเทียน ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!”
“ใช่ ข้าคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเย่เฟิงที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 จะมีฝีมือที่น่าทึ่งมากเพียงนี้ ถึงกับเอาชนะซือคงเสวียนผู้แข็งแกร่งได้ ท้ายที่สุดเย่เฟิงก็ได้เป็ราชบุตรเขยและแต่งกับองค์หญิงซินอี๋!”
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ผู้คนก็ค่อย ๆ ดึงสติกลับมาจากอาการตกตะลึง จากนั้นเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา และถ้อยคำของพวกเขาก็ไม่พ้นเื่ของเย่เฟิง
