หลินเยว่พยายามคิดทบทวนว่าควรจะพูดโน้มน้าวอย่างไรให้ท่านเฮ่อฉางเหอเห็นด้วยกับเขา ทันใดนั้น ดวงตาของเขาพลันเกิดเป็ประกายขึ้นมา เขาจึงพูดเสนอขึ้น “ท่านเฮ่อ ไม่อย่างนั้นเอาอย่างนี้ดีไหม พวกเราลองฝนหินหยกดูก่อน ดูให้แน่ชัดว่าสภาพหยกด้านในเป็อย่างไรแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะตัดหินหยกตรงไหนดี?”
เมื่อหลินเยว่พูดประโยคนี้ออกมา เฮ่อโย่วจ้างที่ยืนอยู่ด้านข้างพลันขมวดคิ้วขึ้นทันที เขาเป็คนชอบความสมบูรณ์แบบ ดังนั้น เขาจึงรู้สึกขัดใจกับความคิดเห็นเื่การฝนหินก่อนของหลินเยว่
ท่านเฮ่อฉางเหอตบบ่าของหลินเยว่พร้อมรอยยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องหรอก ตัดลงไปเลย”
เขาไม่มีทางให้ความสำคัญกับคนนอกมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่มีทางทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเขาและหลานชายของเขาเพื่อคนนอกคนหนึ่ง และที่สำคัญที่สุดก็คือ เขารู้สึกว่าเส้นที่หลินเยว่ลากนั้นมันไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน
คำพูดของท่านเฮ่อฉางเหอทำให้หลินเยว่รู้สึกราวกับตกอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง อีกฝ่ายไม่เชื่อในคำพูดของเขาเลย เพราะอีกฝ่ายเชื่อมั่นในตัวเองมากกว่า คำพูดของเขาก็เป็เพียงคำพูดลอยๆ ที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของอีกฝ่ายได้เลย
แต่ทว่าเขาจะทนมองหินหยกก้อนนี้ตัดเจ๊งกับตาได้จริงๆ หรือ?
ขณะที่หลินเยว่ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ท่านเฮ่อฉางเหอก็กวักมือเรียกนายช่างหลินให้มาตัดหินหยกก้อนนี้ต่อ
ตอนที่นายช่างหลินกำลังจะกดเปิดสวิตช์เพื่อให้เครื่องตัดหินหยกทำงานนั้น หลินเยว่พลันร้องะโเสียงดัง “เดี๋ยวก่อน!”
ท่านเฮ่อฉางเหอมองหลินเยว่พร้อมขมวดคิ้วลึก การที่เขารู้สึกว่าหลินเยว่มีความสามารถไม่เลวก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมให้อีกฝ่ายขัดจังหวะการตัดสินใจของเขาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาจึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงลงหนัก “หลินเยว่ มีอะไรอีก?”
ประโยคนี้ไม่ได้เป็ประโยคคำถาม แต่เป็ประโยคย้อนถามอย่างไม่พอใจ!
หลินเยว่ฟังออกว่าน้ำเสียงของท่านเฮ่อฉางเหอเริ่มแสดงความรำคาญ แต่ทว่าเขาไม่ได้สนใจในจุดนี้เลย เขาสบตาตรงๆ กับท่านเฮ่อฉางเหอพร้อมพูดขึ้น “ท่านเฮ่อ ผมยังคงยืนยันในความคิดของตัวเองครับ หวังว่าท่านจะยอมรับฟังความคิดเห็นของผม”
รับฟังความคิดเห็นของคุณ?
ผู้คนทั้งหลายที่ได้ยินประโยคนี้ถึงกับต้องหัวเราะเยาะอย่างอดไม่ได้ ให้ปรมาจารย์แห่งหยกยอมรับฟังความคิดของคุณ แล้วคุณเป็ใครกัน? ยิ่งใหญ่มาจากไหน?
สีหน้าของท่านเฮ่อฉางเหอค่อยๆ เปลี่ยนเป็สีเข้มจัด เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น “หากผมคิดว่าตอนนี้คุณกำลังทำตัวไร้เหตุผลก็ได้ใช่ไหม?”
“ไม่ ผมไม่ได้ทำตัวไร้เหตุผลนะครับ” หลินเยว่ส่ายหน้ายืนยันการกระทำของตัวเอง “ผมแค่หวังว่าท่านจะพิจารณาความคิดเห็นของผมอย่างจริงจัง แต่หากไม่ได้จริงๆ ละก็ ผมหวังว่าท่านจะลองฝนหินหยกก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกทีครับ”
“ไม่ต้องแล้ว!” ท่านเฮ่อฉางเหอพูดจาด้วยน้ำเสียงดุดัน “เส้นที่คุณลากเส้นนั้นมันผิดอย่างชัดเจน!”
ตอนแรกท่านเฮ่อฉางเหอ้ารักษาความรู้สึกของหลินเยว่ไว้ แต่ตอนนี้เขากลับพูดระบุถึงความผิดพลาดของหลินเยว่อย่างตรงไปตรงมา
ท่านเฮ่อฉางเหอตั้งใจจะสั่งให้ตัดหินหยกต่อ แต่หลินเยว่รีบก้าวเท้าเข้าขวางระหว่างหินหยกและเครื่องตัดหินหยกอย่างร้อนใจพร้อมพูดอีกครั้ง “ท่านเฮ่อ ท่านจะไม่พิจารณาความคิดเห็นของผมจริงๆ หรือครับ?”
“ไม่! คุณหลบไป!” ท่าทางของท่านเฮ่อฉางเหอเปลี่ยนไปทันที ความเมตตาปรานีที่เคยมีอยู่เสมอนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่กลับกลายเป็ความดุดันเข้ามาแทนที่ เพราะหลินเยว่กำลังท้าทายความอดทนที่ใกล้จะถึงขีดจำกัดของเขาอยู่ แล้วเขาจะไม่โกรธได้อย่างไรล่ะ!
“ตัดตามที่ผมลากไว้ หากตัดผิดผมยินดีชดใช้ครับ!”
หลินเยว่ร้อนใจจนคิดอะไรไม่ออก เขาจึงะโใส่ท่านเฮ่อฉางเหอ
“คุณยินดีชดใช้?” ท่านเฮ่อฉางเหอตกตะลึงไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาจึงส่ายศีรษะ “คุณชดใช้ไม่ไหวหรอก หินหยกก้อนนี้มูลค่าสิบห้าล้าน คุณจะชดใช้ไหวได้อย่างไร” น้ำเสียงของท่านเฮ่อฉางเหอก็ลดต่ำลงอย่างไม่รู้ตัว เขาเริ่มมองออกว่าหลินเยว่ไม่ได้้าทำตัวไร้เหตุผล แต่เขามีเหตุผลบางอย่างที่แอบซ่อนอยู่
สิบห้าล้าน?
หลินเยว่รู้สึกใกับตัวเลขนี้ แต่เขาก็ยังสบตากับท่านเฮ่อฉางเหอพร้อมพูดยืนยันในความคิดของตัวเอง “ผมขอเอาชีวิตของตัวเองเป็เดิมพันให้กับหรงเล่อเซวียน เท่านี้พอไหมครับ?”
เมื่อประโยคนี้หลุดออกมา จึงเกิดความสับสนวุ่นวายขึ้น พวกเขาคาดไม่ถึงว่านี่เป็เพียงการพนันหินหยกเล็กๆ เท่านั้น แต่คนคนนี้กลับเลือกใช้ชีวิตของตนเองเป็สิ่งเดิมพัน แต่ทว่าถึงจะเอาชีวิตมาเดิมพันแบบนี้ แล้วยังมีโอกาสชนะพนันได้อีกหรือ? ถึงแม้ว่าหลินเยว่จะมีความกล้าหาญ แต่ทุกคนในที่แห่งนี้กลับไม่เห็นแววชนะของเขาเลย พวกเขาคิดว่าความกล้าหาญที่เขามีนี้มาจากความไม่รู้หรือไม่ก็ความไม่เกรงกลัวเท่านั้นเอง
เฮ่อโย่วจ้างมองหลินเยว่อย่างตกตะลึงเช่นกัน หลังจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว เดิมพันด้วยชีวิตของตัวเอง? หลินเยว่มีความเชื่อมั่นมากขนาดนั้นจริงๆ หรือ?
เฮ่อหลันเยว่ดวงตาเบิกกว้าง เธอมองหลินเยว่ด้วยประกายระยิบระยับ ราวกับว่าเธอ้ามองเขาให้ทะลุปรุโปร่ง เพราะนี่เป็ครั้งแรกที่เธอได้เจอคนที่น่าสนใจขนาดนี้ เธอจึงไม่้าพลาดไปสักชั่วอึดใจ
ท่านเฮ่อฉางเหอได้ยินประโยคนี้ก็ตกตะลึงเช่นกัน หลังจากนั้นท่านจึงฝืนยิ้ม “เดิมพันด้วยชีวิตไม่คุ้มหรอก หลินเยว่ คุณหลบออกไปเถอะ” เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมหลินเยว่ถึงได้มั่นใจขนาดนี้ เส้นที่ลากเส้นนั้นถึงแม้ว่าจะถูกต้อง แต่โอกาสความเป็ไปได้น้อยมาก เขาเดิมพันด้วยชีวิตเพื่อความเป็ไปได้อันน้อยนิดเช่นนี้มันไม่คุ้มกันเลย
“ท่านไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจได้จริงๆ หรือ?” หลินเยว่จ้องเขม็งไปยังท่านเฮ่อฉางเหอ
ท่านเฮ่อฉางเหอถอนหายใจพร้อมส่ายศีรษะ
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้”
หลินเยว่ยอมถอยออกมาด้วยใบหน้าเศร้าสลด
เมื่อเห็นว่าหลินเยว่ยอมถอยออกมาด้วยตัวเอง ท่านเฮ่อฉางเหอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว เพราะการยื้อกันไปยื้อกันมาเช่นนี้ไม่ใช่วิธีที่ดีเลยสักนิด แต่โชคดีที่อีกฝ่ายยอมถอยออกมาก่อน
นายช่างหลินเริ่มเปิดเครื่องตัดหินหยกใหม่อีกครั้ง เขาควบคุมเครื่องตัดหินหยกให้ค่อยๆ เคลื่อนลงมา
ความสนใจของทุกๆ คนต่างมุ่งไปที่ก้อนหินหยกเพียงจุดเดียว เมื่อสักครู่มีความวุ่นวายเกิดขึ้น ทำให้ตอนนี้ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย ทุกคนต่างมองตรงไปยังหินหยกอย่างเงียบๆ
ณ เวลานี้เอง พลันมีเสียงะโดังก้องไปทั่วทั้งโรงงาน “มีฆาตกร!!! มีฆาตกรกำลังฆ่าคนที่หน้าโรงงาน!!!”
เมื่อได้ยินคำว่าฆาตกร ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างใ พร้อมทั้งหันไปมองทางหน้าโรงงานกันอย่างเคร่งเครียด
ณ เวลานี้เอง หลินเยว่จึงรีบออกแรงเบียดจนนายช่างหลินต้องถอยออกไป และเขาก็ยืนตรงหน้าเครื่องตัดหินหยก เขาปรับตำแหน่งใบเลื่อยอย่างรวดเร็ว และจัดการให้ใบเลื่อยตัดลงบนตำแหน่งที่เขาได้ลากเส้นไว้เองทันที
พลันมีเสียงตัดหินหยกดังขึ้นกระหึ่มทั่วโรงงาน
เสียงะโเมื่อสักครู่ก็คือเสียงที่หลินเยว่ะโออกมาเอง การที่เขายอมถอยออกมาหนึ่งก้าวในตอนแรกก็เพื่อแผนการที่เขาทำขึ้นในตอนนี้ เพราะว่าเขารู้ดีว่าการพูดด้วยเหตุผลมันไม่ได้ช่วยอะไร เขาจำเป็ต้องทำให้ข้าวสารกลายเป็ข้าวสุก เมื่อภารกิจสำเร็จลุล่วงออกมาทุกคนก็จะได้เห็นความจริง และทุกคนก็จะเห็นตรงกันว่าเขาเป็ฝ่ายถูก
เมื่อรอให้ทุกคนมีสติกลับคืนมา หลินเยว่ก็ตัดหินหยกไปแล้วครึ่งหนึ่ง
“หลินเยว่ นายทำอะไร!!!”
ท่านเฮ่อฉางเหอตะคอกออกมาเสียงดัง เขามองหลินเยว่ด้วยสีหน้าโกรธจัด
และ ณ เวลานี้ทุกคนถึงได้มีสติกลับคืนมา พวกเขามองหลินเยว่อย่างอึ้งๆ เ้าหนูคนนี้ช่างไม่กลัวตายเลยจริงๆ กล้าทำก่อนแล้วค่อยสารภาพทีหลัง? ณ เวลานี้ ทุกคนต่างคิดอะไรไม่ออก พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
เมื่อเฮ่อโย่วจ้างเห็นเหตุการณ์เบื้องหน้าเขาก็โกรธจัดจนแทบจะพุ่งเข้าไปหาหลินเยว่ แต่ทว่ากลับถูกเฮ่อหลันเยว่ห้ามเอาไว้ เธอหันไปหาพี่ชายของเธอพร้อมกับส่ายศีรษะเพื่อเป็การบอกเขาว่าอย่าวู่วาม
ถึงเฮ่อโย่วจ้างจะโกรธสักแค่ไหน แต่เขาก็ไม่้าอาละวาดต่อหน้าน้องสาวที่เขารักที่สุด เขาเหลือบมองหินหยกที่เขาพนันด้วยตัวเองอย่างเสียใจ หลังจากนั้นเขาก็ใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธจัดจ้องไปยังหลินเยว่
หลินเยว่ส่งยิ้มให้กับท่านเฮ่อฉางเหอราวกับว่าเขาได้ปลดปล่อยแล้ว เขามองท่านเฮ่อฉางเหอพร้อมกับพูดว่า “หากผมตัดผิด ชีวิตของผมก็ขอยกให้กับหรงเล่อเซวียนของพวกคุณ” เมื่อพูดจบ เขาก็ตัดหินหยกลงหนักๆ อีกครั้ง
พลันเกิดเสียงดังกระหึ่มขึ้นมา หินหยกก้อนใหญ่ก้อนนี้ก็ถูกแบ่งเป็สองส่วนทันที
เมื่อหลินเยว่มองตามรอยแยกจึงเห็นสภาพหินที่อยู่ภายใน และแล้วเขาก็ยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มอันผ่อนคลาย ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาได้หมดเรี่ยวแรงอย่างกะทันหัน เมื่อวานเขาสูญเสียพลังสมองมากจนเกินไป วันนี้ก็ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เมื่อสักครู่ก็ยังเกิดการขัดแย้งขึ้น รวมทั้งตอนนี้ที่เขาเพิ่งตัดหินหยกเสร็จ สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาใช้ทั้งพลังกายและพลังใจไปจนหมดสิ้น
ณ เวลานี้หลินเยว่พร้อมหมดเรี่ยวแรงและหมดสติได้ทุกเมื่อ
หลินเยว่ควบคุมเครื่องตัดหินหยกให้เคลื่อนตัวกลับขึ้นไปที่เดิม หลังจากนั้นเขาก็ปิดสวิตช์ลง ร่างกายของเขาพิงลงบนเครื่องตัดหินหยกทันทีพร้อมทั้งหอบหายใจแรงไม่หยุด บนหน้าผากของเขาเริ่มมีเหงื่อผุดออกมา
หินหยกถูกตัดแบ่งเรียบร้อย ผู้คนทั้งหลายต่างกรูเข้าไปล้อมหินหยกก้อนนี้ เมื่อทุกคนเห็นหยกชั้นบางๆ ตรง่บนและมีเนื้อหินสีเทาขาวเป็ชั้นหนาๆ อยู่ด้านใน พวกเขาต่างทำหน้าแปลกประหลาดขึ้นทันที
เฮ่อโย่วจ้างมองหยกชั้นบางๆ ตรงนั้นด้วยใบหน้าซีดขาว ส่วนที่ควรจะปรากฏสีเขียวมากที่สุดกลับกลายเป็เพียงหยกชั้นบางๆ เท่านั้น หินหยกก้อนนี้เขาพนันเจ๊งเสียแล้ว สิบห้าล้านหยวนพลันละลายไปกับสายน้ำทันที ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจจะไปเอาเื่ถามหาความรับผิดชอบกับหลินเยว่ เพราะการตัดครั้งนี้ ไม่ว่าจะตัดตรงไหนเขาก็พนันเจ๊ง!
นี่เป็ครั้งแรกที่เขาพนันด้วยเงินก้อนใหญ่ แต่เขากลับพนันเจ๊งอย่างไม่เป็ท่า! ตอนแรกเขาคิดว่าเขามีโอกาสพนันได้สูงถึง 90% จากหินหยกก้อนนี้ หรือถึงแม้อาจจะไม่ได้พนันได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่มีทางขาดทุน แต่ดูตอนนี้สิ การพนันเจ๊งมันเกิดขึ้นต่อหน้าเขาแล้ว เขามีความรู้สึกผิดหวังอย่างหนัก ทำให้ความหยิ่งผยองที่เขาเคยมีมาตลอดกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ตอนที่ท่านเฮ่อฉางเหอมองหยกชั้นบางๆ นี้เขาก็รู้สึกนิ่งอึ้งไปเช่นกัน เขาฝืนยิ้มอยู่ในใจ คำโบราณกล่าวไว้ว่า “ยอมซื้อหินหยกที่เห็นสีเขียวเป็เส้น (แต่ไม่รู้ว่ามีความลึกมากสักเท่าไร) ดีกว่าซื้อหินหยกที่เห็นสีเขียวเพียงเปลือกผิว” คำโบราณประโยคนี้ก็ได้กล่าวไว้ไม่ผิดจริงๆ
แต่เพียงไม่นานเขาก็เริ่มเห็นถึงความผิดปกติ ตรงมุมล่างซ้ายของหินหยกมีประกายสีเขียวปรากฏอยู่รำไร หรือว่าตรงนี้ยังมีหยกซ่อนอยู่ เขารีบแหวกผู้คนรอบๆ ออกและหยิบไฟฉายกำลังสูงขึ้นมาส่องตรงมุมล่างซ้ายตรงนั้น
เพียงส่องไฟฉายเท่านั้น ด้านในของหินหยกตรงนั้นพลันปรากฏแสงสีเขียวราวกับสีเขียวของใบไม้สด ด้านในราวกับมีแหล่งต้นกำเนิดแสงที่เป็สีเขียวอมเหลือง มีความสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ
“โอ้ว!”
ผู้คนรอบๆ ต่างสังเกตเห็นถึงภาพเหตุการณ์ในตอนนี้ พวกเขาจึงอุทานอย่างตกตะลึง ภายในหินหยกยังมีความงามอีกแห่งซ่อนอยู่ หินหยกก้อนนี้อาจจะไม่ได้พนันเจ๊งจริงๆ ก็ได้!
เมื่อได้ยินเสียงอุทานจากคนรอบๆ ตัว เฮ่อโย่วจ้างจึงรีบมองไปทางผู้คนเ่าั้ เมื่อเขามองเห็นภาพตรงหน้า เขาก็ไม่สามารถดึงสายตากลับคืนมาได้อีกเลย เขาถูกสะกดไว้อย่างแน่นิ่ง ดวงตาของเขาพลันเป็ประกายขึ้นทันที
เขายังไม่ได้พนันเจ๊ง!
เขารีบหยิบเครื่องเจียระไนลับคมตัดขนาดเล็กออกมาวางไว้ตรงหน้าก้อนหินหยก และยกก้อนหินหยกส่วนที่ไร้ค่าออกไป เขาใช้เครื่องเจียระไนค่อยๆ ฝนหินหยกตรงส่วนมุมล่างซ้ายและตัดบางส่วนออก เพียงไม่นานภาพโดยรวมของสภาพหยกด้านในจึงปรากฏออกมา