ภายใต้ราตรีอันมืดมิด ผู้นำซางและสมาชิกคนสำคัญภายในขบวนลำเลียงสินค้านั่งบนหลังม้า ส่วนการจูงอูฐบรรทุกสินค้าเป็หน้าที่ของทหาร
การเดินทางในครั้งนี้มีทหารถือคบเพลิงล้อมรอบขบวน แต่แรงกดดันทำให้สมาชิกภายในขบวนลำเลียงสินค้าไม่กล้าพูดคุยหรือส่งเสียงใดๆ ออกมา ด้านหน้ามีถังเหล่ยและชายหนุ่มซึ่งเป็แม่ทัพอยู่เคียงข้างกัน
“เมื่อครู่ทำให้เ้าได้เห็นเื่น่าอายแล้วของกองทัพทหารแล้ว ผู้นำของพวกมันกลายเป็ศพเพราะเ้า ข้าหงฟ่าน” ชายหนุ่มประสานมือคำนับถังเหล่ยและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ถังเหล่ยเพียงแค่พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มแต่ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เขากำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับชายหนุ่มผู้นี้ เมื่อครู่ทหารด้านล่างเรียกชายหนุ่มว่าแม่ทัพน้อย เื้ัของชายหนุ่มผู้นี้ต้องยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
“คนทรยศมีพลังระดับผู้ทรงยุทธ์ ดูแล้วเ้ายังไม่ทะลวงระดับผู้ทรงยุทธ์ด้วยซ้ำ กลับสามารถสังหารเขาได้แล้ว แสดงว่าฝีมือของเ้าต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ข้ายังไม่รู้นามของเ้าเลย!” หงฟ่านกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ข้ามีนามว่าถังเหล่ยเป็เพียงคนเร่ร่อน ไม่มีค่าให้จดจำ ข้าเพียง้าออกมาหาประสบการณ์เท่านั้น” ถังเหล่ยไม่รู้จุดประสงค์ของหงฟ่าน จึงบอกปัดไป
หงฟ่านหัวเราะ ไม่ได้ถามอะไรต่อ
เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาก็เดินทางมาถึงค่ายทหารขนาดใหญ่ กระโจมทหารมากมายตั้งอยู่รวมกันแล้วยังมีขนาดใหญ่กว่าเมืองบางเมืองเสียอีก
ถังเหล่ยประเมินว่าในค่ายทหารแห่งนี้น่าจะมีทหารมากกว่าห้าพันคนและทหารทุกคนล้วนเป็ผู้ฝึกตน หากกองทัพนี้อยู่ในจักรวรรดิเทียนอวี่ เขาจะเป็มหาอำนาจระดับต้นๆ อย่างแน่นอน
สำหรับผู้นำซางและสมาชิกภายในขบวนลำเลียงสินค้าของเขาต่างพากันตกตะลึง พวกเขาไม่เคยเห็นค่ายทหารที่มีขนาดใหญ่เท่านี้มาก่อน ทันใดนั้นหงฟ่านก็พาทุกคนเข้าไปด้านในของค่าย หลังจากเข้าไปภายในตัวค่ายก็มีทหารจำนวนมากออกมาต้อนรับ และตรวจสอบสินค้าพบว่าเป็สมุนไพรจริงๆ
“สมุนไพรจำนวนมากเหล่านี้ สามารถหลอมเป็ยาได้” ชายชราเคราขาวคนหนึ่งเดินเข้ามาตรวจสอบสมุนไพรและกล่าวด้วยความยินดี
กองทัพทำาตลอดทั้งปี ความ้าสมุนไพรที่ใช้ในการปรุงยาจึงสูงมาก
“ท่านไป๋อาการของบิดาข้าเป็อย่างไรบ้าง? ยาเหล่านี้ใช้ได้หรือไม่?” หงฟ่านถามอย่างร้อนรน
ชายชราเคราขาววางสมุนไพรในมือลง และเผยใบหน้าที่สิ้นหวังออกมา
“อาการของท่านแม่ทัพไม่ค่อยสู้ดีนัก ความจริงแล้วไม่ใช่ปัญหาเื่ของวัตถุดิบยา ความผิดของข้าเองที่ไม่สามารถปรุงยาถอนพิษให้กับท่านแม่ทัพได้”
เมื่อหงฟ่านได้ยินคำพูดของชายชราเคราขาว สีหน้าก็เผยความรู้สึกเศร้าออกมา
“ตอนนี้ในจักรวรรดิซือฉีวุ่นวายขนาดนี้จะไปหานักปรุงยาจากที่ไหน หากอาการของท่านพ่อทรุดลงกว่านี้ เกรงว่ากำลังใจของทหารภายในกองทัพจะถดถอยลงไปด้วย”
เมื่อถังเหล่ยได้ยินคำว่านักปรุงยาก็อดหันไปมองหงฟ่านไม่ได้
“พวกเ้าพาพวกเขาไปรับเงิน จากนั้นก็เดินไปส่งพวกเขาที่ทางออก” หงฟ่านกล่าวอย่างเรียบเฉย
ถังเหล่ยก็เตรียมตัวตามกลุ่มการค้าจากไป อีกฝ่ายไม่เกี่ยวอะไรกับเขา นอกจากจะได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจ
“ช้าก่อน สหายถัง โปรดรอก่อนข้าจะพาเ้าไปพบกับท่านพ่อของข้า ข้าอยากจะให้เ้าเป็คนยืนยันว่าเ้าคือคนที่สังหารผู้นำกลุ่มทหารหนีทัพ”
ขณะที่ถังเหล่ยกำลังจากไป เสียงของหงฟ่านก็ดังมาจากด้านหลัง ผู้นำซางหยุดเดิน มองถังเหล่ยด้วยความเป็ห่วง
“ผู้นำซางวางใจเถอะ เราต่างบรรลุเป้าหมายกันทั้งสองฝ่ายแล้ว ท่านเดินทางกลับไปยังจักรวรรดิของเราได้เลย ข้าก็จะเดินไปตามทางของข้าต่อไป” ถังเหล่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“บุญคุณใต้เท้า ผู้แซ่ซางจะไม่มีวันลืมเด็ดขาด” ผู้นำซางคุกเข่าต่อหน้าถังเหล่ยพร้อมกับโขกศีรษะ
ถังเหล่ยจ้องมองผู้นำซางด้วยความอึดอัดใจ หลังจากนั้นเขาก็เดินเท้าออกมาส่งผู้นำซางที่หน้าค่ายทหารและลาจากกันในท้ายที่สุด
“สหายถังเชิญด้านใน!”
หลังจากผู้นำซางจากไป หงฟ่านก็เดินมาเชิญถังเหล่ยให้เข้าไปภายในกระโจมหลังใหญ่ทันที
ทั้งสองคนเดินลึกเข้าไปในค่ายทหาร ถังเหล่ยสังเกตเห็นว่าเกราะบนร่างเหล่าทหารล้วนมีรอยเืติดอยู่จึงเดาว่าจักรวรรดิซือฉีคือจักรวรรดิที่มีความวุ่นวายเป็อย่างมาก
ทันทีที่เข้าไปถึงส่วนลึกของค่ายหทาร ถังเหล่ยก็เห็นกระโจมขนาดใหญ่ ที่มีความกว้างหลายสิบเมตรตั้งอยู่ตรงกลาง กระโจมแห่งนี้มีทหารหลายสิบคนอารักขาอยู่ ด้านหน้าประตูทางเข้ามีชายร่างใหญ่ยืนถือขวานอยู่ราวกับูเาลูกหนึ่งขวางกั้นทางเข้าเอาไว้
“แม่ทัพสิง อาการของท่านพ่อเป็อย่างไรบ้าง?” หงฟ่านเดินมาถึงหน้าทางเข้า และกล่าวกับชายร่างใหญ่
“ข้ากำลังจะออกไปตามเ้าพอดี ท่านแม่ทัพใหญ่ตื่นขึ้นมาก็ถามหาเ้าเป็คนแรก แล้วเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหลังของเ้าคือใคร?” แม่ทัพสิงเห็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง จึงถามขึ้นด้วยความนอบน้อม
“ชายคนนี้คือผู้ที่สังหารผู้นำของกลุ่มทหารหนีทัพ ข้าเลยอยากพามาให้ท่านพ่อเห็น” หงฟ่านพูดจบ แม่ทัพสิงก็เปิดม่านกระโจมให้หงฟ่านกับถังเหล่ยเข้าไป
สิ่งที่อยู่ภายในกระโจมหลังใหญ่แห่งนี้เกินความคาดหมายของถังเหล่ยไปมาก ภายในตกแต่งสวยหรูราวกับพระราชวัง ส่วนลึกของกระโจมมีชายคนหนึ่งนั่งพิงอยู่บนที่นั่งหลักและมีสตรีคนหนึ่งคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
“ท่านพ่อ ฟ่านเอ๋อร์มาเยี่ยมแล้ว” หงฟ่านกล่าวพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ชายที่นั่งอยู่บนที่นั่งหลัก ส่วนถังเหล่ยยังคงสงบนิ่งและยืนอยู่ด้านล่าง
ชายที่นั่งอยู่บนที่นั่งหลักมีสีหน้าย่ำแย่มาก แต่ในดวงตายังคงเปล่งประกาย และแผ่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
“ปรมาจารย์ยุทธ์!”
ถังเหล่ยแอบใ คิดไม่ถึงว่าชายคนนี้เป็ยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ยุทธ์ต่อให้อยู่ในจักรวรรดิเทียนอวี่ชายผู้นี้ก็ยังมีสถานะสูงส่งไม่น้อยไปกว่าผู้ใดในจักรวรรดิ แต่อาการของเขาในเวลานี้สาหัสเกินกว่าที่จะจินตนาการได้
ถังเหล่ยมองชายคนนี้เพียงครู่เดียวก็คาดเดาได้ว่าเขาคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ถังเหล่ยยังคงงุนงงว่าเหตุใดชายที่แข็งแกร่งถึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้
“ท่านพ่อนี่คือผู้ฝึกตนที่ลูกพบเมื่อวาน เขาเป็คนสังหารผู้นำของพวกคนทรยศ” หงฟ่านกล่าวกับชายคนนั้น
เพียงแค่ได้ยินคำว่าทรยศใบหน้าของชายที่นั่งพิงอยู่บนที่นั่งหลักก็เผยความโกรธออกมา
“คนทรยศล้วนต้องตาย!”
ชายคนนั้นเปล่งเสียงออกมาจากลำคอและกระอักเืที่เปลี่ยนเป็ของเหลวสีดำไปแล้วออกมา หลังจากที่ถังเหล่ยเห็นสถานการณ์ดังกล่าว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“ราชันพิษเฮ่อชิง!”
ถังเหล่ยจำของเหลวสีดำลักษณะนี้ได้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำเช่นนี้ได้ ในตอนที่เขายังเป็ราชันโอสถก็มีราชันพิษเฮ่อชิงที่มีชื่อเสียงควบคู่กันมา
“อาการป่วยของท่านแม่ทัพใหญ่ข้าสามารถรักษาได้!”
………