"อาเหลย แถวนี้มีพืชที่ให้รสชาติแบบนี้อีกหรือไม่ อืม... มันเติบโตบนต้นไม้ ผลของมัน กลมๆ เล็กๆ รสเค็ม ้ามีผลึกสีขาว รสชาติเหมือนกับตะไคร่น้ำนี้เลย"
เซวียเสี่ยวหรั่นลองถามถึงไม้ผิวเกลือจากอาเหลย
อาเหลยกินตะไคร่น้ำ ขณะเดียวกันก็พยายามทำความเข้าใจความหมายของเธออย่างสุดกำลัง
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ยอมแพ้ ชี้ไปที่ตะไคร่น้ำในมือของมัน แล้วสื่อสารด้วยท่าทางต่อ
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ อาเหลยก็ทำเหมือนจะเข้าใจขึ้นมาบ้าง ประจวบกับกินตะไคร่น้ำหมดพอดี ครั้นแล้วมันก็ลุกขึ้น วิ่งะโอย่างซุกซนเข้าไปในป่า
เซวียเสี่ยวหรั่นเดินตามหลังมันไป ต้องเปลืองแรงอยู่มาก
หลังผ่านเจ็ดเลี้ยวแปดโค้ง ขึ้นเขาลงเนิน เดินลัดเลี้ยวไปอีกพักใหญ่ จนเซวียเสี่ยวหรั่นจำทางมาไม่ได้แล้ว
หากไม่เพราะเห็นอาเหลยยังเดินเอ้อระเหยลอยชายอยู่ เธอก็คงสงสัยว่ามันพาหลงทางหรือเปล่า
"อาเหลย อีกไกลไหม"
ยิ่งเดินก็ยิ่งไกลออกไป เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกใจคอไม่ดี แม้ว่าฤดูหนาวจะมีสัตว์ป่าไม่มาก แต่ก็มีบางชนิดที่ไม่ต้องจำศีล่ฤดูหนาว
ถ้าไปเจอกับเสือสิงห์ หรือหมาป่าเข้า ชีวิตน้อยๆ ของเธอมิต้องทิ้งไว้ที่นี่พอดีหรือ?
เมื่อครู่มีอะไรบางอย่างกระโจนออกมาจากพุ่มไม้ ไม่รู้ว่าเป็เพียงพอนเหลืองหรือกระรอกดำกันแน่ ทำเอาเธอใจนขวัญหนีดีฝ่อ
เคราะห์ดีที่สัตว์เ่าั้ไม่ได้คิดจะโจมตีเธอ หันไปอีกทีก็มุดเข้าพงไม้ไปแล้ว
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยรู้สึกเหนื่อยแล้ว สามขาของมันเริ่มเดินช้าลง
หลังจากหันไปเห็นต้นไม้ใหญ่เขียวขจีแลดูแปลกตาต้นหนึ่ง มันก็หย่อนก้นลงนั่ง
"เหนื่อย? ไม่ไปแล้ว? หรือว่าถึงแล้ว?"
เซวียเสี่ยวหรั่นฉวยท่อนไม้ขึ้นมาถือในมือ พลางเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น
นี่เป็ครั้งแรกที่เธอจากถ้ำมาไกลขนาดนี้
"เจี๊ยกๆ" ลิงน้อยชี้ไปที่ข้างคูน้ำด้านหน้า
เซวียเสี่ยวหรั่นหรี่ตาเพ่งพิศ
ตรงนั้นมีต้นไม้ที่มีใบสีแดงต้นหนึ่ง ใบของมันเริ่มเหลืองแล้ว ที่พื้นก็มีใบไม้ร่วงเต็มไปหมด
แต่นั้นไม่ใช่ส่วนสำคัญ ที่สำคัญก็คือผลที่เป็พวงห้อยย้อยลงมาจากกิ่ง้านั่นต่างหาก
"ว้าว หาเจอแล้ว เป็ต้นผิวเกลือ [1] จริงๆ ด้วย เ้านี่เก่งสุดยอดไปเลย"
เซวียเสี่ยวหรั่นอุ้มอาเหลยขึ้นมาหอมฟอดใหญ่อย่างอดไม่ได้
เธอวิ่งแล่นไปถึงใต้ต้นไม้ต้นนั้น ต้นผิวเกลือต้นนี้ไม่นับว่าสูงมาก แต่ผลค่อนข้างหนักถ่วงกิ่งไม้ให้ห้อยต่ำลงมา
เซวียเสี่ยวหรั่นแหงนหน้าขึ้นมองผลกลมแป้นเม็ดเล็กๆ ดอกเกลือที่ติดอยู่กับผลดูราวกับน้ำค้างแข็งพราวพร่าง
เธอเอื้อมมือไปเด็ดมาผลหนึ่งด้วยความตื่นเต้น ก่อนเอามาจ่อที่ริมฝีปากแล้วเลียชิมไปคำหนึ่ง อื้ม... ทั้งเปรี้ยวทั้งเค็ม รสชาติไม่นับว่าดีเท่าไร
แต่เป็ต้นผิวเกลือจริงๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นสะพายเป้ไว้ด้านหน้า หลังจากนั้นก็ผลของต้นผิวเกลือลงมาทีละพวงเล็กๆ ใส่เข้าไป
เธอออกมานานแล้ว หากไม่รีบกลับ เหลียนเซวียนก็คงหน้าดำทะมึนแล้ว
ดังนั้นเธอต้องเร่งมือหน่อย
หลังใส่จนเต็มแล้ว ก็ไม่กล้าโลภมาก กวักมือเรียกอาเหลยกลับทันที
"อาเหลยเอ๊ย ทำไมเ้าถึงยอมกินตะไคร่น้ำที่ทั้งขมทั้งเค็มนั่น แทนที่จะกินผลผิวเกลือนี่ล่ะ"
ระหว่างทางกลับ เซวียเสี่ยวหรั่นยื่นผลของต้นผิวเกลือให้อาเหลย มันเลียคำหนึ่ง ก่อนโยนทิ้งอย่างขยะแขยง
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกแปลกใจ หรือว่าเพราะผลของมันออกเปรี้ยวไปหน่อย?
มีอาเหลยนำทาง ย่อมไม่หลงอยู่ในป่า
ทั้งสองกลับมาถึงถ้ำอย่างราบรื่น
เหลียนเซวียนมายืนรอหน้าปากถ้ำตามที่คิดไว้
แม้สีหน้าจะสงบนิ่งเหมือนเคย แต่เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกได้ว่าเขาไม่ค่อยพอใจเท่าไร
เธอกลอกตาไปมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาพร้อมกับรอยยิ้ม "เหลียนเซวียน ทายซิว่าข้าไปพบกับอะไรมา ท่านต้องเดาไม่ถูกแน่ๆ เป็ของสำคัญมากเลย"
ของสำคัญมาก? สำหรับพวกเขาแล้ว ของที่สำคัญมากยามนี้หากไม่ใช่อาหาร ไม่ใช่เฮ่อหมา หรือว่าจะเป็ของสิ่งนั้น?
มือใหญ่ยื่นออกมาหาเธอ
เซวียเสี่ยวหรั่นทำตาปริบๆ เขาเดาได้? หลังจากนั้นก็เด็ดผลของต้นผิวเกลือใส่มือของชายหนุ่ม
เหลียนเซวียนยกขึ้นมาดม ก่อนลองชิมดู ที่แท้ก็สนผลึกเกลือนี่เอง
เป็ของสำคัญจริงดังว่า
เห็นการตอบสนองของเขาแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็เบะปาก ทายถูกเสียด้วยสมองปราดเปรื่องใช้ได้
"อาเหลยเป็คนพาไป สถานที่อยู่ไกลไปหน่อย ก็เลยกลับมาช้า ข้าเด็ดมาเต็มกระเป๋าเลย พอพวกเรากินพักใหญ่เลยล่ะ ในที่สุดก็ไม่ต้องกินเนื้อต้มน้ำเปล่าไร้รสชาติอีกแล้ว ฮ่าๆ "
ลิงน้อยพานางไป? เหลียนเซวียนอึ้งงัน การสื่อสารระหว่างคนกับลิงก้าวหน้าไปถึงขั้นนี้แล้วหรือ
เซวียเสี่ยวหรั่นกลับมาที่ข้างกองไฟ หยิบโถใบหนึ่งขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น แล้วตัดผลผิวเกลือใส่ลงไปทีละเม็ด
มื้อค่ำเป็ไข่เป็ดผัดกระเทียมป่า กระดูกตุ๋นหัวเฝิ่นเฮ่อ ที่สำคัญคือมีเกลือแล้ว
คนสองคนกับลิงหนึ่งตัว กินอย่างอิ่มหนำสำราญ น้ำแกงไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว
หลังมื้ออาหาร เซวียเสี่ยวหรั่นก็นำลูกพลับที่เด็ดกลับมามาปอกเปลือก เนื่องจากเด็ดมาเยอะ เธอจึงต้องให้เหลียนเซวียนช่วยเหลือ เขาใช้มีดไม้เล่มนั้นปอกเปลือก ใบมีคมกริบ ไม่มีสิ่งใดจะเหมาะกับการปอกเปลือกผลไม้มากไปกว่านี้อีกแล้ว
อาเหลยนั่งอยู่ข้างๆ กินลูกพลับสุกที่เซวียเสี่ยวหรั่นปอกให้มัน
"เหลียนเซวียน พรุ่งนี้ข้าจะไปจับปลาที่ริมธาร มีเกลือแล้ว เอาหมักเป็ปลาเค็มหรือปลาตากแห้ง จะได้เปลี่ยนรสชาติสักหน่อย ท่านว่าดีหรือไม่"
เซวียเสี่ยวหรั่นปอกเปลือกพลางถามเขาอย่างระมัดระวัง
ริมธาร? ที่นั่นมีหมูป่าไม่ใช่หรือ มือของเหลียนเซวียนหยุดชะงัก หันมาจ้องนาง เพื่อเปลี่ยนรสชาติ แม้แต่หมูป่าก็ไม่กลัว?
พอถูกจดจ้องด้วยสีหน้าเ็า เซวียเสี่ยวหรั่นก็จ๋อยสนิท นึกแล้วเชียวว่าเขาต้องไม่ยอมตกลงง่ายๆ
"หมูป่าคงไม่ได้ไปที่นั่นบ่อยๆ หรอก อีกอย่างครั้งก่อนมันถูกพริกแสบร้อนเล่นงานไป คงไม่กล้ามาอีกแล้ว"
เซวียเสี่ยวหรั่นคิดอย่างนี้จริงๆ คนเราพลาดไปครั้งหนึ่ง ก็ต้องรู้จักฉลาดขึ้น ถึงหมูป่าค่อนข้างจะโง่เขลา แต่น่าจะรู้จักเข็ดนานหน่อยกระมัง
ถ้าหมูป่ามีสมอง มันคงจะไม่ขึ้นชื่อเื่พุ่งชนทุกอย่างที่ขวางหน้าหรอก บางครั้งความคิดของแม่นางผู้นี้ก็ไร้เดียงสาเกินไป
เหลียนเซวียนรั้งสายตากลับมา คลำหาก้อนหินแล้วค่อยๆ เขียนอักษรสองสามตัว
"อะไรนะ ท่านจะไปด้วย?" เซวียเสี่ยวหรั่นมองอย่างตกตะลึง เขาหมายความว่าให้เธอไปได้ แต่จะตามไปด้วย?
เหลียนเซวียนพยักหน้า
"แต่ที่นั่นค่อนข้างไกลเลยนะ"
ขนาดเธอวิ่งยังใช้เวลายี่สิบกว่านาที ถ้าเดินเวลาก็เพิ่มขึ้นเป็เท่าตัว ด้วยความเร็วของเหลียนเซวียน หนึ่งชั่วโมงยังไม่แน่ว่าจะไปถึงที่นั่นหรือเปล่า เสียแรงเสียเวลาเกินไป
เหลียนเซวียนส่ายหน้า ไม่มีปัญหา ไปถึงได้ก็แล้วกัน
"เอ่อ..." เซวียเสี่ยวหรั่นลังเลใจอยู่บ้าง มีเขาตามไปด้วย ย่อมอุ่นใจมากกว่า
แม้อาการาเ็ของเขาจะดีขึ้นมากแล้ว ่นี้เดินเหินก็มั่นคงกว่าตอนแรกๆ แต่ระยะทางไกลเกินไป เธอกลัวว่าเขาจะลำบาก
เหลียนเซวียนเขียนอักษรต่ออีกสองสามตัว
เซวียเสี่ยวหรั่นมองดูก็ต้องยอมรับว่าเขาพูดถูก
หลังจากนี้ เขาและเธอยังต้องเดินทางร่วมกันอีกยาวไกล
เมื่อตกลงกันเรียบร้อย เช้าวันรุ่งขึ้นหลังกินมื้อเช้าก็ออกเดินทาง
ยามนี้อาเหลยก็วิ่งตามมา ไม่ว่าจะเกลี้ยกล่อมอย่างไรมันก็ไม่ยอมอยู่คนเดียว
พวกเขาเดินหนึ่งก้าว มันก็ตามหนึ่งก้าว
...
[1] ต้นผิวเกลือ หรือต้นมะเหลี่ยมหิน เป็พืชวงศ์เดียวกับมะม่วง เป็ไม้ยืนต้น มีดอกเป็ช่อสีขาว ผลมีลักษณะเป็ลูกกลมแป้นสีขาวอมเขียว เมื่อแก่แล้วถึงจะเปลี่ยนเป็สีน้ำตาล ใบอ่อนกับหน่อรับประทานได้ ผลมีรสเปรี้ยวใช้ปรุงอาหาร เปลือกต้นนำมาขูดใส่อาหารจะให้รสชาติอร่อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้