หลินเฟิงตอนนี้เหมือนจมดิ่งอยู่ในความลึกลับ
จังหวะการก้าวเท้าของเขาราวกับว่าเป็ท่วงทำนองที่แสนพิเศษ ซึ่งท่วงทำนองนี้ก็คือพลัง
เมื่อหลินเฟิงปลดปล่อยจิติญญาแห่งนักรบออกมา เขาก็รับรู้ถึงความสามารถในการเข้าใจที่น่าเกรงขามของตัวเองอีกครั้ง ความคิดนับไม่ถ้วนที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขา ได้รวมตัวกันเป็กลุ่มเป็ก้อน ทำให้ข้อสงสัยมากมายที่หาคำตอบไม่ได้ค่อยๆ กระจ่าง
“จิติญญาแห่ง์ ทำให้ความสามารถในการเข้าใจของข้าแข็งแกร่งขึ้น” หลินเฟิงลอบดีใจขณะที่มือขวาของเขาลดมือไปที่เอว ไม่ใช่ที่หลัง
“หา?” ทุกคนมองตามการเคลื่อนไหวของหลินเฟิงเป็ตาเดียว สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่เอวของหลินเฟิง
“นั่นมัน... ดาบ!” รูม่านตาของพวกเขาหดลงด้วยความใ พวกเขามัวแต่สนใจดาบที่อยู่ด้านหลังของหลินเฟิง จนไม่ทันสังเกตว่าที่เอวของหลินเฟิงมีดาบอ่อนที่คล้ายเข็มขัดคาดที่เอวอยู่
ระยะห่างระหว่างหลินเฟิงกับชิวหยวนฮ่าวใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ตอนนี้เจตจำนงแห่งดาบอันทรงพลังได้กลืนกินร่างของหลินเฟิงไปอย่างช้าๆ จนดูเหมือนกับว่าร่างของหลินเฟิงได้กลายเป็ดาบ
“จิติญญา?” เมื่อเห็นฉากนี้ทุกคนก็ยิ่งรู้สึกสับสนขึ้นมา หรือว่าเขาจะจิติญญาแห่งดาบ? ไม่อย่างนั้นจะมีเจตจำนงแห่งดาบที่ทรงพลังขนาดนี้ครอบคลุมร่างได้อย่างไร
ทุกคนเพิ่งตระหนักได้ว่าั้แ่เริ่มการประลองจนถึงตอนนี้ หลินเฟิงยังไม่เคยปลดปล่อยจิติญญาของตัวเองออกมาเลย... นี่เขาแข็งแกร่งขนาดไหนกันเนี่ย!
ทุกก้าวที่หลินเฟิงเดิน เจตจำนงแห่งดาบก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หลินเฟิงรู้สึกเบิกบานใจขึ้นมา
“ทุกสรรพสิ่งล้วนมีพลัง ดาบก็ย่อมมีพลัง ในเมื่อดาบมีพลังแล้วทำไมต้องใช้คลื่นดาบช่วยด้วยเล่า”
การใช้ดาบของหลินเฟิงก่อนหน้านี้จำเป็ต้องปลดปล่อยคลื่นดาบออกมาก่อน แต่ตอนนี้หลินเฟิงใช้ร่างกายของตัวเองเป็สื่อกลาง ขยับดาบตามใจ เคลื่อนไหวพลังตามใจชอบ ตราบเท่าที่ความคิดยังโลดแล่น ดาบและพลังก็สามารถปลดปล่อยออกมาจากร่างได้
ร่างของเขาก็เหมือนดาบเล่มหนึ่ง และเป็ดาบที่แหลมคมไร้เทียมทาน
ยิ่งในใจของหลินเฟิงผ่อนคลายเท่าไร เจตจำนงแห่งดาบก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามชิวหยวนฮ่าวยังคงขมวดคิ้วแน่น รู้สึกตึงเครียดไปทั่วร่างเนื่องจากถูกเจตจำนงแห่งดาบกดดัน ทำให้ร่างกายของเขาตึงเครียดและขนลุก ชิวหยวนฮ่าวรับรู้ถึงพลังที่แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไปไม่ได้จากร่างของหลินเฟิง
หลินเฟิงสามารถทำลายจิติญญากายาทองคำของเขาได้แน่ๆ
“จะปล่อยให้เป็แบบนี้ต่อไปไม่ได้” ชิวหยวนฮ่าวพึมพำกับตัวเองในใจ ความเชื่อมั่นของเขาถูกกัดกร่อนด้วยเจตจำนงแห่งดาบที่ทรงพลังนี้ อีกทั้งเจตจำนงแห่งดาบของหลินเฟิงดูจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ถ้ารอจนหลินเฟิงเดินเข้ามาใกล้เขามากไปกว่านี้ เกรงว่ามันคงเป็เื่ยากที่จะพลิกสถานการณ์ขึ้นมาอีกครั้ง
ชิวหยวนฮ่าวคิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะมาถูกคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าในเมืองเล็กๆอย่างหยางโจวทำให้จนตรอกแบบนี้
คนที่น้องสาวของเขาเชิญมา คนที่เขาเรียกมันว่าสุนัข กลับเป็คนที่เหนือกว่าเขา!
แสงสีทองแพร่กระจายไปทั่วร่างของเขา ชิวหยวนฮ่าวปลดปล่อยลมปราณที่ทรงพลังออกมา ส่งผลให้กลิ่นอายรอบตัวเขาเต็มไปด้วยพลังที่แข็งแกร่ง
“กายาทองคำไร้พ่าย”
ในที่สุดชิวหยวนฮ่าวก็เป็ฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน เสียงะโผสานเสียงะเิดังกึกก้องไปทั่วเวทีประลอง การโจมตีในครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งก่อนหลายเท่า
“ดาบ”
หลินเฟิงพูดสั้นๆ ออกมาคำหนึ่ง ทันใดนั้นเจตจำนงแห่งดาบอันทรงพลังก็ทะลักออกมาจากร่างเขา ทำให้อากาศรอบๆ ตัวพลันฉีกขาด และพุ่งทะยานไปที่ร่างของชิวหยวนฮ่าว
เพียงแค่การโจมตีเดียวก็ทำให้กายาทองคำของชิวหยวนฮ่าวสั่นไหว เสียงปริแตกดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับพร้อมจะฉีกขาดได้ทุกเมื่อ ความแข็งแกร่งของเจตจำนงแห่งดาบที่ปลดปล่อยออกมาได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า
“แกร๊ก!”
กายาทองคำของชิวหยวนฮ่าวพลันแตกหัก ส่วนจิติญญาของเขาก็แตกสลาย ชิวหยวนฮ่าวกระเด็นออกไปจากเวทีประลองอย่างรวดเร็ว พร้อมเืที่กระอักออกมาเป็สาย
ไร้เทียมทาน ไม่ว่าจะเป็ใครหรือรอบไหน เพียงแค่กระบวนท่าเดียวก็ไม่สามารถต้านทานคลื่นดาบของตั๋วมิ่งได้
วินาทีนั้นฝูงชนพากันตกตะลึงจนอ้าปากค้าง พวกเขาจ้องมองไปที่หลินเฟิงเป็ตาเดียว
แข็งแกร่ง นี่คือความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง!!!
มันไม่สำคัญว่าเ้าจะเป็ใครหรือเป็อัจฉริยะมาจากที่ไหน เพราะสุดท้ายแล้วก็ต้องยอมสยบภายใต้คมดาบของข้า
“สุดยอด... แข็งแกร่งอะไรอย่างนี้!!! ถ้าตั๋วมิ่งบอกว่าเป็ที่ 2 ก็ไม่มีใครกล้าพูดว่าตัวเองเป็ที่ 1 ไม่มีใครต้านทานเขาได้ ต้องเป็ตั๋วมิ่งสิถึงจะคู่ควรเรียกว่าอัจฉริยะ”
ทุกคนแอบคิดในใจอย่างเงียบๆ ภาพลักษณ์ของหลินเฟิงที่อยู่ในใจของพวกเขา คืออัจฉริยะผู้แข็งแกร่งและบ้าระห่ำอย่างไม่มีใครเทียบ
“น่าหลันเฟิงหยิ่งยโสโอหังไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา นางคิดว่าตัวเองเป็ใครกัน? ถึงจะไปแนะนำการบ่มเพาะให้กับตั๋วมิ่ง? นางเทียบไม่ได้แม้แต่ขี้เล็บของตั๋วมิ่งด้วยซ้ำ แล้วไหนจะชิวหยวนฮ่าวอีก เขาทำตัวหยิ่งผยองเรียกตั๋วมิ่งว่าสุนัขทุกคำ แต่มาตอนนี้ แค่กระบวนท่าเดียวก็ไม่มีปัญญาต้านทานได้เลย คนที่ควรถูกเรียกว่าสุนัข น่าจะเป็เ้าเองมากกว่าไหม?! ถ้าจะบอกว่าเมืองหยางโจวเป็เพียงสถานที่เล็กๆ ใช่ เ้าพูดถูก แต่ถึงอย่างนั้นเ้าก็ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะมาทำตัวอวดดีในเมืองหยางโจว!!!”
“มีเพียงแค่ตั๋วมิ่งที่เป็ที่รักของพระเ้า เขาคือรุ่นเยาว์อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองหยางโจว”
หลินเฟิงไม่มีทางรู้ว่าในใจของทุกคนกำลังคิดอะไรอยู่ หลินเฟิงมองชิวหยวนฮ่าวที่ร่วงจากเวทีประลองไปด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึก นี่เป็ราคาที่เขาต้องจ่ายสำหรับการที่เขากล้าดูถูกเหยียดหยามคนอื่นอย่างไร้เหตุผล
หลินเฟิงไม่สนใจชิวหยวนฮ่าวอีกต่อไป ดวงตาที่ลึกล้ำของเขาจ้องมองไปที่หลินเชียน วันนี้เขาจะใช้หลินเชียนลบล้างความอัปยศของตัวเอง
“เหลือแค่เราสองคนแล้วนะ ขึ้นมาสิ” น้ำเสียงราบเรียบของหลินเฟิงทำให้หลินเชียนตัวสั่นด้วยความกลัว ตอนนี้นางไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
ความแข็งแกร่งของนางกับน่าหลันเฟิงนั้นใกล้เคียงกัน แต่ถึงอย่างนั้นน่าหลันเฟิงก็ถูกชิวหยวนฮ่าวจัดการได้อย่างง่ายดาย
แต่สุดท้ายชิวหยวนฮ่าวผู้แข็งแกร่งก็ไม่สามารถต้านทานดาบของตั๋วมิ่งได้ ขนาดชิวหยวนฮ่าวยังพ่ายแพ้ แล้วตัวนางจะมีโอกาสชนะหรือ?
“เขาเป็ใครกัน? ทำไมถึงแข็งแกร่งขนาดนี้???” หลินเชียนคิดในใจอย่างเงียบๆ ความมั่นใจของนางถูกบดขยี้จนไม่มีชิ้นดี
ก่อนหน้านี้นางคิดว่าด้วยระดับการบ่มเพาะขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 1 จะไม่มีใครเป็คู่ต่อสู้ของนางได้ มีเพียงแค่น่าหลันเฟิงกับนางที่เป็รุ่นเยาว์ซึ่งโดดเด่นที่สุดในเมืองหยางโจว
แต่หลังจากที่ชิวหยวนฮ่าวปรากฏตัวออกมา หลินเชียนจึงเข้าใจว่าเหนือฟ้าย่อมมีฟ้า ยังมีรุ่นเยาว์อีกมากมายที่แข็งแกร่งกว่านางมาก
แต่ในตอนที่นางคิดว่าชิวหยวนฮ่าวเป็ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ตั๋วมิ่งกลับแสดงอิทธิฤทธิ์ออกมา ทำให้นางรู้สึกว่าตัวเองนั้นต่ำต้อยมาก
“ข้าคิดว่ามันไม่จำเป็หรอก” หลินเชียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เ็า ถึงแม้ว่าความมั่นใจของนางจะถูกทำลาย แต่นางก็ไม่้าเผยให้ใครเห็น นางไม่อยากพูดคำว่ายอมแพ้ต่อหน้าสาธารณชน
ดวงตาของหลินเฟิงฉายแววยิ้มเยาะออกมา ขนาดมาถึงขั้นนี้แล้ว นางก็ยังไม่ยอมลดความยโสของตัวเองลงอีก
เคลื่อนไหวดั่งเงา ทันใดนั้นร่างของหลินเฟิงก็หายไปจากที่เดิม
“หลินเชียน ถอยออกมา” บนเวทีประลองเหลือเพียงแค่ 2 คน หลินป้าต้าวกลัวว่าตั๋วมิ่งจะทำร้ายหลินเชียนจึงะโเตือนขึ้นมา เมื่อเห็นหลินเฟิงเคลื่อนไหว ขณะเดียวกันเขาก็ทะยานร่างลงไปที่เวทีประลองหลักอย่างรวดเร็ว
หลินเชียนที่เฝ้าระวังอยู่ก็รีบดีดร่างถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว และปลดปล่อยจิติญญาเพลิงน้ำแข็งออกมา จากนั้นก็ควบคุมน้ำแข็งกับเปลวเพลิงให้จู่โจมไปที่ตั๋วมิ่ง
หลินเฟิงตวัดดาบฟันน้ำแข็งกับเปลวเพลิงที่พุ่งเข้ามาอย่างเนิบนาบ พริบตาเดียวน้ำแข็งก็ปริแตก ส่วนเปลวเพลิงก็แตกกระจายออกไป หลินเฟิงพุ่งมาที่ด้านหน้าของหลินเชียน แล้วฟันนางทันที
“ไสหัวไป!!!” หลินป้าต้าวที่พุ่งเข้ามาตวาดอย่างโมโห ในมือของเขาเต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ จากนั้นก็เขวี้ยงลูกไฟในมือไปชนกับคลื่นดาบนั่น
“ตูม” ลูกไฟนั่นแข็งแกร่งมาก ถึงแม้ว่าไม่อาจทำลายคลื่นดาบของหลินเฟิงได้ แต่ก็ทำให้พลังของคลื่นดาบอ่อนลง แต่ถึงอย่างนั้นแรงปะทะกันระหว่างคลื่นดาบกับลูกไฟ ได้พัดร่างของหลินเชียนให้กระเด็นออกไป นอกจากนี้หลินเชียนยังได้รับาเ็จากคลื่นดาบบางส่วน
“นี่มันหมายความว่ายังไง? เ้าไม่เห็นกฎของงานชุมนุมอยู่ในสายตาเลยเหรอ ถึงได้กล้าเข้ามาแทรกแซง” ดวงตาของหลินเฟิงฉายแววเยาะเย้ย ขณะที่พูดถากถางไปว่า “รู้ว่าสู้ไม่ได้ แต่ไม่อยากขายขี้หน้าคนอื่นเขา เลยยืมมือบิดาให้ช่วย หน้าด้านดีแท้!!!”
น่าหลันซยงมีสีหน้าอึมครึมอย่างเห็นได้ชัด งานชุมนุมในครั้งนี้ไม่เป็ไปตามที่เขาคิดไว้ ในเมื่อเื่มันมาถึงขนาดนี้แล้ว จะรักษากฎไปก็ไร้ความหมาย ตั๋วมิ่งกล้าลงมือทำร้ายน่าหลันเฟิงบุตรสาวของเขา แล้วจะให้เขาออกหน้าช่วยมันเนี่ยนะ?!
“เ้าใจกล้าเกินไปแล้ว!!! นี่เ้าคิดว่าตัวเองเป็ใครกัน??? ถึงได้กล้าโอหังขนาดนี้”
เมื่อหลินป้าต้าวเห็นน่าหลันซยงนิ่งเฉยก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายสนับสนุนเขา ดังนั้นจึงกล้าปัดหน้ากากสีเงินบนหน้าของตั๋วมิ่งออก
หลินเฟิงก็ไม่คิดหลบหนี เขายืนนิ่งๆ ปล่อยให้หน้ากากบนใบหน้าร่วงตกพื้น ใบหน้าที่แท้จริงของเขาก็ปรากฏขึ้นมา
“เป็เ้า”
“เ้า...”
หลินป้าต้าวกับหลินเชียนะโออกมาพร้อมกัน เมื่อเห็นใบหน้าที่แท้จริงของตั๋วมิ่ง ร่างของพวกเขาพลันแข็งทื่อ ความรู้สึกหนาวเย็นแล่นไปทั่วร่าง
ในขณะเดียวกันทุกคนในตระกูลหลินที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ ต่างก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง พวกเขาล้วนคาดไม่ถึงว่าชายหนุ่มปริศนาที่แข็งแกร่งและบ้าระห่ำคนนั้น จะเป็คนของตระกูลหลิน... และยังเป็คนที่ถูกพวกเขาไล่ออกจากตระกูลอีกด้วย!!!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้