หนุ่มน้อยจอมเขินอายเอ่ยพลางหน้าแดงแปร๊ด มือไม้อยู่ไม่นิ่ง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อก็วิ่งรี่ไปอย่างปลาบปลื้ม
เ้าหมาหัวโตที่เพิ่งฟาดไปอีกหนึ่งชามใหญ่โงหัวขึ้นมามองร่างที่วิ่งไปไกลลิบนั่น แล้วก็มองเ่ิู รู้สึกว่าบรรยากาศมันชักแปลกๆ
เ่ิูส่ายหน้ายิ้มแห้ง ตีเ้าหมาที่ทำหน้าตาพิกลไปฉาดหนึ่ง แล้วก็ไม่เอ่ยอะไรต่อ
ในใจคิดถึงเื่ที่อาจารย์หลักข่งเรียกเขาไปพบ เ่ิูรู้สึกดีต่ออาจารย์ที่ชี้แนะแนวทางให้เขาตอนสอบเข้าสำนักกวางขาวผู้นี้ยิ่งนัก แม้จะเข้าสำนักมาแล้ว และมิได้พบอาจารย์ท่านนี้มากนัก แต่ก็เอ่ยได้อยู่ดีว่า ในสำนักกวางขาวนี้ ข่งคงคืออาจารย์ที่เ่ิูเคารพคนหนึ่ง
หากต้องลาจากที่นี่ไปแน่แล้ว ก็ควรจะไปลาอาจารย์ที่มอบความหวังสูงส่งให้แก่เขาท่านนี้เสียบ้าง
ยามบ่าย
เ่ิูเข้าหอสมุดคลังแสงของปีสี่ ค้นหาทุกปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาพบจากการฝึกฝนวรยุทธ์หลายวันมานี้จนหมดเกลี้ยง
ความจริงแล้วหากหยุดลงที่ตรงนี้ หนังสือเคล็ดลับและหนังสือล้ำค่าทั้งหลายในหอสมุดทั้งสี่แห่งนั้น เ่ิูได้อ่านจนครบหมดทุกเล่มๆ ละรอบแล้ว เขาซึ่งมีพลังจดจำไม่รู้ลืม ได้จารึกเนื้อหาทุกอย่างที่มีลงในสมองส่วนลึกเรียบร้อยแล้ว
ส่วนคลังแสงหนังสือล้ำค่าอื่นๆ ล้วนเป็เขตหวงห้ามอย่างเข้มงวด มีเพียงอาจารย์ของสำนักเท่านั้นจึงจะเข้าไปได้ กระบวนยุทธ์ปราณขั้นสูง เหล่าศิษย์อยากเข้าไปนั้นแทบไม่ได้ ว่ากันว่ามีแต่จะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อสำนักหรือไม่ก็เป็ศิษย์สามอันดับแรกในการประลองใหญ่เท่านั้นจึงจักมีโอกาสได้ยืมตำรามาอ่าน
เื่นี้สำหรับเ่ิู มันไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว
เมื่อเขาเดินออกมาจากหอสมุดคลังแสง วันเวลาก็เข้าสู่่ยามเย็น
เขายืนมองสวนของสำนักจนถ้วนทั่วบนขั้นบันไดคลังแสง
สำนักกวางขาวทิวทัศน์งามล้ำนัก แต่เ่ิูก็รู้ดีว่า ตัวเขาไร้หนทางจะจมปลักกับทัศนียภาพงามตาเช่นคราวที่เข้ามาครั้งแรก
“ควรไปลาท่านอาจารย์ข่งคงได้แล้ว”
บัดนี้ เ่ิูตัดสินใจจะลาจากจากที่นี่เรียบร้อย
ก่อนหน้าอาทิตย์จะตกดิน เ่ิูรุดมาถึงห้องทำงานของอาจารย์หลักข่งคง
ตอนที่เคาะประตูและเดินเข้าไปนั้นเอง อาทิตย์อัสดงสีทองสะท้อนกับกระจกหน้าต่างในมุมลึกของห้อง หลังโต๊ะไม้ตัวใหญ่ มีร่างสูงยืนอยู่หน้าบานหน้าต่างอย่างเงียบเชียบ เขาหันหลังให้ประตูห้อง เท้าแขนกับขอบหน้าต่าง ราวกับกำลังจมอยู่ในห้วงคิด
ห้องทั้งห้องเปี่ยมเต็มด้วยความเงียบ
“มาแล้วหรือ?” น้ำเสียงของอาจารย์ข่งคงอ่อนล้าเล็กน้อย
เ่ิูสะดุ้ง จากนั้นก็น้อมกายเคารพ เขาเอ่ยยามมายืนอยู่หน้าโต๊ะสีแดง “ท่านเรียกหาข้าหรือ?”
อาจารย์หลักข่งคงยังยืนอยู่โดยไม่หันกลับมามอง ความเงียบเข้าครอบคลุมครู่หนึ่ง ก่อนเขาจะเอื้อนเอ่ย “ได้ยินมาว่าคนของสำนักหงส์ฟ้าไปหาเ้าที่คฤหาสน์หรือ?”
เ่ิูพยักหน้า
ข่งคงยังคงไม่หันกลับมา
“หนุ่มน้อย อย่าเข้าใจผิดล่ะ ข้าไม่สอดแนมเ้า แต่สอดแนมคนของสำนักหงส์ฟ้า ถึงได้รู้เื่นี้ได้ คนหงส์ฟ้ามาที่นี่ครานี้ไม่ค่อยทำตามกฎเกณฑ์นัก” ข่งคงเผชิญหน้ากับแสงสุรีย์ดั่งทองภายนอก เขาทอดถอนใจ “เช่นนั้น พวกเขามาเชิญเ้าไปสำนักหงส์ฟ้า อย่างนั้นใช่ไหม?”
เ่ิูพยักหน้าอีกครั้ง “เป็เช่นนั้นขอรับ”
“ข้ามีความหวังในตัวเ้ามาตลอด นับแต่ครั้งแรกที่ข้าได้เห็นเ้า ก็เห็นศักยภาพอันน่ากลัวที่แฝงฝังอยู่ในกายเ้า ความจริงได้ประจักษ์แล้ว ระดับการพัฒนาของเ้าในยามต่อมาไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลย เสียดายจริง...เสียดายจริง” น้ำเสียงของข่งคงเต็มเปี่ยมด้วยความสูญเสีย เขาว่าต่อ “เสียดายที่สำนักกวางขาวทุกวันนี้มิใช่สำนักกวางขาวเช่นที่เคยเป็อีกแล้ว เ้าอยากไปข้าก็ไม่ว่า บ่อน้ำตื้นให้กำเนิดัอสรพิษมิได้ เ้าไปก็ถือว่าดีแล้ว...เฮ้อ!”
เ่ิูไม่รู้ว่าควรพูดอะไรถึงจะดี
น้ำเสียงของข่งคงมีความลุ่มลึกและอ่อนล้าที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แตกต่างจากอาจารย์หลักผู้ทรงไหวพริบปฏิภาณ อารมณ์แรงกล้าเช่นทุกวันคนละขั้ว
“สำนักหงส์ฟ้าเป็อันดับสองสามคู่คี่อยู่ พวกเขาพึงใจกับตำแหน่งที่สองเสียมาก แม้จะบ้าบิ่นไปบ้างแต่สำหรับเ้าแล้ว นั่นแหละทางเลือกที่ดี” ข่งคงยืนเรียบเชียบ กายเนื้อมีความสุขุมที่บรรยายไม่ถูก เขาเอ่ยต่อ “แต่เ้าต้องระวังเ้าสำนักเฉินคนนั้นไว้ อ่านใจใช่ยากเย็น เพียงแค่เข้ามาในรั้วเมืองลู่ิก็ปั่นป่วนไปทั่วทั้งหุบเขาตัดกวางจนอลหม่านกันหมด เขาหวังในตัวเ้า ข้าเกรงว่าเื่มันจะไม่ได้ง่ายดายแค่นั้น”
เ่ิูยิ้มบาง
เขารู้ความหมายของข่งคงดี
ผ่านการประลองใหญ่ในสมรภูมิหุบเขาปัดป้องมาแล้ว เื่ที่เขาของวิเศษแพร่สะพัดออกไปเป็น้ำท่วมทุ่ง ตอนนี้คนมากมายล้วนหมายตาเป็มัน กลัวว่าจะลอบทำร้ายเขากระมัง
“ข้าไม่ไปสำนักหงส์ฟ้าหรอก” เ่ิูกล่าวหนักแน่น “ถึงข้าจะจากสำนักกวางขาวไป ข้าก็ไม่ไปหงส์ฟ้า”
“โอ๊ะ? ทำไมเล่า?” ข่งคงได้ยินแล้วก็หันกลับมาที่สุด ใบหน้าทรงศักดิ์ดุจหยกประดับแววใ เขาเอ่ยพลางยิ้ม “หรือที่ๆ เ้าสนใจจริงๆ จะเป็สำนักหงส์เทวะ? ถ้างั้นก็ยากหน่อยนะ”
เ่ิูส่ายหน้า “มิใช่สำนักหงส์เทวะ ที่ข้าไม่อยากไปหงส์ฟ้าก็เพราะไม่ค่อยชอบเื่ที่พวกเขาทำในสำนักกวางขาวตอนนั้น เป็อาจารย์วันเดียวคือบิดาตลอดชีวิต แม้ข้าจะจากที่นี่ไป ข้าก็จะให้คำมั่นกับตัวเองเสมอ ว่าข้ามาจากสำนักกวางขาว”
ข่งคงยินคำแล้วก็หัวเราะร่า
“ดี พูดได้ดี หนุ่มน้อย ข้านับวันยิ่งจะชื่นชมเ้าจริงๆ นะ...เช่นนั้นเ้าอยากไปที่ไหนกันเล่า?”
เ่ิูฟังคำแล้วก็ส่ายหน้า “ข้าเองก็ยังไม่ได้คิดเลย”
ข่งคงมองเด็กหนุ่มที่ตนเป็คนอนุญาตให้เข้าสำนักกวางขาวด้วยตัวเอง ฉับพลันก็อารมณ์ดีขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็ “ในฐานะเ้าสำนักคนใหม่ของสำนักกวางขาว ข้าได้ยินคำของเ้าแล้ว ชื่นชมยิ่งนัก หนุ่มน้อย เ้าเป็ศิษย์ที่แตกต่างจากคนอื่นที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา ข้านึกประโยคหนึ่งออก วันนี้เ้ามีเกียรติยศเพราะสำนักกวางขาว บางทีอาจมีสักวันหนึ่ง ที่สำนักกวางขาวจะมีเกียรติยศเพราะเ้า”
แม้แต่คนที่หน้าหนาและรักเกียรติตัวเองยิ่งชีพอย่างเ่ิูยังรู้สึกเกรงใจจนต้องหัวเราะ “ข้าก็ไม่ได้ดีเด่อะไรหรอกขอรับ...เอ้อ ใช่แล้ว ท่านเพิ่งพูดว่า ท่านเป็เ้าสำนักคนปัจจุบันของสำนักกวางขาว หรือว่า?” เอ่ยถึงตรงนี้เ่ิูก็อ้าปากค้างอย่างอดไม่ได้
“อืม เ้าพูดถูกแล้ว สำนักเกิดการเปลี่ยนแปลง มีคำสั่งจากราชสำนักลงมาว่าสามวันถัดจากนี้ ข้าจะกลายเป็เ้าสำนักคนที่สี่ของสำนัก” ข่งคงพยักหน้ารับ “เ้าสำนักท่านก่อนไปจากที่นี่แล้ว ส่วนเื่หัวหน้าหมวดหวังเยี่ยน...ไม่พูดก็น่าจะรู้กระมัง”
เ่ิูตื่นตระหนกสุดชีวิต
ข่งคงเอ่ยต่อ “เอาล่ะ เลิกพูดเื่วุ่นวายสารพันพวกนี้เถอะ ข้าจะบอกเ้าว่ามีจดหมายฉบับหนึ่งส่งถึงเ้า ที่จริงมันมาถึงมือข้าั้แ่ครึ่งเดือนก่อนแล้ว แต่ข้าลังเลว่าควรมอบให้เ้าดีหรือไม่ แต่ตอนนี้ดูๆ แล้ว คงเป็ทางเลือกที่ไม่เลวทีเดียว”
เอ่ยพลางไอสีเหลืองก็เปล่งประกายขึ้นมา
เ่ิูคว้าแสงสีนั้นในอากาศ
เป็ซองจดหมายแบบแผนการทหารสีเหลืองอ่อน
ตำแหน่งชื่อผู้รับเขียนนามของเ่ิูไว้อยู่
“จดหมายจากแนวหน้าหรือ? แปลกจริง ข้าไปมีเพื่อนอยู่ในกองทัพั้แ่เมื่อไรกัน?” เ่ิูมึนงง แต่พอนึกอีกทีก็นึกชื่อหนึ่งขึ้นมาได้ ฉับพลันยินดีนัก ในใจตื่นเต้นอย่างอดไม่อยู่
เวินหว่าน!
ต้องเป็เวินหว่านแน่ๆ
เวินหว่านไปด่านโยวเยี่ยนคราวก่อน ตอนนี้กลายเป็แม่ทัพไปแล้ว
จดหมายฉบับนี้ต้องเป็ชายชาตรีหลงตัวเองนั่นเขียนมาแน่ๆ
เ่ิูเปิดจดหมายอ่านอย่างอดรนทนไม่ได้ เขาอ่านมันกลางแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่อง
ผ่านไปสิบอึดใจ เ่ิูอ่านจดหมายจบ สีหน้าพลันแปลกประหลาดขึ้นมา
“เ้าเวินเล่นแง่ชวนข้าไปเป็ทหารที่ด่านชายแดนเรอะ?”
ถึงแม้เ้านั่นจะพล่ามสารพัดในจดหมาย แต่ใจความสำคัญก็มีอยู่อย่างเดียว คือให้เ่ิูทิ้งการเรียนในสำนักกวางขาวไปเสีย เดินทางสู่ด่านโยวเยี่ยน ช่วยปกปักดินแดนกับเขา จดหมายน่าฉงนเป็ที่สุด คิดเอาเองว่าเ่ิูจะได้โอกาสพัฒนาฝีมือที่ด่านมากกว่าที่สำนักกวางขาว
“ว่าอย่างไร? อ่านจบแล้วหรือยัง?” ข่งคงถามอารมณ์ดี “หนุ่มน้อย เ้าคิดเช่นไร?”
เ่ิูคิดพลางพยักหน้ารับ “ข้าอยากไป”
“อยากไปจริงหรือ?”
“ข้าอยากไปจริงๆ”
“เ้าต้องคิดให้ดีนะ เมื่อเ้าไปด่านโยวเยี่ยนแล้ว หากมีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้นมา สิบปีแปดปีก็กลับมาไม่ได้” สีหน้าเขาเคร่งขรึมขึ้นมา
เ่ิูกลับรู้สึกว่าใจสงบนิ่งแน่วแน่เช่นที่ไม่เคยเป็มาก่อนเมื่อตอบ “ข้าคิดดีแล้ว”
จดหมายฉบับนี้ของเวินหว่านทำให้เ่ิูตาสว่าง
เขาเชื่อว่านี่คือทางเลือกที่ดี
เมื่อเห็นแววตาแน่วแน่ของเ่ิูแล้ว ข่งคงก็รับรู้ว่าเด็กคนนี้ตัดสินใจได้ดีในเวลาอันรวดเร็วเรียบร้อย
ข่งคงหัวเราะร่า “ก่อนหน้านี้ครึ่งเดือน ตอนที่ข้าได้จดหมายนี่มาก็ทายได้แล้วว่าเ้านั่นอยากทำอะไร ตอนนั้นข้าคิดว่าด่านโยวเยี่ยนมิใช่ทางเลือกที่เหมาะกับเ้า ถึงได้เก็บมันมาตลอด แต่ตอนนี้พอคิดดูแล้ว วิธีของเวินหว่านน่าจะถูกต้องที่สุดแล้ว เพราะหทัยวรยุทธ์ของเ้า ต้องเผชิญกับการเข่นฆ่ามากมายในชีวิตนี้ นี่คือทางเลือกที่เหมาะกับเ้า”
เ่ิูรู้สึกได้ถึงความห่วงใยล้นพ้นในน้ำคำของข่งคง เขาตื้นตันนัก ก้มกายลงขอบคุณ
ข่งคงยิ้ม “อย่าขอบคุณข้าเลย ในเมื่อเ้าจะเข้าสู่แวดวงทหารก็จงไป ่นี้าที่โยวเยี่ยนรัดตัวมาก ราชสำนักให้จัดการเกณฑ์ทหารครั้งแรกสิบวันถัดจากนี้ ข้าหวังให้เ้าเตรียมตัวให้ดี กลับไปเตรียมพร้อมเสีย สิบวันจากนี้ออกเดินทาง”
เ่ิูขอบคุณอีกครั้งแล้วจึงเดินออกจากห้อง
เขายืนมองไปไกลแสนไกลหน้าประตู อาทิตย์ยามสายัณห์กำลังร่วงโรยสู่ความมืด บนพื้นดินเหลือเพียงแสงสีแดงอ่อนจาง เวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านของทิวาและราตรีกำลังเริ่มขึ้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้