ณ เวลาตี 3 แม้จะเป็่เวลาที่เวกัสเข้าสู่ยามหลับใหล แต่รถจี๊ปคันดำก็ยังคงแล่นกลับจาก Red Rock Canyon มาถึงสำนักงานใหญ่ของม่านไม้ไผ่ ปกติที่นี่ครึกครื้นมาก แม้จะเป็่ 3 นาฬิกาของวันธรรมดาก็ตาม เนื่องจาก ลูกหนี้ผู้ค้างชำระจะร้องระงมอยู่ที่ชั้น 2 เพราะถูกทรมานตลอดคืน
แต่หลังจากที่ัดำถูกขับไล่ กลายเป็ว่าทำให้ทุกคนในอาคารกระจัดกระจายกันออกไป ครึ่งหนึ่งถูกส่งกลับไปที่ไต้หวัน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งก็สลายตัวกันไปตามรัฐต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา เพื่อไปจัดการกับธุรกิจในพื้นที่ไกลปืนเที่ยง มันเป็การ “กระจายอำนาจ” รูปแบบหนึ่ง
อาคารใหญ่ ณ ตอนนี้มีนักเลงประจำการเฝ้าประตูอยู่แค่เพียง 2 คนเท่านั้น คนหนึ่งนอนในห้องรักษาความปลอดภัย ส่วนอีกคนก็นอนหลับเฝ้าอยู่ที่ประตูทางเข้า
ปัง! ปัง! ปัง! ประตูเหล็กถูกเคาะอย่างแรง ทำเอาพวกที่หลับอยู่หนวกหูตื่นขึ้นมา
“เวร! จะไม่ให้คนหลับนอนเลยหรือไง!” นักเลงยกปืนและลุกขึ้นอย่างหัวเสีย เขาเพิ่งจะหลับไปได้ไม่ถึง 2 ชั่วโมง เพราะเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งจะมีคู่รักนัวเนียพากันมา ป๊าบ ป๊าบ ป๊าบที่หน้าประตู! เสียงกระแทกประตูเหล็กดัง ปัง ปัง ปัง มันหนวกหูจนนักเลงตื่นขึ้นมาแล้วรอบหนึ่ง ตอนนี้ก็เลยยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
เขาเปิดช่องหน้าต่างบานเล็กบนประตู ในขณะที่คิดจะด่าใครสักคน ก็มีฝ่ามือยื่นออกมาจากประตู คว้าลำคอของเขาไว้ และลากไปทางประตูเหล็ก ปัง! เขาถูกโขกจนหมดสติไป
ในขณะที่เสิ่นิเปิดประตูใหญ่อยู่นั้น อันฉีกลับยืนอยู่ที่ห้องรักษาความปลอดภัยแล้ว “นายช้าลงนะ”
“เธอเร็วขึ้นต่างหาก” เสิ่นิพูดพลางใช้หลังมือปิดประตู
“ตอนนี้ไม่มีใคร คืนอันแสนยาวนาน เรามาหาความสุขกันสักหน่อยเถอะ!” อันฉีฟื้นฟูตัวตนของแม่มด เธอหว่านเสน่ห์นวยนาดเข้าไปในวงแขนของเสิ่นิ
“ขอโทษ น้องชายผมหลับไปแล้ว วันหลังเถอะ” ปากของเสิ่นิบอกวันหลัง แต่วันนั้นก็ไม่เคยมาถึง
“เชอะ อุตส่าห์มีสาวขาเรียวยาวอยู่เคียงข้าง จากกันไปตั้งนาน เรามากระชับความสัมพันธ์ฉันผัวเมียกันสักหน่อยไม่ได้หรือ?” อันฉีพูดไปเรื่อย
“ที่รัก เราเคยสัมพันธ์ฉันผัวเมียกันด้วยเหรอ?” เสิ่นิกล่าวในขณะที่ขึ้นไปบนลิฟต์พร้อมกับอันฉี
กลับมาที่ชั้น 6 อีกครั้ง สนามรบที่นี่ยังไม่ได้รับการปัดกวาดเช็ดถู ตามรอยแตกของพื้นเห็นเป็คราบเืที่แข็งตัว เฟอร์นิเจอร์ที่หักพังยังไม่ได้รับการประกอบขึ้นใหม่
เสิ่นิเดินมาถึงโซนภาพวาด เขาหาภาพเสมือนตนออกมาจากกองภาพวาดมากมาย
สีน้ำมันที่แห้งตัวภายใต้แสงไฟทำให้เกิดแสงแวววาว ลายเส้นของมัดกล้าม แผลเป็บนเรือนร่าง เธอลงรายละเอียดไว้อย่างงดงาม โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นของเสิ่นิ อันฉีเห็นแล้วก็อดประหลาดใจไม่ได้ “ตาโปนๆ ของนาย เธอวาดได้สมจริงมาก! ฉันอยู่กับเธอมาครึ่งปี ไม่เคยเห็นเธอวาดรูปคนมาก่อน เธอตกหลุมรักนายเข้าแล้วล่ะมั้ง?”
“รักไม่รักไม่รู้ แต่ไม่เคยตกหลุมผมแน่นอน” เสิ่นิตรวจสอบภาพวาดกับแสง เช็กว่ามีรหัสผ่านอะไรซ่อนอยู่หรือไม่
เมื่อเห็น “1314” ที่มุมภาพ เขาก็แทบจะหัวเราะให้กับความโง่เขลาของตัวเอง เห็นๆ อยู่ว่าคนเขาเขียนรหัสผ่านไว้โต้งๆ แต่เขากลับไม่ได้ให้ความสนใจเลย ในความทรงจำของเสิ่นิ เขาขัดขวางการวาดภาพสีน้ำมันหมายเลข 989 ั้แ่แรก จู่ๆ ัดำก็ะโไปใช้ตัวเลข “1314” ซึ่งนั้นเห็นๆ กันอยู่ว่ามันไม่ได้เป็ไปตามลำดับระบบการจดจำด้วยตัวเลขของัดำ
“รหัสคือ 1314 น่าจะเป็ธนาคาร...” เสิ่นิกล่าวยังไม่ทันจบ
“ไม่สมเหตุผล ตอนนี้ผู้คนของทั้ง 7 แก๊งใหญ่จับตาดูธนาคารเอาไว้หมดแล้ว ฉันมีกล้องวงจรปิด ที่ผ่านมาไม่มีร่องรอยของเงินฝากจำนวนมากหรือเงินที่ผิดปกติเข้าบัญชีธนาคารเลย” อันฉีขมวดคิ้ว
“ไม่ใช่ฝากเงิน แต่เป็สิ่งของ บอกฉันทีสิ ตู้เซฟที่ใหญ่ที่สุดของม่านไม้ไผ่อยู่ที่ธนาคารไหน?” เสิ่นิได้สติ
“บอกไปก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้เลิกงานแล้ว หรือว่านายคิดจะปล้นธนาคาร?” อันฉีนอนลงบนเตียงของัดำ “พักผ่อนเถอะ แม่สาวนั่นรักสะอาดมากจนไม่ยอมให้ฉันแตะต้องเตียง บนนี้นอนสบายจริงๆ! สามีขา! มามะ! มาลองนอนด้วยกันหน่อย!”
อันฉีเปลื้องเสื้อผ้าทันควันเหมือนกับมีเวทมนตร์ เธอนอนอยู่บนเตียงและสวมเพียงกางเกงในลูกไม้สีแดง กระดิกนิ้วยั่วยวนผู้คน ดูท่าแล้วเธอคงจะหื่นสุดๆ รูปร่างผิวกายนั้นเป็เส้นโค้งอันสมบูรณ์แบบ แม้แต่คนที่อายุ 80 และถือไม้เท้า ถ้าได้เห็นเข้าก็คงจะเด้งปึ๋งปั๋งกระมัง?
“ขอโทษ ฉันเกิดมามีกรรม เตียงนุ่มเกินไป ฉันนอนไม่หลับ” เสิ่นิเอนตัวลงบนโซฟาโดยที่ไม่หันไปมอง
“ฮึ! นายชอบขัดใจฉันอยู่เรื่อย! จะช้าจะเร็ว ฉันคงมีชู้!” อันฉีโมโหจนหลับไป
“ถูกเธอตามจีบมาหลายปี...อีกนิดฉันก็จะเป็เกย์อยู่แล้ว...” เสิ่นิหลับตาปี๋
ทหารพิเศษโดดเด่นที่ตรงไหน? ไม่ว่าจะพบอุปสรรคมามากมายเท่าไร ก็จะวางทุกสิ่งที่อยู่ในใจ ถึงเวลานอนก็รีบนอน ถึงเวลาตื่นก็ไม่โอ้เอ้ ปรับร่างกายให้อยู่ในสภาพดีที่สุด
อีกฟากหนึ่งของเมือง ณ ห้องพยาบาลชั้น 3 ของตระกูลไมค์ มีบางคนกลับไม่อาจข่มตานอนได้ เฒ่าจอห์น โอมาร์ พีเตอร์ และคนแคระบูยาที่ถูกพาตัวกลับมานอนพักอยู่บนเตียง
ในบรรดาพวกเขาเ่าั้โอมาร์ได้รับาเ็หนักที่สุด าแจากป้ายถนนทำให้่ท้องของเขามีแผลเป็รู ถ้าไม่ได้สมุนไพรที่ออกฤทธิ์ห้ามเืจากเสิ่นิ โอมาร์ก็คงจะไม่รอดั้แ่ระหว่างทางที่กลับมาแล้ว
ในทางตรงกันข้าม คนแคระบูยาซึ่งถูกเตะเป็ลูกฟุตบอลและตกลงจากความสูง 30 เมตรกลับได้รับความาเ็น้อยที่สุด อาจเป็เพราะรูปร่างเล็ก น้ำหนักน้อย แม้เขาจะตกลงไปในน้ำ แต่ก็มีอาการแค่ฟกช้ำดำเขียว และยังว่ายน้ำขึ้นฝั่งได้ด้วยตัวเอง
“ที่แกจะบอกก็คือ บอดี้การ์ดนั่นมันตัดเชือกได้ด้วยมือเปล่า จากนั้นก็ใช้เศษขยะ เอาชนะนาวิกโยธิน 3 นาย บวกกับคนแคระอีกหนึ่งได้...” เ้าพ่อนั่งยกขาพาดไว้ที่ข้างตาเฒ่าจอห์น
“ผมพูดเื่จริง หมอนั่นมันไม่ใช่มนุษย์ มันะโโลดแล่นในป่าได้ไวกว่าหมาป่าเสียอีก เขาพุ่งคันธนูเหล็กได้ด้วยมือเปล่าในระยะ 50 เมตรและมันเกือบจะเป็แนวตรง ด้วยอุปกรณ์ง่ายๆ ในมือเรียกได้ว่าแม่นยำกว่ากระจกเสริมของปืนไรเฟิลเสียอีก
ผมเป็ทหารมา 15 ปี ไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาดแบบนี้มาก่อน ไม่ว่าฆ่าหรือไม่ฆ่า แววตาของเขาก็ไม่ปรากฏความรู้สึกใดๆ แม้แต่หน่วยรบพิเศษก็ยังไม่สามารถควบคุมสมรภูมิได้เหมือนเขา” เฒ่าจอห์นหยิบหน้ากากออกซิเจนมาครอบไว้ที่บริเวณใบหน้า เขาไม่ได้สะกดกลั้น “คำสรรเสริญ” ที่มีต่อเสิ่นิ
“จริงหรือ? ดูเหมือนว่าบอดี้การ์ดคนนี้ช่างวิเศษเสียจริง” ในขณะที่เ้าพ่อกล่าวอยู่นั้น จู่ๆ เขาก็เหยียบสายท่อออกซิเจนของตาเฒ่าจอห์น เฒ่าจอห์นหายใจไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งจนต้องดึงหน้ากากออกมา แต่เขาก็กลับถูกลูกน้องอีกสองคนกดลงบนเตียงทั้งซ้ายและขวา ดวงตาทั้งสองข้างของชายเฒ่าจับจ้องไปที่เ้าพ่ออย่างดุดันด้วยความเ็ป ั์ตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเืสีแดงก่ำ
“เคยมีคนขู่ฉันไม่น้อย ตอนที่เรียนชั้นประถม มีชายร่างใหญ่คนหนึ่งบอกว่าถ้าฉันไม่ให้เงินเขาวันละ 10 เหรียญ เจอฉันเมื่อไรเขาจะทุบตีฉันเมื่อนั้น แต่ฉันก็ไม่เคยกลัว นอกจากวันแรกที่ฉันถูกเขาฉกไป 10 เหรียญ ต่อมาฉันก็ไม่เคยให้เขาอีกเลย เพราะวันรุ่งขึ้น เขาถูกฆ่าตายระหว่างทางไปโรงเรียน
ขอบใจในคำพรรณนาของแก ตอนนี้มันทำให้ฉันกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว ถ้าพวกแกทำให้ดีกว่านี้อีกสักหน่อย คืนนี้ฉันคงไม่ต้องนอนฝันร้าย” หลังจากเ้าพ่อพูดจบ เครื่องวัดอัตราการเต้นหัวใจที่ข้างตัวของตาเฒ่าจอห์นก็กลายเป็เส้นตรง
เ้าพ่อลากเก้าอี้มา เขายิ้มและนั่งลงข้างๆ กับคนแคระบูยา
“บูยาน้อย ร่างกายดีขึ้นหรือยัง?”
“อ้า!!!” คนแคระบูยากลัวจนเสียสติไปแล้ว
ในขณะที่เ้าพ่อขึ้นไปที่ชั้นบน เ้าหน้าที่ก็ได้ลากศพทั้งสี่ออกมาบรรจุลงถุง
“สั่งการลงไป ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับตระกูลไมค์ทั้งหมดเพิ่มมาตรการป้องกัน ให้พนักงานทุกคนติดอาวุธ พกอาวุธหนักติดตัว มีสัญญาณใดแม้แต่เพียงเล็กน้อย ให้เปิดยิงได้ทันที แล้วค่อยรายงานฉัน อีกอย่าง แจ้งพี่น้องนิคให้มาพบฉันด้วย เื่พังแผงในนิวยอร์กให้พักไว้ก่อน” เ้าพ่อสั่งการอย่างสงบนิ่ง
“ย้ายพี่น้องนิคมาที่เวกัสจะดีหรือ? พวกเขาเป็คู่คนบ้า นิวยอร์กเป็ถิ่นของเราจึงพอจะเอาพวกเขาอยู่ ถนนหนทางที่นี่พวกเราไม่ได้จัดเจนมากนัก” ลูกน้องกล่าวด้วยความเป็ห่วง
“ไม่เลว แม้แต่ลูกน้องของฉันก็ยังรู้จักขบคิด” เ้าพ่อยิ้มพลางตบไหล่เด็กหนุ่มคนนั้น ก่อนจะคว้าปืนมาจากมือของเขาและสอดมันเข้าไปในปากของพ่อหนุ่มน้อย “แกคิดจะสั่งสอนฉันว่าต้องทำอย่างไรอย่างนั้นเหรอ? ฉันแก่เกินที่จะคิดได้ด้วยตัวเองแล้วอย่างนั้นหรือเปล่า? ถ้าไม่ใช่ว่าคนใช้ของฉันตอนนี้กำลังวุ่น เหล่าสุนัขของฉันกำลังหิวโซอยู่พอดี ฉันจะสับแกให้เป็อาหารพวกมันซะ!”
ลูกน้องผู้นั้นกลัวเ้าพ่อจนขาสั่น น้ำตาไหลเป็ทาง ในใจคิดว่าทำไมไม่ฟังคำสั่งสอนของแม่ั้แ่แรก ตั้งใจเรียนหนังสือและเป็คนดี จะได้ไม่ต้องมาเป็ลูกกระจ๊อกในแก๊งมาเฟียแบบนี้?
ท้องฟ้าเพิ่งจะสว่าง เสิ่นิและอันฉีก็ตื่นขึ้นมาแล้ว พวกเขาเดินออกมา 3 ่ตึกเพื่อขึ้นแท็กซี่ไปยังธนาคาร Standard Chartered ซึ่งมีบัญชีของม่านไม้ไผ่อยู่และใกล้ที่สุด ห้องโถงของธนาคารตกแต่งไว้อย่างคลาสสิคราวกับพระราชวัง น่าเสียดายที่เสิ่นิไม่มีกะจิตกะใจจะชื่นชมมัน
“ที่แท้ก็คุณทีรามิสุนี่เอง (เลขาทีน่า ) →_→ ผมกำลังคิดถึงคุณอยู่พอดี” สมิธ ผู้จัดการธนาคารผมบลอนด์ตาฟ้าก้าวขึ้นมาด้านหน้าและทักทายเป็ภาษาจีน ถึงม่านไม้ไผ่จะเป็มาเฟีย แต่ก็เป็ลูกค้ารายใหญ่ของพวกเขา ย่อมต้องได้รับการต้อนรับเป็อย่างดี ต้องได้รับการปรนนิบัติราวกับอยู่บนสรวง์ “คุณทานอะไรมาหรือยัง?”
“คุณเรียกซะหิวเลย มีทิรามิสุไหมล่ะ? เอามาสองที่ อีกอย่างฉันมาที่นี่เพื่อเอาของ” อันฉีในฐานะเลขาของม่านไม้ไผ่ก็คือบัตรธนาคารนั่นเอง
“ได้ๆๆ ไม่มีปัญหา หรือจะถอนจากบัญชีออมทรัพย์เหมือนครั้งก่อนล่ะ? พวกคุณยังมียอดเงินคงเหลือ 30 ล้านเหรียญ” สมิธนอบน้อมจนเหมือนสุนัข
“ไม่ใช่บัญชีออมทรัพย์ พวกเรามาที่นี่เพื่อเปิดเซฟของัดำ” เสิ่นิพูดจบ สีหน้าของสมิธก็บึ้งตึงในทันที “คุณัดำไม่เคยฝากทรัพย์สินส่วนตัวไว้กับธนาคารของเรา นอกจากทีรามิสุแล้ว ้ากาแฟอีกหรือไม่”
“ผมไม่อยากเล่นเกมทายใจกับคุณ เมื่อครู่ตอนที่คุณปฏิเสธ รูม่านตาของคุณหดตัวผิดปกติ 3 ครั้ง คุณัดำให้ผมมาเอาของ เธอไม่สนว่าสิ่งของที่ผมจะนำกลับไปนั้นจะเป็สิ่งของ หรือว่าเป็ศีรษะของคุณ” เสิ่นิคว้าคอเสื้อของสมิธ เขาแทบจะยกเขาขึ้นจากพื้นด้วยมือเดียว
“คุณผู้ชายกรุณาปล่อยมือก่อน! ขออภัย! คุณัดำกำชับไว้ว่าให้ปฏิเสธ ในเมื่อเธอเป็คนส่งให้คุณมา ถ้าอย่างนั้นก็ตามผมมา!” สมิธรีบยอมรับ เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงของเขาในฐานะผู้จัดการธนาคารฟังดูไม่ได้เครียดมากนัก
ตามผู้จัดการในชุดสูทรองเท้าหนังเลี้ยวไปสิบแปดโค้ง กระทั่งถึงประตูนิรภัยเหล็กที่ชั้น 4 ในที่สุดก็มาถึงบริเวณตู้เซฟวีไอพี ณ โถงด้านหลัง ที่ด้านหลังของประตูนิรภัยมีตู้เซฟเหล็กสีเงินเรียงต่อกันอยู่ 10 ชุด มันช่างดูเหมือนห้องเก็บศพ
“กรุณาใส่พาสเวิร์ด” ผู้จัดการให้สัญญาณมือเป็เชิงบอกว่า “เชิญ” ไปที่แป้นพิมพ์ที่หน้าประตู ก่อนที่เขาจะหันไปทางอื่นอย่างเป็มืออาชีพ
เสิ่นิเคาะแป้นเบาๆ รหัสผ่าน “1314” บิ๊บ! บิ๊บ! สัญญาณเตือนว่ารหัสผิด!