ไป๋หยุนเฟยกลับสะบัดทวนเปลวอัคคีจู่โจมใส่หลิวเฉิงอย่างกะทันหัน!
แก้วตาหลิวเฉิงหดวูบ ดวงตาทอแววประหลาดใจ มันคาดไม่ถึงว่าไป๋หยุนเฟยที่เมื่อครู่ยังกล่าววาจาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย จู่ๆจะเป็ฝ่ายชิงลงมือจู่โจมก่อน
หลิวเฉิงรั้งมุมปากอย่างเหยียดหยามก่อนจะขยับเท้าเล็กน้อยเคลื่อนทแยงถอยไปด้านหลัง ขณะเดียวกันก็ออกคำสั่ง “คร่ากุมตัวมัน ระวังอย่าได้พลั้งมือสังหาร”
ที่จริง หลิวเฉิงไม่จำเป็ต้องเอ่ยปาก เนื่องเพราะผู้ติดตามทั้งสองล้วนลงมือแล้ว ทั้งคู่พุ่งเข้าไปโดยพร้อมเพียง คนหนึ่งคว้าจับมือขวาที่ถือทวนของไป๋หยุนเฟย ส่วนอีกคนออกหมัดชกใส่ทรวงอกบริเวณหัวใจ
ดูจากท่าทีของหลิวเฉิง มันไม่คิดจะลดตัวลงมือด้วยตนเอง เพียงให้ผู้ติดตามทั้งคู่คร่ากุมไป๋หยุนเฟยแทน
ดวงตาไป๋หยุนเฟยเพ่งมองอย่างจดจ่อ มันบิดพลิกมือขวาพร้อมกับหมุนกายไปด้านซ้าย ขณะเดียวกันก็ทวนเปลวอัคคีในมือก็กวาดขวางออก บุรุษทางซ้ายยกแขนขึ้นอย่างเร่งร้อนเพื่อต้านรับด้ามทวนที่กวาดใส่ แต่ยังถูกพลังอันหนักหน่วงจากการปะทะกวาดไปด้านข้าง
“โครม!” เสียงหนักทึบแว่วมายามที่แผ่นหลังไป๋หยุนเฟยถูกชกใส่อย่างถนัดถนี่ แต่กระนั้นมันเพียงเซออกไปครึ่งก้าวก็ยกเท้าขวาถีบใส่เ้าของหมัด อีกฝ่ายประสานมือต้านทานเท้านี้จึงถูกถีบล่าถอยไปครึ่งก้าว
ศัตรูทั้งคู่ถึงกับเป็วีรชนิญญาระดับกลาง!
แววตาไป๋หยุนเฟยแปรเปลี่ยนเป็เคร่งขรึมจริงจัง จากนั้นพลิ้วร่างอาศัยท่าเท้าเหยียบคลื่นพุ่งเข้าหาศัตรูด้านซ้ายพร้อมกับพุ่งทวนเปลวอัคคีทะลวงใส่หัวใจฝ่ายตรงข้าม แต่ทันทีที่ชายหนุ่มขยับเคลื่อนไหวศัตรูที่ด้านหลังก็เร่งฝีเท้าไล่ประชิดเข้ามา
ยามที่ศัตรูด้านหน้าขยับหลบหลีก จู่ๆไป๋หยุนเฟยก็ชะงักเท้าอย่างฉับพลัน ก่อนจะไขว้เท้าอย่างสลับซับซ้อนจนเกิดเงาร่างติดตาอย่างเลือนราง คาดไม่ถึงว่าไป๋หยุนเฟยที่พุ่งกายด้วยความเร็วสุดแสนจะสามารถยั้งร่างพลิกกายหันไปอีกทิศทางได้!
ทวนเปลวอัคคีที่ถูกชักกลับขณะหมุนกาย ยามนี้ถูกพุ่งทะลวงอย่างอำมหิตอีกครั้ง แต่เป้าหมายกลับเป็ศัตรูที่ไล่ตามมาจากด้านหลัง!
สีหน้าฝ่ายตรงข้ามที่ไล่ตามมาจู่โจมไป๋หยุนเฟยแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง ยามแตกตื่นรีบพลิกกายไปด้านซ้ายอย่างเร่งร้อน ทวนเปลวอัคคีจึงเฉียดผ่านทรวงอกมันไป แต่ก่อนจะทันได้ยินดีเอวด้านขวาก็ถูกพลังอันหนักหน่วงกระแทกใส่ ที่แท้มันถูกไป๋หยุนเฟยเตะใส่อย่างถนัดถนี่ เพียงคำรามอย่างเ็ปก็ถูกส่งลอยละลิ่วออกไป
ชั่วขณะที่ไป๋หยุนเฟยจะรุกไล่ต่อก็ได้ยินเสียงลมจากด้านหลัง ที่แท้เป็ศัตรูอีกผู้หนึ่งกระโจนถีบเท้าเข้าใส่ศีรษะ
ไป๋หยุนเฟยปรายตามองพร้อมกับขยับเท้าเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็ขวางทวนเปลวอัคคีขึ้นป้องกัน เท้านี้จึงจู่โจมใส่ด้ามทวนบีบให้ชายหนุ่มล่าถอยไปครึ่งก้าว เท้าที่เหลืออีกข้างของศัตรูก็ตวัดเตะใส่หัวใจไป๋หยุนเฟยอย่างฉับพลัน
กล้ามเนื้อแขนไป๋หยุนเฟยเบ่งพองขึ้นก่อนจะผลักโดยแรง ชั่วขณะที่ถูกผลักออกอีกฝ่ายก็ทราบแล้วว่าไม่อาจจู่โจมใส่ไป๋หยุนเฟยได้อีก จึงถีบเท้าใส่ด้ามทวนยืมแรงจากไป๋หยุนเฟยพลิกกายเหินร่างล่าถอยกลับไป
ไป๋หยุนเฟยก็ถูกถีบจนสะท้านล่าถอยไปหนึ่งก้าวเช่นกัน ก่อนจะทันได้ยืนหยัดอย่างมั่นคงก็รู้สึกปวดแปลบที่เอวด้านขวา ที่แท้ศัตรูที่ถูกมันเตะออกไปก่อนหน้าจู่โจมมาถึงตัวอีกครั้ง มิหนำซ้ำยังตอบโต้ด้วยการเหวี่ยงเท้าเตะใส่หว่างเอวเช่นเดียวกัน
ไป๋หยุนเฟยเซไปด้านซ้ายสองก้าว ขณะเดียวกันก็ฟาดทวนออกในแนวขวางบังคับให้ศัตรูที่รุกไล่เข้ามาล่าถอยไป แต่ก็พลันเห็นศัตรูอีกด้านพุ่งเข้ามาอย่างว่องไวอีกครา
ยามกวาดตามองไปรอบด้าน ก็มองเห็นด้านข้างมีโต๊ะที่อาหารหลากหลายวางเรียงรายอยู่ ดวงตาไป๋หยุนเฟยทอประกายวูบก่อนจะล่าถอยไปสองก้าวในบัดดล มันวาดเท้าเตะออกโดยแรง เสียงจานชามกระทบกันแว่วมาพร้อมกับภาชนะทั้งหลายปลิวเวียนว่อน โต๊ะอาหารตัวใหญ่ก็ถูกเตะพลิกลอยละลิ่วเข้าใส่ศัตรูด้านซ้าย
อีกฝ่ายเพิ่งจะทะยานเข้ามาในระยะสองวาก็ถูกโต๊ะกลมปลิวเข้าใส่จึงไม่อาจหลบเลี่ยงได้ทัน แก้วตามันหดวูบก่อนจะดันฝ่ามือออกหมายจะผลักโต๊ะกลับคืนไป
“ระวัง!” ทันทีที่ยื่นมือไปััโต๊ะ ก็ได้ยินเสียงเตือนจากสหาย ด้วยตื่นตระหนกจึงไม่ครุ่นคิดมากความ รีบกัดฟันเปลี่ยนท่วงท่า มันเร่งเร้าพลังสู่สองขาอย่างหักโหมเพื่อยั้งร่างหยุดสภาวะพุ่งทะยานเอาไว้ แต่ชั่วขณะที่จะล่าถอย ก็มีเสียงแ่เบาดังขึ้นจากหลังโต๊ะ ตามมาด้วยทวนสีแดงเพลิงทะลวงผ่านโต๊ะพุ่งตรงใส่ทรวงอกมัน!
สีหน้าศัตรูถึงกับแตกตื่นสะท้านขวัญ มันคาดคิดไม่ถึงว่าไป๋หยุนเฟยจะรวดเร็วถึงเพียงนี้ หลังจากเตะโต๊ะปลิวเข้ามาถึงกับไล่ตามมาจู่โจมได้ หากไม่ได้สหายส่งเสียงเตือนมันคงถูกทวนนี้ทะลวงอกไปแล้ว!
ขณะเพ่งตามองปลายทวนที่จี้ประชิดเข้ามา มันก็รีบล่าถอยอย่างเร่งร้อน กระทั่งถอยห่างจากที่เดิมไปวาเศษปลายทวนจึงหยุดลง
ไป๋หยุนเฟยพุ่งทะยานไล่ตามโต๊ะกลมที่พลิกตั้งขึ้น ทวนเปลวอัคคีในมือก็ทะลวงใส่จนสุดด้าม จากนั้นก็ไม่รีรอรีบถีบใส่โต๊ะลอยออกไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ไป๋หยุนเฟยชักทวนวาดกลับหลัง บีบให้ศัตรูอีกคนที่ไล่ตามมาด้านหลังล่าถอยกลับไป ขณะเดียวกันก็ใช้ท่าเท้าเหยียบคลื่นไล่ตามโต๊ะไปอย่างสุดกำลัง
ศัตรูคนแรกล่าถอยไม่หยุด ยามที่จะถอนหายใจโล่งอกก็ต้องประหลาดใจที่เห็นโต๊ะตัวเดิมลอยมาอีกครั้ง ดวงตามันทอประกายวูบ ครานี้มันไม่กล้าจะปัดป้องเช่นเดิมอีกแล้ว จึงถีบเท้าโดยแรงส่งร่างพุ่งทแยงไปอีกด้านในทันที
แต่ยามที่พุ่งพ้นจากการคุกคามของโต๊ะกลม มันก็พบกับปลายทวนสีแดงเพลิงพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง!
แววตามันเปี่ยมด้วยความตื่นตระหนก ยามอับจนปัญญาได้แต่หงายหลังล้มกายลงจึงค่อยหลบทวนนี้พ้นอย่างเฉียดฉิว กระนั้น แม้จะหลบท่าแทงได้แต่ก็ยังไม่อาจหลบท่าตามหลังพ้น!
ไป๋หยุนเฟยก็รวดเร็วยิ่งนัก แม้ท่าทวนที่ทะลวงใส่จะพลาดเป้าแต่ก็ทำให้ศัตรูเสียหลักได้ ยามที่ปลายทวนเฉียดผ่านศัตรูไปมันก็เคลื่อนกายประชิดตัวเตะเท้าใส่เอวศัตรูอย่างฉับพลัน ได้ยินเสียงคำรามอย่างเ็ปพร้อมกับศัตรูถูกส่งลอยละลิ่วออกไปหลายวาราวลูกะุ ก่อนจะปะทะชนกับผนังห้องเสียงดังกึกก้อง
ไป๋หยุนเฟยกลับไม่ตามไปรุกไล่ เนื่องเพราะศัตรูอีกคนจู่โจมมาถึงด้านหลังแล้ว ไป๋หยุนเฟยฟุบกายไปด้านซ้ายหลบหมัดที่ชกใส่ท้ายทอย ยามที่ร่างจะััพื้นก็พลันสลับเท้าเคลื่อนร่างถอยหลังอย่างฉับไว ขณะเฉียดผ่านศัตรูร่างมันกลับเงยตั้งขึ้น แต่ทันทีที่ยืดกายยืนหยัดได้ศัตรูก็ชกหมัดใส่ทรวงอกอีกครั้ง ดวงตาไป๋หยุนเฟยสาดประกายเจิดจ้า มันขยับมือขวาคราหนึ่งทวนเปลวอัคคีก็สาบสูญไป คาดไม่ถึงว่ามันไม่คิดจะหลบหมัดนี้แม้แต่น้อย ชั่วขณะที่หมัดของศัตรูมาถึงตรงหน้าไป๋หยุนเฟยก็ชกหมัดขวาสวนกลับใส่ศัตรู!
พลังหมัดเก้าทบ!
“พลั่ก!”
“พลั่ก!”
เสียงหนักทึบสองเสียงดังขึ้นแทบจะพร้อมเพียงกัน ไป๋หยุนเฟยล่าถอยไปหลายก้าวอย่างต่อเนื่องแต่ศัตรูกลับกระอักโลหิตลอยละลิ่วตีลังกาออกไป!
ไป๋หยุนเฟยไม่รั้งรอ เพียงแค่นเสียงเ็าก็ไล่ตามไปจู่โจมในทันที ครานี้ศัตรูถูกซัดอย่างหนักหน่วง พริบตาที่ร่วงลงสู่พื้นยังไม่ทันได้พักหายใจไป๋หยุนเฟยก็ประชิดถึงตัวแล้ว ด้วยความตื่นกลัวมันจึงได้แต่ปัดป้องอย่างลนลาน แต่ชั่วขณะที่จะถูกสยบ ศัตรูอีกคนก็จู่โจมมาถึงอีกครั้ง
แต่แทนที่จะนำทวนเปลวอัคคีออกมาต่อสู้ ไป๋หยุนเฟยกลับใช้มือเปล่าเท้าเปลือยต่อสู้พัวพันกับศัตรูทั้งคู่
เสียงประมือดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยพลังป้องกันของเกราะิญญาไหมทองและความคล่องแคล่วของท่าเท้าเหยียบคลื่นไป๋หยุนเฟยถึงกับรับมือศัตรูทั้งสองคนที่ร่วมมือกันอย่างปลอดโปร่ง แต่ประการสำคัญก็เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามไม่กล้าลงมือต่อไป๋หยุนเฟยจนถึงชีวิตนั่นเอง
ไป๋หยุนเฟยยกเท้าขึ้นเตะปะทะกับเท้าของศัตรูทางด้านขวา ทั้งคู่ต่างล่าถอยคนละครึ่งก้าวแต่ศัตรูอีกคนกลับฉวยโอกาสอันน้อยนิดออกหมัดชกใส่ท้ายทอยของไป๋หยุนเฟย
ไป๋หยุนเฟยเอนกายไปด้านขวาเล็กน้อย หมัดนี้จึงกระทบถูกไหล่ซ้ายส่งให้ไป๋หยุนเฟยเซออกไปครึ่งก้าวแต่ขณะเดียวกันเอวด้านขวาก็ถูกศัตรูอีกด้านหมุนตัวเตะใส่อีกครั้ง
แต่กระนั้น ชั่วขณะที่ถูกเตะใส่เอวด้านขวา ดวงตาไป๋หยุนเฟยก็ทอประกายปัญญา มันอาศัยแรงจากเท้านี้ทะยานร่างไปด้านซ้าย ก่อนจะเร่งความเร็วอย่างกะทันหันพุ่งกายตรงไปด้านหน้าทิ้งไว้เพียงเงาร่างติดตา
คาดไม่ถึงว่ามันกลับทะยานเข้าหาหลิวเฉิง!
หลิวเฉิงยืนเฝ้ามองการต่อสู้แต่แรก ด้วยฐานะผู้าุโแห่งสำนักธารน้ำแข็งทั้งยังเป็ผู้ฝึกปรือิญญาที่บรรลุด่านภูติญญาระดับกลาง จึงไม่ยอมลดตัวลงไปต่อสู้กับผู้เยาว์ที่บรรลุเพียงด่านวีรชนิญญา แต่กระนั้นเมื่อเห็นศิษย์มันทั้งสองคนร่วมมือกันต่อสู้มาเนิ่นนาน ยังไม่อาจสยบคู่ต่อสู้ลงได้ จิตใจจึงเริ่มร้อนรนอยู่บ้าง ขณะที่กำลังใคร่ครวญว่าสมควรสอดมือเข้าไปเพื่อจบการต่อสู้แต่เนิ่นๆหรือไม่ ก็เห็นไป๋หยุนเฟยพุ่งเข้ามา
“อย่าได้ไม่รู้จักประมาณตนนัก! เ้ากำลังหาที่ตาย!” หลิวเฉิงครุ่นคิดพร้อมกับแค่นเสียงเ็า แม้ว่าจะไม่ได้รับอนุญาตให้ลงมือฆ่า แต่มันก็ยังสามารถทำร้ายไป๋หยุนเฟยจนสาหัสได้!
ไป๋หยุนเฟยรวดเร็วอย่างยิ่ง พริบตาเดียวก็ทะยานมาถึงเบื้องหน้าหลิวเฉิง แต่ก็ไม่สร้างความหวั่นไหวแก่หลิวเฉิงแม้แต่น้อย ชั่วขณะที่ไป๋หยุนเฟยเข้าประชิดถึงตัวหลิวเฉิงก็ยกมือขวาที่มีไอเย็นวนเวียนรอบฝ่ามือขึ้น ก่อนจะฟาดฝ่ามือใส่ไป๋หยุนเฟยอย่างดุดัน
ฝ่ามือธารน้ำแข็ง!
“โครม!”
ครานี้กลับไม่มีเื่เหนือคาดหมายเกิดขึ้น ไป๋หยุนเฟยถูกฟาดใส่ทรวงอกอย่างถนัดถนี่ก่อนจะลอยละลิ่วออกไปราวลูกะุ ยามที่ลอยอยู่กลางอากาศมันก็กระอักโลหิตออกมาคำโต
แม้ฟาดฝ่ามือกระแทกศัตรูจนลอยละลิ่วออกไป แต่หลิวเฉิงกลับเป็ฝ่ายต้องขมวดคิ้ว ดวงตามันทอแววประหลาดใจ หลิวเฉิงรู้สึกราวกับว่า... ศัตรูยินยอมรับฝ่ามือนี้อย่างจงใจ?
ทันทีที่ความรู้สึกที่พิกลนี้บังเกิดขึ้นในจิตใจ สีหน้าหลิวเฉิงก็แปรเปลี่ยนไป เนื่องเพราะมันพบว่าทิศทางที่ศัตรูลอยกระเด็นออกไปกลับเป็หน้าต่างของห้อง!
ยามที่หลิวเฉิงสีหน้าแปรเปลี่ยนไป ไป๋หยุนเฟยก็กระเด็นไปถึงที่หน้าต่างแล้ว ขณะอยู่กลางอากาศมันก็บิดร่างพลิกกายชกหมัดใส่หน้าต่างทันที
“โครม!”
เศษไม้ปลิวเวียนว่อน พร้อมกับไป๋หยุนเฟยเหยียบเท้าขวาใส่ขอบหน้าต่างโดยแรงก่อนจะถีบเท้าะโลงไปเบื้องล่าง
“นับว่าเ้าหลักแหลม แต่คิดหรือว่าจะหลบหนีไปเช่นนี้ได้?” แม้หลิวเฉิงจะตะลึงงันไปชั่วขณะที่เห็นไป๋หยุนเฟยยอมาเ็สาหัสแลกกับโอกาสที่จะหลบหนีไป แต่ด้วยฝีมือระดับภูติญญาปฏิกิริยาจึงไม่เชื่องช้าแม้แต่น้อย ขณะที่ไป๋หยุนเฟยะโลงจากหน้าต่างมันก็พลิ้วกายพุ่งมาถึงที่หน้าต่าง เห็นไป๋หยุนเฟยหลังจากถึงพื้นก็วิ่งตะบึงหลบหนีราวคลุ้มคลั่ง หลิวเฉิงแค่นหัวเราะเ็าก่อนจะะโลงจากหน้าต่างไล่ตามไป
ศัตรูทั้งสองคนที่ต่อสู้กับไป๋หยุนเฟยเมื่อครู่ก็ตะลึงงันไปชั่วขณะเช่นกัน พวกมันคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะพลันเคลื่อนไหวเช่นนี้ ยามนี้ทั้งคู่ค่อยรู้สึกตัวรีบไล่ตามโดยไม่รีรอ
ไป๋หยุนเฟยใช้มือซ้ายกุมอกแแ่ พยายามกล้ำกลืนโลหิตที่กระอักออกมาขณะที่วิ่งตะบึง แม้จะเป็ไปตามแผนที่วางไว้ว่าจะรับฝ่ามือของศัตรูด้วยพลังป้องกันที่สูงล้ำยามผลกระทบที่เสริมพลังป้องกันของเกราะิญญาไหมทองบังเกิดขึ้น แต่พลังฝ่ามือจากภูติญญาระดับกลางต้านรับได้โดยง่ายหรือ? หากไม่ใช่เพราะพลังป้องกันของเกราะมันอาจถูกฟาดจนสาหัสไม่อาจเคลื่อนไหวแล้วก็ได้
อวัยวะภายในมันเ็ปสาหัส คล้ายกับจะบอบช้ำภายใน ซ้ำร้ายความเย็นะเืราวน้ำแข็งก็แผ่ซ่านไปทั้งร่างจนต้องสั่นสะท้านโดยไม่อาจควบคุม ไป๋หยุนเฟยต้องชักนำพลังความร้อนภายในร่างเข้าต่อต้านจึงค่อยสะกดพลังเย็นที่แผ่ซ่านลงได้
ไป๋หยุนเฟยทุ่มเทใช้ท่าเท้าเหยียบคลื่นสุดกำลัง วิ่งตะบึงด้วยความเร็วอย่างสุดแสนทิ้งไว้เพียงเงาร่างติดตาไว้เื้ั
ที่ด้านหลังห่างไปราวห้าหกวา หลิวเฉิงก็ไล่ตามโดยกระชั้นชิดด้วยความเร็วไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ท่าเท้าธารน้ำแข็งเพียงเหมาะแก่การเคลื่อนที่ระหว่างต่อสู้ในพื้นที่คับแคบจึงไม่สมควรใช้ในระยะทางยาวไกล แต่แม้ไม่ใช้เคล็ดิญญาใดๆหลิวเฉิงกลับสามารถวิ่งตะบึงได้เร็วกว่าไป๋หยุนเฟยอีก!
ยามหลิวเฉิงมองดูไป๋หยุนเฟยที่นำหน้า ค่อยๆใกล้เข้ามาทีละน้อย ดวงตามันก็ฉายแววประหลาดใจ ความเร็วของเคล็ดิญญาท่าร่างที่ไป๋หยุนเฟยใช้ออกนับว่าเกินคาด ผู้ใดจะคาดคิดว่าภูติญญาเช่นมันยังต้องไล่ตามไป๋หยุนเฟยเป็ระยะทางไกลถึงเพียงนี้ค่อยตามทัน?
เมื่อเห็นว่าไล่ตามจนถึงประตูเมืองตะวันตก หลิวเฉิงก็แค่นเสียงแ่เบาพร้อมกับชักนำพลังิญญาถีบเท้าโดยแรงแล้วเร่งเร้าพลังิญญาปะทุขึ้นส่งร่างทะยานเข้าประชิดด้านหลังไป๋หยุนเฟยในพริบตา ก่อนจะยื่นมือขวาคว้าจับท้ายทอยไป๋หยุนเฟย
“เด็กน้อยเ้าหนีไม่รอดแล้ว ยอมจำนนเถอะ!!”
